ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My love is on the sky [EunHae]

    ลำดับตอนที่ #2 : My Love Is On The Sky 02 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 55


    02 My love is on the sky�





    โรงพยาบาล�





    ในที่สุดฮยอกแจก็วิ่งมาถึงโรงพยาบาล เขาหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นห้องฉุกเฉินตรงหน้า ทั่วทั้งร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อและใบหน้าก็ชุ่มไปด้วยนำ้ตา เขามองเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน ซบหน้าลงบนมือเล็กๆของตัวเอง และกำลังร้องไห้อย่างหนัก�






    ซองมิน......






    ฮยอกแจสาวเท้าเข้าไปหาซองมินอย่างช้าๆ เมื่อเดินเข้าไปได้ใกล้มากพอเขาก็หยุด แล้วมองซองมินที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาได้มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ฮยอกแจยืนมองซองมินอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน และก็ไม่คิดที่จะเรียกซองมินด้วย เขาเห็นรอยแผลถลอกมากมายบนแขนและขาของซองมิน ที่เข่าข้างซ้ายมีแผลใหญ่ที่เลือดไหลออกมาเลอะขาเต็มไปหมด ฮยอกแจรู้สึกสงสารซองมินขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ถึงแม้ว่าเวลาปกติเขาและซองมินไม่ถูกกันนัก แต่การมองซองมินอยู่ตรงนี้ความรู้สึกเก่าๆที่ไม่ชอบหน้าอีกคนมันก็จางหายไปหมด�





    "อ๊ะ!! ฮยอก....แจ ฮืออออ~~" ซองมินเงยหน้าขึ้นมาแล้วโผกอดฮยอกแจอย่างลืมตัวก่อนที่จะเริ่มต้นร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง





    "อ่ะ!!!! ซะ....ซองมิน......... ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร....." ฮยอกแจยืนให้ซองมินกอดอยู่อย่างนั้นพร้อมกับนำ้ตาของตัวเองที่รินไหลออกมาเป็นสาย





    "ฮือ......ㅠ-ㅠ ฉัน....ฮึก ฉันผิดเอง!!!! ฉัน...ทำให้ทงเฮถูกรถชน!!!! ฮืออออ" ซองมินสะอึกสะอื้น





    "มัน.....เกิดอะไรขึ้น? เล่าให้ฉัน......ให้ฉันฟังหน่อยได้มั๊ย......." ฮยอกแจพูดอย่างยากลำบากเพราะต้องการซ่อนความอ่อนแอของตัวเองไว้�





    "ฮืออออออ ฮึก...... ฉันกำลังเดินไปส่งทงเฮ.......ฮึก ที่บ้าน.........แล้วพอข้ามถนนใหญ่.....ฉัน...ก็ทำโทรศัพท์มือถือตกไว้ ฮึก.......กลางถนน ฉันเลย....วิ่งกลับไปเก็บ ฮือๆ....... แล้วรถบรรทุก..คันใหญ่ ก็วิ่งมาจากไหน ฮึก ก็ไม่รู้.................แล้วทงเฮ.......ฮืออออ ก็วิ่งมา.......มาผลักฉันอย่างแรง ฉันล้มลงที่ข้างถนน......แต่ทงเฮถูกรถชน!!! ฮือออออㅠ-ㅠ" ซองมินสะอึกสะอื้นเล่าด้วยนำ้ตา





    ".............." ฮยอกแจเม้มปากเน้นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง พลางพยักหน้ารับรู้สิ่งที่ซองมินเล่า





    "โทรบอกคุณน้ารึยัง?" ฮยอกแจถามถึงแม่ของทงเฮ





    "ยัง.......ฉันไม่กล้า~~" ซองมินตอบเสียงสั่น





    "อืม..........เดี๋ยวฉันโทรเอง........นาย....ไม่ไปทำแผลเหรอ เลือดไหลไม่หยุดเลย" ฮยอกแจพูดกับซองมินอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอนและเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อโทรหาแม่ของทงเฮ





    ----------------------------------------------





    เป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงแล้วหลังจากที่นำตัวทงเฮเข้าห้องฉุกเฉินไป ยังไม่มีหมอหรือพยาบาลคนใดเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเลยแม้แต่คนเดียว คน 3 คนนั่งนำ้ตาซึมอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่มีการพูดคุยใดๆอีกหลังจากสองชั่วโมงแรก จะมีก็แต่เสียงสะอื้นนานๆครั้งจากคนใดคนหนึ่งเท่านั้น






