ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : My Love Is On The Sky 03 [100%]
03 My love is on the sky�
บนสวรงสวรรค์อันแสงงดงามซึ่งเป็นที่ที่มีแต่ความสุขและความสมหวัง เหล่าเทวดาและนางฟ้ารูปร่างหน้าตาสวยงามมีแต่รอยยิ้มบนใบหน้า เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขล่อยลอยอบอวนอยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งที่ทำให้มีความสุขทั้งสิ้น เว้นเสียแต่เทวดาหนุ่มน้อยตนหนึ่งที่ตอนนี้นั่งร้องไห้อย่างหนักอยู่ข้างเตียงของผู้เป็นพ่อราวกับว่าใจจะขาด�
"ท่านพ่อ... ท่านพ่ออย่าเป็นอะไรนะ ฮือ~ฮือ~ ได้โปรดอยู่กับข้า ฮือ~ฮือ~ " เทวดาหนุ่มร้องไห้ครำ่ครวญ น้ำตาวิเศษไหลอาบแก้มใส
"จง..อย่าร้อง...อย่าร้องไห้ไปเลย....พ่อก็แค่...แค่ไปเกิด..ใหม่~~" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างอ่อนแรง
"ไม่.. ฮือ~ฮือ~ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านพ่อไปเกิดใหม่.. ฮือ~ฮือ~ อยู่กับข้าเถิด~~ ท่านพ่อ~~ ทนอีกนิดเดียวท่านแม่ก็จะกลับมาแล้ว" เทวดาหนุ่มที่พูดไปร้องไห้ไปพลาง ไม่คิดเสียดายน้ำตาวิเศษของตนที่ไหลออกมาเลยสักนิด
"จงอย่า...ร้องไห้อีกเลย~~ น้ำตาวิเศษของเจ้ามีค่ายิ่งนัก...เก็บมันไว้....ยามจำเป็นเถิด~~" ผู้เป็นพ่อพูดอย่างยากลำบาก
" ฮือ~ฮือ~ ท่านพ่อ......อย่าทิ้งข้ากับท่านแม่ไปเลย....ท่านแม่กำลังไปเอายาให้ท่านแล้ว... อดทนไว้~~~" เทวดาหนุ่มพูดทั้งน้ำตา�
"แม่เจ้า...จะเอายามาได้อย่างไร........ มันเป็น....เป็นของต้องห้ามไม่ใช่รึ? ถ้าเอามา แม่เจ้าจะต้อง.....เดือดร้อน~~" ผู้เป็นพ่อพูดเสียงแหบแห้ง
"ได้สิท่านพ่อ ขอเพียงท่านไม่เป็นอะไร.... ข้าจะยอมรับโทษแทนเอง �ฮือ~ฮือ~" เทวดาหนุ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น พลางบีบมือของผู่เป็นพ่อแน่น
"ข้ากลับมาแล้ว.... ลูก!! พยุงพ่อเจ้าขึ้นมา~~~" เสียงของผู้เป็นแม่ดังมาจากนอกห้อง
"ท่านพ่อ!! ท่านแม่มาแล้ว ข้าจะพยุงท่านไปทานยาเอง~~" เทวดาหนุ่มพูดพลางพยุ่งผู้เป็นพ่อลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปกินยา
หลังจากที่ผู้เป็นพ่อได้ดื่มยาวิเศษต้องห้ามไปเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างกายที่มีแต่รอยแผลที่ถูกพวกเดวิลทำร้ายก็หายไปอย่างปริดทิ้ง ส่วนที่ถูกตัดขาดไปก็งอกขึ้นมาใหม่สมบูรณ์ดังเดิม เทวดาหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตาโผเข้ากอดพ่อของตนแน่นราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายตัวไป�
ทันใดนั้นเองที่พำนักก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ประตูด้านหน้าถูกลมพายุที่รุนแรงที่สุดพัดจนเปิดออก เทวดา-นางฟ้าพ่อแม่ลูกทั้งสามตนตกใจกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนตัวแข็ง ต่างคนก็ได้แต่กำมือของอีกฝ่ายไว้แน่น ไม่กี่อึดใจต่อมาเทวดาผู้รักษากฎก็ปรากฎตัวขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึงไม่เหมาะกับใบหน้าอันหล่อเหลาราวรูปปั้นของเขาเลยซักนิด สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่พ่อแม่ลูกทั้งสามที่ยืนตัวแข็งอยู่กับที่ ก่อนจะค่อยๆย่างเท้าเข้าไปในที่พำนักอย่างช้าๆและน่าเกรงขาม
"เจ้าตนใดล่วงละเมิดแดนต้องห้ามและลักขโมยยาสมานชีวีไป จงก้าวออกมาและยอมรับเสีย!"�เทวดาผู้รักษากฎกล่าวด้วยเสียงอันดังก้อง
"ขะ..ข้าเอง!!!!!"�เทวดาหนุ่มน้อยก้าวเท้าออกมายอมรับผิดอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องผู้เป็นแม่
"..............เจ้าหรือ?!"�เทวดาผู้รักษากฎจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเทวดาหนุ่ม
