ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #47 : เล่ม 2 - ตอนที่ 16 - เขี้ยวราชสีห์ (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 882
      0
      13 ต.ค. 50

    ณ ปากทางเข้าตึกทิศใต้ โรงเรียนเซนต์เอลลิส
    บลูที่เคยเป็นนักเรียนโรงเรียนเซนต์เอลลิสคุ้ยเคยกับพื้นที่แถบนี้มากกว่าใครเพื่อน เขานำทางผู้คนทั้งหมดเดินทางลัดเลาะใช้เส้นทางที่ปลอดภัยและไม่ค่อยมีผู้คนจนถึงโรงเรียนเซนต์เอลลิส นาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ภายนอกอาคารหลังแรกบอกเวลาสิบนาฬิกาเศษ
    เมื่อบลูก้าวเข้ามาเหยียบโรงเรียนอีกครั้ง ความทรงจำในอดีตสมัยครั้งยังเป็นเด็กนักเรียนหลั่งไหลเข้าสู่สมองดั่งกระแสน้ำไหลย้อนกลับ ภาพของบรรดาครูหลายคนพร่ำสอนวิชาให้เขาตั้งแต่พื้นฐานการฝึกเอลจนถึงเอลระดับปราชญ์ชั้นต้นโผล่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งเหตุการณ์ที่เขาประทับใจและเหตุการณ์ที่เขาไม่อยากจดจำคละเคล้ากันไป เขาคิดว่าภาพความทรงจำเหล่านี้คงจะตราตรึงอยู่ในใจเขาตราบสิ้นลมหายใจ
    เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อพบเห็นครูมอริสที่ยืนอยู่ใต้ตึก มอริสเช่นกันก็เห็นบลูกับพรรคพวกมาเดินถึงจึงตรงเข้ามาหากล่าวทักทายว่า เป็นอย่างไรบ้างบลู พวกเจ้าได้ข่าวเหตุการณ์เมื่อคืนนี้บ้างหรือเปล่า
    ครูมอริสเป็นคนรูปร่างกำยำบึกบึนมีกล้ามเป็นมัดที่แขนแต่ตัวไม่สูงเท่าใดนัก เขาสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเศษ สวมชุดสีฟ้ามีปกแขนยาวจรดข้อมืออันเป็นเครื่องแบบของครูโรงเรียนเซนต์เอลลิส ที่หน้าอกปักเป็นลายอาคมสีขาวรูปสัญลักษณ์แห่งเอล ชุดนี้ทำจากเส้นใยลาเมล่าเช่นเดียวกับเครื่องแบบของมือปราบและอัศวินดำ มีความทนทานต่ออาวุธและเอลพอสมควร ครูที่นี่เวลาฝึกสอนเอลให้เด็กมักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆจึงต้องใส่ชุดพวกนี้เพื่อป้องกัน
    บลูส่งสายตาบอกเพื่อนๆเขาไว้ว่าอย่าได้กล่าวอะไร การสนทนาครั้งนี้ปล่อยให้เขาจัดการเอง เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ถามครูมอริสกลับไปด้วยความสงสัยว่า เหตุการณ์อะไรหรือ เมื่อคืนข้าได้ยินแต่เสียงแปลกประหลาดดังลั่นครั้งหนึ่ง พอข้าไปถามพวกเด็กรับใช้ในโรงแรมต่างก็บอกว่าไม่มีอะไร ข้าไม่ทันได้สนใจจึงนอนหลับไปโดยไม่คิดอะไร
    มอริสตอบว่า อย่างนั้นเองหรือ เจ้ารู้ไหมวันนี้หนังสือพิมพ์รายวันอย่างพิราบรายวันพาดหัวกันใหญ่โตว่าเกิดลูกอุกกาบาตตกลงมาใส่เนินภูเขาเขตหวงห้ามนอกเมือง หน่วยทหารหลายหน่วยต้องออกปฏิบัติการในเวลากลางคืน ตอนแรกข้าคิดว่าพวกเจ้ามาสายเพราะว่ารุดไปชมเหตุการณ์เมื่อคืน โชคดีที่พวกเจ้าไม่ได้ออกไปนอกเมืองมิฉะนั้นอาจจะเกิดเหตุร้ายถูกอุกกาบาตกระแทกเข้าใส่
    บลูเห็นครูมอริสไม่ติดใจสงสัยอันใดจึงกล่าวกลบเกลื่อนไปว่า พอดีพวกข้าเหนื่อยจากการเดินทางเป็นเวลานานถึงได้ตื่นสายไปหน่อย
    ลูทรู้ใจบลูเพื่อนสนิทของเขา กล่าวเสริมอย่างแนบเนียนว่า เมื่อคืนตอนข้าอยู่ในห้องกำลังจะนอนบังเอิญเห็นแสงวูบวาบจากนอกหน้าต่าง หลังจากนั้นก็มีเสียงโครมครามข้าเลยคิดว่ามีการก่อสร้างในตอนกลางคืน คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
    ไกคาดเดาเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ พวกอัศวินดำจะต้องปิดข่าวไม่ยอมเปิดเผยความจริงออกไป ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดเรื่องคิเมร่าถล่มเนินเขาเขตหวงห้ามแพร่สะพัดออกไปถึงหูของลูกน้องคนหนึ่งคนใดของผู้ปกครองอาณาจอห์นหรือคาร์ล คงจะต้องเกิดระแคะระคายหรือผิดสังเกตอะไรบางอย่าง ดีไม่ดีอาจจะกระทบแผนการใหญ่
    มอริสกล่าวว่า ในเมื่อพวกเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้าอดเป็นห่วงเสียมิได้ เขาเหลือบไปเห็นไกที่ยืนอยู่ด้านหลังบลูแต่ยังไม่แน่ใจว่าใช่มือปราบชั้นหนึ่งไกที่โด่งดังจริงหรือไม่จึงเอ่ยปากถามว่า นั่นมือปราบไกใช่ไหม
    ไกก้าวออกมายืนเคียงคู่กับบลูกล่าวตอบว่า ใช่แล้วเป็นข้าเอง ยินดีที่ได้รู้จักครูมอริส
    มอริสยกย่องมือปราบไกที่ทำงานได้อย่างเยี่ยมยอดว่า ยินดีที่ได้รู้จักมือปราบไก ข้าขอขอบคุณแทนชาวบ้านในเมืองโอดินแห่งนี้ที่เจ้าช่วยรักษาความสงบปราบปรามโจรผู้ร้ายจนราบคาบ แล้วเป็นอย่างไรมาอย่างไรนี่ถึงได้เดินทางร่วมกับพวกบลูมาได้
    ไกไม่ใช่เป็นคนกล่าวโป้ปดจึงกล่าวตอบตามความจริงว่า เรื่องการปราบปรามโจรผู้ร้ายเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วข้าก็ต้องทำให้สำเร็จด้วยดี ส่วนเรื่องที่ข้าเดินทางมากับน้องพวกนี้มันยืดยาวนัก เอาไว้มีโอกาสที่เหมาะสมแล้วค่อยเล่าให้เจ้าฟังจะดีกว่า
    บลูไม่เปิดโอกาสให้ครูมอริสซักไซร้ไต่ถามไกต่อจึงถามตัดบทขึ้นมาว่า ครูมอริส แล้วครูชานอนอยู่หรือไม่ พอดีลูทเพื่อนของข้าต้องการให้ช่วยสอนวิธีประสานเอลธาตุความมืดกับมิติ
    พอมอริสได้ยินบลูถามเช่นนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกบลูมานี่เพราะจะมาหาครูชานอน เขากล่าวว่า ที่ข้าเดินลงมารอพวกเจ้าอยู่ก็เพราะเรื่องนี้นั่นแหละ ครูชานอนคอยพวกเจ้าอยู่ที่ห้องฝึกสอนในตึกตะวันออก หากลูทผ่านการทดสอบประสานธาตุ นางเตรียมจะสอนวิธีปลดปล่อยเอลแห่งมิติส่วนข้าจะเป็นคนช่วยสอนวิธีปลดปล่อยเอลความมืดให้กับลูทเอง
    ลูทยิ้มเบิกบานด้วยความดีใจรีบกล่าวขอบคุณครูมอริสคราหนึ่ง มอริสเดินนำทางพวกเขาทั้งหมดไปยังห้องฝึกสอนซึ่งอยู่ภายใน ระหว่างทางเห็นนักเรียนเดินกันอยู่ไม่กี่คน ในเวลานี้นักเรียนส่วนใหญ่จะมีการเรียนการสอนอยู่ในห้องเรียน ส่วนนักเรียนที่เดินอยู่ล้วนเป็นนักเรียนที่อายุสิบแปดสิบเก้าปีที่กำลังจะจบออกไป พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนภาคทฤษฎีมากนัก การเรียนการสอนของพวกนักเรียนปีสองปีสุดท้ายจะเป็นการปฏิบัติภารกิจเสียมากกว่า
