ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #63 : เล่ม 2 - ตอนที่ 20 - มุ่งหน้าสู่แองเจล (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 826
      1
      10 พ.ย. 50

    หลังจากที่ไกพบกับชานอน เขาเตรียมการเรื่องรถม้าจนเสร็จสิ้นแล้วจึงกลับมาพักผ่อนที่บ้านจนตะวันตกดิน
    ไกกำลังจะเดินไปล้างหน้าล้างตาตระเตรียมที่จะออกเดินทางระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น บลูกับพริมกลับมาถึงแล้ว ทั้งสองเดินเที่ยวรอบเมืองและทะเลสาบมรกตจนเหน็ดเหนื่อย พริมได้กำไลข้อมือสีเขียวอันใหม่วงหนึ่งทำจากหยกเนื้อดี ไกบอกให้ทั้งสองรีบไปอาบน้ำแล้วเตรียมพร้อมให้เรียบร้อยสำหรับการเดินทางในคืนนี้
    มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านบนกล่าวว่า บลู พริม กลับมาแล้วหรือ
    ไกกล่าวด้วยความสงสัยว่า อ้าว ลูทกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
    ลูทกล่าวตอบว่า ข้ามาถึงที่นี่ตั้งแต่เที่ยงแล้ว พอดีข้ากำลังประดิษฐ์ของบางอย่างอยู่ด้านบนจึงไม่ได้ลงมาหาเท่านั้นเอง
    ตั้งแต่ลูทเดินกลับมาจากทะเลสาบมรกตเขาก็มีจิตใจที่แจ่มใสขึ้น ถ้าหากเขายังวิตกเรื่องที่ใช้เอลไม่ได้เขาก็จะไม่มีทางพัฒนาตัวเองได้เลย ศาสตราไร้สภาพเป็นเหมือนเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลสุดเอื้อม ในเมื่อเขาไม่สามารถเรียนรู้มันได้ในระยะเวลาสองอาทิตย์ก็ช่างประไร ลูทยังมีความสามารถในการพัฒนาตนเองด้านอื่นอยู่ วิชากระบี่และการประดิษฐ์ยังเป็นสิ่งที่เขาทำได้และจะต้องทำมันให้ดียิ่งขึ้น
    ไกถามต่อไปว่า แล้วเจ้าเข้ามาได้อย่างไรกัน
    ลูทยิ้มคราหนึ่งชูพวงกุญแจในมือให้ไกและเพื่อนคนอื่นดู กล่าวว่า กุญแจพวงนี้ข้าสร้างไว้ตั้งแต่หลายปีก่อน ถ้าเป็นกลอนประตูธรรมดาที่ประกอบขายกันตามท้องตลาดทั่วไปล่ะก็ไม่มีบานใดที่ข้าเปิดไม่ได้
    ไกส่ายหน้าครั้งหนึ่งกล่าวว่า ถ้าหากเจ้าประดิษฐ์กุญแจแบบนี้ไปขายในตลาดมืด เห็นทีพวกมือปราบอย่างข้าคงจะไม่มีเวลาแม้แต่จะหลับนอน
    ลูทกล่าวต่อไปว่า ไม่ต้องกังวลหรอกพี่ไก ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้นถึงเขาจะเก่งเรื่องการประดิษฐ์สักเพียงใดเขาก็ไม่กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม หรือสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นลำบากเดือดร้อน นั่นเป็นนิสัยส่วนตัวของลูทที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขมิได้
    บลูถามลูทว่า แล้วเจ้าประดิษฐ์อะไรตั้งแต่เที่ยงจนป่านนี้
    ลูทยักไหล่ครั้งหนึ่งกล่าวว่า เครื่องทุ่นแรงชนิดหนึ่งน่ะ แต่สงสัยต้องใช้เวลาอีกวันกว่าจะเสร็จ ข้ากะว่าจะเอาไปทำต่อในรถม้า เจ้าช่วยขับรถแทนข้าทีนะ
