คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #217 : เล่ม 8 - ตอนที่ 106 - ความหลัง (4)
“จำได้แล้ว ... ข้าจำได้แล้ว ... ยูกิ” เสียงอันหดหู่ดังขึ้นในห้องๆหนึ่งอย่างแผ่วเบา เสียงตะโกนเมื่อครู่ดังขึ้นเพียงครั้งเดียวก็เงียบสงบ กลับกลายเป็นเสียงคร่ำครวญที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน
น้ำตาของบุรุษหนุ่มที่เมื่อครู่ไหลลงมาทีละหยดสองหยดเปลี่ยนเป็นหลั่งไหลลงมาดุจดั่งทำนบทลาย กำปั้นที่กุมเข้าหากันแทบจะจิกเข้าไปในเลือดเนื้อจนหลั่งไหลออกมาเป็นสายโลหิต หากสามารถเปลี่ยนการหลั่งน้ำตาเป็นการหลั่งโลหิตได้บุรุษหนุ่มคงจะกระทำไปแล้ว ความเสียใจแผ่ซ่านมาจากกระดูกสันหลัง ค่อยๆเย็นวาบไปทั่วร่าง ซุกศีรษะใบหน้าลงไปที่หมอนหนุน ขดงอร่างกายเข้าหากันสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้ง ในห้วงสมองมีเพียงประโยคเดียววนเวียนกลับไปกลับมาไม่รู้จักจบจักสิ้น
‘ข้าสังหารนาง’
‘ข้าสังหารนาง!’
‘ข้าสังหารนาง!!’
‘ทำไมข้ายังมีชีวิตอยู่!!!’
ภาพวาระสุดท้ายของนางยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงสมอง ผสมปนเปกับภาพทุกข์สุขที่เคยผ่านพ้นมาด้วยกัน อาจเรียกได้ว่าหากไม่มียูกิเขาคงจะไม่มีวันนี้ นางเป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความรัก ความหวัง ที่ทำให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองฝ่าฟันอันตรายนานัปการมาได้ราวปาฏิหาริย์
อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้เดียวที่ทำให้เขายังหายใจก็เป็นได้ หากปราศจากยูกิก็เท่ากับปราศจากความหวัง ปราศจากวิญญาณที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ หากจักรวรรดิยึดแผ่นดินนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะไม่แตกต่างกันหากจะใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีนาง
ทั้งๆที่เขาเป็นผู้แทงกระบี่นั้นใส่นาง แต่เพราะเหตุใด? ... เพราะเหตุใดใบหน้าสุดท้ายที่เขาเห็นจึงเป็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่านางมีความสุขที่สุดในชีวิต
‘ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเหตุใด?’
เมื่อบุรุษหนุ่มดึงความทรงจำอันเลวร้ายที่ร่างกายไม่ต้องการจดจำกลับมาได้ อาการปวดศีรษะที่เคยเป็นค่อยๆมลายจนหายเป็นปลิดทิ้ง แต่เมื่อลูทพยายามนึกต่อไปว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นต่อจากนั้น สมองกลับเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ความทรงจำช่วงนั้นกลับว่างเปล่ามิอาจจดจำสิ่งใดได้ ลูทครุ่นคิดจนผ่านไปเป็นเวลากว่าสิบนาทีก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หยาดเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามหน้าผาก ครุ่นคิดให้ตายก็มิอาจนึกเหตุการณ์ใดๆออกแม้แต่ส่วนเสี้ยว
จนสุดท้ายบุรุษหนุ่มทนความอัดอั้นไม่ไหวอีกต่อไป แหงนใบหน้ามองเพดานสูงตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “เพราะเหตุใดถึงนึกไม่ออก! เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นอย่างไร? ทำไมข้าถึงปรากฏกายอีกครั้งบนเตียงแห่งนี้? แล้วยูกิเล่า?”
“แล้วยูกิเล่า … หลังจากนั้นนางเป็นอย่างไร?” เสียงตะโกนเปลี่ยนเป็นคำพูดที่สิ้นหวัง
แปะ ... น้ำตาหยดสุดท้ายไหลลงกระทบหมอนพร้อมกับคำพูดเมื่อครู่ ตลอดสิบกว่านาทีหลังจากนี้ไม่มีน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของบุรุษหนุ่มอีก จนกระทั่งบุรุษหนุ่มคิดขึ้นได้ ‘หากมัวแต่เสียใจอยู่อย่างนี้จะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่? … ข้า ... ข้าต้องรับรู้ให้ได้ว่าภายหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น’
ร่างของลูทสะท้านขึ้นมาในทันทีเมื่อค้นพบสิ่งที่ตนต้องการทราบ เขาเลิกผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว สอดส่ายสายตามองไปรอบข้างเห็นประตูกับหน้าต่างที่ทอดออกไปยังระเบียงด้านนอก พลันรุดไปที่ประตูคว้าลูกบิดเปิดออกหมายจะค้นหาความเป็นมาเป็นไปของยูกิให้ได้ ‘ไม่ว่าอย่างไร ... ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเห็นด้วยสองตาของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะปักษ์ใจเชื่อว่านางลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว’
ในขณะเดียวกันนั้นเอง โสตประสาทของลูทพลันได้ยินเสียงดนตรีชิ้นหนึ่งบรรเลงขึ้น
“เสียง!?”
