ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #263 : เล่ม 9 - ตอนที่ 122 ก่อนออกเดินทาง (3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      4
      25 ม.ค. 52

    /> /> />

    หลังจากอ่านทวนจดหมายที่เขียนขึ้นเสร็จ รอยยิ้มที่เต็มฝืนของบลูพลันปรากฏออกมาข้างริมฝีปาก บุรุษหนุ่มจับจ้องกระดาษที่มีแต่น้ำหมึกนั้นอยู่อีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเบือนสายตามองมาที่บาดแผลมีดกรีดบนฝ่ามือ จนกระทั่งถอยหายใจออกมาคำรบใหญ่

                    เสียงกล่าวที่เย้ยหยันทำลายความเงียบขึ้นว่า “ข้าจะเห็นแก่ตัวไปถึงเมื่อใด?

                    เสียงครืดของเก้าอี้ดังขึ้นเมื่อบุรุษหนุ่มลุกขึ้นยืน ดวงตาสีน้ำเงินที่มีแต่ความหมองหม่นโศกเศร้าเปลี่ยนเป็นประกายตาแห่งความเชื่อมั่นอีกครั้ง ผมสีเดียวกันสะบัดพลิ้วเมื่อเขาก้าวเดินออกจากโต๊ะเก้าอี้มุ่งตรงไปที่ประตูทางออก ขณะที่ลูกบิดประตูส่งเสียงเปิด บุรุษหนุ่มพลันเบือนศีรษะกลับไปมองสิ่งของบนโต๊ะอีกครั้งหนึ่ง

                    เพียงความคิดแล่นวูบ สัมผัสที่หกได้ชักจูงให้แหวนคู่ชะตาทั้งสองพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งบนสุดและล่างสุดของกระบองวิสุทธิ์ศาสตรา เก็บเข้าใส่ในช่องเปิดของยอดศัสตราวุธเหมือนอย่างเคย พลางคว้ามือซ้ายออกกุมศาสตราคู่กายไว้ในมือ

                    “ในเมื่อวิสุทธิ์ศาสตราเป็นตัวแทนของความรักบริสุทธิ์ เหตุใดข้าจึงต้องทำให้ความบริสุทธิ์นั้นมัวหมอง?” บลูกล่าวจบก็สอดกระบองเก็บเข้าในสัมภาระ

                    ปึง!

                    เสียงบานประตูปิดลงพร้อมกับเสียงดีดนิ้วของบุรุษหนุ่มดังขึ้นโดยพร้อมเพรียง ปรากฏเปลวเพลิงลุกโชนแผดเผาจนเนื้อกระดาษจดหมายกลายเป็นเถ้าถ่าน คงเหลือไว้เพียงเหรียญตราวีรบุรุษวางไว้บนโต๊ะไม้

                    “ลาก่อน”

     

    ณ จุดนัดพบหลังแปลงดอกลิลลี่ หลังจากที่พระราชพิธีผ่านพ้นไปได้ชั่วโมงเศษ

                    เสนาธิการสูงสุดยืนสนทนาอยู่กับราชหัตถเลขาจัดเตรียมในเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย สิ่งที่พวกเขาทั้งสองสนทนากันมิใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการไปปฏิบัติภารกิจของไอเวอเรียส แต่เป็นการปรึกษากันว่าหลังจากที่ไอเวอเรียสไปแล้วออสวอลจะต้องทำอะไรบ้าง ครั้งนี้บุคคลทั้งสองมิได้ร่วมงานกันโดยตรงแต่แยกกันทำงานที่สำคัญสองชิ้นให้เรียบร้อย

                    กอร์ดอนเดินเข้ามาร่วมการสนทนาอีกคนหนึ่ง กล่าวกับไอเวอเรียสว่า “ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจเข้าร่วมประชุมได้ สถานการณ์ของชาวมิสต์ในตอนนี้ยังยุ่งวุ่นวายนัก ทั้งเรื่องการย้ายพลเรือนบางส่วนกลับไปที่นครมิสต์ การจัดการกองทัพและการฟื้นฟูนครมิสต์ขึ้นมาใหม่ ยิ่งเมื่อสี่ผู้พิทักษ์คงเหลือเพียงสองการจัดการยิ่งยุ่งยากไปอีกเท่าตัว กว่าข้าจะสามารถปลีกตัวออกมาได้ก็เป็นเวลาที่เจ้ากำลังจะจากไปเสียแล้ว”

                    ไอเวอเรียสยื่นมือออกมาสัมผัสกับกอร์ดอน กล่าวว่า “ต้องเรียกว่าเป็นโชคดีของฝ่ายสหพันธ์ที่มีท่านคอยช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าสภาพล่าสุดของนครมิสต์ในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

