ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #214 : เล่ม 8 - ตอนที่ 106 - ความหลัง (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.47K
      32
      16 ต.ค. 51

    href="file:///C:\DOCUME~1\BoomBomb\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\DOCUME~1\BoomBomb\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\DOCUME~1\BoomBomb\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />

    ภาควีรบุรุษเทพสงคราม

    ตอนที่ 106 ความหลัง

    12 กันยายน อ.ศ. 211

     

    กล่องไม้ใบหนึ่งที่แสนธรรมดาถูกปิดลง บุรุษผู้หนึ่งวางสิ่งของลงไปสองสิ่งพร้อมสัญญากับตนเองว่าหากไม่มีเหตุวิกฤตที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เขาจะไม่มีวันหยิบของในกล่องไม้ในนั้นขึ้นมาอีก บุรุษผู้นี้รักษาสัญญาได้ตลอดมาจนกระทั่งสิบหกปีให้หลัง กระบี่ล่องหนทั้งสองเล่มจำต้องปรากฏขึ้นอีกครั้ง

                    “แมกซ์” เสียงเรียกของสตรีวัยย่างสามสิบผู้หนึ่งดังขึ้น จูเลีย ออร์นิเทียนอนอยู่บนเตียงไม้มีท่าทางอิดโรยเป็นอย่างยิ่ง แม้สีหน้าของนางจะซีดขาวแต่ความงดงามของสตรีชาวนอร์ผู้นี้ยังคงส่องประกายออกมาให้เห็นเด่นชัด ข้างเตียงนอนเป็นโต๊ะเตี้ยๆวางไว้ด้วยขลุ่ยสีขาวเลาหนึ่ง ด้วยสภาพเจ็บป่วยที่มิอาจเดินเหินได้สะดวกจูเลียก็มีเพียงขลุ่ยเลานี้ที่เป็นเครื่องคลายความเหงา ยามใดที่มีโอกาสบรรเลงขลุ่ยคล้ายจะทำให้สุขภาพใจที่อ่อนล้าฟื้นคืนกลับสู่ความสดใสได้ช่วงเวลาหนึ่ง

                    แมกซ์รีบวางกล่องไม้ไว้บนหลังคาตู้เมื่อได้ยินเสียงเรียกของภรรยาอันเป็นที่รัก เดินไปที่ห้องของนางเปิดประตูออก ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “มีอะไรหรือจูเลีย?

                    จูเลียส่ายหน้าครั้งหนึ่ง ถามว่า “ลูทเป็นอย่างไรบ้าง?

                    แมกซ์เบือนหน้าออกไปมองห้องส่วนตัวของบุตรชาย กล่าวว่า “เขาออกไปวิ่งเล่นจนเหนื่อยอ่อน พอกลับมาอาบน้ำเสร็จก็หลับไปแล้ว อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?

                    จูเลียยิ้มให้สามีผู้เป็นที่รักครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าลำบากเช่นนี้ เป็นเพราะสายเลือดในกายของข้าแท้ๆที่นำภัยมาสู่ครอบครัวของเรา”

                    “อย่าได้โทษชาติกำเนิดของตัวเองเลย เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

    ยินเสียงปิดประตูดังขึ้นดักแกร๊ก บุรุษวัยสามสิบเศษเดินเข้ามาใกล้ภรรยา นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่ไม่เคยถูกโยกย้ายไปที่ใดมาปีเศษ เขาใช้มือหยาบกร้านทั้งสองกุมมืออันนุ่มลื่นของภรรยาขึ้นดั่งที่กระทำมาตลอดระยะเวลาที่นางล้มป่วย แมกซ์กล่าวต่อไปว่า “เจ้าจะต้องมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป สตรีที่มีจิตใจดีงามเช่นเจ้าแม้ว่าจะมีชาติกำเนิดเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ ความรักของข้าที่มอบให้เจ้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับความรักของพวกเราที่มอบให้กับลูท”

    “แมกซ์”

