ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #217 : เล่ม 8 - ตอนที่ 106 - ความหลัง (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.05K
      5
      25 ต.ค. 51

    /> /> />

    “จำได้แล้ว ... ข้าจำได้แล้ว ... ยูกิ” เสียงอันหดหู่ดังขึ้นในห้องๆหนึ่งอย่างแผ่วเบา เสียงตะโกนเมื่อครู่ดังขึ้นเพียงครั้งเดียวก็เงียบสงบ กลับกลายเป็นเสียงคร่ำครวญที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน

                    น้ำตาของบุรุษหนุ่มที่เมื่อครู่ไหลลงมาทีละหยดสองหยดเปลี่ยนเป็นหลั่งไหลลงมาดุจดั่งทำนบทลาย กำปั้นที่กุมเข้าหากันแทบจะจิกเข้าไปในเลือดเนื้อจนหลั่งไหลออกมาเป็นสายโลหิต หากสามารถเปลี่ยนการหลั่งน้ำตาเป็นการหลั่งโลหิตได้บุรุษหนุ่มคงจะกระทำไปแล้ว ความเสียใจแผ่ซ่านมาจากกระดูกสันหลัง ค่อยๆเย็นวาบไปทั่วร่าง ซุกศีรษะใบหน้าลงไปที่หมอนหนุน ขดงอร่างกายเข้าหากันสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้ง ในห้วงสมองมีเพียงประโยคเดียววนเวียนกลับไปกลับมาไม่รู้จักจบจักสิ้น

                    ข้าสังหารนาง

                    ข้าสังหารนาง!’

    ข้าสังหารนาง!!’

    ทำไมข้ายังมีชีวิตอยู่!!!’

                    ภาพวาระสุดท้ายของนางยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงสมอง ผสมปนเปกับภาพทุกข์สุขที่เคยผ่านพ้นมาด้วยกัน อาจเรียกได้ว่าหากไม่มียูกิเขาคงจะไม่มีวันนี้ นางเป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความรัก ความหวัง ที่ทำให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองฝ่าฟันอันตรายนานัปการมาได้ราวปาฏิหาริย์

                    อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้เดียวที่ทำให้เขายังหายใจก็เป็นได้ หากปราศจากยูกิก็เท่ากับปราศจากความหวัง ปราศจากวิญญาณที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ หากจักรวรรดิยึดแผ่นดินนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะไม่แตกต่างกันหากจะใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีนาง

    ทั้งๆที่เขาเป็นผู้แทงกระบี่นั้นใส่นาง แต่เพราะเหตุใด? ... เพราะเหตุใดใบหน้าสุดท้ายที่เขาเห็นจึงเป็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่านางมีความสุขที่สุดในชีวิต

    ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเหตุใด?’

                    เมื่อบุรุษหนุ่มดึงความทรงจำอันเลวร้ายที่ร่างกายไม่ต้องการจดจำกลับมาได้ อาการปวดศีรษะที่เคยเป็นค่อยๆมลายจนหายเป็นปลิดทิ้ง แต่เมื่อลูทพยายามนึกต่อไปว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นต่อจากนั้น สมองกลับเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ความทรงจำช่วงนั้นกลับว่างเปล่ามิอาจจดจำสิ่งใดได้ ลูทครุ่นคิดจนผ่านไปเป็นเวลากว่าสิบนาทีก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หยาดเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามหน้าผาก ครุ่นคิดให้ตายก็มิอาจนึกเหตุการณ์ใดๆออกแม้แต่ส่วนเสี้ยว

    จนสุดท้ายบุรุษหนุ่มทนความอัดอั้นไม่ไหวอีกต่อไป แหงนใบหน้ามองเพดานสูงตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “เพราะเหตุใดถึงนึกไม่ออก! เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นอย่างไร? ทำไมข้าถึงปรากฏกายอีกครั้งบนเตียงแห่งนี้? แล้วยูกิเล่า?

                    “แล้วยูกิเล่าหลังจากนั้นนางเป็นอย่างไร?” เสียงตะโกนเปลี่ยนเป็นคำพูดที่สิ้นหวัง

    แปะ ... น้ำตาหยดสุดท้ายไหลลงกระทบหมอนพร้อมกับคำพูดเมื่อครู่ ตลอดสิบกว่านาทีหลังจากนี้ไม่มีน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของบุรุษหนุ่มอีก จนกระทั่งบุรุษหนุ่มคิดขึ้นได้หากมัวแต่เสียใจอยู่อย่างนี้จะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่? … ข้า ... ข้าต้องรับรู้ให้ได้ว่าภายหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น

                    ร่างของลูทสะท้านขึ้นมาในทันทีเมื่อค้นพบสิ่งที่ตนต้องการทราบ เขาเลิกผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว สอดส่ายสายตามองไปรอบข้างเห็นประตูกับหน้าต่างที่ทอดออกไปยังระเบียงด้านนอก พลันรุดไปที่ประตูคว้าลูกบิดเปิดออกหมายจะค้นหาความเป็นมาเป็นไปของยูกิให้ได้ ไม่ว่าอย่างไร ... ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเห็นด้วยสองตาของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะปักษ์ใจเชื่อว่านางลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว

                    ในขณะเดียวกันนั้นเอง โสตประสาทของลูทพลันได้ยินเสียงดนตรีชิ้นหนึ่งบรรเลงขึ้น

                    “เสียง!?