    ยิ่งเวลาผ่านไปความหวังที่ว่าทงเฮจะปลอดภัยก็ดูเหมือนจะริบหรี่ ฮยอกแจนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างซองมินและแม่ของทงเฮ เขาเฝ้ามองประตูห้องฉุกเฉินอยู่ตลอดไม่ละสายตาไปไหน ร่ายกายและดวงตาของเขาอ่อนเพลียมากจากการร้องไห้อย่างหนักและอดนอนตลอดทั้งคืน แต่เขาก็ไม่สามารถจะหลับตาลงได้ ในเมื่อจิตใจยังคงเป็นห่วงคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน ความคิดที่น่ากลัวมากมายพุ่งเข้ามาสู่จิตใจของเขาพาลทำให้นำ้ตาไหลรินออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว










    "ฮยอกแจ~ .......ฉันกลัว!" ซองมินเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ และมองหน้าฮยอกแจด้วยดวงตาที่แดงกำ่�





    ".....….......ฉันก็เหมือนกัน" ฮยอกแจเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ





    "ถ้าทงเฮ..........ฮึก..." ซองมินหยุดพูดเพราะถูกฮยอกแจเอามือปิดปากเอาไว้ ก่อนจะสะอื้นเบาๆ





    "ทงเฮ....จะไม่เป็นอะไร" ฮยอกแจพยายามพูดอย่างเข้มแข็ง พลางจับมือซองมินไว้





    "อืม......" ซองมินพยักหน้า





    "ฮยอกแจ ซองมิน..... เจ็ดโมงกว่าแล้วนะ จะทานอะไรหน่อยมั๊ย เดี๋ยวน้าไปซื้อให้" แม่ของทงเฮที่ทำหน้าตาให้เป็นปกติได้แล้ว หลังจากใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงในการทำใจ เอ่ยถามขึ้น





    "ขอบคุณครับ........แต่ผมยังไม่อยากทานอะไรน่ะครับ" ฮยอกแจพูดอย่างสุภาพ





    "ผมก็เหมือนกันครับ ขอบคุณนะครับคุณน้า" ซองมินพูด





    "ถ้าอย่างนั้น.......เดี๋ยวน้ามานะจ๊ะ" แม่ของทงเฮพูดแล้วค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปอย่างไม่ค่อยจะมั่นคงนัก






    9 โมง�





    หมอผู้ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ฮยอกแจลุกขึ้นและพุ่งเข้าไปถามอาการของทงเฮอย่างรีบร้อน แม่ของทงเฮและซองมินก็รีบเดินมาฟังสิ่งที่หมอกำลังจะพูดเช่นกัน





    "หมอครับ ทงเฮเป็นยังไงบ้างครับ??" ฮยอกแจถามด้วยเสียงสั่น





    "คืออย่างนี้นะครับ หมอต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่า คนไข้บาดเจ็บสาหัสมาก กระดูกหักหลายแห่ง และอวัยวะภายในบาดเจ็บค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นโคม่า แต่ทีมแพทย์ของเราก็จะยังพยายามต่อไปให้ถึงที่สุดครับ......แต่หมออยากให้ทำใจกันไว้หน่อยนะครับ" หมอพูดด้วยสีหน้าราบเรียบแต่สุภาพ





    "....................." ฮยอกแจได้แต่นิ่งเงียบ นำ้ตาเม็ดใหญ่ไหลออกมาอีกครั้ง เขาไม่สามารถขยับตัวหรือเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆออกมาได้ในตอนนี้ หัวใจของเขากำลังจะหยุดทำงาน





    "โฮ!!!!!" ซองมินร้องไห้เสียงดังและโผเข้ากอดฮยอกแจที่ยืนนิ่งเป็นหิน





    "ขอความกรุณาด้วยนะคะ" แม่ของทงเฮสูดหายใจเบาๆ นำ้ตาคลออยู่ที่เบ้าตา





    "ครับ!" หมอก้มหัวเล็กน้อยก่อนทำท่าจะก้าวเดินออกไป








    แต่........