    ขอบตาของจูเลียมีน้ำตาหยาดหยดลงมาเล็กน้อย นางส่ายหน้าครั้งหนึ่งพลางกล่าวด้วยเสียงที่สะอึกสะอื้นว่า “มันอาจสายเกินไปแล้วแมกซ์ ... ข้าทราบว่าข้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกอย่างมากเพียงวันหรือสองวัน หาไม่แล้วพิษอาจแล่นเข้าสู่สมองและหัวใจทำให้ข้าสูญเสียการควบคุมตัวเองดั่งเช่นครั้งก่อนอีก ... ไม่ว่าอย่างไรข้ายินยอมที่จะตายดีกว่าที่จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจร้าย”

    สายตาของแมกซิมิเลี่ยนเบิกกว้าง เขาโน้มร่างของตนเองเข้าสวมกอดสตรีผมแดงที่นอนอยู่บนเตียงหนานุ่มเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างสั่นสะท้าน ในที่สุดเวลาแห่งการพลัดพรากที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ก็มาถึง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้แต่การที่จะยอมรับและเผชิญกับมันให้ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    จูเลียกำลังจะจากไป นั่นเป็นความจริงที่มิอาจบิดเบือนได้อีก

    “เมื่อครู่ข้าเก็บกระบี่ล่องหนทั้งสองลงในหีบ ตั้งใจว่าหากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายแล้วทั้งชีวิตนี้จะไม่หยิบมันทั้งสองออกมาใช้อีก ได้โปรดจากไปอย่างสงบคลายห่วงคลายกังวลเรื่องของลูกเสีย นับแต่นี้ไปชีวิตของข้าจะอุทิศเพื่อเขา จะละทิ้งทุกอย่างเป็นเพียงพรานป่าผู้หนึ่งในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ ปลูกฝังจิตสำนึกให้ลูทเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีดั่งเช่นเจ้า พวกเราทั้งสองจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงใดๆในแผ่นดิน ลูกของเราจะไม่ต้องเผชิญเหตุการณ์ใดๆที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าสงครามไร้สาระนั่นอีก”

    แขนทั้งสองของจูเลียที่คงเหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยสวมกอดสามีผู้นี้ กล่าวว่า “ต่อให้ข้าถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกกี่สิบครั้งคงไม่มีบุรุษผู้ใดกระทำเพื่อข้าดั่งเช่นเจ้าอีก ... สำหรับสาเหตุการป่วยของข้าทั้งหมดข้าอยากให้เจ้าเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ต้องเอ่ยวาจาใดๆที่เกี่ยวข้องกับสายโลหิตและเทพเจ้าสงครามให้ลูทฟัง บอกเขาไปว่าสาเหตการตายของข้าเกิดจากการถูกพิษของสัตว์ร้ายจนไม่อาจทนทานได้”

    “ข้าขอโทษจูเลีย” แมกซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันทุ้มต่ำ “หากครั้งนั้นข้ามาเร็วกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยเจ้าคงจะไม่ถูกพิษร้าย องค์ราชินีเทเรซ่าจะทรงมีโอกาสที่จะรอดชีวิต รัชทายาทแห่งเจนีสคงจะไม่หายสาบสูญ และเหตุการณ์เมื่อปีก่อนคงจะไม่มีวันเกิดขึ้น”

    จูเลียถอนหายใจครั้งหนึ่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา กล่าวว่า “การศึกที่เจนีสไม่ใช่ความผิดของเจ้าแม้แต่น้อย ข้าต้องขอบคุณเจ้าเสียอีกที่ช่วยข้าฝ่าออกมาจากสภาวะคับขันเช่นนั้นได้ และเมื่อปีก่อนหากมิใช่เจ้า ... ข้าคงจะเสียสติคุ้มคลั่งถูกครอบงำจิตใจไปเสียแล้ว แทนที่ข้าจะเสียใจที่ต้องกลายมาเป็นคนป่วยเจ็บออดๆแอดๆมิอาจทำอะไรด้วยตนเองนั้นกลับตรงกันข้าม เจ้ารู้ไหมว่าข้ากลับดีใจเสียด้วยซ้ำ ปีเศษที่ผ่านมาเจ้าดูแลข้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขด้วยกันสามพ่อแม่ลูก ... เจ้ารู้ไหมว่าเวลาที่ข้าได้สอนลูทบรรเลงขลุ่ยนั้นเป็นเวลาที่ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะว่าข้าได้ทำหน้าที่เป็น แม่ของลูทอย่างเต็มตัว ได้ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองชอบให้กับบุตรชายอันเป็นที่รัก ข้าไม่เสียใจเลยที่ได้พบเจ้า ได้รักเจ้าและได้แต่งงานกับเจ้า”

