ลำดับตอนที่ #61
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : เล่ม 2 - ตอนที่ 20 - มุ่งหน้าสู่แองเจล (1)
ภาควิกฤตก่อกำเนิด
5 กุมภาพันธ์ อศ. 226
ไกย้อนกลับไปที่โรงเรียนเซนต์เอลลิสอีกครั้ง เขาเดินทางกลับมาหาชานอนหลังจากพบร่องรอยของอัศวินดำที่ประตูเมือง ระหว่างทางเขาไม่พบเห็นร่องรอยของอัศวินดำหรือการสะกดรอยตามมาใดๆ จึงกลับมาอย่างวางใจ
ทันทีที่ไกก้าวเข้าสู่เขตของโรงเรียนเซนต์เอลลิสก็มีเสียงสตรีคนหนึ่งดังขึ้นว่า “ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอดี” ชานอนเดินเข้ามาหาไกพร้อมกับกล่าวต่อไปว่า “ตามข้ามาทางนี้”
ไกพยักหน้าแล้วก็เดินตามไป ระหว่างทางเขาถามว่า “ผลทดสอบเมื่อเช้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ชานอนกล่าวตอบว่า “ไม่ปรากฏผลที่แน่ชัด เอลของลูทไม่สามารถประสานเข้ากับลูกแก้วสีใดได้เลย ข้ากำลังสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นบุคคลที่สามารถใช้วิชาศาสตราไร้สภาพก็เป็นได้”
ไกกล่าวทวนคำว่า “ศาสตราไร้สภาพ” อยู่พักหนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ศาสตราไร้สภาพที่เป็นวิชาของผู้ก่อตั้งมินสเตอร์อย่างนั้นหรือ”
ชานอนพยักหน้ารับคำแล้วจึงกล่าวว่า “จากที่ลูทเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเขาสามารถใช้กระบี่เหล็กธรรมดาตัดเหล็กประดุจหยวกเป็นข้อยืนยันที่ว่าเขาเคยใช้ศาสตราไร้สภาพได้โดยบังเอิญ ดังนั้นข้อสันนิษฐานนี้มีโอกาสที่จะเป็นไปได้อย่างยิ่ง เพียงแต่เอลของเขาในตอนนี้ยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้นและเขาก็ไม่รู้จักวิธีควบคุมมันเสียด้วย”
ไกพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไร เขาเล็งเห็นแววในตัวของลูทก่อนชานอนเสียด้วยซ้ำ ตัวเขาเองรู้เรื่องศาสตราไร้สภาพไม่มากนักจึงไม่สามารถสอนวิธีควบคุมให้ลูทได้เช่นกัน
ชานอนกล่าวต่อไปว่า “ข้าขอยืมตัวนางงามผมทองของเจ้าไปสักวันหนึ่ง ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่”
ไกทำหน้าตาสงสัยถามชานอนกลับไปว่า “โรซาไลน์อย่างนั้นหรือ ทำไมล่ะ”
ชานอนอธิบายว่า “เช้านี้หลังจากที่เจ้าจากไป โรสขอร้องให้ข้าช่วยสอนวิธีการต่อสู้ให้ ข้าเห็นว่านางช่างมีส่วนคล้ายกับข้าในสมัยก่อนมากจึงตกลงรับปาก”
ไกรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกล่าวตอบว่า “แปลกจริงนะที่คนอย่างเจ้าตกลงรับปาก ฝีมือของนางเป็นอย่างไรบ้าง”
ชานอนกล่าวว่า “จนถึงบัดนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าเจ้าไปรู้จักกับเด็กอัจฉริยะพวกนี้ได้อย่างไร ศักยภาพของพวกเขาแต่ละคนนั้นลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ถ้าไม่นับรวมบลู ตัวข้าเองที่เป็นครูมาถึงเจ็ดแปดปีพึ่งจะเคยสอนลูกศิษย์ที่มีศักยภาพสูงเช่นนี้เพียงคนเดียว”
ไกยักไหล่คราหนึ่งเป็นนัยว่าเขาก็ไม่ทราบเช่นกัน พวกเขาทั้งสองเดินคุยกันไปพลางจนมาหยุดที่ห้องประชุมเล็กๆห้องหนึ่ง ไกถามว่า “ห้องนี้มั่นใจได้ขนาดไหน”
ชานอนกล่าวตอบว่า “ข้ารับรองด้วยตนเองว่าไม่มีใครสามารถดักฟังพวกเราได้ ผนังห้องทั้งสี่ด้านล้วนสร้างจากโลหะผสมพิเศษมีคุณสมบัติกั้นมิให้เสียงใดเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อย” เมื่อได้ยินเช่นนั้นไกก็สบายใจ ทั้งคู่พากันเข้าไปนั่งคุยกันต่อในห้องประชุม
ห้องประชุมห้องนี้มีกระจกอยู่เพียงบานเดียว แต่เป็นกระจกที่มีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นว่าเป็นกระจกเงาสะท้อนแสงแต่ถ้ามองจากภายในแล้วจะเห็นเป็นกระจกโปร่งแสงสามารถมองสภาพภายนอกได้ชัดเจน ชานอนลงกลอนประตูที่ถูกสร้างจากกลไกของเอลเทค ถ้าหากคนปิดและคนเปิดมีลักษณะของการโคจรเอลไม่เหมือนกันประตูจะไม่มีวันเปิดออกได้ จากระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนานี้ทำให้ไกไม่เป็นห่วงในความปลอดภัยแต่อย่างใด
ชานอนกล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะ ทีนี้เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ไกกล่าวว่า “ที่ข้าบอกต่อเจ้าเพราะว่าข้าเชื่อใจเจ้าจากความสัมพันธ์ตั้งแต่ยังเล็ก เรื่องนี้มีความสำคัญมากข้าไม่อนุญาตให้เจ้านำไปบอกต่อกับบุคคลที่สาม ถ้าแม้ว่าจะเป็นมอริสก็ตาม”