"อย่ากล่าวคำมุสาแก่ข้า!!!!! เจ้ายังเยาว์นัก!......ผู้ปกครองเล่า ใยจึงขลาดขาวถึงเพียงนี้?!"�เทวดาผู้รักษากฎมองไปที่พ่อและแม่ของเทวดาหนุ่มไม่วางตา
"ข้าทำเอง ท่านซีวอน!!!! ได้โปรดเชื่อคำของข้าเถิด!!!" เทวดาหนุ่มกล่าวเสียงดัง
"เจ้ามีเหตุจำเป็นใด จงแถลงเจตจำนงแก่ข้า!"�เทวดาผู้รักษากฎนามซีวอนหันไปถาม
"ท่านพ่อของข้า กำลังจะไปเกิดใหม่ เหตุด้วยถูกเดวิลทำร้ายอย่างสาหัส ข้าจึงจำเป็นต้องล่วงละเมิดกฎสวรรค์........ท่านกรุณาลงโทษข้าเพียงผู้เดียวเถิด!!!!!" เทวดาหนุ่มพูดเสียงดังกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
".............เจ้ามีเจตนากตัญญู ข้าซึ้งในจิตใจนั้นยิ่งนัก........ แต่กฎของสวรรค์ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้..........ข้าจะไปขอผ่อนหนักให้เบา แล้วจะหวนกลับมาบอกโทษแก่เจ้าในยามดวงจันทร์ส่องสว่างที่กลางฟ้า........จงรออย่างสงบเสงี่ยม อย่าได้หลบเลี่ยงไปที่ใด! เพราะข้าจะแสวงหาเจ้าจนเจออย่างง่ายดาย"�เทวดาผู้รักษากฎพูดและจางหายไปพร้อมลมอ่อนๆที่พัดออกไปทางประตูที่พำนัก
------------------------------------------------------------------------------------------
ฮยอกแจขับรถออกมาจากโรงหนังอย่างช้าๆ รถถูกบังคับให้ไปตามทางที่ใช้กลับบ้านที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่หยุดหลังจากดูหนังจบ ในสมองของเขาตอนนี้มีแต่คำว่า'ทงเฮ'เท่านั้น สติของเขาเหลือเพียงน้อยนิด เขากดสวิชเปิดประทุนรถออกเพื่อรับลมยามดึก พลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นส่องสว่างอยู่ซักครู่ ก่อนจะก้มลงมามองทางเช่นเดิม
หลังจากเลี้ยวรถเข้าซอยเปลี่ยวซึ่งเป็นทางลัดสำหรับกลับบ้านโดยที่ไม่ต้องขับอ้อมทางหลวงไปซักพัก เขาก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา จากที่อากาศร้อนอบอ้าวมาทั้งวัน แต่ขณะนี้เขากลับรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งบรรยากาศรอบตัวก็ดูมืดกว่าเคย เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจที่ท้องฟ้านั้นมืดสนิด มีแต่ก้อนเมฆสีดำเต็มไปหมด พระจันทร์เต็มดวงที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ไม่นานได้หายไปแล้ว ไม่มีแม้แต่วีแววของแสงจันทร์ที่ควรจะส่องลอดปุยเมฆสีดำออกมาเหมือนที่ปกติควรจะเป็น ความกลัวก้อนเล็กๆเริ่มก่อเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างช้าๆ�
ทันใดนั้น ก้อนแสงสีขาวที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว มันกระแทกกับพื้นถนนข้างทางก่อนจะกระดอนมาขวางหน้ารถของฮยอกแจพอดิบพอดี ทำให้ฮยอกแจต้องเหยียบเบรกจนมิดด้วยความตกใจ�
ทันทีที่รถหยุดลง ความมืดรอบตัวก็กลับมาปกคลุมอีกครั้ง ฮยอกแจยกมือขึ้นลูบหน้าผากตนที่กระแทกเข้ากับพวงมาลัยเพราะการเบรกอย่างกระทันหันเมื่อครู่ ก่อนจะมองออกไปที่หน้ารถอย่างระแวดระวัง เขาเห็นบางสิ่งบางอย่างกองอยู่ที่หน้ารถ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เพราะความมืดปกคลุมมันเอาไว้ ความคิดที่น่ากลัวต่างๆหลั่งไหลเข้ามาสู่สมอง�
สิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้าในยามคำ่คืน.........
สิ่งที่มีแสงส่องสว่างและดับลงเมื่อกระทบเข้ากับพื้นโลก..........
สิ่งๆนั้นกองอยู่หน้ารถของเขา ห่างออกไปไม่เกิน 5 นิ้ว............
ฮยอกแจประมวลเหตุผลมากมายในหัวสมอง อะไรกันที่มีแสงสว่างและตกใส่พื้นโลกอย่างรุนแรงเช่นนี้ เท่าที่ความรู้และจินตนาการของเขาจะเอื้ออำนวย มีคำอธิบายสิ่งๆนี้แค่เพียงสองอย่างเท่านั้นคือ........
