ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #253 : เล่ม 8 - ตอนที่ 113 - เส้นทางลับ (3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      2
      30 ธ.ค. 51

    /> /> />

    เวลาผ่านไปวันหนึ่งก็ถึงเวลาปฏิบัติการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้

    ไอเวอเรียสคิดไม่ผิดอย่างยิ่งที่ให้ออสวอลควบคุมกองทัพเรือ ราชนาวีแห่งลาเวนดิสล่องทวนกระแสน้ำมาปักหลักอยู่ห่างจากนครมิสต์เพียงสองพันก้าวราวกับกองเรือล่องหน

                    กระบี่ที่สองออสวอลมีชื่อเสียงลือเลื่องกับการรบทางน้ำ แม้แต่ฝีมือการคุมกองเรือของกระบี่ที่หนึ่งโซโลมอนก็มิอาจเทียบชั้นได้ กระแสน้ำทุกจุดและโขดหินทุกแห่งในแม่น้ำลาเมนท์เสมือนกับเป็นลายเส้นบนฝ่ามือของเขา จากการที่ออสวอลนำกองทัพเรือสิบสองลำที่บรรทุกทหารราวสามพันนายแล่นทวนกระแสน้ำมาโดยไม่ต้องใช้แสงไฟ ซุ่มซ่อนอยู่ในพงหญ้าสูงอาศัยสภาพแวดล้อมซ่อนกองเรือโดยที่หน่วยลาดตระเวนฝั่งตรงข้ามไม่มีทางระแคะระคาย เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีสำหรับขุนพลผู้มีอนาคตอันรุ่งโรจน์ผู้นี้

                    บุคคลห้าคนยืนอยู่บนหัวเรือของเรือบัญชาการ แน่นอนว่าสองในห้าคือออสวอลและไอเวอเรียส ส่วนอีกสามคนที่เหลือคือรินะ สตีเฟ่นและลาโทน่า

                    ไอเวอเรียสแหงนหน้ามองดูดวงดาวที่บอกเวลาและทิศทาง ในมือถือกระดาษสองสามแผ่นที่ลูทและบลูส่งมาให้ ระบุถึงภาพร่างกองเรือของศัตรูโดยคร่าวที่จอดประชิดลำน้ำลาเมนท์สายตะวันออก และตำแหน่งการจัดวางทหารภายในเมือง เสนาธิการหนุ่มครุ่นคิดพักหนึ่ง กล่าวว่า “ศิษย์น้องทั้งสองทำงานได้ไม่ผิดพลาดเหตุใดจึงยังไม่กลับมารายงานตัว?

                    รินะที่ยืนอยู่เคียงข้างกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกศิษย์พี่ทั้งสองว่า หลังจากที่ส่งข่าวเสร็จแล้วอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงแผนการตามสถานการณ์ได้มิใช่หรือ? ศิษย์พี่ทั้งสองอาจพบร่องรอยอะไรบางอย่างจึงไม่กลับมาพบกับพวกเราที่นี่”

                    ออสวอลออกความเห็นว่า “คนอย่างลูทกับบลูเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วยากที่จะมีผู้ใดทำอะไรพวกเขาได้ หากเกิดเรื่องขึ้นอย่างน้อยนครมิสต์จะต้องปั่นป่วนโกลาหล มิได้มีสภาพเป็นปกติเช่นนี้”

                    “จวนถึงเวลาแล้ว พวกท่านพร้อมหรือไม่?” เสนาธิการหนุ่มหันกลับไปกล่าวกับสหายร่วมรบทั้งหลาย

                    สตีเฟ่นเบือนหน้าไปถามลาโทน่าว่า “เจ้าพร้อมหรือไม่?

                    ลาโทน่าพยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ขอเพียงสั่งการ”

                    “รบกวนเจ้าแล้ว” ไอเวอเรียสโบกกระบี่ตวัดเจ็ดดาว แสงจันทร์ส่องกระทบคมกระบี่สีดำสนิทส่องแสงวูบหนึ่ง สั่งการว่า “ปล่อยเรือ”

