ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #68 : เล่ม 3 - ตอนที่ 31 - นายพรานในป่าใหญ่ (3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 875
      0
      16 พ.ย. 50

    ชานอนเดินเข้ามาสนทนากับสตีเฟ่นในห้องส่วนตัว บรรยากาศในช่วงเช้าของสำนักข่าวพิราบรายวันเป็นที่น่าเศร้าสลดยิ่งนัก พวกเขาสูญเสียบรรณาธิการฝีมือดีผู้เป็นที่เคารพรักของพนักงานไป
                    ประธานสำนักข่าวพิราบรายวันอยู่ในชุดทำงานสีดำสนิท ยืนหันหลังให้กับโต๊ะเขียนหนังสือกว้างหนึ่งวา ทอดสายตาไปยังเบื้องนอกของหน้าต่างบานใหญ่ที่ทำจากกระจกเนื้อดี โดยมีลาโทน่ายืนอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวาก้าวหนึ่งประดุจเงาตามตัว องครักษ์สาวผู้นี้ใส่ใจในหน้าที่อารักขา แม้ตัวนางจะบาดเจ็บกลับมาในการต่อสู้กับซิฟเฟอร์ก็ยังคงปกป้องผู้เป็นนายอย่างดีที่สุด
                    ชานอนก้าวเข้ามาที่โต๊ะทำงานหยุดลงที่ตำแหน่งตรงกันข้ามกับสตีเฟ่น ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากอะไรสตีเฟ่นพลันหันหลังกลับมา กล่าวว่า “เชิญนั่งก่อน ครูชานอน” จากนั้นจึงเลื่อนเก้าอี้ทำงานนั่งลงในตำแหน่งของเขา ผายมือให้ชานอนนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งลาโทน่ายังคงยืนอยู่ด้านหลังในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
                    ชานอนกล่าวขอบคุณคำหนึ่ง นั่งลงแล้วกล่าวต่อไปว่า “เรียกข้าว่าชานอนเฉยๆจะดีกว่า ที่ข้ามาหาเจ้าในที่นี้มีสาเหตุเพียงเรื่องเดียวนั่นคือการตอบโต้พวกอัศวินดำ แต่ก่อนที่จะเข้าเริ่มข้าอยากจะถามความเห็นและการตัดสินใจของเจ้าก่อน ในตอนนี้เจ้ามีแผนจะทำอะไรต่อไป?
                    นัยน์ตาสีน้ำตาลของสตีเฟ่นระบุความแน่วแน่ในส่วนลึกของจิตใจ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าวว่า “ย่อมต้องวางแผนแก้แค้นให้กับสตาร์ สิ่งที่ข้าต้องการมิใช่แค่อัศวินดำที่ชื่อพริมหรือผู้ที่ทำร้ายน้องข้าให้ถึงแก่ชีวิต แต่เป็นการล่มสลายของเวอร์น่อนและพรรคพวกที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ความจริงเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ความผิดของอัศวินดำผู้นั้นเพราะพวกเขาจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเวอร์น่อน หนี้โลหิตบัญชีนี้ต้องจดไว้ที่มันเพียงคนเดียว ข้าจะต้องทำให้บารมีและอำนาจของมันสูญสิ้นทั้งหมดจึงจะถือว่าการแก้แค้นได้ยุติ”
                    ชานอนได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นก็ทราบแน่นอนว่าบุรุษฉกรรจ์วัยสามสิบตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะรามือจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ นอกเสียจากจะดับสลายกันไปข้างหนึ่ง จึงกล่าวว่า “สิ่งที่พวกเราทำได้ตอนนี้มีอะไรบ้าง? ข้าเองอยากจะทราบขุมกำลังของเจ้า”
                    สตีเฟ่นฝืนยิ้มกล่าวว่า “ข้าเองเป็นนักข่าวทำงานเฉกเช่นพ่อค้าขายข่าวคนหนึ่งจะมีขุมกำลังส่วนตัวได้อย่างไร? ในหมู่ผู้คนทั้งสำนักข่าวก็มีเพียงแต่ข้า ลาโทน่าและพ่อบ้านโรเมโร่ที่มีฝีมือติดตัว หากเป็นผู้อื่นคงไม่อาจจะรับมืออัศวินดำได้แม้ครึ่งท่าหนึ่งกระบวนเพลง ข้าเชื่อว่าการที่เจ้ามาหาข้าในครั้งนี้ย่อมต้องมีแผนการกำหนดไว้ในใจ ขอรบกวนช่วยเรียนบอก”
                    ชานอนเสนอว่า “เจ้าคิดเช่นใดหากพวกเราใช้ช่องทางสื่อของเจ้าเป็นอาวุธ ทำสงครามกับพวกมันโดยการแฉข่าวเรื่องเวอร์น่อนกำลังก่อการกบฏออกไป”