อุกกาบาต......
และ.........
มนุษต่างดาว.........
ฮยอกแจถอนหายใจยาว ก่อนจะเปิดประตูรถออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ใจนึงก็กลัวแต่อีกใจก็อยากจะรู้ว่าสิ่งๆนั้นคืออะไร เขาก้าวขาออกเดินอย่างช้าๆและพร้อมที่จะวิ่งกลับขึ้นรถทุกเมื่อ ยิ่งเขาขยับเข้าใกล้หน้ารถมากเท่าไหร่ หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นรัวมากขึ้นเท่านั้น เขาเปิดหน้าจอมือถือและเร่งแสงให้สว่างที่สุด และก้าวเท้าก้าวสุดท้ายไปใกล้สิ่งๆนั้นมากที่สุด พร้อมใช้ไฟจากหน้าจอมือถือส่องไปด้วย
สิ่งที่เขาเห็นทำให้ตัวเองต้องกลั้นหายใจไปชั่วขณะอย่างไม่รู้ตัว
�
คน?!!!
สิ่งที่ฮยอกแจเห็นคือคนที่สวมใส่ชุดตัวยาวสีขาวที่ขมุกขมอมไปด้วยฝุ่นและดินจากพื้นถนน นอนหงายราบอยู่กับพื้น ใบหน้านั้นถูกปลกคลุมด้วยผมหน้าม้าที่ยาวปิดตา และผิวที่ขาวซีดเสียจนดูเหมือนจะเรืองแสงออกมาน้อยๆ
เป็นไปได้อย่างไร?!!!!
คน?! จะตกลงมาจากท้องฟ้าได้อย่างไรกัน?�
ฮยอกแจได้แต่ครุ่นคิด............
แต่แล้วบุคคลปริศนาที่นอนอยู่ก็ขยับตัว ทำให้ฮยอกแจถึงกับสะดุ้งโหยงกระโดดถอยหลังไปหลายก้าว�บุคคลปริศนาลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า หันมองไปรอบๆตัว และมาหยุดสายตาไว้ที่ฮยอกแจที่ยืนตัวแข็งทื่อ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยมั่นคงนัก แต่ก็ค่อยๆย่างเท้าที่เปลือยเปล่าไปทางฮยอกแจอย่างมีจุดหมาย�
"อะ.......เอ่อ~ เอ่อ~...." ฮยอกแจอยากจะวิ่งหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะขาของเขามันไม่ยอมขยับ เลยต้องทำใจดีสู้เสือโดยการเอ่ยเสียงที่ไม่ได้ใจความออกไป
"ท่าน!........สายัญสวัสดิ์" เสียงนั้นเอ่ยออกมาเป็นเสียงของผู้ชายที่หวานละมุนคุ้นหูฮยอกแจยิ่งนัก�
"อะ.....คุณเป็นคะ....ใครกัน??" ฮยอกแจพูดแบบติดๆขัดๆ มองใบหน้าที่มีผมสีดำปกคลุมอยู่ทั่วอย่างหวาดกลัว
"ข้าหรือ?.......ข้ามาจากนภา....." ชายหนุ่มพูดพลางเงยหน้าและชี้มือไปบนท้องฟ้า
"นะ.....นภา??.........บนฟ้า?!!!" ฮยอกแจทวนคำอย่างไม่เข้าใจ ทำไมคนๆนี้ถึงใช้คำพูดที่แปลกนัก
"นามของข้าคือ........" ชายหนุ่มพูดอย่างเชื่องช้าพร้อมเอามือปัดผมออกจากใบหน้า ซึ่งทำให้ฮยอกแจถึงกับตกตะลึงและหลุดคำๆนึงออกมาจากปาก
"ทงเฮ!!!!!!!!" ฮยอกแจพูดเสียงดังลั่น
"ท่าน!......ทราบนามของข้าด้วยหรือ?" ชายหนุ่มเบิกตากว้างและถามด้วยความแปลกใจ
"...................." ฮยอกแจไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่จ้องคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เขามองตั้งแต่ไรผม...หน้าผาก....คิ้ว.....ตา....จมูก.....ปาก....แก้ม...และไล่ไปจนถึงปลายเท้า�
คนๆนี้เหมือนทงเฮอย่างไม่มีผิดเพี้ยน........
แถมยังยอมรับว่าตัวเองชื่อทงเฮอีกด้วย...........
เป็นไปได้อย่างไร?............
นี่สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่...............