    "หมอคะ หมอ!!!!! คนไข้หัวใจหยุดเต้นค่ะ!!!!!!" พยาบาลสาวคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องฉุกเฉิน





    "อืม!!!!" หมอรับคำและวิ่งกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็วทิ้งให้คนทั้งสามคนยื่นอึ้งค้างอยู่หน้าห้อง






    ซองมินที่ร้องไห้อย่างหนักเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นเย็นเฉียบของโรงพยาบาล�






    ฮยอกแจนำ้ตาไหลพราก ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิตกำลังจะเกิดขึ้น






    แม่ของทงเฮผู้ที่เข้มแข็งที่สุด นำ้ตาไหลนองหน้าอย่างไร้เสียง เดินไปพยุ่งซองมินให้ลุกจากพื้น แล้วพาไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งกันมาทั้งคืน






    หน้าห้องฉุกเฉินตอนนี้เต็มไปด้วยนำ้ตา






    10 นาทีต่อมา





    หมอคนเดิมเดินออกมา และเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้หัวใจของฮยอกแจหยุดเต้นไปชั่วขณะ





    "......เสียใจด้วยนะครับ คุณอีทงเฮ เสียชีวิตแล้วครับ...." หมอพูดอย่างสงบเสงี่ยมและก้มหัวแสดงความเสียใจ





    "ไม่จริง!!!!!! ฮือๆๆๆๆ" ซองมินร้องไห้เสียงดัง





    "ขอดิฉันเข้าไปลาลูกได้มั๊ยคะ?" แม่ของทงเฮพูดด้วยเสียงสั่น





    "เชิญครับ...." หมอพูดพลางหลีกทางให้คนทั้งสามเดินเข้าไปข้างในห้องฉุกเฉิน





    ทันทีที่เข้าไปข้างในภาพที่ฮยอกแจไม่อยากเห็นที่สุดในชีวิตก็ปรากฎขึ้นสู่สายตา เตียงผู้ป่วยที่มีคนนอนนิ่งอยู่และถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวบริสุทธิ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แม่ของทงเฮเดินเข้าไปใกล้เตียงพลางเอื้อมมือเปิดผ้าออกอย่างเบามือ





    ทงเฮนอนหลับตาอยู่ตรงนั้น ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ�





    ไม่มีแม้แต่ลมหายใจ.......






    แม่ของทงเฮเอื้อมมือที่สั่นเทาออกมาและลูบหัวลูกชายสุดที่รักของเธอ นำ้ตาแห่งความเศร้าโศกไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เธอเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้นไห้ไว้อย่างยากลำบาก�





    "หนู~.......นี่แม่เองนะลูก" ผู้เป็นแม่พูดด้วยเสียงแหบพร่ามองหน้าลูกชายอย่างอาลัยอาวรณ์





    "หนูหลับให้สบายนะ....พอขึ้นไปอยู่บนฟ้าแล้ว..ก็คิดถึงแม่บ้างรู้มั๊ย" เธอลูบหน้าและจัดแต่งผมให้ลูกชายอย่างอ่อนโยน




    "แม่จะรอ.......วันที่จะได้ไปอยู่กับหนูอีกครั้งนะลูก แม่รักหนูนะ" แม่พูด นำ้ตาไหลอาบแก้ม ก่อนจะก้มลงไปกอดเป็นครั้งสุดท้าย�






    ซองมินเดินเข้าไปจับมือของทงเฮ มองหน้าเพื่อนรักที่ดูเหมือนแค่หลับอยู่เท่านั้น มันยากที่จะเชื่อว่าเพื่อนคนที่เขารักที่สุด ได้จากไปแล้วจริงๆ





    "ทงเฮ~ ฉันขอโทษ.......ขอโทษจริงๆ ถ้าฉันไม่โง่วิ่งกลับไปเก็บไอ้มือถือบ้านั่น........ฮึก" ซองมินพูดไปร้องไห้ไป





    ".........................ฉันรักนายนะทงเฮ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน" ซองมินก้มลงไปกอดร่างของทงเฮอย่างอาวรณ์





    ฮยอกแจยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สายตาจับจ้องหน้าทงเฮไม่กระพริบ นำ้ตาไหลไม่หยุด เขาก้าวขาเข้าไปอย่างช้าๆจนชิดขอบเตียง ก้มลงมองหน้าคนที่รักอย่างใกล้ชิด ก่อนคว้ามือเล็กๆที่เริ่มเย็นมากุมไว้





    "ทงเฮอ่า~ ลืมตาสิ ลืมตามองฉันหน่อย" ฮยอกแจกระซิบที่ข้างหูของทงเฮ





    "........นาย........จะผิดสัญญาเหรอทงเฮ.....เราสัญญากันแล้ว....ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง..........ทงเฮอ่า~" ฮยอกแจนำ้ตานองหน้าส่งเสียงเรียกคนรักอย่างสิ้นหวัง





    "อย่าทิ้งฉันไป..........ได้โปรด........" ฮยอกแจซบหน้าที่เปียกชื้นลงบนมือของทงเฮ





    "ฉันจะอยู่ต่อไปยังไง........ทงเฮ....ลืมตาขึ้นมาสิ ทงเฮ" ฮยอกแจร้องไห้เหมือนจะขาดใจ�





