ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

ลำดับตอนที่ #34 : สัตว์มายา (1)

ภาคแผนครองพิภพ

ตอนที่ 14 สัตว์มายา

4 กุมภาพันธ์ อศ. 226

 

เมื่อพวกลูททั้งสี่เดินเข้ามาใกล้คิเมร่ามากขึ้น ศีรษะทั้งสามของคิเมร่าก็จับจ้องมายังพวกเขาเป็นการหยั่งเชิง สายตาทั้งสิบสี่คู่ยี่สิบแปดข้างจ้องประสานกันอย่างไม่กระพริบตา

เศียรราชสีห์ที่กำลังกัดกินเนื้อวัวอยู่พลันหยุดลง มันเบือนศีรษะเปลี่ยนมามองที่ไกผู้เดินนำทางอยู่ด้านหน้าสุด อุ้งเท้ามหาศาลซ่อนเล็บอันแข็งแกร่งก็เผยให้เห็นกงเล็บอันร้ายกาจ มันเพียงสะบัดอุ้งเท้าคราหนึ่งซากวัวที่เหลือแต่โครงกระดูกกระเด็นไปด้านข้างได้ง่ายราวกับโยนลูกอมทิ้ง คิเมร่าหันร่างอันมหึมามาทางพวกเขา เศียรอสรพิษด้านหลังชูคอผงาดขึ้นแลบลิ้นสองแฉกขู่เป็นเสียงฟ่ออันน่าสะพรึงกลัว

สองกระบี่ สองมีด หนึ่งหอก ถูกกระชับแน่นเอาไว้ในมือของผู้คนทั้งสี่ ตลอดทั้งชีวิตของพวกเขาไม่ว่าใครก็ตามยังไม่เคยสู้รบกับสัตว์มายาที่ปรากฏในตำนานมาก่อน ลูทรู้สึกได้ถึงมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแห่งความตื่นเต้นปะปนความหวาดกลัว เขาต้องกัดฟันปลุกปลอบกำลังขวัญของตัวเองขึ้นใหม่

ในที่สุดการต่อสู้ครั้งสำคัญระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดก็เริ่มขึ้น ชีวิตของผู้คนหลายหมื่นคนในเมืองโอดินถูกวางเดิมพันโดยที่เจ้าของชีวิตมิได้รู้ตัว การศึกครั้งนี้พวกเขาทั้งสี่จะแพ้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

เศียรราชสีห์ส่งเสียงคำรามดังลั่นสนั่นอุโมงค์ มันสูดหายใจเข้าเต็มปอดจนหน้าอกขยายออกมาเล็กน้อย จากนั้นมันก็อ้าปากออกกว้าง พวกเขาทั้งสี่รู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุรวมที่ตัวกันบริเวณเบื้องหน้า บลูเริ่มเอะใจกับพฤติกรรมของเศียรราชสีห์ที่แปลกประหลาด เรื่องที่เขาคาดการณ์ก็อุบัติขึ้น เปลวไฟอันร้อนแรงถูกพ่นออกมาจากปากราชสีห์พุ่งเข้าใส่ไกที่อยู่ด้านหน้าสุด

รัศมีของเปลวเพลิงกว้างพอที่จะย่างพวกเขาให้สุกไปพร้อมๆกันทั้งสี่คน แต่ความจริงแล้วด้วยไฟแรงขนาดนี้ร่างเลือดเนื้อของพวกเขาคงจะไม่ใช่แค่สุกเท่านั้น ทั้งร่างกายและกระดูกจะมอดไหม้เป็นจุลเหลือแต่เถ้าถ่านกองหนึ่ง บลูสำนึกตัวว่าต่อให้เขารวมพลังเอลที่สี่จากประตูทั้งสามบานเข้าด้วยกันยังไม่แน่ว่าจะสามารถใช้เพลิงที่ร้อนแรงได้ขนาดนี้

“ม่านน้ำแข็งปกคลุม” ไกใช้สองมือขวางกระบี่เกล็ดน้ำค้างร่ายเอลน้ำแข็งด้วยพลังสุดตัว ม่านน้ำแข็งปกคลุมเป้นเอลที่ช่วยป้องกันภัยจากความร้อนได้ดีที่สุด กระบี่เกล็ดน้ำค้างมีคุณสมบัติช่วยเสริมประสิทธิภาพของเอลน้ำแข็งได้อีกเป็นเท่าตัว ม่านน้ำแข็งกอปรขึ้นมาเป็นรูปครึ่งวงกลมบดบังพวกเขาทั้งสี่ต่อต้านเปลวเพลิงอันร้อนแรงจากเศียรราชสีห์

เวลาผ่านไปประมาณห้าหกวินาที เปลวเพลิงอันร้อนแรงที่สาดเข้ามาก็กระจายออกไปด้านข้าง ม่านน้ำแข็งปกคลุมเป็นเสมือนปราการด่านหน้าคุ้มครองคนทั้งหมดจากเปลวเพลิง ไม่มีสะเก็ดเพลิงใดสามารถผ่านเข้ามาได้แม้แต่น้อย พวกเขาทั้งสี่มีความรู้สึกเสมือนอยู่ในบ่อน้ำร้อนอุ่นๆไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

กระบี่เกล็ดน้ำค้างอันยอดเยี่ยม!