    บลูมองหน้าลูทด้วยสีหน้าชนิดที่ปฏิเสธมิได้ เขารู้ว่าหากเพื่อนของเขาจะประดิษฐ์อะไรสักอย่างหนึ่ง ต่อให้ใช้ม้าศึกสิบตัวมาฉุดก็รั้งไว้ไม่อยู่ เขาจึงกล่าวว่า ก็ได้ คราวนี้ข้าขับส่วนคราวหน้าเจ้าอย่าบ่ายเบี่ยงก็แล้วกัน
    ลูทยิ้มกริ่มกล่าวว่า ขอบใจเจ้ามากเพื่อนยากจากนั้นหันไปถามไกว่า พวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อไรดี พี่ไกวางแผนเอาไว้ก่อนแล้วใช่ไหม
    ไกพยักหน้ารับคำจากนั้นจึงกล่าวว่า เวลาสามทุ่มตรงในคืนนี้จะเป็นเวลาเปิดการแสดงของยอดหญิงยูกิ ก่อนหน้านั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงถนนหนทางจะวุ่นวายมากที่สุด ข้าได้จัดการตบแต่งรถม้าให้มีลวดลวยคล้ายคลึงกับรถที่พวกราชนิกูลชั้นสูงชอบว่าจ้าง ถ้าพวกเราอาศัยจังหวะชุลมุนที่เวรยามไม่สะดวกกับการตรวจสอบแล่นผ่านไปก็คงจะปลอดภัย ที่สำคัญที่สุดข้าเองมีบัตรผ่านประตูของรถม้ารับจ้างที่ถูกกฎหมายอยู่ฉบับหนึ่ง หากแม้นโชคไม่เข้าข้างถูกดักสกัด พวกเราเพียงแสดงบัตรผ่านประตูนี้ก็จะหลุดรอดไปได้อย่างสบาย
    พริมสงสัยจึงถามว่า พี่ไกได้มาได้อย่างไร ไม่เห็นเคยบอกพวกเราสักคำ
    ไกกล่าวตอบว่า นี่เรียกว่าทำงานมานานจึงมีเส้นสายอยู่บ้าง ข้าขอให้มือปราบท้องถิ่นช่วยจัดหาให้ บัตรนี้เป็นของแท้มิได้ผ่านการปลอมแปลงใดๆ พวกทหารยามไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาผิดใดๆกับเราได้
    บลูคิดถึงเรื่องการอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีก็รู้สึกไม่ถูกต้อง เขากล่าวว่า “ในเมื่อพวกเราออกเดินทางก่อนที่การแสดงจะเริ่ม รถม้าส่วนใหญ่ก็สมควรที่จะสวนทางกับพวกเราไม่ใช่หรือ หากพวกเราออกไปเพียงคันเดียวแทนที่จะอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนี อาจจะตกเป็นเป้าสายตาของยามระวังภัยก็เป็นได้”
    ไกหัวร่อฮาๆแล้วจึงกล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงอย่างไรล่ะ เจ้ารู้ไหมว่าพวกราชนิกูลบางคนที่จ้างรถม้ามาจากหมู่บ้านในละแวกนอกเมือง หลังจากที่คนขับมาส่งแล้วก็จะรับคนจากเมืองนี้กลับไปยังต้นสังกัดเป็นการทำรายได้อีกต่อหนึ่งทั้งขาไปและขากลับ พอใกล้เวลางานดนตรีเลิกผู้ขับรถรับจ้างค่อยวกรถม้ากลับมารับคนพวกนั้นก็ยังไม่สาย ด้วยเหตุผลเช่นนี้จึงมีรถม้าแล่นสวนทางออกไปจำนวนพอสมควร พวกเราสามารถอ้างตัวปะปนออกไปได้อย่างไม่ยากเย็น”
    พอไกกล่าวถึงตรงนี้ผู้คนทั้งสี่ต่างก็ร้องขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน แผนการของไกจึงนับว่าแนบเนียนไร้ช่องโหว่
    ในเมื่อบลูจะต้องเป็นคนขับรถจึงสอบถามเส้นทางกับไกว่า พี่ไกพรุ่งนี้เราจะใช้เส้นทางไหนกัน ข้าจะได้เตรียมตัวขับถูก
