ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #262 : เล่ม 9 - ตอนที่ 122 - ก่อนออกเดินทาง (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.57K
      5
      22 ม.ค. 52

    /> /> />

    เสียงหัวเราะของบิดาดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่ตบเข้าบริเวณแผ่นหลังของลูทคราหนึ่ง กล่าวล้อเล่นว่า “มีบุตรอย่างเจ้าถือว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของข้ากันแน่?

    เมื่อทราบว่าฝ่ามือเมื่อครู่ตอบรับการล้อเล่นของเขา ลูทก็ยังคงยิ้มร่าเช่นเคย “ขออภัยท่านพ่อ ข้าเพียงอยากเห็นท่านพ่อร่าเริงขึ้นกว่านี้ ข้าทราบว่าทุกวันนี้ท่านพ่อต้องแบกรับภาระใหญ่หลวงของการฟื้นฟูนครมิสต์ให้กลับมาเป็นดังเดิม สร้างงานสร้างที่อยู่อาศัยตลอดจนหาเลี้ยงให้ประชาชนนับแสนมีกิน คืนชีวิตอันสงบสุขให้กับพวกเขา เมื่อรวมหน้าที่ทุกประการเข้าด้วยกันอาจเปรียบได้กับการเป็นผู้ปกครองแผ่นดินชั่วคราวเสียทีเดียว”

    “หน้าที่ของเจ้าก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าไม่ใช่หรือ?

    บุตรชายพยักหน้าครั้งหนึ่งมิได้ตอบคำ

    แมกซิมิเลี่ยนทอดสายตามองรถม้าอีกขบวนหนึ่งที่แล่นออกจากวังฟ้าประทานไป ทราบว่าเวลาการจากไปของบุตรชายใกล้เข้ามาทุกขณะจิต จึงตั้งคำถามว่า “เจ้ากลัวหรือไม่?

                    คำตอบของลูทเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา “จะไม่กลัวได้อย่างไรท่านพ่อ ในเมื่อคู่ต่อสู้ที่จะต้องเผชิญเป็นถึงเทพสงครามที่ไร้ผู้ต่อต้าน แต่นั่นกลับมิใช่สิ่งที่ข้าเกรงกลัวมากที่สุด”

                    บิดานิ่งเงียบรอคอยบุตรชายกล่าวต่อไป

                    “ข้าไม่ได้กลัวตายมากเท่ากับกลัวเหตุการณ์หลังจากที่ข้าตายเกิดขึ้น หากพวกเรากระทำการล้มเหลวก็เท่ากับเป็นการหยิบยื่นความสำเร็จให้กับเทพสงคราม ซึ่งแน่นอนว่าจะสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ไม่เว้นแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายในหมู่บ้านสวนเชอร์รี่ น่าแปลกที่ข้ากลัวเรื่องพรรณนี้จะเกิดมากกว่ากลัวความตายเสียอีก” บุตรชายตอบในขณะที่นึกถึงสตรีผู้หนึ่ง

                    หากปราศจากสตรีผู้นั้อยู่เคียงข้าง ชีวิตของเขาก็เทียบเท่ากับว่าตายไปแล้ว

                    “หากเจ้ากล่าวว่าไม่กลัวข้าคงจะขัดขวางมิให้เจ้าไปจากกรุงเดว่าในบัดดล” แมกซิมิเลี่ยนกล่าวต่อไปว่า “รู้หรือไม่ว่าข้าเคยได้ยินประโยคเมื่อครู่นั้นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง”

                    “จากผู้ใด?

    “แม่ของเจ้า” แมกซ์เอื้อมวางมือทั้งสองสัมผัสลงที่ไหล่ของบุตรชาย กล่าวว่า “นับวันคำกล่าวและวิธีการคิดของเจ้ายิ่งเหมือนจูเลียมากขึ้นเรื่อยๆ”

                    “เหมือนท่านแม่? เมื่อครู่ท่านพ่อยังบอกว่าข้าเหมือนท่านอยู่เลย”

                    “ดีแล้วที่เจ้าเหมือนข้ากับจูเลีย หากเหมือนสตรีอื่นเรื่องราวคงจะวุ่นวายมิใช่น้อย”

                    เสียงหัวเราะฮาๆของบุตรชายดังขึ้น กล่าวว่า “อย่างน้อยข้าก็ไม่เหมือนท่านพ่ออย่างหนึ่ง ที่ใจของข้านั้นรักเพียงสตรีผู้หนึ่ง”

                    “เจ้าลูกปากเสีย เมื่อครู่ข้าเพียงกล่าวล้อเล่นเท่านั้น” แมกซิมิเลี่ยนตอบพลางเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน ตามมาด้วยบุตรชายติดๆ

                    เสียงปึงดังขึ้นเมื่อประตูที่ทอดไปยังระเบียงด้านนอกปิดลง เช่นเดียวกับผ้าม่านริมหน้าต่างที่พลิ้วไหวจากแรงลม พร้อมกับคำกล่าวของบิดาว่า     “จะไปแล้วใช่หรือไม่?