    "ฮยอกแจ~~" ซองมินจับไหล่ฮยอกแจเบาๆ





    "ทงเฮ!!!! ทงเฮ" ฮยอกแจร้องไห้ฟูมฟาย





    "ฮยอกแจ ไปเถอะ......" ซองมินค่อยๆดึงมือฮยอกแจออกจากมือทงเฮ





    "ไม่!!! ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!!!" ฮยอกแจสบัดมือซองมินออก





    "ฮยอกแจ~ พอเถอะลูก........อย่ากวนทงเฮอีกเลย......เขาต้องเดินทางไกลนะ.....ให้ทงเฮได้พักผ่อนเถอะ" แม่ของทงเฮพูดเบาๆ





    "..........." ฮยอกแจพยักหน้า





    "ขอผม......ลาทงเฮซักพักได้มั๊ยครับ....แล้วจะตามออกไป" ฮยอกแจหันไปบอก





    "จ่ะ~" แม่ของทงเฮพูดแล้วพาซองมินเดินออกไป





    "ทงเฮอ่า~~~ จำได้มั๊ยที่ฉันเคยบอกว่า ฉันรักนาย น่ะ...... จนถึงวันนี้ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมนะ ว่าฉันรักนาย แล้วก็จะรักตลอดไปด้วย........นายเอง...ก็จะรักฉันตลอดไปเหมือนกันใช่มั๊ย?" ฮยอกแจยิ้มน้อยๆทั้งนำ้ตา





    "หลับให้สบายนะ......เดินทาง..ปลอดภัยล่ะ ฉันจะคิดถึงนายทุกวันเลย" ฮยอกแจก้มลงกอดคนที่รักสุดหัวใจ ก่อนจะบรรจงจูบเบาๆที่หน้าผาก�





    "ลาก่อน.....แล้วซักวัน..เราจะเจอกันใหม่" ฮยอกแจมองหน้าทงเฮให้เต็มตาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหันหลังเดินออกไป







    --------------------------------------------------------






    "ฮยอกแจอ่า~ ไม่เป็นไรใช่มั๊ย?" ซองมินเดินมาถามฮยอกแจที่ยืนซึมหลังจากงานศพของทงเฮจบลง





    "อืม.....ฉันไม่เป็นไร~~ นายล่ะ?" ฮยอกแจส่งยิ้มน้อยๆให้ซองมิน





    "อืม.......ฉันโอเค........" ซองมินพูดเบาๆ




    "เรา.....มาเป็นเพื่อนกัน...ได้ใช่มั๊ย?" ฮยอกแจถามเสียงเบา





    "อืม......เราเป็นเพื่อนกัน^^" ซองมินยิ้มให้





    "ซองมินอ่า~~ ถ้าคิดว่าอยู่คนเดียวแล้วมันเศร้า.....ก็มาหาฉันนะ...อย่าทำอะไรโง่ๆล่ะ!" ฮยอกแจพูดอย่างจริงจัง





    "บอกตัวเองเถอะ ฮิฮิ....^^" ซองมินขำน้อยๆ





    "นายนี่มัน!!!! ฮึ่ย!" ฮยอกแจทำท่าจะตีซองมิน





    "ฮิฮิ พรุ่งนี้ไปช่วยฉันย้ายของไปบ้านนายด้วยล่ะ!!!" ซองมินพูดและวิ่งหนีไปขึ้นรถทันที






    ----------------------------------------






    3 ปีต่อมา



    11:30AM





    // ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ // นาฬิกาปลุกส่งเสียงดังลั่นห้อง





    ฮยอกแจที่ถูกปลุกจากการหลับไหลขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะใช้มือควานหานาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่ข้างเตียงและกดปิดเสียงมันอย่างเคยชินโดยที่ไม่ลืมตาขึ้นมาดูเลยซักนิด หลังจากนอนสะลึมสะลืออยู่ซักครู่เขาก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและเดินเข้าห้องนำ้ไป





    เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเที่ยงตรงหลังจากออกมาจากห้องนำ้เพื่อแต่งตัว ฮยอกแจทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่มือก็จัดการติดกระดุมเสื้อเชิร์ทตัวบางไปด้วย วันนี้แดดข้างนอกแรงทีเดียว ถ้าอีกคนยังอยู่คงจะไม่ยอมออกไปไหนจนกว่าแดดจะร่มเป็นแน่