    ไกกล่าวว่า หลังจากที่พวกเราออกจากประตูด้านทิศเหนือไปแล้วก็จะขับตามถนนมุ่งขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ เป้าหมายแรกของเราคือจุดเปลี่ยนม้าซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองโอดินกับเมืองแองเจล ใช้เวลาเดินทางประมาณสิบสองชั่วโมง ถ้าจะตีเป็นเวลาก็ประมาณแปดเก้าโมงเช้าพวกเราสมควรจะรุดถึงที่นั่น
    บลูกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นข้าจะรับช่วงหกชั่วโมงครึ่งหลังต่อจากพี่ไกก็แล้วกัน
    ไกพยักหน้ากล่าวตกลง ระหว่างที่พวกผู้ชายสามคนคุยกัน พริมก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม เวลาผ่านไปไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
    บลูเห็นโรสเดินเข้ามาจึงกล่าวว่า เป็นอย่างไรบ้างโรส ครูชานอนสอนเจ้าดีไหม
    โรสพึ่งกลับมาถึงกำลังถอดรองเท้าก็กล่าวตอบว่า ครูชานอนแนะนำสิ่งดีๆหลายอย่างให้กับข้า โชคดีที่ข้ามีโอกาสพบกับนางในวันนี้
    เสื้อผ้าของโรสเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและตามร่างกายก็มีรอยบาดแผลจางๆอยู่หลายแห่ง ขอบเสื้อและกางเกงบางส่วนมีรอยฉีกขาดแสดงให้เห็นว่าการฝึกวันนี้ช่างหฤโหดปานใด
    ลูทเห็นท่าทางของโรสเหนื่อยอ่อนราวกับผ่านศึกสงครามมาครั้งหนึ่งจึงกล่าวว่า อย่าพึ่งถามเลย รีบไปอาบน้ำก่อนเถอะ
    โรสเดินโซซัดโซเซเหมือนทหารที่ผ่านศึก บุรุษหนุ่มทั้งสามต่างจินตนาการไม่ถูกว่าเหตุใดครูชานอนถึงได้เคี่ยวกรำโรสถึงขนาดนี้
     
    ณ ตึกบัญชาการของค่ายทหาร มีการประชุมใหญ่ของบรรดาเหล่าอัศวินดำ
    ในห้องมีผู้คนนั่งอยู่ทั้งหมดสี่คนเป็นบุรุษสองคนสตรีสองคนล้วนแล้วแต่เป็นอัศวินดำทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นเป็นรองหัวหน้าหน่วยอัศวินดำคอร์เนเลียที่รับหน้าที่บัญชาการกองกำลังรอบบริเวณเมืองโอดินทั้งหมด อีกสองคนเป็นอัศวินดำอันดับเจ็ดและแปดที่ปฏิบัติงานร่วมกันเป็นอย่างดีคือโทมัสและลีโซลมี บุคคลสุดท้ายเป็นชายผิวดำไม่มีผมบนศีรษะแม้แต่เส้นเดียวรูปร่างใหญ่โตบึกบึน มีส่วนสูงเกือบสองเมตรดำรงตำแหน่งอัศวินดำหมายเลขสามนามว่าเอริค
    เอริคเอ่ยปากถามคอร์เนเลียว่า ทำไมทานากะยังไม่มาอีก
    คอร์เนเลียตอบว่า ข้าส่งเขาไปทำงานพิเศษรายหนึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณวันหนึ่งถึงจะสำเร็จลุล่วง
    เอริคถามต่อว่า ลอบสังหารอย่างนั้นหรือ
    คอร์เนเลียถามย้อนกลับไปว่า มีอะไรที่เหมาะสมกับทานากะมากกว่าภารกิจนี้อย่างนั้นหรือ
