ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #249 : เล่ม 8 - ตอนที่ 112 - หนทางสู่โบราณสถาน (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      3
      22 ธ.ค. 51

    /> /> />

    เสียงโอดโอยของบุรุษหนุ่มสองคนดังขึ้นในบ้านพัก พร้อมกับเสียงท้องที่ร้องบอกความหิวในยามเย็น

                    ทั้งสองคนนอนแผ่หลาอยู่กลางห้องหลังจากผ่านการต่อยตีมารอบใหญ่ เห็นท้องฟ้าภายนอกที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแสด เสียงหอบหายใจดังขึ้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย อาการเจ็บปวดจากการถูกทุบตีส่งผลให้ทั้งสองหยุดลงมือ เมื่อทราบว่าการต่อยตีต่อไปก็มิได้ทำให้เรื่องใดๆดีขึ้น

                    เสียงของบลูดังขึ้นก่อนว่า “ให้ตายเถอะ ต่อยตีกับเจ้านับสิบครั้งแต่เพราะเหตุใดถึงไม่เคยเอาชนะเจ้าได้สักครั้งหนึ่ง กระดูกของเจ้าทำมาจากเหล็กอย่างนั้นหรือ?

                    ลูทยังคงหอบหายใจอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า “ครั้งนี้นับว่าเจ้าพัฒนาฝีมือขึ้นบ้าง ยี่สิบแปดครั้งที่พวกเราต่อยตีกันเป็นข้าชนะรวดทั้งหมด นอกเสียจากครั้งนี้ที่ผลออกมาเสมอ”

                    “ยี่สิบแปด? เอาสมองของเจ้าไปจำเรื่องอื่นดีกว่าหรือไม่แทนที่จะมานับครั้งที่พวกเราต่อยตีกันเช่นนี้?

                    “มารดาของเจ้า ยี่สิบแปดนั่นเป็นตัวเลขที่ข้ากุขึ้นมา มีที่ไหนได้ข้าจะจำว่าต่อยตีมากี่ครั้งได้?” ลูทกล่าวต่อไปว่า “รู้หรือไม่หากครั้งนี้ข้าอัดเจ้าลงไปกองกับพื้น ข้าจะยืนชี้หน้ากล่าวตอกย้ำว่าความรักของเจ้าเป็นเพียงสิ่งจอมปลอม ไล่เจ้าให้ไปปรับความเข้าใจกับนางปรับปรุงตัวเสียใหม่ แต่ที่ไหนได้เจ้ากลับอัดข้าลงไปนอนกองเสียเช่นกัน”

                    บลูหัวเราะออกมา กล่าวว่า “นั่นหรือเหตุผลที่เจ้าหาเรื่องข้า? ช่างไร้สาระสิ้นดี แต่เจ้าพูดอีกก็ถูกอีก หากข้ามิได้ลงมานอนกองกับพื้นเช่นนี้คงจะไม่เข้าใจในความหมายที่เจ้าต้องการจะสื่อ ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องเปลี่ยนมุมมองของความรัก หันมามองในมุมมองของนางเสียบ้าง”

                    “ดูเหมือนว่าการต่อยตีในครั้งนี้จะให้ผลดีกว่าที่เคยเป็น” ลูทร้องโอดโอยเบาๆ พร้อมยื่นมือมาสัมผัสสีข้างในตำแหน่งที่รับหน้าแข้งของบลูเข้าไปเต็มเหนี่ยว จากนั้นกล่าวว่า “ไม่เหมือนกับครั้งผ่านมาที่ข้าต่อยตีชิงแอปเปิ้ลลูกสุดท้ายกับเจ้า”

                    บลูจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ติดตา กล่าวต่อไปว่า “สุดท้ายกลับถูกอาจารย์ดาธเอาไปกินระหว่างที่พวกเราต่อยตีกัน แถมยังถูกอาจารย์อัดจนหมอบทั้งคู่เป็นรางวัล”

                    ลูทยิ้มขึ้นได้ทั้งที่เจ็บปวดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ช่วงที่เขากับสหายรักร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์ดาธ สายตาของบุรุษหนุ่มค่อยๆเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นขึ้นทีละน้อย กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “บลู ... ข้าขอร้องเจ้า ... มิใช่ ใช้คำว่าขอร้องไม่ถูก ... ข้าต้องการให้เจ้ากระทำเรื่องหนึ่ง

                    “กล่าวมา” บลูตอบโดยที่ไม่ต้องคิด

                    “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าในกายของข้ามีสายเลือดของเทพเจ้าสงครามอยู่ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าเกือบจะต้องสังหารอาจารย์กับยูกิ”

                    บลูหรี่ตาลงเล็กน้อยครุ่นคิดตามคำพูดของลูท ทราบว่าประโยคต่อไปคงจะเป็นเรื่องที่จริงจัง

                    “ต่อจากนี้ไปพวกเราจะต้องเข้าร่วมปฏิบัติการทำลายกองทัพจักรวรรดิ หากข้าถูกเทพสงครามครอบงำอีกครั้งหนึ่งอาจทำให้แผนการทั้งหมดล่มสลาย ผู้คนอีกนับหมื่นนับแสนอาจต้องตกตายทั้งๆที่ไม่สมควรจะเป็น และในบุคคลทั้งหมดนั้นอาจมีท่านพ่อ ท่านอาจารย์ พวกเจ้าและบุคคลใกล้ชิดอีกหลายคน ข้าไม่ต้องการที่จะให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น จงรับปากข้าว่าทายาทแห่งอาร์คาน่าอย่างเจ้าจะสังหารข้าทิ้งทันที เมื่อข้าถูกครอบงำโดยเทพเจ้าสงคราม” ลูทกล่าวประโยคนี้ออกมาจากใจจริง เขายินดีที่จะตกตายดีกว่าที่จะยอมให้เทพสงครามใช้ร่างกายของเขาก่อกรรมทำร้ายผู้คน