    สามปีแล้วที่ทงเฮจากไป จนถึงตอนนี้ฮยอกแจก็ยังอยู่คนเดียว ดำเนินชีวิตไปอย่างที่มันควรจะเป็น รอเวลาที่จะได้ไปเจอกับคนที่รักอีกครั้ง





    หลังจากเรียนจบฮยอกแจก็ได้งานเป็นดีเจของสถานีวิทยุที่เป็นของพ่อของซองมิน เขาได้จัดรายการร่วมกับนักร้องไอดอลชื่อดัง ทำให้ช่วงที่เขาจัดมีเรทติ้งที่ดีมาก และรายได้จากการเป็นดีเจอย่างเดียวของเขาก็มากพอที่จะไม่ต้องทำงานอื่นอีกในตอนกลางวัน �ดังนั้นทุกวันหลังจากตื่นนอนตอนสายๆแล้วเขาก็จะขับรถไปที่ร้านขาย-เช่าหนังสือครบวงจรของซองมินเพื่อช่วยดูแลร้านนิดๆหน่อยๆ จากนั้นตอนหัวคำ่ก็ขับรถกลับไปบ้านอาบนำ้แต่งตัวอย่างปราณีตที่สุด แล้วขับรถไปที่สถานีวิทยุเพื่อเตรียมทำหน้าที่เป็นดีเจสุดฮอตเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน ก่อนจะกลับบ้านไปนอนเตรียมเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง�






    ที่ร้านของซองมิน





    "ฮยอกแจ~ �ฮยอกแจอ่า!"�




    "อ้ะ!! มีอะไรเหรอซองมิน" ฮยอกแจหันไปถามเพื่อหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆ






    "ทำไมวันนี้นายดูเหม่อลอยออกไปไกลจัง คิดอะไรอยู่เหรอ?" ซองมินมองหน้าฮยอกแจด้วยสีหน้าเป็นกังวล
    "อ่อ! �ไม่มีอะไรหรอก~~...............พรุ่งนี้......วันเกิดทงเฮ~~" ฮยอกแจพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา�




    "อืม.....นั่นสินะ งั้นเรา..มาทำเค้กวันเกิดกันดีมั๊ย?" ซองมินเอ่ย





    "เอาสิ.....พรุ่งนี้จะได้เอาไปให้.......ทงเฮ..ต้องดีใจแน่" ฮยอกแจพูดอย่างกระตือรือร้น แต่ภายในดวงตากลับหมองเศร้า





    "งั้นออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์กัน" ซองมินพูดพลางดึงมือฮยอกแจให้ตามไป






    หลังจากเดินตามซองมินที่เดินซื้อวัตถุดิบต่างๆสำหรับทำเค้กอยู่ชั่วโมงกว่า ฮยอกแจก็ช่วยซองมินขนของทั้งหมดที่ซื้อมาใส่รถก่อนจะขับกลับไปที่ร้านของซองมินอีกครั้งเพื่อเริ่มทำเค้กวันเกิดของคนสำคัญของเขา





    เมื่อเวลาผ่านไปกว่าสามชั่วโมง เค้กไวท์ช็อกโกแลตที่ฮยอกแจและซองมินช่วยกันทำก็เสร็จสมบูรณ์ จะว่าไปคนที่ทำจริงๆแล้วเป็นซองมินคนเดียวมากกว่า เพราะฮยอกแจก็แค่ช่วยหยิบนู่นคนนี่ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แต่ถึงอย่างไรเค้กก้อนนี้ก็ทำออกมาได้สวยทีเดียว สีไวท์ช็อกโกแลตครีมที่ใช้ปาดหน้าเค้กนั้นขาวราวกับหิมะ อีกทั้งฝีมือการตกแต่งหน้าเค้กขั้นสุดยอดของซองมินที่เนรมิตให้หน้าเค้กเป็นรูปจำลองของสวรรค์ได้อย่างงดงาม�





    "สวยจัง......ว่ามั๊ย?^^" ซองมินยิ้มน้อยๆพลางมองเค้กสีขาวบริสุทธิ์ไม่วางตา





    "อืม สวยมากเลย......พรุ่งนี้ เราเอาเค้กไปให้ทงเฮกันแต่เช้าเลยดีมั๊ย? ทงเฮทนรอเห็นเค้กกับของขวัญวันเกิดตอนสายๆไม่ได้หรอก...." ฮยอกแจยิ้มน้อยๆในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงที่ทงเฮมักจะตื่นเต้นกับวันเกิดของตัวเองมาก ถ้าเป็นไปได้ทงเฮก็อยากได้ของขวัญ,เค้กและคำอวยพรวันเกิดตอนเที่ยงคืนตรงด้วยซำ้ ซึ่งฮยอกแจก็เคยทำมาแล้วครั้งนึง วันนั้นทงเฮดีใจสุดๆไปเลย ถึงแม้จะถูกปลุกขึ้นมาตอนเที่ยงคืนก็ตาม