    อัศวินดำที่ถูกส่งมาประกอบภารกิจที่เมืองโอดินและเจนีสเหนือมีทั้งหมดห้าคนด้วยกัน โดยจะให้คอร์เนเลียบัญชาการอยู่ที่เมืองโอดินและเอริคบัญชาการอยู่ที่เมืองเจนีสเหนือ ส่วนทานากะ ลีโซลมีและโทมัสจะเป็นผู้ร่วมปฏิบัติงานตามคำสั่งของทั้งสอง
    เอริคยิ้มที่มุมปากผงกศีรษะที่ล้านเลี่ยนกล่าวว่า ดูเหมือนพวกเราจะทำงานพลาดที่ปล่อยให้ไกหลุดรอดไปได้ ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้าในเรื่องเมื่อคืนทั้งนี้ข้าเองก็มีส่วนรับผิดชอบเช่นกัน ข้าคิดไม่ถึงว่ามันจะเอาตัวรอดจากการลอบสังหารของข้าและทานากะไปได้ ทั้งๆที่พวกเราคำนวณจังหวะเวลาอย่างแม่นยำ
    คอร์เนเลียกล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงชั่วคราว ข้าได้เตรียมแผนการเอาไว้แล้ว พวกมันรับรองว่าจะต้องประสบชะตากรรมในไม่ช้า ถึงแม้ว่าพวกมันจะหนีรอดไปได้ในครั้งก่อน ข้าเองยังเชื่อมั่นว่าพวกมันจะต้องมุ่งหน้าไปที่เมืองแองเจล
    เอริคถามว่า เพราะเหตุใดเจ้าถึงมั่นใจปานนั้น
    คอร์เนเลียยิ้มพลางกล่าวว่า ข้าได้สั่งกองกำลังปิดเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังนครหลวงนอร์โปลิสทั้งหมด โดยสั่งให้ตรวจค้นรถม้าและสัมภาระทุกชิ้น จนถึงบัดนี้ยังไม่พบเรื่องผิดปกติอันใดเป็นที่แน่ใจได้ว่าพวกมันต้องอยู่ที่เมืองโอดินหรือไม่ก็กำลังเดินทางขึ้นไปยังแองเจล
    เอริคตอบด้วยความเชื่อมั่นว่า พวกมันไม่มีทางหนีลงใต้ไปได้ ตั้งแต่ประตูเมืองโอดินลงไปถึงเมืองเจนีสเหนืออยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของข้า ไม่มีสิ่งใดที่จะรอดพ้นหูตาของทหารหลายพันคนไปได้
    คอร์เนเลียกล่าวต่อไปว่า ดังนั้นเรื่องนี้สามารถพักเอาไว้ได้ชั่วคราว ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งสามคนมาประชุมกันในวันนี้ก็เพื่อจะเล่าภารกิจโดยรวมให้ฟัง ข้าพึ่งจะได้รับจดหมายจากพิราบสื่อสารในตอนเช้าวันนี้ เซเบอรอสส่งข่าวมาว่าท่านเวอร์น่อนกับเขาเตรียมแผนการที่จะยึดครองนอร์โปลิสไว้เสร็จสิ้นแล้ว เป้าหมายหลักของพวกเราคือผู้ปกครองอาณาจักรจอห์นและคาร์ลทั้งสองคนและได้รับมอบหมายภารกิจเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น
    ก่อนหน้าเหล่าอัศวินดำได้รับภารกิจให้มีหน้าที่ประสานงานและยึดควบคุมพื้นที่โอดินและเจนีสเหนือ รวมไปถึงการลอบสังหารมือปราบไกเพื่อที่จะให้มั่นใจได้ว่าดินแดนภาคตะวันตกจะต้องตกอยู่ในกำมือของเวอร์น่อน ถึงแม้ว่าภารกิจการลอบสังหารมือปราบไกจะไม่สำเร็จลุล่วงแต่อัศวินดำทั้งห้าก็วางกำลังเต็มอัตราศึกพร้อมที่จะยึดเมืองโอดินและเจนีสเหนือทั้งสองได้ทุกเมื่อ เรื่องนี้นับว่าบรรลุเป้าหมายหลักแล้ว
    ส่วนภารกิจรองคือการค้นหากุญแจแห่งพิภพที่สาบสูญไป ซึ่งเวอร์น่อนและเซเบอรอสต่างก็มิได้เล็งผลเลิศเท่าใดนัก แต่ถ้าหากกุญแจแห่งพิภพปรากฏขึ้นอีกครั้งในดินแดนละแวกเมืองเจนีสเหนือ พวกเขาจะต้องได้ครอบครองหนึ่งในศาสตราคู่กู้แผ่นดิน