                    มือโคมใต้บัญชาการของออสวอลยกโคมขึ้นให้แสงสว่างเป็นสัญลักษณ์ส่งไปยังเรือลำอื่นๆ ลูกเรือของเรือรบหลักทั้งสิบลำต่างช่วยกันขนเรือพายลำเล็กที่บรรจุด้วยฟางราดน้ำมันจนท่วมวางลงบนลำน้ำ ตำแหน่งที่กองเรือของออสวอลซ่อนอยู่คือบริเวณแม่น้ำลาเมนท์ทางตะวันออก เมื่อปล่อยเรือเล็กให้ลอยตามน้ำเรือเหล่านี้ก็จะไหลลงใต้เข้าสู่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำลาเมนท์ทางใต้ของนครมิสต์ เรือใหญ่ลำหนึ่งบรรจุเรือเล็กแปดลำ เมื่อนับรวมกันแล้วจึงมีเรือเล็กทั้งหมดแปดสิบลำบรรจุเชื้อไฟอย่างดี ขอเพียงถูกธนูเพลิงกระแทกใส่เรือจะเอนเอียง ทำให้กองฟางที่ราดน้ำมันลอยกระจายเต็มผิวน้ำ เมื่อติดไฟจะลุกท่วมกลายเป็นทะเลเพลิงในที่สุด

                    ทันใดที่เรือเล็กลำสุดท้ายถูกปล่อยออกลาโทน่าก็ก้าวมาที่หัวเรือบัญชาการ ยินเสียงของสตีเฟ่นกล่าวจากด้านหลังว่า “ขอให้เจ้าถนอมตัว”

                    ลาโทน่าหันกลับมายิ้มให้กับมนุษย์ผู้นี้แทนคำตอบ สูดลมหายใจเข้าลึกๆกระโดดขึ้นสู่ฟ้ากลายร่างเป็นมังกรครามเอโนทาลในชั่วพริบตา สร้างความตะลึงงันในหมู่ทหารที่แม้ว่าจะทราบล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วอย่างหามิได้

                    สตีเฟ่นเหม่อมองร่างที่แท้จริงของลาโทน่า คำนึงว่า ความรักระหว่างมนุษย์กับมังกร ... ผู้ใดที่เคยกล่าวว่าความรักนั้นไร้พรมแดนช่วยตอบข้าทีเถิด ว่าความรักต่างเผ่าพันธุ์เช่นนี้จะเป็นจริงได้หรือไม่?’

                    เอโนทาลที่ทำความคุ้นเคยกับร่างมังกรสามารถบังคับตัวเองไต่ไปเหนือระดับเมฆได้ภายในชั่วพริบตา เพียงสองสามนาทีต่อมานางก็บินมาถึงน่านฟ้าเหนือนครมิสต์

                    ใต้น่านฟ้าแห่งนั้นอัศวินมังกรเบลโทริน่าได้ยินเสียงบุรุษที่อยู่ข้างกายกล่าวว่า “เป็นเอโนทาล”

                    “เจ้าแน่ใจแล้วหรือฟาฟเนอร์?” อัศวินมังกรหญิงไต่ถาม

                    ฟาฟเนอร์ในร่างมนุษย์พยักหน้าครั้งหนึ่ง จับจ้องด้วยนัยน์ตาสีดำไปบนฟ้ายามรัตติกาล กล่าวว่า “ในมวลหมู่มังกรทั้งหมดผู้ที่มีความเร็วมากที่สุดคือเอโนทาล ผู้ที่มีเปลวเพลิงแรงกล้าที่สุดคือซาลามันเดอร์ ส่วนผู้ที่มีประสาทสัมผัสฉับไวที่สุดคือข้าผู้นี้ ... ท่านเบลโทริน่าเห็นว่าพวกเราควรจะทำอย่างไร?

                    เบลโทริน่าเชื่อถือในคำยืนยันของฟาฟเนอร์ แต่กลับส่ายศีรษะกล่าวว่า “พวกเรามิได้มีคำสั่งให้ระวังภัย และน่านฟ้าเหนือนครมิสต์ก็มิใช่สถานที่ที่กองทัพมังกรต้องรับผิดชอบ หากไม่มีคำสั่งโดยตรงจากจอมทัพมังกรแล้วพวกเราจะไม่เคลื่อนไหวอันใด”

                    ฟาฟเนอร์หรุบสายตาลงต่ำนิ่งเงียบกับคำกล่าวของเบลโทริน่าผู้เป็นนาย

                    อีกทางด้านหนึ่งเอโนทาลทราบดีว่าฟาฟเนอร์จะต้องทราบร่องรอยของนาง แต่นางก็ทราบว่านิสัยของฟาฟเนอร์มิใช่มังกรที่จะกระทำอะไรตามอำเภอใจ ครั้งนี้นางมีเวลาปฏิบัติภารกิจเพียงสามนาที จะอย่างไรต้องใช้โอกาสที่ฟาฟเนอร์ยังอยู่ในระหว่างตัดสินใจว่าจะตอบโต้อย่างไรดีลงมือปฏิบัติให้สำเร็จ จากนั้นใช้ความเร็วที่เป็นเอกลักษณ์บินโฉบหนีไป