    โรงเรียนเซนต์เอลลิสมีตึกใหญ่ๆอยู่สี่ตึกด้วยกัน ทั้งสี่ตึกตั้งตระหง่านเป็นรูปสี่เหลี่ยมสี่ทิศล้อมพื้นที่ว่างโล่งตรงกลาง พื้นที่ว่างรูปสี่เหลี่ยมตรงกลางจัดแบ่งเป็นเขตสนามหญ้าและสนามกีฬาต่างๆนานาสำหรับเด็กนักเรียนที่นี่ ตึกด้านหน้าที่หันหน้าไปทางทิศใต้เป็นตึกที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่ ตึกนี้ใช้เป็นสถานที่สำหรับการเรียนการสอนด้านด้านวิชาการและเป็นสำนักงานของโรงเรียนไปในตัว ตึกที่สองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นตึกที่ออกแบบขึ้นมาพิเศษและใช้เงินในการก่อสร้างมหาศาล ตัวตึกที่สองนี้มีความทนทานต่อเอลที่ทั้งนักเรียนและครูต่างใช้ในการฝึกสอน ซึ่งตึกนี้เองเป็นตึกที่ครูมอริสกำลังจะพาพวกเขาไปหาครูชานอน ตึกที่สามอยู่ทางตะวันตกจัดทำเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงข้ามตึกที่สอง กั้นด้วยพื้นที่ว่างตรงกลางเพื่อไม่ให้เสียงรบกวนจากการฝึกเอลเล็ดรอดเข้าสู่ห้องสมุด ส่วนตึกสุดท้ายอยู่ทางทิศเหนือเป็นตึกที่เป็นที่พักของนักเรียนและครูอาจารย์ จัดทำเป็นเขตที่อยู่อาศัยห้ามบุคคลภายนอกเข้าถึง
    ในสมัยที่บลูเป็นนักเรียนในโรงเรียนเซนต์เอลลิสแห่งนี้เขาเคยพักอยู่ที่ตึกทางทิศเหนือเป็นเวลาแปดปีเต็ม เขายังจำได้ว่าเขาก่อวีรกรรมเอาไว้หลายครั้งหลายหน มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเกือบจะเผาตึกนี้ไปด้วยความไม่ตั้งใจ
    ครูมอริสใช้เวลานำทางไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้ามาถึงห้องฝึกเอลในตึกที่สอง ห้องฝึกเอลอยู่ชั้นที่สองของตึก พวกเขาทั้งห้าล้วนยืนรออยู่หน้าระเบียงที่มีลมพัดผ่านตลอดเวลา
    เมื่อลูทย่างก้าวเข้ามาถึงประตูห้องเขากล่าวชมเชยขึ้นมาว่า โอโฮ! สร้างได้อย่างไรนี่ ตัวตึกไม่ได้เพียงแต่สร้างจากวัสดุทั่วไปแต่กลับผสมส่วนประกอบของเอรูไดท์และมิทราลลงไปด้วย ทั้งยังคงความแข็งแรงทนทานจากอิฐและปูนอยู่ไม่เสื่อมคลาย
    พวกเขาได้ยินเสียงสตรีคนหนึ่งดังขึ้นมาจากในห้องฝึกเอล กล่าวตอบว่า เจ้ามีสายตาที่ดีนี่ ตึกแห่งนี้ต้องผสมเอรูไดท์และมิทราลลงไปเพื่อที่จะให้ทนทานต่อเอล
    บลูรู้ว่านั่นเป็นเสียงของครูชานอนที่เขาคุ้นเคยจึงกล่าวเสริมว่า เนื่องจากตึกนี้เป็นตึกที่พวกนักเรียนและครูต่างใช้เป็นสถานที่ฝึกเอล บางครั้งพลังงานของเอลอาจจะพลาดไปกระทบถูกผนังอาคารบ้าง ตึกนี้จึงต้องมีการจัดสร้างอย่างพิเศษเพื่อมิให้มันพังทลายลงระหว่างการเรียนการสอนเขานึกย้อนกลับไปในอดีตว่า หากตึกนี้มิได้สร้างด้วยส่วนประกอบพิเศษตึกนี้อาจจะต้องถล่มลงมาด้วยน้ำมือเขา พอนึกถึงจุดนี้ก็อดที่จะยิ้มออกมามิได้
    ลูทพยักหน้าครั้งหนึ่งกล่าวเสียงดังอืมพร้อมกับเอามือลูบผนังตึกดูโดยที่สายตามิได้ละจากผนังตึกแม้แต่น้อย
    ครูมอริสชะโงกหน้าเข้าไปในห้องฝึกเอลกล่าวว่า ชานอน บุรุษหนุ่มคนนี้แหละที่ข้าขอให้เจ้าช่วยสอนวิธีประสานเอลแห่งมิติให้กับเขา
    เสียงผู้หญิงที่กล่าวเมื่อครู่ก็คือครูชานอนซึ่งเป็นครูเพียงผู้เดียวนอกจากผู้อำนวยการโรงเรียนในโรงเรียนเซนต์เอลลิสสาขาโอดินที่สามารถใช้เอลธาตุแห่งมิติได้
    ชานอน ลาเมเรียเดินออกมานอกห้อง นางเป็นสตรีที่มีอายุไม่ถึงสามสิบปียังครองตัวเป็นโสด สวมชุดสีฟ้ามีปกแขนยาวจรดข้อมือที่หน้าอกปักเป็นลายอาคมสีขาวรูปสัญลักษณ์แห่งเอลเช่นเดียวกับครูมอริส เพียงแต่ชุดของครูสตรีจะถูกออกแบบมาให้สวมกระโปรงยาวสีฟ้าขลิบขาวอีกชั้นหนึ่งทับกางเกงขายาว สวมใส่รองเท้าเป็นรองเท้ามีส้นสีขาวรับกับสีของเครื่องแบบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×