"ทำไมท่านไม่ตอบเล่า! ทราบนามข้าได้อย่างไร?" ทงเฮถาม
"นี่! นายจริงๆใช่มั๊ย ทงเฮ!" ฮยอกแจโพล่งถามออกไป
"ใช่ ข้าคือทงเฮ!! เรามีพรหมลิขิตกันใช่หรือไม่? ถ้าใช่จงบอกนามของท่านแก่ข้า!" ทงเฮพูดพลางจ้องมองหน้าของฮยอกแจ
"ฉัน?..... เรามีพรหมลิขิตต่อกันอย่างนั้นเหรอ?.......ฉันชื่อ ฮยอกแจ! พอจะคุ้นหูนายบ้างมั๊ยล่ะ?!!!" ฮยอกแจถามอย่างมีความหวัง
"ท่านเป็นจิตของท่านฮยอกแจหรอกหรือ ดีจริง! ข้าขออาศัยกับท่านซักชั่วครู่ชั่วคราวได้หรือไม่?" ทงเฮพูดประโยคยาวที่ทำให้ฮยอกแจเข้าใจได้บ้างไม่ได้บ้าง
"อะ....เอ่อ~~ จะไปอยู่กับฉัน?! ใช่มั๊ย?? นายหมายความอย่างนั้นรึเปล่า?" ฮยอกแจถาม
"ได้โปรด~ ถ้าท่านจะกรุณา! ขอให้พาข้าไปยังที่พำนักของท่าน แล้วข้าจะแจ้งความเป็นไปให้ทราบ" ทงเฮพูดและก้มหัวให้ฮยอกแจเล็กน้อย
"อ่อ?? ดะ..ได้ๆ ได้สิ!!! ตามฉันมา" ฮยอกแจกวักมือให้ทงเฮเดินตามไปขึ้นรถ
ฮยอกแจเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ โดยไม่ได้สังเกตเห็นทงเฮที่ยืนเอียงคอมองรถด้วยหน้าตาฉงนสงสัย�
"สิ่งนี้......คืออะไรหรือ??" ทงเฮขมวดคิ้วและมองตัวรถอย่างไม่ไว้วางใจ
"รถน่ะ!!!! เอาไว้กลับบ้าน..อ่อ! ที่พำนักไง!! ขึ้นมาสิ!!!" ฮยอกแจหันไปบอก
"มัน....ไม่ดุร้ายใช่หรือไม่??" ทงเฮถามด้วยแววตาใส่ซื่อจนฮยอกแจอยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็ต้องกลั้นไว้
"มันไม่ดุร้ายหรอก ขึ้นมาเถอะ!!" ฮยอกแจพูดพลางอมยิ้ม
"ตกลง! ข้าเชื่อใจท่าน" ทงเฮพูดพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้รถมากขึ้น ก่อนจะทำสิ่งที่ฮยอกแจต้องตกใจและอยากจะหัวเราะให้ฟันหักไปพร้อมๆกัน
ทงเฮเอามือเท้าขอบประตูรถด้านบน(รถเปิดประทุนอยู่) ก่อนจะวาดขาข้างหนึ่งข้ามประตูเข้ามาเหยียบเบาะรถก่อนที่ขาอีกข้างจะตามมา และเอาขาลงข้างล่างเพื่อนั่งเหมือนที่ฮยอกแจนั่ง
ฮยอกแจเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาน้อยๆ และขับรถออกไป
บ้านของฮยอกแจ
หลังจากกลับถึงบ้านฮยอกแจก็พาทงเฮไปนั่งที่โซฟารับแขก เพื่อที่จะซักถามถึงความเป็นมาเป็นไป ใจจริงแล้วฮยอกแจเองก็งงและตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เจอกับคนที่ตนโหยหามาตลอดสามปีอย่างกระทันหันแบบนี้ เขาอยากจะร้องตะโกนด้วยความปลื้มปิติ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมีเรื่องที่น่าเศร้าปนอยู่คือ ทงเฮคนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทงเฮที่เขารู้จัก แถมทงเฮคนนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะจำเขาได้เลยซักนิด คำพูดคำจาของทงเฮคนนี้ช่างแปลกประหลาดราวกับมาจากคนละโลก แถมยังไม่รู้จักรถอีกด้วย!!�
คนๆนี้ไม่ใช่มนุษย์โลกอย่างแน่นอน!!!
แล้วเขามาจากไหน?!
ทำไมรูปร่างหน้าตาเหมือนทงเฮราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกันเช่นนี้?!