                    “อัคคีของเจ้าทำเอาเมืองวอดวายไปเสียแปดส่วน เปลวเพลิงเผาต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลาสองวันสามคืนกว่าจะดับได้หมดสิ้น แม่ทัพใหญ่ชิมอนและบาเบลทั้งสองพึ่งจะได้พักผ่อนเมื่อคืนก่อน กองทัพชาวมิสต์ส่วนใหญ่ถอนกำลังออกจากลาเวนดิสไปประจำการอยู่ที่นครมิสต์คอยหยั่งเชิงข้าศึกจากตอนเหนือ สตีเฟ่นช่วยข้าได้มากในเรื่องทุนทรัพย์ หากไม่มีเขาป่านนี้ข้าคิดว่าเปลวไฟยังคงไม่มอดดับ” กอร์ดอนตอบตามสิ่งที่เขาทราบจากรายงาน

                    ไอเวอเรียสทอดถอนหายใจครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าเสียใจที่ต้องกระทำการเลยเถิดไปเช่นนี้ แต่ถ้าหากไม่กระทำเช่นนี้ชีวิตของทหารที่หลงเหลืออยู่คงจะมีเพียงกึ่งหนึ่งของที่ท่านกอร์ดอนเห็น”

                    เสียงหัวเราะของกอร์ดอนดังขึ้นครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ขอเพียงตระกูลอาร์มาดิเนสกับตระกูลมู่รับผิดชอบพื้นที่ตอนใต้ของนครมิสต์ก็ไม่มีปัญหา”

                    “ท่านกอร์ดอนไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

                    ออสวอลถามขึ้นบ้างว่า “ท่านกอร์ดอนคิดว่าโยกย้ายพลเรือนที่ลี้ภัยมาไปเป็นจำนวนเท่าใด?

                    กอร์ดอนครุ่นคิดพักหนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนี้พื้นที่ที่ใช้ได้มีเพียงรอบนอกของตัวนคร ชาวบ้านที่ปลูกพืชทำนาทำสวนอยู่แถบนั้นยังสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ แต่พวกเราจำเป็นต้องสร้างตลาดและสถานีอนามัยส่วนกลางเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเดิมถูกเปลวเพลิงเผาผลาญไปหมดแล้ว คาดว่าจำนวนชาวบ้านที่จะโยกย้ายไปในครั้งนี้คงมีประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันถึงสองหมื่นคน”

                    “ได้ยินเช่นนี้ก็เบาใจลงไปกว่าครึ่ง ปัญหาใหญ่อย่างเรื่องอาหารการกินของชาวมิสต์จะได้หมดไปเรื่องหนึ่ง” ออสวอลตอบ

                    กอร์ดอนส่งเสียงอืมในลำคอ กล่าวว่า “ส่วนเรื่องเสื้อผ้าและยารักษาโรคนั้นทางสำนักข่าวพิราบรายวันอาสาเป็นผู้จัดหามาให้ อ่านจากจำนวนที่รายงานมาแล้วคาดว่าคงจะเพียงพอเป็นเวลาอย่างน้อยก็ปีเศษ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นข้าคิดว่าทางฝ่ายทหารคงจะสามารถซ่อมแซมนครมิสต์ให้กลับมาใช้การได้กว่าครึ่ง รวมไปถึงสิ่งก่อสร้างสำคัญอย่างโรงทอผ้าและคลังสมุนไพรกลาง”

                    ไอเวอเรียสถามกอร์ดอนว่า “ก่อนที่นครมิสต์จะเข้าสู่ขั้นตอนฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ข้าจำเป็นต้องให้ท่านกอร์ดอนช่วยหยุดเทพสงครามอีกแรงหนึ่ง”

                    กอร์ดอนพยักหน้าตอบว่า “แมกซิมิเลี่ยนถ่ายทอดเรื่องราวส่วนที่เป็นหน้าที่ของข้าให้แล้ว รับรองว่าจะจัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน เมื่อทางเจ้าพร้อมก็ขอให้ส่งสัญญาณมาตามที่ตกลงกันไว้”

                    ผ่านไปอีกครู่หนึ่งไกกับโรซาไลน์ก็เดินมาถึงจุดนับพบ เป็นเสียงของสตรีสาวกล่าวขึ้นก่อนว่า “องค์ราชินีทรงมีรับสั่งให้ข้าร่วมเดินทางไปในฐานะคนของราชอาณาจักร ยกการควบคุมกองกำลังกริฟฟอนให้กับทางท่านราชหัตถเลขาดูแลชั่วคราว”

                    ไกสนับสนุนว่า “เรื่องทางลาเวนดิสก็เป็นไปตามแผนที่เจ้าเสนอทุกประการ ทางด้านการเดินทางว่าอย่างไร?