ไกเห็นชานอนพยักหน้ากล่าวตกลงครั้งหนึ่ง เขาจึงถามว่า “เจ้ารู้จักหน่วยรบพิเศษอัศวินดำใช่ไหม ข้าถูกพวกมันลอบสังหารครั้งหนึ่งในเมืองเจนีสเหนือ”
ชานอนโพล่งออกมาว่า “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
ไกกล่าวต่อไปว่า “นั่นเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองเวอร์น่อนบงการอยู่เบื้องหลัง การลอบสังหารข้าถือว่าเป็นหมากก้าวแรกเท่านั้น มันอาศัยลูกชายมันวานเตสผู้เป็นหัวหน้าหน่วยริบพิเศษอัศวินดำทำการยึดแผ่นดิน อัศวินดำพวกนี้ปฏิบัติการลึกลับไร้ร่องรอย หากมิได้ข่าวสารสำคัญข้าเองก็ยังคงมืดแปดด้านคลำหาทางออกไม่พบ โชคดีที่พวกบุรุษหนุ่มหญิงสาวสามสี่คนนั่นได้รับคำสั่งจากผู้นำการาดอสผู้เป็นพระอนุชาของกษัตริย์กาเรียพระองค์ก่อนมาเตือนภัย” จากนั้นไกก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงเรื่องเมื่อคืนให้ชานอนฟัง ทั้งยังกล่าวถึงสมุดบันทึกที่บลูหยิบฉวยมาได้ว่าเป็นหลักฐานชั้นดี
ชานอนกล่าวด้วยเสียงที่ตื่นตระหนกว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ไกตอบว่า “มันเป็นไปได้และมันเป็นไปแล้ว ทีแรกข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ข้าเชื่อสนิทใจ อัศวินดำกำลังจะยึดเมืองโอดินในไม่ช้า”
ชานอนเดาออกแต่แรกแล้วว่าไกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสียงระเบิดเมื่อคืนก่อน นางไม่เชื่อว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอุกกาบาตพุ่งชนเนินเขา แต่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจริงจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ อัศวินดำตั้งค่ายทหารอยู่ติดกับกำแพงเมืองสามารถยกกองทัพเข้ามายึดครองเมื่อไรก็ได้ อีกทั้งผู้ว่าการเมืองก็มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับพวกอัศวินดำทำให้ตัวเมืองโอดินอยู่ในสภาพโดดเดี่ยวไม่มีกองกำลังรักษาเมือง จะมีก็เพียงแต่บรรดาศิษย์อาจารย์ในโรงเรียนเซนต์เอลลิสที่พอจะต่อสู้ได้ แต่ถ้าพวกเขาลุกฮือขึ้นต่อต้านก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าทางโรงเรียนจะสามารถต้านทานการจู่โจมได้ในตอนแรก พอเวลาผ่านไปทหารหลายพันคนสามารถปิดล้อมพื้นที่โรงเรียนทำสงครามยืดเยื้อและบุกยึดได้ในที่สุด นี่ยังดีที่พวกไกกำจัดคิเมร่าไปแล้ว มิฉะนั้นถ้าหากมีคิเมร่าหนุนเสริมกองทัพของอัศวินดำอาจจะบุกยึดโรงเรียนได้ภายในเวลาคืนเดียว
ไกกล่าวถามต่อไปว่า “เจ้าพอจะคาดเดาออกไหมว่าการที่อัศวินดำปรากฏตัวละแวกเมืองเจนีสเหนือถึงสี่คนมีจุดประสงค์อย่างไร”
ชานอนนั่งเอนหลังพิงพนักใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงกล่าวว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกมันมิได้มีเป้าหมายที่เจ้าเพียงอย่างเดียว”
ไกพยักหน้ากล่าวว่า “ทีแรกข้าคิดว่าพวกมันเล็งผลเลิศที่จะลอบสังหารข้า แต่เมื่อพวกลูทอยู่ๆก็พบอัศวินดำอีกสองคนทำให้ข้าเริ่มจะเอะใจขึ้นมา ว่าพวกมันสองคนนั้นต้องมีจุดประสงค์อื่นเคลือบแฝง”
ชานอนกล่าวว่า “หรือพวกมันเตรียมตัวจะกำจัดกลุ่มที่ฝักใฝ่ผู้นำการาดอส ผู้เป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมของเมืองเจนีสเหนือ”
ไกส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่หรอก กลุ่มของผู้นำการาดอสยังไม่ปีกกล้าขาแข็งเพียงพอที่จะก่อการใดๆโดยไม่มีกองกำลังสนับสนุนได้ หากจะจัดการกับกลุ่มประสานเจนีสจริงๆสมควรที่จะแทรกซึมลงไปในเมืองเจนีสใต้ เพื่อทำลายฐานที่มันของผู้นำการาดอสโดยการลอบสังหารแม่ทัพนายกองทีละนายสองนาย อัศวินดำเหล่านี้หากจะเคลื่อนไหวปฏิบัติการจริงๆไม่ว่าใครหน้าไหนก็คงดักทางไม่ถูก ขนาดตัวข้าเองยังไม่รู้ว่ากำลังถูกลอบสังหารจนเกือบถูกกระบี่แทงทะลุร่างถึงจะไหวตัวทัน”
ชานอนทวนคำว่า “เมืองเจนีสเหนือ” อยู่สักครู่หนึ่ง ความคิดก็ไหลวูบเข้ามาในสมองพลันกล่าวว่า “หรือว่าพวกมันเล็งผลที่ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น