                    โดยปกติแล้วเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งที่ชานอนผู้เป็นคนนอกจะแนะนำให้ผู้อื่นใช้ช่องทางทำมาหากินของตนเองเป็นเครื่องมือ แต่ด้วยโอกาสที่สตีเฟ่นจงใจเปิดให้นางจึงเสนอออกไป
                    สตีเฟ่นส่ายศีรษะกล่าวว่า “ข้าอยากจะทำเช่นนั้นแทบตาย แต่พอผ่านการทบทวนความคิดในเรื่องนี้มาคืนหนึ่งเต็มๆ ในที่สุดก็ตัดสินใจว่ามิอาจใช้ช่องทางสื่อเป็นอาวุธตอบโต้โดยเด็ดขาด ซึ่งมีเหตุผลสำคัญสองประการสนับสนุนการตัดสินใจเช่นนี้”
                    ชานอนยังไม่เข้าใจว่าสตีเฟ่นมีเหตุผลอะไร หากเป็นนางคงจะลงมือแฉข่าวของเวอร์น่อนออกไป ให้พวกมันได้รับผลกระทบใหญ่หลวงต่อปฏิบัติการในวันเปิดประชุมประจำปี เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปจะกระตุ้นเตือนให้ผู้ปกครองอาณาจักรอีกสองคนตั้งตัวได้สำเร็จ ยัดเยียดความปราชัยให้กับเวอร์น่อนสักครั้งหนึ่ง จวบจนเมื่อครู่ที่นางได้ยินว่าสตีเฟ่นมีเหตุผลสำคัญสองประการจึงเปิดใจรับฟัง โดยไม่กล่าวโต้แย้งใดๆ นี่เป็นหนึ่งในลักษณะเฉพาะตัวที่หาได้ยากในบรรดาผู้มีฝีมือเป็นเลิศ ซึ่งการเปิดใจรับฟังความคิดเห็นโดยไม่มีอคตินี้ร้อยทั้งร้อยจะนำไปสู่ข้อสรุปที่ดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง
                    สตีเฟ่นกล่าวอธิบายเหตุผลของตนว่า “ประการแรกคือเรื่องของการเมืองการปกครองภายใน การปกครองภายในสหพันธรัฐแห่งนอร์เป็นประเด็นที่พวกเราชาวมิสต์ไม่สมควรจะเข้าไปก้าวก่าย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อสมาชิกผู้รับข่าวสารเป็นอย่างมาก สำนักข่าวของเราล้วนส่งพิราบสื่อสารให้กับชนชั้นปัญญาชนทั้งสิ้น หากพวกเขาตีความไปอีกแบบหนึ่งเข้าใจว่าสำนักข่าวพิราบรายวันตั้งใจยุยงให้รัฐภายในของอาณาจักรนอร์แตกแยก การกระทำเช่นนี้จะเป็นการเสียเปล่า อีกทั้งถือเป็นการขาดทุนเสียด้วยซ้ำ ข่าวสารจะดูไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป และเป็นการส่งผลให้คะแนนความนิยมของผู้ปกครองจอห์นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสำนักข่าวพิราบรายวันลดต่ำลง สมาชิกสภาภายใต้การควบคุมของจอห์นอาจจะหันเหไปเป็นอื่น เช่นไปฝักใฝ่กับกลุ่มของเวอร์น่อน ด้วยเหตุนี้จะทำให้อำนาจและคะแนนเสียงในสภาของเวอร์น่อนมากขึ้นโดยปริยาย หากคะแนนเสียงของกลุ่มมันมากเกินกว่ากึ่งหนึ่ง การปฏิวัติอะไรนี่ก็ไม่จำเป็นต้องกระทำอีก พวกมันสามารถรวมหัวยกมือผ่านมติทุกอย่างที่เวอร์น่อนต้องการ เป็นการฮุบอาณาจักรนอร์ไว้ในกำมือโดยมิต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย หลังจากนั้นพวกมันคงจะรวมหัวกันประนามสำนักข่าวพิราบรายวันว่าเป็นต้นตอของเรื่องนี้ พาดพิงไปถึงการเมืองระหว่างประเทศคือรัฐอิสระนครมิสต์และสหพันธรัฐแห่งนอร์ อาศัยข้อนี้เล่นแง่เป็นข้ออ้างในการยกทัพข้ามประเทศมาก่อสงคราม เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าน้ำผึ้งหยดเดียวอาจจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ... กว้างเกินกว่าที่เจ้าจะนึกถึงก็เป็นได้”
                    เมื่อชานอนรับฟังเหตุผลข้อแรกก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ การเมืองการปกครองเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนจริงๆ นางเองในฐานะครูของโรงเรียนเซนต์เอลลิสไม่เคยอยู่ในแวดวงการเมืองมาก่อนย่อมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของวงการนี้ ขณะที่ชานอนใช้ความคิดอยู่สตีเฟ่นก็เอ่ยปากบอกเหตุผลที่สองต่อไป