                    “ตราบใดที่พวกเรายังมีกองกำลังกริฟฟอนเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด” ออสวอลตอบอย่างมั่นใจ “ข้าได้จัดหาเอลลิสแห่งมิติมาสามคน เพียงพอที่จะเคลื่อนย้ายพวกท่านข้ามไปยังเมืองโอดินได้ตลอดเวลา”

                    โรซาไลน์ถามต่อไปว่า “ทางด้านมาร์ควิสลาร์กเป็นอย่างไรบ้าง?

                    ออสวอลทอดถอนหายใจครั้งหนึ่ง ส่ายศีรษะตอบว่า “ดูเหมือนพวกเราจะหมดทางหยุดยั้งการเดินทัพของมาร์ควิสลาร์ก บรรดาแม่ทัพนายกองที่อดีตอยู่ใต้บังคับบัญชาของมาร์ควิสลูเชียสต่างต้องการแก้แค้นให้กับผู้เป็นนายทั้งสิ้น ยิ่งได้เห็นองค์ราชินีพระราชทานเหรียญวีรบุรุษแห่งลาเวนดิสเมื่อกลางวันยิ่งเหมือนมีแรงกระตุ้นเพิ่มเป็นเท่าทวี ข้าคิดว่าอย่างช้าที่สุดกองทัพตระกูลซิลเวอร์แซนด์จะเคลื่อนไหวในเช้าวันพรุ่ง”

                    “ไม่ต่างจากที่ข้าคาดการณ์เอาไว้” ไอเวอเรียสส่งเสียงอืม หันไปถามโรสว่า “องค์ราชินีทรงมีปฏิกิริยาเช่นไรกับคำขอเคลื่อนกองกำลังกริฟฟอนออกไปช่วยมาร์ควิสลาร์กรบ”

                    โรซาไลน์ตอบพร้อมยื่นของสิ่งหนึ่งให้ออสวอล “ข้าได้ขอพระราชทานตราอาญาสิทธิ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ท่านออสวอลสามารถเคลื่อนทัพเรือออกเมื่อใดก็ได้”

                    “ประเสริฐ” ออสวอลกล่าวว่า “พรุ่งนี้เช้าข้าจะกราบทูลพระองค์ว่ากองกำลังกริฟฟอนจะตามไปอารักขาท่านมาร์คีส เนื่องจากได้รับข่าวจากแนวหน้าว่ามีข้าศึกส่วนหนึ่งหมายจะซุ่มโจมตี”

                    “ข้าได้จัดเตรียมจดหมายฉบับนั้นเอาไว้แล้ว” ไอเวอเรียสยื่นซองจดหมายแถบดำซองหนึ่งให้กับออสวอล กล่าวว่า “จดหมายฉบับนี้เป็นของสำนักข่าวพิราบรายวันโดยแท้ ทั้งระบุถึงท่านและตีตราเวลาล่วงหน้าเอาไว้เรียบร้อย ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็ต้องเชื่อถือ”

                    “ดูเหมือนเรื่องราวทุกประการจะสมบูรณ์ตามแผน” ไกกล่าวพลางมองไปรอบข้างว่า “เหลือเพียงบุรุษหนุ่มสองคนนั่น พวกเราทั้งห้าก็จะพร้อมออกเดินทาง”

                    โรสหันไปด้านข้างเห็นลูทกับบลูเดินมาพอดิบพอดีจึงกล่าวว่า “พวกเขามาแล้ว”

                    ไม่เพียงแต่บุรุษหนุ่มทั้งสองนั้น ศิษย์น้องเล็กรินะในชุดขาวสะอาดร่วมทางมากับศิษย์พี่ทั้งสองด้วย ดูเหมือนว่านางจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

                    “ศิษย์พี่ใหญ่” รินะส่งเสียงเรียกพร้อมโบกมือมาจากระยะไกล “พวกเราทั้งสามพร้อมแล้ว”

                   

                    ไอเวอเรียสผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปพักใหญ่ ทอดถอนหายใจครั้งหนึ่ง กล่าวปรึกษากับบุคคลรอบข้างว่า “พวกท่านมีหนทางใดที่จะรั้งให้รินะอยู่ที่นี่หรือไม่?

                    “ในเมื่อท่านเสนาธิการใหญ่ยังไม่มีหนทางพวกเราจะมีได้อย่างไร?” ออสวอลตอบในทันใด

                    โรซาไลน์หัวเราะคิก กล่าวว่า “ในเวลาเช่นนี้ท่านราชหัตถเลขายังคงมีอารมณ์ขันได้ ข้ามิได้ตำหนิท่าน สีหน้าแบบนี้ของศิษย์พี่ใหญ่หาดูได้ยากนัก”

                    ขุนศึกไกพลันหัวเราะออกมา ตามด้วยเสียงหัวเราะของคนอื่นๆระบายความตึงเครียดในรอบหลายๆวัน ในขณะที่ลูท บลูและรินะทั้งสามงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ว่าพวกเขาหัวเราะกันเรื่องอะไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×