เสียงเครื่องดนตรีที่บ่งบอกถึงเรื่องราวความรักระหว่างบุคคลสองคน ถูกถ่ายทอดผ่านออกมาเป็นตัวโน้ตที่บรรยายได้ไม่จบไม่สิ้น
“เสียงนี้มัน … ไวโอลิน!?” น้ำตาที่เคยหลั่งไหลขณะนี้ได้เหือดแห้ง เหลือเพียงคราบจางๆและเส้นเลือดสีแดงที่แตกซ่านภายในดวงตา จังหวะหัวใจของลูทเปลี่ยนเป็นเต้นรัวถี่ยิบเมื่อได้รับฟังท่วงทำนองนั้น
ทำนองจากบทเพลงใจประสานใจที่เขาเคยได้ยินบนยอดหอน้อยกลางน้ำ ที่ถูกบรรเลงโดยไวโอลินนามว่า ‘ฝันแรกพบ’
‘ไม่ผิดแน่’
ลูทไม่ต้องค้นหาต้นตอของเสียงเพลงก็ทราบได้ว่า เสียงไวโอลินดังขึ้นมาจากระเบียงนอกหน้าต่าง บุรุษหนุ่มจึงเลิกผ้าม่านสีครีมอ่อน วิ่งออกไปหาต้นตอของเสียงเพลงนั้นพลันกล่าวด้วยความดีใจว่า “เจ้ายังไม่ตายใช่หรือไม่? เจ้ายังไม่ตายใช่หรือไม่!?”
โครม! เสียงประตูถูกผลักไปกระทับผนังดังขึ้นด้วยเสียงอันดัง
บุรุษหนุ่มโผล่พรวดออกไปที่ระเบียงยาวอันทอดจากห้องเขาไปเชื่อมต่อกับห้องเคียงข้าง สายตาบ่งบอกถึงความดีใจ ความประหลาดใจ ความลิงโลด และความเศร้าใจผสมปนเปกันจนไม่ทราบว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอย่างไร
นอกจากท้องฟ้าสีครามอันสดใส กลิ่นหอมของดอกลิลลี่ที่โชยขึ้นมาจากสวนดอกไม้สีขาวโพลนด้านล่างแล้ว บุรุษหนุ่มพลันเห็นร่างของคนสองคนยืนอยู่ที่ระเบียง คนหนึ่งเป็นจอมแพทย์วี และอีกผู้หนึ่งก็คือยอดหญิงยูกิที่กำลังบรรเลงไวโอลินฝันแรกพบตัวนั้น
ใบหน้าของโฉมสะคราญเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เปรียบได้กับดอกไม้ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิที่พึ่งมาเยือน เมื่อทอดสายตาถัดออกจากสวนลิลลี่สีขาวโพลนออกไป ก็เห็นเป็นทิวทัศน์ของกรุงเดว่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสหลากหลายชนิด เหลือง แดง ชมพู ฟ้า ม่วง ขาว บานสะพรั่งเต็มพื้นที่ สอดแทรกด้วยสีเขียวอันเป็นสีใบที่พึ่งผลัดใหม่ของหมู่พฤกษา เมื่อรับกับแสงตะวันในยามเช้าและประดับด้วยหญิงงามหยาดฟ้ายิ่งก่อให้เกิดภาพที่น่าดูชมขึ้นไปอีกเท่าตัว ประกอบด้วยท่วงทำนองของเพลงใจประสานใจ อันแสดงออกถึงความรัก ความห่วยใย และความคะนึงหา ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัวราวกับว่าเป็นศิลปะของเทพเจ้า
หากจะเปรียบภาพนี้กับภาพที่ยูกิบรรเลงไวโอลินบนยอดของหอน้อยกลางน้ำ ก็มิได้งดงามยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้แต่น้อย
“เป็นเจ้าจริงๆ เป็นเจ้า! ... ข้า ... ข้าดีใจเหลือเกิน” บุรุษหนุ่มโพล่งออกไปโดยไม่ยั้งคิด สะคราญโฉมผู้นั้นคือยูกิผู้ที่อยู่ใดดวงใจของเขามาตลอด จึงก้าวเข้าไปสองสามก้าวหมายจะเข้าไปหานางโดยเร็ว
แต่ผลกลับไม่เป็นดั่งที่บุรุษหนุ่มคาดการณ์ ยูกิพลันส่งเสียงอุทานเบาๆด้วยความตกใจ สองมืออันเรียวงามหยุดบรรเลงไวโอลินพร้อมกับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สองตามองเขากลับมาด้วยสายตาและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหม่า
ลูทหยุดฝีเท้าเมื่อก้าวไปได้เพียงสองก้าว เขาเห็นท่าทีตอบสนองเช่นนั้นจึงฉุกใจคิดขึ้นว่า ‘เป็นข้าเองมิใช่หรือที่เป็นผู้ทำร้ายนาง?’
ลำคอของเขาแห้งผาก สมองน้อยๆที่พึ่งฟื้นสติจากการนอนหลับไปเป็นเวลานานครุ่นคิดถึงวิธีแก้ปัญหา และคำพูดที่ควรจะกล่าวออกไป ดวงตาทั้งสองสั่นไหวด้วยความกลัว ... กลัวว่านางจะเกลียดและลาจากไปเมื่อพบว่าเขากระทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น
บุรุษหนุ่มไม่ทราบว่าจะกล่าววาจาใดเพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมด เนื่องจากเขาเองก็เช่นกันไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย!
ขณะนั้นเองเหตุเปลี่ยนแปลงพลันเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ผู้กล่าววาจาคนแรกมิใช่บุรุษหนุ่มแต่เป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความประหม่า นางหันหน้ามาสบสายตากับบุรุษหนุ่มราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบเจอ กล่าววาจาด้วยเสียงอันไพเราะว่า “ต้องขอโทษด้วย ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”
!?!
ความคิดเห็น