                    สตีเฟ่นกล่าวว่า “เหตุผลที่สองคือ การกระทำเช่นนี้รังแต่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งมีโอกาสจะทำให้อสรพิษร้ายวกคมเขี้ยวกลับมาแว้งกัดพวกเราอีกต่อหนึ่ง เวอร์น่อนไม่จำเป็นที่จะต้องกำหนดวันปฏิวัติเป็นวันเปิดประชุมสภาสักนิด ในเมื่อมีกำลังพล เสบียงและยุทโธปกรณ์เพียบพร้อม พวกมันสามารถเลื่อนวันก่อการไปเป็นวันที่เท่าใดก็ได้ เพียงแต่วันที่เหมาะสมที่สุดอาจเป็นวันเปิดประชุมสภาที่จะถึงนี้ หากพวกเราโจมตีด้วยข่าวไปแล้วพวกเวอร์น่อนยืนการปฏิเสธ พวกเราก็ไม่มีหลักฐานอันใดไปเอาผิดพวกมันได้เพราะการก่อการใดๆทั้งปวงยังมิได้เกิดขึ้น เรื่องทั้งหลายที่พวกเราประสบล้วนเป็นการลงมือผ่านบุคคลที่สาม อาทิเช่นการที่มันลงมือสังหารสตาร์ถือเป็นคดีความส่วนบุคคลระหว่างหนึ่งในสมาชิกอัศวินดำกับสำนักข่าวพิราบรายวันของเรา ไม่มีวันที่จะสืบสาวเท้าความไปจนถึงตัวเวอร์น่อนแม้แต่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นข้าเองกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของพนักงานที่ข้าชุบเลี้ยงไว้หลายร้อยชีวิต พวกเขามิได้มีความผิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเวอร์น่อนตัดสินใจสั่งให้อัศวินดำลงมือใช้โลหิตล้างสำนักข่าวของเราถึงขั้นยกกำลังมาเต็มอัตรา ไม่มีทางใดเลยที่พวกเราจะต่อกรได้โดยไม่ได้รับความสูญเสีย ผู้สูญเสียอาจไม่ใช่พวกเราแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ตาดำๆที่ทำงานรับใช้สำนักข่าวด้วยปณิธานอันแน่วแน่ รับเงินค่าจ้างไม่กี่เหรียญเลี้ยงดูครอบครัวหลายชีวิต ตัวข้าเองเสียใจในเรื่องของสตาร์มากเพียงพอแล้ว ข้าไม่ต้องการให้พนักงานในสำนักข่าวประสบกับการสูญเสียเช่นเดียวกันนี้”
                    ชานอนรับฟังเหตุผลข้อที่สองถึงกับนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก นางในฐานะที่ไม่ได้เป็นเจ้าขุนมูลนายของใครจึงมิเคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย เพียงยึดติดกับคำว่าแค้นมีเป้าหนี้มีเจ้าหนี้มาตลอดโดยไม่คิดถึงว่า หากฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจคำกล่าวประโยคนี้ เล่นงานญาติสนิทมิตรสหายคนใกล้ชนิดให้ตายตกไปทีละคนสองคน คงไม่มีทางที่จะคุ้มครองพวกเขาได้หมด นับว่านางยังด้อยประสบการณ์การบริหารคนหมู่มาก และการตอบโต้โดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ใดๆ ใช่ว่าการที่มีอำนาจของสื่อเอาไว้ในมือแล้วจะกระทำการใดๆได้ตามใจชอบ
                    ชานอนระบายลมหายใจออกจากปาก กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลทั้งสองข้อของเจ้า นับว่าพวกเราไม่สมควรจะเดินหมากเช่นนี้จริงๆ เดิมทีข้าตระเตรียมจะใช้สื่อกลางข่าวสารสู้กับพวกมันโดยการทำสงครามจิตวิทยา แต่คงจะเป็นไปมิได้เสียแล้ว”
                    สตีเฟ่นตั้งข้อศอกทั้งสองลงบนโต๊ะประสานมือเข้าด้วยกันบริเวณใต้ขอบตา มองชานอนด้วยสายตาแห่งความเอาจริงเอาจัง กล่าวว่า “หนทางแก้ไขปัญหานี้มิได้มีหนทางเดียว”
                     “หนทางอันใด?
                     “เจ้าลืมไปแล้วหรือ เรื่องที่เจ้าเสนอในสาขาย่อยของโรงเรียนเซนต์เอลลิสเมื่อวาน” เขาปล่อยให้ชานอนนึกอยู่สักพักพอที่จะทบทวนความเดิมได้ แล้วจึงกล่าวว่า “ข้าจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ปล่อยให้อัศวินดำหมายเลขสี่มาติดกับ จากนั้นพวกเราสี่คนก็จะร่วมมือกันวางกับดักไว้ให้ทั่ว หาทางกำจัดมันในคราเดียว นับเป็นก้าวแรกในการริดรอนอำนาจของพวกมัน”
                    รอยยิ้มของชานอนปรากฏขึ้นที่มุมปาก ความเชื่อมั่นของนางกลับคืนมาอีกครั้ง สมองอันปราดเปรียวล่วงรู้ทันทีว่าสมควรทำอย่างไร การตอบโต้กำลังจะเริ่มขึ้น
    บัดนี้ถึงเวลาที่จะให้บทเรียนกลับคืนสู่เหล่าอัศวินดำบ้างแล้ว!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×