    เอริคถามว่า ภารกิจอะไรอย่างนั้นหรือ
    คอร์เนเลียกล่าวตอบว่า เพื่อให้ภารกิจการปฏิวัติครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พวกเราจะต้องกำจัดแนวร่วมของจอห์นออกไปทั้งหมด โดยแนวร่วมที่สำคัญที่สุดก็คือมือปราบชั้นหนึ่งที่ขึ้นตรงกับจอห์น
    เอริคกล่าวว่า มือปราบชั้นหนึ่งทั้งสามไม่ใช่บุคคลที่พวกเราจะตอแยได้โดยง่าย ตัวอย่างที่มีให้เห็นแล้ว ขนาดพวกเราลงมือถึงสองหนยังปล่อยให้ไกฝ่าวงล้อมออกไปได้
    ครั้งแรกเอริคกล่าวถึงคือครั้งที่เขาและทานากะลงมือจู่โจมพร้อมกันที่เมืองเจนีสเหนือ ซึ่งครั้งนั้นถูกไกตีโต้กลับไปได้ ส่วนครั้งที่สองคือศึกการต่อสู้กับคิเมร่าที่คอร์เนเลียนำกำลังไปล้อมจับแต่ถูกเอลของบลูและสัตว์มายาของพริมก่อกวนทำลายแผนการผลที่สุดทำให้ไกฝ่าวงล้อมหนีไปได้สำเร็จ
    คอร์เนเลียตอบว่า นั่นเป็นเพราะไกมีผู้ช่วยที่พวกเราคาดไม่ถึงมาก่อน ... ลีโซลมี เจ้าเคยปะทะกับพวกมันมาครั้งหนึ่งใช่ไหม ช่วยเล่ารายละเอียดให้ข้าและเอริคฟังอีกครั้งหนึ่ง
    ลีโซลมีพึ่งจะมีโอกาสได้กล่าววาจาเป็นครั้งแรก ในการประชุมอัศวินดำผู้ที่มีสิทธิ์กล่าววาจาโดยส่วนใหญ่ก็คือพวกที่มีอันดับต้นๆ สำหรับอัศวินดำลำดับล่างถ้าหากไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องรายงานก็เป็นธรรมดาที่จะต้องนั่งสงบปากสงบคำจนกว่าจะมีคนใดคนหนึ่งเปิดโอกาสให้พูด
    ลีโซลมีตอบว่า พวกมันเป็นบุรุษหนุ่มสตรีสาวมีจำนวนทั้งหมดสามคนเป็นชายสองคนหญิงหนึ่งคน ข้าคาดว่าผู้ชายผมสีน้ำเงินในกลุ่มของพวกมันเป็นบุคคลในสังกัดของกองกำลังประสานเจนีสที่มีชื่อว่าบลู พอจะมีความสามารถทางการใช้เอลได้ดีทีเดียวถึงขนาดทำให้โทมัสต้องดึงพลังนิลอวตารจากผลึกนิลมาใช้โดยฉุกเฉิน โดยความเห็นของข้าแล้วการาดอสคงจะพอคาดเดาอะไรได้จากสมุดบันทึกเล่มนั้นจึงส่งพวกมันมาช่วยเหลือไก
    โทมัสมีสีหน้ากระอักกระอ่วนกล่าวว่า ที่ข้าทำไปเพราะความจำเป็นจริงๆ นึกไม่ถึงว่าด้วยฝีมืออย่างมันสามารถร่ายเอลพยุหะใต้พิภพได้
    ลีโซลมีช่วยโทมัสกล่าวว่า “ฝีมือของบลูนับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเรา หากต้องรับมือกับเอลระดับจอมปราชญ์ชั้นสูง ถึงเป็นข้าเองก็ต้องใช้พลังจากผลึกนิลอวตาร”
    คอร์เนเลียไม่กล่าวตำหนิโทมัสแต่อย่างใด นางเองก็เห็นว่าพวกมันมีฝีมืออยู่ท่าสองท่าเช่นกัน ถ้าหากเป็นชนชั้นธรรมดาคงไม่มีทางปราบสัตว์มายาคิเมร่าที่เก่งกาจขนาดนั้นได้ แม้แต่ตัวนางเองยังไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชัยคิเมร่าได้เด็ดขาดเช่นกัน