                    ผ่านไปครู่หนึ่งบุรุษหนุ่มผมสีน้ำเงินก็พยักหน้า กล่าวว่า “ข้ารับปาก แต่ข้าจะไม่สังหารเจ้าในทันที หากเจ้าถูกครอบงำจริงๆข้าจะหาทางทำให้ความรู้สึกของเจ้ากลับคืนมาเสียก่อน หากกระทำไม่ได้ข้าให้คำสาบานต่อฟ้าว่า ข้าจะเป็นผู้สังหารเจ้าด้วยตัวเอง”

                    “สมกับเป็นสหายของข้า” เสียงหัวเราะของลูทดังขึ้น ดีดร่างลุกขึ้นกล่าวว่า “การสนทนาสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เริ่มปฏิบัติภารกิจได้”

                    บลูยันร่างท่อนบนลุกขึ้นนั่ง แต่ขณะที่กำลังลุกขึ้นยืนนั้นกลับเบิ่งตากลมกว้าง กล่าวว่า “ก้มลง ... ข้างนอกมีเสียงผิดปกติ”

                    บลูแนบใบหูกับพื้นดิน ใช้มือข้างหนึ่งทาบราบกับพื้นเช่นเดียวกับใบหู ส่งผ่านเอลสีเหลืองไปตามผิวดินรับฟังเสียงฝีเท้าของฝ่ายตรงข้าม ใบหน้าของบุรุษหนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยาก กล่าวว่า “ร่องรอยของพวกเราเปิดเผย ทหารกองหนึ่งกำลังตีกรอบล้อมรอบบ้านพักนี้เข้ามาในรัศมีสองร้อยก้าว”

                    ที่บลูมีสีหน้ากังวลใจมิใช่เรื่องที่พวกเขาจะฝ่าออกไปได้หรือไม่ แต่เป็นเพราะการที่ร่องรอยของพวกเขาเปิดเผยอาจทำให้กระทบกับแผนการใหญ่ หากฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้ร่องรอยอาจทำให้ระแคะระคายขึ้นได้ และถ้าเข้าไปถึงหูของนักการทหารอย่างทานาทอส เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้อาจเชื่อมโยงไปถึงแผนการของไอเวอเรียสก็เป็นได้

                    “ฝ่าออกไป ขณะนี้พวกมันอาจคิดว่าพวกเราเป็นเพียงหน่วยสอดแนมปลายแถว” ลูทเองก็คิดในสิ่งเดียวกัน จึงหันกลับไปกล่าวกับสหายว่า “จากจุดนี้ใช้เวลาวันเศษๆในการเดินเท้าไปยังโบราณสถานเอลลี่ แต่เรายังคงมีเวลาเหลือสามวันเต็ม ถ้าพวกเราใช้เวลาวันหนึ่งตีวงอ้อมไปในทิศทางอื่นสลัดจากการติดตามของพวกมันแล้วค่อยมุ่งไปยังโบราณสถานเอลลี่ จะทำให้พวกมันไม่ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าพวกเรามาทำอะไรกันแน่ และยังคงพอมีเวลาอีกวันหนึ่งเหลือพอที่จะปฏิบัติภารกิจ”

                    “กระทำเช่นนั้นไม่ได้ พวกเราทำศึกน้อยใหญ่มาหลายครั้ง ขอเพียงทหารฝ่ายตรงข้ามพบเห็นก็จะล่วงรู้ได้ทันทีว่าพวกเราเป็นใคร ... ” บลูหยุดวาจาเมื่อได้ยินสหายโพล่งออกมาว่า “ข้ามีวิธีแล้ว”

                    “วิธีอันใดขอให้รีบบอก พวกมันตีกรอบล้อมเข้ามาใกล้อีกยี่สิบก้าวแล้ว”

                    ลูทชี้ไปที่หญ้าฟาง กล่าวว่า “ใช้หญ้าฟางเหล่านี้ผูกมัดร่างกาย ปกปิดหน้าตาจนกลายเป็นหุ่นฟางสองตัว จากนั้นฝ่าวงล้อมออกไปพวกมันก็จะไม่ทราบว่าพวกเราเป็นใคร”

                    “เจ้าต่อยตีเสมอกับข้าเป็นครั้งแรกถึงกับปัญญาอ่อนไปแล้วหรือ? คิดหรือว่าทหารฝ่ายตรงข้ามเป็นหุ่นกระบอกไร้สมองมองหุ่นฟางสองตัวไม่ออกว่าเป็นพวกเรา? กระทำเช่นนั้นมีแต่ยิ่งจะทำให้พวกมันปักใจเชื่อว่าเป็นเราสองคน เพราะคงไม่มีผู้อื่นกล้าใช้แผนโง่เขลาเช่นนี้” บลูหันไปมองกองฟางพลางนึกอุบายขึ้นได้ กล่าวว่า “ข้าพอมีวิธีแล้ว”

                    “วิธีอันใดขอให้รีบบอก” ลูทย้อนประโยคเดิมใส่สหาย

                    “หุบปากสุนัขของเจ้าแล้วกระทำตามที่ข้าสั่ง อย่าได้ส่งเสียงอันใด”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×