    "ถ้างั้นพรุ่งนี้เจอกันที่นี่ 6โมงตรงนะ^^" ซองมินพูดพลางโบกมือลาฮยอกแจ





    "โอเค เจอกัน^^" ฮยอกแจโบกมือให้ซองมินก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตนและขับกลับไปที่บ้าน





    เมื่อกลับมาถึงบ้านฮยอกแจก็จัดการหาอาหารเย็นแบบง่ายๆให้กับตัวเอง ซึ่งก็คือบะหมี่สำเร็จรูปที่เป็นอาหารประจำมื้อเย็นแทบจะทุกวัน หลังจากอิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไปยังห้องนำ้เพื่ออาบนำ้อย่างพิถีพิถันที่สุด ก่อนจะออกมาแต่งตัวในชุดหล่อที่สุดเพื่อเตรียมตัวออกไปจัดรายการที่ฮ็อตที่สุดของเขา�





    วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนแม้ว่าตอนนี้จะมืดแล้วแต่อากาศก็ไม่ได้เย็นขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายของฮยอกแจที่เพิ่งอาบนำ้เสร็จใหม่ๆมีเหงื่อซึมออกมาให้รู้สึกเหนอะหนะตัว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องนำ้อีกครั้งเพื่อทาแป้งเพิ่มเติมในส่วนที่มีเหงื่อออก จากนั้นก็เดินข้ามห้องกลับไปแต่งตัวและเซ็ตผมในห้องนอน





    ฮยอกแจใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงในการอาบนำ้ แต่งตัว ทำผม และส่องกระจก ก่อนจะออกไปจัดรายการวิทยุในทุกๆคืน ทั้งที่จริงๆแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายที่สำอางหรือห่วงหล่ออะไรมากมาย ในชีวิตปกติเขาใช้เวลาอาบนำ้แต่งตัวไม่เกิน 30 นาทีด้วยซำ้ แต่เพราะหน้าที่ของเขา หน้าตาและรูปลักษณ์เป็นเรื่องสำคัญ ถึงแม้จะเป็นเพียงการจัดรายการวิทยุ แต่ห้องจัดรายการวิทยุของเขามันมีออปชั่นพิเศษสำหรับคนดู ซึ่งก็คือเวปแคมที่ ทำให้ดีเจอยู่ในสายตาของผู้ชมและผู้ฟังตลอดการจัดรายการ





    ตึกKBS




    22.00




    ฮยอกแจนั่งอยู่ในห้องจัดรายการวิทยุท่ามกลางอุปกรณ์อิเลคทรอนิคต่างๆสำหรับจัดรายการ พร้อมด้วยดีเจพาร์ทเนอร์รุ่นพี่หน้าหวานที่เป็นนักร้องไอดอลขวัญใจวัยรุ่นจากวงบอยแบนด์ชื่อดัง อย่าง'พัค จองซู' หรือชื่อที่เด็กวัยรุ่นทุกคนในยุคนี้ต้องรู้จักคือ 'อีทึก' ถึงแม้ว่าอีทึกจะเป็นไอดอลชื่อดังแต่เขาก็พูดคุยและสนิทสนมกับฮยอกแจตั้งแต่วันแรกที่ได้มาจัดรายการด้วยกัน ทำให้รายการวิทยุของพวกเขานั้นสนุกสนานมากขึ้นเมื่อดีเจทั้งสองคนสามารถรับส่งกันได้เป็นอย่างดี





    มีบรรดาแฟนคลับของรายการและเหล่าแฟนๆของอีทึกมารอดูการจัดรายการสดอยู่เต็มหน้าห้องจัดรายการเป็นประจำทุกวัน บริเวณด้านหน้าของห้องจัดรายการเป็นกระจกใสทั้งหมดทำให้เหล่าแฟนคลับที่มา สามารถเห็นดีเจคนโปรดของตนได้อย่างชัดเจน�






    เสียงจิงเกิ้ลดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มรายการของคำ่คืนอันร้อนระอุนี้





    "สวัสดีครับ ที่นี่ 89.1 cool fm �Kiss The Radio~ ผมอีทึก ทึกกี้~ทึกกี้~ครับ"�





    "สวัสดีครับ^^ ผมคือดีเจที่มีประกายเจิดจรัสที่สุดในยุคนี้ ฮยอกแจครับ~~~"