    ลีโซลมีเมื่อเห็นดังนั้นจึงเล่าต่อไปว่า ผู้ชายอีกคนที่ผมสีน้ำตาลแดงมีชื่อว่าลูท คนผู้นี้มีฝีมือกระบี่พื้นเพธรรมดามิได้เก่งกาจนักแต่มีความกล้าบ้าบิ่นและใช้ยุทธวิธีที่คาดไม่ถึง เมื่อมันรุกรับประสานร่วมกับหญิงสาวผมสีทองที่มีชื่อว่าโรซาไลน์จึงมีฝีมือเพิ่มพูนเป็นทวีคูณ หญิงสาวผู้นี้ถนัดการจู่โจมฉวบฉวย มีความคล่องตัวสูงและมีความสามารถในการใช้เอลแห่งแสงรักษาอาการบาดเจ็บของพวกพ้องได้
    สิ่งที่ลีโซลมีรายงานมานั้นเป็นความสามารถของพวกลูทเมื่อสองวันก่อน หารู้ไม่ว่าในช่วงเวลาสองวันที่ผ่านมาพวกเขาได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ลีโซลมีประเมินค่าพวกเขาต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด
    เอริคกล่าวตัดบทว่า ข้าว่าพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนจะดีกว่า ไม่ทราบว่าเป้าหมายต่อไปของพวกเราเป็นใคร
    คอร์เนเลียเบือนหน้าไปมองเอริคกล่าวว่า ย่อมต้องเป็นมือปราบชั้นหนึ่งปิแอร์ มือปราบประจำตัวของผู้ปกครองภาคกลางจอห์น
    เอริคกล่าวว่า กางเขนโลหิต ปิแอร์ ... น่าสนใจดีนี่
    คอร์เนเลียกล่าวว่า เรื่องนี้ข้าอยากให้เจ้าจัดการด้วยตัวเอง และไม่ต้องกังวลกับข้อห้ามการใช้ผลึกนิลอวตาร เซเบอรอสระบุคำสั่งอนุญาตมากับพิราบสื่อสารแล้ว จากนั้นคอร์เนเลียก็หันหน้าไปทางลีโซลมีและโทมัสกล่าวว่า ส่วนพวกเจ้าสองคนให้ประจำการอยู่ที่เมืองเจนีสเหนือคอยจับตาดูกองกำลังประสานเจนีสให้ดี ถึงแม้พวกมันจะยังไม่เคลื่อนไหวใดๆแต่ก็เป็นเสี้ยนหนามอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถประมาทได้ และการดำเนินการค้นหากุญแจแห่งพิภพยังต้องดำเนินต่อไป ข้าเชื่อว่าถ้าพวกเจ้าพบร่องรอยกุญแจแห่งพิภพ เซเบอรอสจะถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่ง
    ลีโซลมีและโทมัสรับคำพร้อมกันกล่าวว่าจะปฏิบัติงานอย่างสุดความสามารถ ส่วนเอริคมีท่าทางดีใจที่จะได้วัดฝีมือกับมือปราบชั้นหนึ่งโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ เขาลุกขึ้นยืนกล่าวกับคอร์เนเลียว่า ขอเพียงข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ใด ข้ารับประกันว่าภายในสองวันข้าจะปลิดศีรษะของมันมาให้เจ้า
    คอร์เนเลียยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้แล้วกล่าวว่า ที่อยู่ของมันอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ ขอให้เจ้าอย่าได้ประมาท มือปราบชั้นหนึ่งผู้นี้มีฝีมือไม่เป็นรองไกเท่าใดนัก
    เอริครับกระดาษมาแล้วก็จากไปพร้อมกับโทมัสและลีโซลมี ที่มุมปากของเขาประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นของผู้ล่าเหยื่อ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×