                    บุตรชายพยักหน้าครั้งหนึ่งส่งเสียงอืมในลำคอ ยกห่อผ้าในมือตอบรับคำถามของบิดาพร้อมกับเดินไปที่ประตูทางออก

                    แมกซิมิเลี่ยนนั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวเดิม เอกสารที่เคยกองพะเนินสูงเท่าศีรษะมิเพียงแต่จะไม่ลดลงกลับมาขึ้นเป็นสองสามตั้ง ยินเสียงของบิดากล่าวว่า “ขอให้เจ้าโชคดี”

                    “โชคมีไว้เพื่อบุคคลที่มิอาจใช้ฝีมืออันแท้จริงเข้าพิชิตชัยเท่านั้น”

                    “นั่นเป็นสาเหตุที่ข้ากล่าวประโยคเมื่อครู่”

                    เสียงหัวเราะของบิดาและบุตรชายดังขึ้นพร้อมกันอีกเป็นคำรบสาม พร้อมๆกับประตูห้องทำงานของแมกซิมิเลี่ยนที่ปิดลง

    /> /> />

    ณ อีกฟากหนึ่งของตัวตึกรับรอง บุรุษที่พึ่งได้รับตำแหน่งวีรบุรุษแห่งลาเวนดิสนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง

                    ในมือของบลูถือจดหมายฉบับหนึ่งและเหรียญตราแห่งเกียรติยศ ซองจดหมายสีขาวสะอาดพึ่งจะปิดผนึงจดหมายที่เขียนเสร็จได้ไม่นาน สองตาสีน้ำเงินจับจ้องอยู่กับวัตถุในมือติดต่อกันเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เขาใช้เวลาทั้งหมดก่อนที่จะออกเดินทางอยู่กับสิ่งของสองสิ่งนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรบุรุษหนุ่มก็มิอาจปิดบังความหมองเศร้าในดวงตาได้ ความขัดแย้งในจิตใจห้ำหั่นกันอยู่ตลอดเวลา

    ข้าควรจะทำเช่นนี้หรือไม่?’

                    ในที่สุดบุรุษหนุ่มก็เปลี่ยนอิริยาบถ วางเหรียญตราวีรบุรุษนั้นลงบนโต๊ะเบื้องหน้า สองมือช่วยกันเปิดผนึกซองจดหมาย เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งและแหวนทองคำขาวสองวงร่วงหล่นลงมา บลูวางแหวนคู่ชะตาทั้งสองไว้ข้างเหรียญตราเมื่อครู่ คลี่กระดาษที่มีเพียงลายมือของเขาออก อ่านทวนเนื้อความในจดหมายเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย

     

    “ถึงสตรีที่ข้ารัก

                    เมื่อใดที่เจ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้เมื่อนั้นข้าคงจะมิได้อยู่เคียงข้างกายเจ้าอีก ส่วนจะมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้นต้องขึ้นกับสวรรค์บันดาล ชะตาของพวกเราทั้งสองมิได้เขียนไว้ให้เคียงคู่กัน แค่ความจริงที่ว่าหนหนึ่งเจ้าเคยรักข้าก็ทำให้ข้าพึงพอใจแล้ว แหวนทั้งสองวงเป็นสิ่งที่เชื่อมประสานจิตใจของเราสองเข้าด้วยกันในอดีต และก็เป็นสิ่งที่ทำลายเยื่อประสานอันเบาบางนั้นให้ขาดออกจากกัน แหวนทั้งสองนี้มีชื่อว่า แหวนคู่ชะตา

                    หากเจ้าต้องการค้นหาความจริงเบื้องหลังแหวนทั้งสอง ขอจงไปที่ห้องสมุดทรานซิลเบอเรีย จะทราบได้ว่าเรื่องราวที่ข้าระบุไว้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ความรักที่ข้ามีต่อเจ้านั้นยิ่งใหญ่จนมิอาจบรรยายได้ ข้าเสียใจที่ต้องทำลายมันลงด้วยสองมือของข้าเอง แต่ข้าอยากให้เจ้าทราบว่าข้าไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก ในบัดนี้ข้าสามารถจดจำเหตุการณ์ทั้งหมด คำสนทนาของเราสอง ช่วงเวลาทุกเสี้ยววินาทีที่เราอยู่ร่วมกันได้ไม่เคยลืมเลือน แต่มันคงจะไม่มีความหมายอะไรหากเจ้ามิอาจจดจำได้แม้แต่สิ่งเดียว

                    ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา หากไม่มีเจ้าคงจะไม่มีข้าในวันนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อนาคตจะเป็นอย่างไร ข้าอยากให้เจ้าเดินหน้าต่อไป ลืมเลือนเรื่องราวในอดีต เป็นประมุขของชาติที่หาผู้ใดเปรียบ ทำลายกำแพงระหว่างชนชั้นที่เป็นความตั้งใจของเจ้าให้จงได้

    ด้วยรักและความจริงใจ

    เจ้าของแหวนทองคำบนนิ้วนาง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×