    "คุณอีทึกครับ~ คุณปล่อยให้ผมจัดรายการคนเดียวมาตั้ง4วัน ไปไหนมาครับเนี้ย?" ฮยอกแจหันไปถามอีทึกที่นั้งอยู่ข้างซ้าย





    "ผมเพิ่งกลับมาจากประเทศไทยครับ ไปเล่นคอนเสิร์ทมา สนุกมากๆเลยครับ^^ แฟนๆที่นั่นน่ารักมากเลยครับ" �อีทึกตอบด้วยรอยยิ้ม





    "น่าอิจฉาจังเลยครับ^^ แล้ววันนี้หน้าห้องส่งมีแฟนๆจากประเทศไทยตามคุณอีทึกกลับมาบ้างรึเปล่าครับ?!" ทันทีที่ฮยอกแจพูดจบแฟนที่อยู่ข้างนอกก็ยกไม้ยกมือโบกกันเต็มที่





    "โห! เยอะเหมือนกันนะครับเนี้ย^^ คุณอีทึกทักทายแฟนๆเป็นภาษไทยหน่อยสิครับ" ฮยอกแจชงให้เต็มที่





    "ซา-หวาด-ดี-ขรับ~~~~ พ๊ม-รัก-คูน~~~"" อีทึกพูดพลางทำมือเป็นรูปหัวใจ ส่งให้แฟนๆข้างนอกได้กรี้ดกันจนสุดเสียง

    เที่ยงคืน





    ฮยอกแจและอีทึกเดินออกจากห้องจัดรายการเพื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อออกมาถึงหน้าตึกพวกเขาก็พบกับเหล่าบรรดาแฟนๆมากมายที่ยืนรออยู่ พวกเขาเดินเข้าไปทักทายผู้คนเหล่านั้นอย่างเป็นกันเองพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า เหล่าแฟนคลับต่างก็ดีอกดีใจพลางขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นกันยกใหญ่ แถมบางคนยังมีนำ้ใจเอาขนมและของต่างๆมาให้ด้วย�





    ถึงแม้ว่าฮยอกแจจะไม่ได้เป็นนักร้องชื่อดังเหมือนอีทึกแต่เขาก็ได้รับความชื่นชอบจากแฟนรายการไม่ต่างกัน ตอนแรกที่มาจัดรายการและได้เจอกับแฟนรายการที่เข้ามาขอลายเซ็น ฮยอกแจก็ไม่ได้เซ็นให้เพราะไม่ได้เป็นดาราหรือนักร้องที่จะมีลายเซ็นสำหรับเซ็นให้กับแฟนคลับ แต่พอโดนขอโดนรบเร้าบ่อยๆ ในที่สุดฮยอกแจก็ต้องมีลายเซ็นต์สำหรับแฟนคลับเป็นของตัวเองจนได้ จนถึงทุกวันนี้หลังจากจัดรายการเสร็จ การแจกลายเซ็น ถ่ายรูปกับแฟนๆ และรับของขวัญจากคนนู้นคนนี้กลายเป็นเรื่องปกติของเขาไปเสียแล้ว





    เวลาผ่านไปเกือบ30นาที ฮยอกแจจึงหลุดออกมาจากวงล้อมของเหล่าแฟนๆ เขายิ้มหวานและโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปยังรถของตนที่จอดอยู่ที่หน้าตึก ฮยอกแจถือของที่ได้มาจากแฟนๆเต็มมือทั้งสองข้าง เมื่อเดินมาถึงตัวรถเขาก็วางของทั้งหมดลงที่กระโปรงหน้ารถก่อนจะล้วงมือเข้าไปควานหากุญแจรถในกระเป๋า จากนั้นก็กดเปิดล็อกและหอบของทั้งหมดที่ได้มาไปไว้ที่เบาะหลัง ก่อนจะขับรถออกไปอย่างช้าๆ





    .........คิดถึงทงเฮจัง..........