    น้ำตาของแมกซ์ที่เอ่อล้นบนขอบตาพลันไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว แขนทั้งสองที่สวมกอดนางอันเป็นที่รักก็รัดแน่นขึ้นไปตามความรู้สึก ... ความรู้สึกที่ไม่ต้องการสูญเสียบุคคลตรงหน้าไป

    “โอย ... ข้าเจ็บ”

    “ขอโทษ” แมกซ์ผ่อนแรงที่ข้อแขนทั้งสองลง กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

    จูเลียส่ายหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่เป็นไร”

    “ข้าให้สัญญากับเจ้า ลูกชายของเราจะต้องเป็นนักดนตรีในอนาคต และข้าจะเป็นคนบอกเขาเองว่าแม่ของเขาเป็นนักดนตรีที่มีทักษะหาผู้ใดเปรียบ ให้เขาภูมิใจว่าเป็นบุตรชายของเจ้าตลอดชีวิต” แมกซ์กล่าว

    จูเลียพยักหน้ารับคำ แล้วจึงค่อยๆส่ายหน้าอีกครั้งกล่าวว่า “ไม่ได้หรอกแมกซ์”

    “ทำไมหรือจูเลีย?

    ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของภรรยาอันเป็นที่รักเมื่อนางคิดถึงอนาคตของบุตรชาย พร้อมทั้งตอบว่า “ชีวิตของลูทเป็นของเขา พวกเราที่เป็นพ่อแม่ทำได้เพียงแนะนำ ชี้นำและให้คำปรึกษาเท่านั้น พวกเราไม่อาจตัดสินใจแทนเขาได้หากเขาต้องการจะเป็นอะไรหรือเลือกทางเดินสายใดในอนาคต ใครจะไปรู้หากสายเลือดในกายของเขาถูกส่งผ่านมาจากบิดามากกว่าครึ่ง เติบใหญ่ค้นหาเส้นทางจนกลายเป็นมือกระบี่อันดับต้นๆของแผ่นดินทั้งที่พวกเรามิได้สั่งสอนเขาเลยก็เป็นได้ ... พวกเราทั้งสองก็เช่นกันมิใช่หรือที่เป็นคนตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตด้วยตนเอง ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆนานาจนกระทั่งมีวันนี้ แม้ว่ามันอาจจะมิใช่หนทางที่สวยหรูดั่งความฝันเมื่อยามเป็นเด็กวัยสิบเจ็ด แต่พวกเราก็มีความสุขและไม่เสียใจที่เลือกเส้นทางนี้มิใช่หรือ? ข้าเองก็เชื่อมั่นว่าในอนาคตอีกสิบกว่าปีข้างหน้าเมื่อลูทเติบใหญ่ก็จะเป็นเช่นกัน”

                    แมกซ์พยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าเข้าใจในความหมายของเจ้า”

                    “หากวันหนึ่งลูทต้องการที่จะเรียนรู้สิ่งใดขอให้เจ้าโปรดอย่าปิดกั้นเขา เปิดทางให้เขาเรียนรู้อย่างอิสระและคอยสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใดข้าก็พึงพอใจแล้ว ... แต่ถ้าหากเขาต้องการที่จะเรียนรู้วิชาการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ข้าอยากที่จะให้เจ้าหรือไม่ก็ดาธเท่านั้นที่เป็นผู้สั่งสอนเขา” จูเลียวาดฝันไปถึงอนาคตอันไกลของบุตรชาย ... อนาคตที่นางมิอาจได้อยู่ชื่นชมมัน

                    แมกซ์ถอนหายใจครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าให้สัญญากับตนเองแล้วว่าจะไม่ใช้กระบี่ล่องหนคู่นั้นอีกต่อไป รวมไปถึงวิชายุทธใดๆที่เกินกว่าความต้องการที่จะล่าสัตว์ประทังชีวิต เห็นทีอาจารย์ของลูทคงจะต้องเป็นดาธเพียงผู้เดียวเสียแล้ว ด้วยความรอบรู้ทั่วด้านของเขาเหมาะสมที่จะอบรมบุตรของเราที่สุด”