"เอ่อ.......ช่วยอธิบายทีได้มั๊ย?...นายเป็นใคร? มาจากไหน? ทำไมอยู่ๆถึงตกลงมาจากท้องฟ้า?! แถมร่างกายไม่เป็นอะไรเลย!!" ฮยอกแจถามรัวเป็นชุด�
"ก็ข้าบอกท่านแล้ว ว่าข้า......." ทงเฮพูดได้แค่นั้นเพราะฮยอกแจยกมือขึ้นห้ามไว้
"นี่นายจะพูดภาษาคน ปกติธรรมดาไม่ได้เหรอ?!! ทำไมต้องใช้คำแปลกๆพวกนั้นด้วย!" ฮยอกแจพูดเสียงดัง
"คือ........ จะให้ข้าพูดอย่างไรให้เหมือนมนุษย์วิถีเล่า? ข้าไม่เคยได้ร่ำเรียนมาก่อนเลย ได้โปรดสั่งสอนสิ่งจำเป็นแก่ข้าเถิด!" ทงเฮตอบ
"อ่า~~=.= โอเค! ข้อแรกนะ เลิกเรียกตัวเองว่า'ข้า'ซักที ใช้คำว่า'ฉัน'แทน เข้าใจมั๊ย?" ฮยอกแจพูดอย่างช้าๆและลอบถอนหายใจน้อยๆ
"ได้!! ข้า.....เอ่อ....ฉันเข้าใจ!" ทงเฮตอบอย่างกระท่อนกระแท่น
"อืม ดี!! แล้วก็เลิกเรียกฉันว่า'ท่าน'นะ ให้เรียกชื่อเฉยๆแทน" ฮยอกแจพูด
"เรียกท่านว่า'เฉยๆ'จะดีหรือ??? @.@??" ทงเฮทำหน้างงและถามออกไป
"เฮ่ย! ไม่ใช่!!!! ฉันหมายความว่า ให้เรียกชื่อของฉัน! ฉันชื่อฮยอกแจ นายก็เรียกฉันว่าฮยอกแจไง เข้าใจรึเปล่า?!!!" ฮยอกแจพูดเสียงดัง
"เข้าใจแล้ว^^" ทงเฮตอบรับและยิ้มเขินออกมาน้อยๆกับความเข้าใจผิดของตน
ฮยอกแจใช้เวลาไปค่อนข้างมากกับการสอนทงเฮคนนี้ให้พูดเป็นภาษามนุษย์ปกติ ก่อนจะได้ไถ่ถามถึงความเป็็นมาเป็นไปที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับการปรากฎตัวของทงเฮในครั้งนี้�
ทงเฮเล่าว่าตัวเขาเองเป็นเทวดาที่อาศัยอยู่บนสวรรค์กับครอบครัวเล็กๆที่มีพ่อแม่และเขาอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาช้านานแล้ว แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้พ่อของเขาลงไปสำรวจที่ปากประตูนรกและได้ถูกเหล่าเดวิลรุมทำร้ายจนบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ดังนั้นแม่ของเขาจึงลักลอบเข้าไปยังแดนต้องห้ามของสวรรค์และขโมยยาวิเศษออกมารักษาพ่อของเขา จากนั้นเขาจึงยอมรับโทษจากเทวดาคุมกฎอะไรซักอย่างทำให้ต้องลงมาอยู่บนโลกมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งรอบดวงดาวหมุน ที่ฮยอกแจคิดได้เอาเองว่าหมายถึงเวลา1ปี
"ฉันคิดว่าเรื่องที่ท่านพ่อเล่าให้ฟังตอนเด็กเป็นเรื่องไม่จริงเสียอีก!" ทงเฮเอ่ยเล่าเรื่องเจือยแจ้วเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับการสนทนากับฮยอกแจแล้ว
"เรื่องอะไรเหรอ??" ฮยอกแจเลิกคิ้วขึ้นถาม
"ก็ที่ฮยอกแจบอกว่าร่างมนุษย์ที่ชื่อทงเฮที่เป็นคนรักของฮยอกแจ ที่ฮยอกแจเรียกเขาว่าตายไปแล้ว น่ะที่เหมือนฉันไม่มีผิดน่ะสิ!" ทงเฮตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้น
"แล้วเรื่องมันเป็นยังไงล่ะ?" ฮยอกแจถามต่ออย่างสนอกสนใจ
"ก็ท่านพ่อเคยเล่าว่า เหล่าเทวดานางฟ้าทุกตนน่ะมีบาปที่แสดงออกเป็นร่างมนุษย์บนโลกอยู่ทุกตน รูปร่างหน้าตาบาปของเทวดานั้นจะเหมือนร่างของเทวดาไม่มีผิดเพี้ยน รวมถึงนิสัยใจคอด้วยนะ!! แล้วพอเมื่อร่างบาปนั้นชำระล้างบาปได้ทั้งหมดแล้วก็จะจากไป หรือที่ฮยอกแจเรียกว่า'ตาย'นั่นแหละ จากนั้นจิตดวงเล็กๆของเทวดาที่อยู่ในตัวของร่างบาปนั้นก็จะกลับคืนสู่ตัวเทวดาตนนั้น" ทงเฮเล่า