บลูในฐานะที่เป็นผู้ใช้เอลรู้อยู่เต็มอกว่าเอลม่านน้ำแข็งปกคลุมไม่สามารถต้านรับเปลวเพลิงของคิเมร่าได้ แต่ด้วยความสามารถของไกที่กระตุ้นพลังของกระบี่เกล็ดน้ำค้าง ปลุกพลังเสริมของกระบี่หนุนให้ประสิทธิภาพของเอลม่านน้ำแข็งปกคลุมขยายออก ม่านความเย็นที่สร้างขึ้นจึงทนทานความร้อนได้มากขึ้นเป็นสองเท่า

ไกเปลี่ยนจากใช้สองมือจับกระบี่เกล็ดน้ำค้างเป็นถือกระบี่ด้วยมือขวาเพียงข้างเดียว เขายื่นแขนขวาออกไปเบื้องหน้าชี้ปลายกระบี่เข้าใส่คิเมร่าแล้วกล่าวว่า “ไฟแค่นั้นยังทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ถึงเจ้าจะเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานก็เถอะ พวกข้าทั้งสี่จะหยุดเจ้าเอง”

                มือปราบชั้นหนึ่งที่เป็นเลิศ คำกล่าวประโยคเดียวช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพวกพ้องอย่างเหลือคณานับ ไกจงใจกล่าวว่าพวกข้าทั้งสี่แทนที่จะกล่าวถึงตัวเขาเพียงคนเดียวเพื่อให้รุ่นน้องทั้งสามเกิดความรู้สึกร่วมในการต่อสู้ นี่เป็นหลักจิตวิทยาในการเป็นผู้นำของไกที่มีติดตัวมาโดยกำเนิด

เมื่อได้ยินคำกระตุ้นของไกร่างของบลู ลูทและโรสทั้งสามสะท้านขึ้นประดุจกระบองฟาดแสกหน้า พวกเขามีกำลังใจเพิ่มพูนรู้สึกคึกคักขึ้นอีกอักโข ความหวาดกลัวที่กัดกร่อนจิตใจของพวกเขาก็ลดลงไปกว่าครึ่ง พวกเขาเห็นไกต้านรับไฟของคิเมร่าได้อย่างปลอดภัยไร้อันตราย จึงเกิดความรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาก็สามารถพลิกเป็นฝ่ายมีชัยได้เช่นกัน

บลูและลูททั้งสองรู้ตัวว่าไม่สามารถสู้กับเศียรราชสีห์นี้ได้จึงพากันกระจายกำลังออกไปเป็นรูปสามเหลี่ยม ไกที่มิได้เคลื่อนไหวอันใดถูกกำหนดเป็นมุมหนึ่งประจันหน้ากับเศียรราชสีห์ ลูทวิ่งออกไปด้านข้างหันหน้าเข้าเศียรแพะกำหนดเป็นมุมของสามเหลี่ยมอีกมุมหนึ่ง ส่วนบลูอ้อมไปด้านหลังชูหอกชี้ปลายไปยังเศียรอสรพิษเป็นมุมสุดท้าย ชายหนุ่มทั้งสามจัดตั้งขบวนเป็นรูปสามเหลี่ยมที่พร้อมรุกพร้อมรับทุกขณะจิต

โรซาไลน์ถอยห่างออกมาจากแนวสู้รบ หน้าที่ของเธอมิใช่การเข้าร่วมวงต่อสู้โดยตรงแต่เป็นการสนับสนุนจากแนวหลัง จุดเด่นของเธอคือการโจมตีจากระยะไกลและหาจังหวะช่องว่างเข้าจู่โจมเผด็จศึกด้วยดาบลายเมฆ เธอเตรียมมีดสั้นเอาไว้ทั้งสองมือพร้อมที่จะซัดออกไปช่วยเหลือเพื่อนฝูง

ไกเห็นคนทั้งสามกระจายกันออกไปอย่างรู้งานก็ทราบว่ามีฝีมืออยู่ท่าสองท่า ในตอนแรกที่เขากล่าวคำพูดออกไปนั้นเขาเองไม่ได้มีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งนี้สักเท่าใด จุดประสงค์หลังของคำกล่าวเมื่อครู่คือการปลุกกำลังใจสู้ตายเพื่อที่จะลองวัดดวงดูสักทีเท่านั้น เวลานี้เขาเห็นทวงท่าของชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสาม ความหวังในการปราบอสูรเพื่อปกป้องผู้คนอันเรือนลางกลับมีเค้าความจริงขึ้นมาอีกครั้ง

ไกสะบัดกระบี่ขึ้นครั้งหนึ่งท่าทางราวกับเป็นยอดขุนพลที่ห้าวหาญชาญศึกร้องส่งสัญญาณให้ลูทและบลูดังก้องว่า “บุก!”

ชายหนุ่มทั้งสามก็ใช้อาวุธคู่มือโจมตีเข้าใส่คิเมร่าพร้อมกันจากสามทิศสามทาง