                    เอ่ยถึงตรงนี้สีหน้าของแมกซ์พลันแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ซึ่งไม่อาจรอดพ้นจากการสังเกตของจูเลียได้

                    จูเลียทราบว่าสามีของตนคิดอะไรอยู่ในใจ จึงกล่าวว่า “ดีแล้วแมกซ์ ... สายเลือดของดาธมีอยู่ครึ่งหนึ่งเป็นสายเลือดของอาร์คาน่า เขาเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะอบรมสั่งสอนลูทที่มีสายเลือดของข้าอยู่ในกาย หากเกิดเรื่องราวอันใดข้าเชื่อมั่นว่าดาธจะสามารถจัดการกับมันได้”

                    “ข้าทราบแล้ว” ภายในดวงตาของแมกซ์ปรากฏความหมองหม่นขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เมื่อมิอาจหลีกหนีความจริงของสายเลือดภรรยาตนและสายเลือดของบุตรชาย ที่มีส่วนหนึ่งสืบทอดมาจากเทพเจ้าสงคราม

                    ระหว่างที่แมกซ์กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ มืออันเย็นเฉียบของจูเลียก็คล้องจี้เส้นหนึ่งไว้รอบคอของเขา กล่าวว่า “จี้นี้จะแสดงว่า พวกเราสามพ่อแม่ลูกจะยังคงเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป”

                    แมกซ์เปิดจี้นั้นออกมาดูเห็นว่าภายในบรรจุไว้ด้วยรูปภาพของเขา จูเลียและลูทเมื่อยามที่อยู่ด้วยกันสามพ่อแม่ลูก โดยเพื่อนบ้านในหมู่บ้านสวนเชอร์รี่เป็นผู้วาด ครั้งนั้นจูเลียขอรูปใบนั้นไปโดยที่แมกซ์ไม่ทราบว่านางเป็นผู้ที่นำมาอัดกรอบเป็นจี้ห้อย แล้วคอมอบให้เป็นสมบัติดูต่างหน้าเมื่อทราบว่าจะต้องลาจากโลกนี้ไป

    “จี้นี้จะแสดงว่า พวกเราสามพ่อแม่ลูกจะยังคงเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป” เสียงสะท้อนของจูเลียเมื่อมอบจี้ให้กับเขายังคงดังก้องอยู่ในสมอง

                    ... แกร๊ก ... เสียงปิดจี้ห้อยคอของแมกซ์ดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารผู้หนึ่งดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูสองสามครั้งติดต่อกัน

                    “เข้ามาได้”

    “ท่านแมกซิมิเลี่ยน” ทหารผู้หนึ่งรายงานว่า “ท่านกอร์ดอนให้ข้ามารายงานว่าเรื่องสถานที่ลี้ภัยของประชาชนจากนครมิสต์ถูกจัดการเสร็จสิ้นแล้ว”

    “ฝากเจ้าไปบอกกอร์ดอนด้วยว่าข้าขอบใจเขาเป็นอย่างมาก”

    ขณะที่ทหารผู้นั้นโค้งคำนับแล้วกำลังจะจากไป แมกซ์พลันถามขึ้นว่า “มีอีกเรื่องหนึ่ง เจ้าทราบหรือไม่ว่าลูทฟื้นแล้วหรือไม่?

    ทหารผู้นั้นส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ขออภัยท่านแมกซิมิเลี่ยน ข้าน้อยไม่อาจทราบได้”

    “ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปรายงานกอร์ดอนเถิด”

    แมกซิมิเลี่ยนเก็บจี้นั้นสอดไว้ในเสื้ออีกครั้งหนึ่ง สายตาทั้งสองมองไปที่กระบี่ล่องหนที่วางอยู่บนโต๊ะ คว้ากระบี่ที่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสใช้มันทั้งคู่อีกครั้งพร้อมกับเดินออกจากห้องไป

    เขาไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าจะมีสงครามครั้งใดที่ยิ่งใหญ่เท่ากับสงครามเจนีสเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนอีก แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อผันให้เขาที่วางมือจากทุกสิ่งทุกอย่างต้องมาเป็นแกนหลักในสงครามครั้งใหม่นี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×