                    พึ่บ! ปีกของเอโนทาลที่กางอยู่ได้หุบลงลู่ลำตัว พุ่งศีรษะลงด้านล่างเร่งความเร็วดิ่งลงมาจากชั้นเหนือเมฆอย่างเฉียบพลัน

                    แสงไฟสีแดงสาดส่องขึ้นจากทางตอนใต้ของนครมิสต์ ลมหายใจเปลวเพลิงระลอกแรกเป่ามือธนูกองหนึ่งสะกดมิให้ยิงธนูต่อต้าน ลมหายใจเปลวเพลิงระลอกที่สองจึงเปลี่ยนเป็นเผาทำลายบ้านเรือนที่ทำด้วยไม้แถบหนึ่ง เอโนทาลจงใจเลือกเป้าหมายที่ติดไฟได้ง่ายและมีความสามารถในการลุกลามก่อนที่จะบินโฉบไปยังกลางนครมิสต์ มุ่งหน้าเข้าหาสะพานเชื่อมเมืองเก่าและเมืองใหม่

                    “เอโนทาล!” เสียงตะโกนที่ไม่คาดฝันของซิงเควด้าดังขึ้นจากเบื้องล่าง “เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ!

                    เอโนทาลเร่งความเร็วอาศัยจังหวะฉุกละหุกไต่ระดับขึ้นสูง จนถึงระดับที่ศรจากธนูยิงไม่ถึง แล้วพลันโฉบลงต่ำเป่าลมหายใจเปลวเพลิงทำลายสะพานแห่งแรกได้สำเร็จ

                    เสียงร่ำร้องของทหารจักรวรรดิทั่วใจกลางนครมิสต์ดังขึ้น เป็นที่แน่ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวแล้วว่าถูกจู่โจมด้วยมังกร เอลโนทาลทราบดีว่าหากอยู่นานไปจะมีอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆจึงเร่งความเร็วขึ้นอีก เพียงอีกไม่กี่วินาทีสะพานแห่งที่สองก็ตกอยู่ท่ามกลางกองเพลิง และถล่มลงในแม่น้ำในที่สุด

                    “มันเล็งเป้าหมายที่สะพาน มือธนูประจำการที่สะพานแห่งที่สามโดยด่วน!” เสียงตะโกนของวานเตสดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหล แต่น่าเสียดายที่มหาอุปราชอยู่ไกลเกินกว่ารัศมีธนู จึงพลาดโอกาสอันดีที่จะสังหารมังกรของฝ่ายตรงข้าม

                    ซิงเควด้าไม่สนใจการค้นหาสายลับทั้งสองอีก เร่งความเร็วสุดฝีเท้าวิ่งตามหลังคาไล่ตามเอโนทาลมาจนทัน ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “ได้ยินข้าหรือไม่เอโนทาล? จงหยุดลงแล้วข้าจะจัดการกับเรื่องทั้งหมดให้เอง”

                    เอโนทาลได้ยินเสียงของเจ้านายเก่าแต่ก็มิได้ลดระดับความเร็วลงแม้แต่น้อย นางเลือกแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับสตีเฟ่นจวบจนวันตาย บุคคลอื่นที่ไม่มีพันธะทางวิญญาณเกี่ยวข้องกับนางอีกย่อมไม่จำเป็นต้องสนใจ

                    ซิงเควด้าเห็นปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนั้นจึงตะโกนต่อไปว่า “เจ้าไม่ถือว่าข้าเป็นนายของเจ้าอีกใช่หรือไม่?

                    เอโนทาลพุ่งต่อไปยังสะพานแห่งที่สามอันเป็นสะพานสุดท้าย เป่าลมหายใจเปลวเพลิงออกหลอมละลายสะพานแห่งนี้ไปเสีย

                    ทันใดนั้นเสียงศรแหวกอากาศพลันดังขึ้น จังหวะที่เอโนทาลจะพ่นไฟจะต้องชะงักเล็กน้อย เป็นเหตุให้ตกเป็นเป้าของศรฝ่ายตรงข้าม

                    สวบ! ศรดอกหนึ่งยิงทะลุไหล่ของเอโนทาลไปส่งผลให้มังกรสีครามคำรามสนั่นนครมิสต์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×