                    เสียงเครื่องดนตรีที่บ่งบอกถึงเรื่องราวความรักระหว่างบุคคลสองคน ถูกถ่ายทอดผ่านออกมาเป็นตัวโน้ตที่บรรยายได้ไม่จบไม่สิ้น

    “เสียงนี้มัน ไวโอลิน!?” น้ำตาที่เคยหลั่งไหลขณะนี้ได้เหือดแห้ง เหลือเพียงคราบจางๆและเส้นเลือดสีแดงที่แตกซ่านภายในดวงตา จังหวะหัวใจของลูทเปลี่ยนเป็นเต้นรัวถี่ยิบเมื่อได้รับฟังท่วงทำนองนั้น

    ทำนองจากบทเพลงใจประสานใจที่เขาเคยได้ยินบนยอดหอน้อยกลางน้ำ ที่ถูกบรรเลงโดยไวโอลินนามว่า ฝันแรกพบ

                    ไม่ผิดแน่

    ลูทไม่ต้องค้นหาต้นตอของเสียงเพลงก็ทราบได้ว่า เสียงไวโอลินดังขึ้นมาจากระเบียงนอกหน้าต่าง บุรุษหนุ่มจึงเลิกผ้าม่านสีครีมอ่อน วิ่งออกไปหาต้นตอของเสียงเพลงนั้นพลันกล่าวด้วยความดีใจว่า “เจ้ายังไม่ตายใช่หรือไม่? เจ้ายังไม่ตายใช่หรือไม่!?

    โครม! เสียงประตูถูกผลักไปกระทับผนังดังขึ้นด้วยเสียงอันดัง

    บุรุษหนุ่มโผล่พรวดออกไปที่ระเบียงยาวอันทอดจากห้องเขาไปเชื่อมต่อกับห้องเคียงข้าง สายตาบ่งบอกถึงความดีใจ ความประหลาดใจ ความลิงโลด และความเศร้าใจผสมปนเปกันจนไม่ทราบว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอย่างไร

    นอกจากท้องฟ้าสีครามอันสดใส กลิ่นหอมของดอกลิลลี่ที่โชยขึ้นมาจากสวนดอกไม้สีขาวโพลนด้านล่างแล้ว บุรุษหนุ่มพลันเห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่ที่ระเบียง คนหนึ่งเป็นจอมแพทย์วี และอีกผู้หนึ่งก็คือยอดหญิงยูกิที่กำลังบรรเลงไวโอลินฝันแรกพบตัวนั้น

    ใบหน้าของโฉมสะคราญเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เปรียบได้กับดอกไม้ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิที่พึ่งมาเยือน เมื่อทอดสายตาถัดออกจากสวนลิลลี่สีขาวโพลนออกไป ก็เห็นเป็นทิวทัศน์ของกรุงเดว่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสหลากหลายชนิด เหลือง แดง ชมพู ฟ้า ม่วง ขาว บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ สอดแทรกด้วยสีเขียวอันเป็นสีใบที่พึ่งผลัดใหม่ของหมู่พฤกษา เมื่อรับกับแสงตะวันในยามเช้าและประดับด้วยหญิงงามหยาดฟ้ายิ่งก่อให้เกิดภาพที่น่าดูชมขึ้นไปอีกเท่าตัว ประกอบด้วยท่วงทำนองของเพลงใจประสานใจ อันแสดงออกถึงความรัก ความห่วยใย และความคะนึงหา ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัวราวกับว่าเป็นศิลปะของเทพเจ้า

    หากจะเปรียบภาพนี้กับภาพที่ยูกิบรรเลงไวโอลินบนยอดของหอน้อยกลางน้ำ ก็มิได้งดงามยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้แต่น้อย

    “เป็นเจ้าจริงๆ เป็นเจ้า! ... ข้า ... ข้าดีใจเหลือเกิน” บุรุษหนุ่มโพล่งออกไปโดยไม่ยั้งคิด สะคราญโฉมผู้นั้นคือยูกิผู้ที่อยู่ใดดวงใจของเขามาตลอด จึงก้าวเข้าไปสองสามก้าวหมายจะเข้าไปหานางโดยเร็ว

    แต่ผลกลับไม่เป็นดั่งที่บุรุษหนุ่มคาดการณ์ ยูกิพลันส่งเสียงอุทานเบาๆด้วยความตกใจ สองมืออันเรียวงามหยุดบรรเลงไวโอลินพร้อมกับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สองตามองเขากลับมาด้วยสายตาและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหม่า

    ลูทหยุดฝีเท้าเมื่อก้าวไปได้เพียงสองก้าว เขาเห็นท่าทีตอบสนองเช่นนั้นจึงฉุกใจคิดขึ้นว่า เป็นข้าเองมิใช่หรือที่เป็นผู้ทำร้ายนาง?’

    ลำคอของเขาแห้งผาก สมองน้อยๆที่พึ่งฟื้นสติจากการนอนหลับไปเป็นเวลานานครุ่นคิดถึงวิธีแก้ปัญหา และคำพูดที่ควรจะกล่าวออกไป ดวงตาทั้งสองสั่นไหวด้วยความกลัว ... กลัวว่านางจะเกลียดและลาจากไปเมื่อพบว่าเขากระทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น

    บุรุษหนุ่มไม่ทราบว่าจะกล่าววาจาใดเพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมด เนื่องจากเขาเองก็เช่นกันไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย!

    ขณะนั้นเองเหตุเปลี่ยนแปลงพลันเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    ผู้กล่าววาจาคนแรกมิใช่บุรุษหนุ่มแต่เป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความประหม่า นางหันหน้ามาสบสายตากับบุรุษหนุ่มราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบเจอ กล่าววาจาด้วยเสียงอันไพเราะว่า “ต้องขอโทษด้วย ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?

    !?!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×