"อืม....ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมนายจำฉันไม่ได้ล่ะ?!" ฮยอกแจโพล่งถามออกไป
"ไม่รู้สินะ....... ดวงจิตนั้นกลับสู่ตัวของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันยังไม่รู้เลย=.=~ ฮ้าว~~~" ทงเฮตอบพลางอ้าปากหาวหวอด
"อือๆ......นี่ก็ดึกแล้ว เราไปนอนกันดีกว่า เดี๋ยวฉันจะจัดห้องให้" ฮยอกแจพูดพลางลุกขึ้นจากโซฟา
"ไปนอนหรือ??? ทำไมต้องนอนด้วย? ฮ้าว~~" ทงเฮถามแต่ก็หาวออกมาเป็นการตบท้าย
"^____^ ก็เพราะว่านายง่วงนอนน่ะสิ ถึงได้ชวนไปนอน!" ฮยอกแจพูดและขำในลำคอ
"ง่วงนอนหรือ?? ฮ้าว~~~ เป็นกิริยาแบบไหนกัน?!=.=~~" ทงเฮถามด้วยตาที่ปรือลงอย่างเห็นได้ชัด
"การเป็นอยู่แบบมนุษย์นั้นต้องนอนหลับน่ะ เพราะการนอนหลับเป็นการให้ร่างกายของเราได้พักผ่อน จะได้มีแรงในการทำสิ่งต่างๆในวันต่อไป" ฮยอกแจก้มหน้าโน้มตัวลงมาบอกเทวดาจอมใสซื่อที่นั่งฟังตาปรือ
"อืม......=.=~~~ ฮ้าว~~~~~~" ทงเฮพยักหน้าหงึกๆ
"แล้วไอ้ที่นายอ้าปากกว้างเอาลมออกมา แล้วส่งเสียง'ฮ้าว~~~~'อยู่นี่น่ะ เป็นสัญญาณว่านายง่วงเต็มทีแล้ว เข้าใจรึเปล่า?" ฮยอกแจพูดและก้มลงไปอีกเพื่อดึงมือของทงเฮให้เดินตามขึ้นชั้นบนไป
-----------------------------------------------------------------------------------------
5:40AM
PinkieMin Book Center
ร้านเช่า-ขายหนังสือครบวงจรของซองมิน
เจ้าของร้านหนุ่มหน้าหวานอย่างซองมินมาที่ร้านแต่เช้าตรู่ เขาเข้าไปในครัวสำหรับทำเบเกอรี่ของร้านเพื่อหยิบเอาเค้กวันเกิดสำหรับเพื่อนรักที่จากไปของเขาเพื่อเอาออกมาใส่กล่องและห่อให้สวยงามก่อนที่ฮยอกแจจะมาถึง
ซองมินวางเค้กที่อยู่ในกล่องแล้วลงบนเคาท์เตอร์หน้าร้านก่อนจะบรรจงเลือกริบบิ้นสีสวยสองเส้นมาผูกกล่องอย่างปราณีตสวยงาม จากนั้นก็เปิดกระเป๋าถือที่วางอยู่ข้างๆและหยิบการ์ดอวยพรที่นั่งทำเองกับมือตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมา เขากลั่นกรองถ้อยคำต่างๆและเขียนลงไปในตัวการ์ดอย่างบรรจง คำเหล่านั้นไม่ใช่แค่คำอวยพรวันเกิดทั่วไป แต่มันเป็นถ้อยคำแห่งความคิดถึงและห่วงหาที่อยากให้เพื่อนรักผู้จากไปนานแล้วได้รับรู้
ระหว่างที่เขียนการ์ด น้ำตาของซองมินก็ไหลออกมาอาบหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ เขาใช้แขนเสื้อบาดน้ำตาออกอย่างลวกๆและเขียนข้อความต่อไปจนเสร็จ บนการ์ดมีรอยน้ำตาเปรอะอยู่หลายแห่งแต่ก็ยังไม่ได้ดูน่าเกลียดจนเกินไป เขาปิดการ์ดลงและสอดเข้าไประหว่างตัวกล่องกับริบบิ้นที่ผูกไว้ พลางเงยหน้าขึ้นมามองออกไปทางประตูกระจกหน้าร้าน และเห็นรถสปอร์ตสีน้ำเงินของฮยอกแจกำลังถอยเข้าจอดในช่องสำหรับจอดรถพอดี ซองมินลุกขึ้นและรีบเดินเข้าไปยังห้องน้ำหลังร้านเพื่อล้างหน้าจากการร้องไห้เมื่อสักครู่
แค่นี้ฮยอกแจก็คงเศร้าพออยู่แล้ว...............
เขาจะไม่ทำให้ฮยอกแจเศร้าเพิ่มเติมโดยการเป็นคนเริ่มต้นร้องไห้หรอก..................