    อยู่ๆความคิดนี้ก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขาอย่างเฉียบพลัน ฮยอกแจเองก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เพราะในเวลาที่ภารกิจทุกสิ่งทุกอย่างของวันจบสิ้น ความคิดนี้ก็มักจะโผล่ขึ้นมาเสมอๆ





    "สามปีกว่าแล้วนะ..........ฉันจะทนคิดถึงนายไปได้อีกนานแค่ไหนกัน~" ฮยอกแจขับรถเอื่อยเฉื่อย มองถนนที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า




    "ไปดูหนังดีมั๊ยนะ............." ฮยอกแจพึมพำ�




    "เฮ้อ~~~ ไปดูซักหน่อยก็ได้....... นายจะมานั่งดูกับฉันมั๊ยทงเฮ........." ฮยอกแจพูดไปก็รู้สึกว่ามีนำ้เอ่อขึ้นมาในดวงตาของตัวเองน้อยๆ เขาหักเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกก่อนจะขับตามทางไปเรื่อยจนถึงโรงหนังที่ไปเป็นประจำด้วยความเคยชิน








    โรงหนัง�





    ฮยอกแจเลือกหนังโรแมนติกอย่างที่ทงเฮชอบ เขาซื้อตั๋วหนังสองที่ติดกันก่อนจะเดินเอื่อยเฉื่อยไปยังโซนขายของกินหน้าโรงหนัง�









    "เอาป๊อปคอร์นเมก้าชีส 1 ครับ! แล้วก็........."





    "โกโก้ปั่น!!! ใช่มั๊ยครับพี่" พนักงานขายพูดสวนขึ้นมา





    "อ่อ! ครับ....คุณจำได้ด้วยเหรอ?" ฮยอกแจถามพนักงานขายอย่างสงสัย





    "จำได้สิครับ ก็พี่มาดึกๆแบบนี้ประจำ แถมยังสั่งแบบนี้ประจำด้วย ทำไมผมจะจำไม่ได้^___^" พนักงานพูดและยิ้ม





    "อ่อ! นั่นสินะ~" ฮยอกแจพยักหน้าช้าๆ





    "นี่ครับได้แล้ว~!" พนักงานขายพูดพลางวางกล่องป๊อปคอร์นและโกโก้ปั่นบนเคาท์เตอร์





    "ขอบคุณครับ" ฮยอกแจยื่นเงินที่พอดีกับราคาให้อย่างคุ้ยเคยก่อนจะถือของทั้งสองอย่างเดินเข้าโรงหนังไป





    ฮยอกแจนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนุ่มในโรงหนัง เขาเลือกวางโกโก้ปั่นไว้ฝั่งขวามือและวางกล่องป๊อปคอร์นไว้บนตัก ขณะที่หนังกำลังเริ่มฉาย สายตาของเขาก็เหลือบไปมองที่นั่งว่างเปล่าฝั่งขวามือซึ่งเขาเองที่เป็นคนซื้อตั๋วสำหรับอีกที่มาด้วย เพื่อเพียงหวังว่าซักวันจะได้เห็นคนที่เคยนั่งตรงนั้นอีกครั้ง.....





    ฮยอกแจถอนสายตาจากเก้าอี้ว่างเปล่าข้างตัว เอนหัวพิงเบาะและมองไปยังจอฉายหนัง พลางซึมซับเรื่องราวที่ไหลไปตามฟิล์ม�





    หนังเรื่องนี้มันช่างเศร้า...........





    นางเอกและพระเอกรักกันมากๆ.......





    นางเอกไม่สบายหนัก........แต่พระเอกก็ยังทิ้งไป�





    สุดท้ายนางเอกก็จบลงด้วยความตาย.........





    ถ้าสมองของฮยอกแจไม่ได้เลอะเลือนจนเกินไป เขาก็จำได้ว่า หนังเรื่องนี้ที่เขากำลังนั่งดูอยู่ เป็นเรื่องเดียวกันกับเมื่อ3ปีก่อน........ เพียงแต่เป็นหนังรีเมคเท่านั้น





    หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องสุดท้าย.......ที่เขากับทงเฮดูด้วยกัน!!





    เมื่อหนังจบลง ไฟในโรงก็สว่างขึ้นมาฮยอกแจลุกขึ้นช้าๆ หันมองเก้าอี้ตัวข้างขวาอีกครั้ง ก่อนจะตระหนักได้ว่าดวงตาของเขามองได้ไม่ชัดเจนนัก เขายกมือขึ้นทำท่าจะขยี้ตา แต่เมื่อมือของเขาสัมผัสถูกขอบตาก็รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่เกิดขึ้น





    เขาร้องไห้ตั่งแต่เมื่อไหร่กัน..........





    ฮยอกแจขมวดคิ้ว เอามือปาดนำ้ตาออกอย่างลวกๆ และเดินออกจากโรงหนังไป ด้วยจิตใจที่คิดถึงใครอีกคนจนทนแทบจะไม่ไหว





    ตอนนี้เขาอยากจะไปอยู่กับทงเฮเสียเหลือเกิน.........








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×