ฮยอกแจสั่งให้ทงเฮนั่งรออยู่ในรถและเดินเข้าไปในร้านของซองมินเพียงคนเดียว เขาไม่อยากให้ซองมินตกใจที่อยู่ๆก็ได้เจอกับทงเฮ ทั้งที่ชาตินี้คงคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เขาอยากอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ซองมินฟังก่อนจะให้พบกับทงเฮ
"ซองมินอ่า~~~ อยู่ไหนน่ะ" ฮยอกแจส่งเสียงเรียกพลางเดินไปยังเคาท์เตอร์หน้าร้านที่มีกล่องเค้กของทงเฮวางอยู่
"อ่าว มาแล้วเหรอ ฮยอกแจ!" ซองมินที่เพิ่งเดินออกมาจากหน้องน้ำทักด้วยสีหน้าร่าเริ่งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
"อืม นายมาถึงร้านตั้งแต่กี่โมงเนี้ย?" ฮยอกแจถาม ขณะไล่สายตาไปบนกล่องเค้กที่ซองมินผูกริบบิ้นไว้อย่างสวยงาม
"ก็.......ซักตีห้าสี่สิบละมั้ง! พอดีแอบงีบไปพักนึงน่ะ พอตื่นมาเลยไปล้างหน้าล้างตา" ซองมินตอบ
"มาเร็วซะ^^!" ฮยอกแจแซวออกไป
"ก็มาเตรียมของไงล่ะ! ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวทงเฮจะรอนาน!" ซองมินพูดและทำท่าจะลากฮยอกแจออกจากร้าน
"เดี๋ยวสิ!! ฉันมีอะไรจะคุยกับนายหน่อย!" ฮยอกแจพูด พลางรั้งตัวไว้
"อะไรอีกล่ะ เอาไว้ทีหลังไม่ได้รึไง?! ไหนนายบอกว่าทงเฮไม่ชอบรอของขวัญวันเกิดนานๆไงล่ะ" ซองมินถามเสียงดัง
"ไม่ได้ ต้องคุยตอนนี้แหละ เพราะเป็นเรื่องของทงเฮเหมือนกัน!!" ฮยอกแจตอบ และลากซองมินกลับมานั่งตรงเคาท์เตอร์
"อะไรล่ะ ว่ามาสิ!" ซองมินนั่งลงอย่างเชื่อฟังทันทีที่ได้ยินชื่อของทงเฮ
"คือ....... เฮ้อ~~ ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงดี!..........คืออย่างนี้ คือ เมื่อคืน.........ฉันบังเอิญเจอกับทงเฮเข้า! แบบ...แบบว่ามันแบบเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติน่ะ นายต้องคิดว่าฉันบ้าไปแล้วแน่!!!" ฮยอกแจพูดรัวและติดขัดทำให้ซองมินถึงกับขมวดคิ้วแน่น
"ใช่!!!! นายบ้าไปแล้ว ฮยอกแจ!!! นายจะเจอกับทงเฮได้ยังไง?!!! ก็ทงเฮน่ะ......ทงเฮน่ะ.............." ซองมินร้องไห้ออกมา
"ตายไปแล้ว ..... ฉันรู้!! ฉันรู้ซองมิน!!! แต่ว่าเมื่อคืนฉันเจอทงเฮจริงๆนะ! เขาไม่ใช่คน แต่เขาก็ต้องลงมาอยู่กับเราซักพักนึงนั่นแหละ" ฮยอกแจจับไหล่ทั้งสองข้างของซองมินไว้แน่น
"นายหมายความว่ายังไง? ฉันไม่เข้าใจ!!! ฮึก!" ซองมินถามพร้อมด้วยเสียงสะอื้น
"ฉันหมายความว่า ทงเฮคนนี้เป็นเทวดาน่ะสิ เขาคือทงเฮ ถึงแม้ว่าเขาจะจำเรา จำเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกไม่ได้ แต่พรหมลิขิตก็ทำให้เราพบกับทงเฮอีกครั้งนะ.......หยุดร้องไห้เถอะ แล้วฉันจะพานายไปเจอทงเฮเอง เขารออยู่ในรถของฉันข้างนอกนั่นไง!" ฮยอกแจพูดพลางหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าให้ซองมิน 
"ทงเฮ.....เป็นเทวดาเหรอ?? นายบ้าไปแล้วฮยอกแจ!!!..............นายคงจะเสียใจมากใช่มั๊ย? ฉันเข้าใจ! ฉันก็อยากเจอทงเฮเหมือนกัน อยากให้ทงเฮกลับมาอยู่ตรงนี้เหมือนกัน" ซองมินพูดพลางโผลกอดฮยอกแจพลางลูบหัวลูบหลังเพื่อนเป็นการปลอบใจ
"ซองมิน!! อะไรเนี้ย?=*= ฉันไม่ได้บ้านะ!! ไม่ได้คิดถึงทงเฮจนประสาทหลอนด้วย!!!" ฮยอกแจโวยวาย ก่อนจะผลักซองมินที่กอดตัวเองอยู่ออกห่าง
"แล้วยังไงเล่า!!!! อยู่ดีๆนายก็มาบอกฉันว่าเจอทงเฮที่ตายไปตั้ง 3 ปีแล้วน่ะ มันเป็นไปไม่ได้!!!" ซองมินกอดอกแน่น มองหน้าฮยอกแจอย่างเอาเรื่อง
"มันเป็นไปแล้วล่ะน่า!!! ตามฉันมาก็แล้วกัน!!" ฮยอกแจพูดจบก็จัดการลากซองมินออกจากร้านและตรงไปที่รถสีน้ำเงินของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลออกไป
ฮยอกแจลากซองมินถูลู่ถูกังมาจนถึงรถของตนที่จอดติดเครื่องอยู่ เขาปล่อยมือออกจากซองมินก่อนจะเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับออกกว้าง เพื่อให้ซองมินได้เห็นทงเฮชัดๆ แต่ว่าเมื่อเขามองเข้าไปข้างในรถกลับผิดคาดเพราะไม่มีใครอยู่ในนั้นแม้แต่คนเดียว ฮยอกแจหน้าเหวอก่อนจะเงยหน้ามามองซองมินที่ยืนกอดอกแน่นอยู่
"ไหนล่ะ? ทงเฮของนาย?" ซองมินเลิกคิ้วขึ้นถาม
"เมื่อกี๊ยังอยู่ตรงนี้นี่นา~~~" ฮยอกแจขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
หรือเมื่อคืนเขาเจอผีกันแน่!!!!
"เฮ้อ~~ ฉันกลับเข้าไปเอาเค้กแล้วกัน นายก็รออยู่ในรถนั่นแหละ เดี๋ยวจะได้รีบไปกันซักที" ซองมินพูดแบบปลงๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางร้านหนังสือของตน
----------------------------------------------------------------------------------------
ในเวลาเดียวกันกับฮยอกแจที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดรอซองมินกลับเข้าไปหยิบเค้กในร้าน เทวดาหนุ่มหน้าหวานนาม'ทงเฮ'ก็นั่งขดตัวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ที่จอดรถ คุยเจือยแจ้วภาษาสวรรค์กับเพื่อนคนสนิทที่แอบลงมาหาถึงโลกมนุษย์
"เยซองอ่า เจ้าลงมาได้อย่างไร? ^________^" ทงเฮยิ้มแป้นให้เพื่อนรัก
"ข้าลงมาตรวจสอบความสงบของโลกมนุษย์น่ะสิ เจ้าน่ะ อยู่ได้ใช่หรือไม่?" เทวดานาม'เยซอง'ถามด้วยสีหน้าห่วงใย
"ได้สิ^^ ข้าพำนักร่วมกับจิตของท่านฮยอกแจด้วย เพลิดเพลินใจที่สุด^_______^" ทงเฮพูดและยิ้มอย่างเขินอาย
"เจ้านี่ ชอบท่านฮยอกแจไม่เปลี่ยนเลยนะ^^" เยซองเอ่ยแซว
"ก็ให้รักไปแล้ว จะถอนคืนได้อย่างไรเล่า!" ทงเฮพูดและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"แล้วจิตนี้นิสัยดีเหมือนท่านฮยอกแจของเจ้ารึเปล่า?" เยซองถามต่ออย่างอยากรู้
"เหมือนมาก เหมือนดั่งนิทานที่ท่านพ่อเล่าให้ฟังเลย^^ จิตของท่านฮยอกแจยังบอกว่าเคยเป็นคนรักกับจิตของข้าเสียด้วยนะ^^" ทงเฮพูดอย่างมีวามสุข
"0.0 จริงหรือ?!!! ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับท่านฮยอกแจก็เป็นคู่แท้กันน่ะสิ" เยซองตื่นเต้นใหญ่
"ข้าก็ไม่อาจรู้ได้หรอก เรื่องประเภทนี้ทำนายลำบากนะ............. เพียงแค่เท่านี้ข้าก็สุขใจแล้ว^^" ทงเฮยิ้มหวาน
"อืม ข้าเห็นด้วย^________^ เอาล่ะ เพลานี้ข้าต้องไปก่อนแล้ว ภายหน้าจะมาพบกับเจ้าอีกครั้ง หากมีเรื่องร้ายปรากฎแก่เจ้า เรียกข้าได้ทุกยามนะสหาย" เยซองพูดและลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อนจะหายตัวไปตามสายลมพัดอ่อนๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------
ซองมินเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้าไปข้างในร้านก่อนจะหยิบกล่องเค้กขึ้นมาอย่างเบามือและเดินออกจากร้านไปอีกครั้ง เขาเป็นห่วงฮยอกแจจริงๆ อยู่ดีๆไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาฮยอกแจจะแสดงท่าทีว่าคิดถึงทงเฮมากขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยเพ้อคิดว่าตัวเองได้เจอกับทงเฮเหมือนคราวนี้ เขาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ อยากจะพาไปหาหมอ แต่ก็รู้ดีอยู่เต็มอกว่าฮยอกแจคงไม่ยอมเป็นแน่
พักนี้คงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วละมั๊ง.....................
คืนนี้ไปนอนเป็นเพื่อนฮยอกแจดีกว่า.......................
ซองมินหลุดออกจากพวังความคิดของตัวเองเมื่อขาของเขาทำหน้าที่เดินมาถึงที่รถของฮยอกแจอย่างอัตโนมัต เขาใช้มือหนึ่งถือกล่องเค้กไว้อย่างมั่นคง อีกมือก็ยื่นไปเปิดประตูรถออก พลางก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในรถ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักอยู่เพียงแค่นั้น เพราะมีใครคนหนึ่งสะกิดเขาจากด้านหลัง
ซองมินหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องเบิกตากว้างจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วอึดใจ ร่างกายกลั่นหายใจโดยไม่รู้ตัว เขายืนค้างอยู่อย่างนั้นซักพัก ทำให้คนที่สะกิดต้องเอ่ยวาจาออกมาก่อน
"อรุณสวัสดิ์ ^_________^ สหายของฮยอกแจหรือ?!"
"ทะ................ทงเฮ!!!!!!!!!!!!" ซองมินตะโกนลั่นก่อนจะโผลกอดทงเฮพร้อมน้ำตาที่ซึมออกมา
-------------------------------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น