ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #209 : เล่ม 7 - ตอนที่ 97 - บุษราคัม (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.66K
      2
      27 ก.ย. 51

    /> /> />

    ภาคขีดเส้นแบ่งแผ่นดิน

    ตอนที่ 97 บุษราคัม

    16 มีนาคม อ.ศ. 226

     

    กระบี่สีดำพุ่งทะลวงผ่านผ้าม่านนอกหน้าต่างเข้ามายังด้านในกระโจม

                    เสียงกรีดร้องของหญิงสาวมิใช่เป็นเพราะนางถูกทำร้าย แต่เป็นเพราะความตกใจชั่วขณะที่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้น หากมิใช่เพราะบลูส่งความรู้สึกมาบอกล่วงหน้า กระบี่สีดำเล่มนี้คงจะทำร้ายถูกนางไปเสียแล้ว แผนการที่เรียบเนียนไร้รอยต่อกลับปรากฏช่องโหว่ที่ฝ่ายตรงข้ามคาดไม่ถึง นั่นคือไม่มีผู้ใดทราบว่าบลูและเจสสามารถสื่อสารกันได้ด้วยใจ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดและเวลาใด

                    มีดปักษาจันทร์ถูกใช้ออกเป็นครั้งแรกด้วยมือของผู้สืบทอดคนปัจจุบัน มีดเล่มนี้เป็นสัญลักษณ์ของบัลลังก์ราชอาณาจักรลาเวนดิส ตกทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ที่ครอบครองราชบัลลังก์เท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเป็นเจ้าของมัน หลายครั้งในอดีตมันได้ช่วยชีวิตขององค์ราชินีแห่งลาเวนดิสมานับครั้งไม่ถ้วน และในปัจจุบันมันก็ได้ช่วยชีวิตเจ้าของอีกครั้งหนึ่ง เจสใช้ปักษาจันทร์ป้องกันกระบี่สีดำนั้นได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ จนทำให้คมกระบี่ที่สร้างจากโลหะไนทาลั่มต้องบิ่นไปส่วนหนึ่ง

                    เคร้ง!

                    “อัศวินดำ” เจสสิกาคืนสติสู่ระดับปกติอีกครั้ง ภาระที่องค์ราชินีมากาเร็ตเหลือไว้กดดันให้สตรีผู้นี้มิอาจไม่ดำรงอยู่ในสติสัมปชัญญะ เจสอาศัยข้อมูลต่างๆจากที่บลูเคยเล่าให้ฟังและจากข้อมูลจากหน่วยข่าวกรอง พอเห็นเครื่องแบบและอาวุธฝ่ายตรงข้ามก็สามารถจำแนกศัตรูได้ทันที นางกล่าวว่า “เจ้าคือกระบี่ดำทานากะ”

                    ปึง!

                    เสียงเปิดประตูดังขึ้นหน่วยองครักษ์เบื้องนอกกรูกันเข้ามาสี่ห้าราย ยินเสียงผู้หนึ่งตะโกนขึ้นว่า “มือลอบสังหาร! ป้องกันองค์ราชินี!

                    ทหารทั้งห้าคนนั้นหันอาวุธออกเบื้องหน้าหันหลังเข้าหานาง ล้อมร่างของเจสไว้ราวกับเป็นกำแพงมนุษย์ชั้นหนึ่ง คนที่อยู่หน้าสุดสะบัดดาบสองมือเข้าหาทานากะ พร้อมตะโกนว่า “ตายเสียเถิด!

                    “ตาย!” คำตอบของทานากะกล่าวเพียงเบาๆ กระบี่ไนทาล่ำเล่มนั้นพลันแทงทะลุคอขององครักษ์ชบชีวิตในบัดดล ยินเสียงมันกล่าวต่อไปว่า “ร่ำร้องไปเถิด คนตายแล้วมิอาจบุกเข้ามาช่วยพวกเจ้าได้”

                    สายตาของเจสสั่นไหวเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว อันถอดความได้ว่าบุรุษผู้นี้ต้องสังหารองครักษ์ไปอีกหลายต่อหลายนาย แต่แปลกที่ก่อนหน้านี้กระบี่สีดำนั้นกลับมิได้แปดเปื้อนคราบโลหิตสักนิด จนกระทั่งถึงวินาทีนี้ที่มีโลหิตไหลหยดลงมาจากคมกระบี่สีดำสนิท

                    ประโยคเมื่อครู่เป็นคำโกหกทันใดที่ความคิดแล่นถึงตรงนี้ องครักษ์ผู้หนึ่งพลันหันมาหานางใช้ดาบแทงเข้ามาในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัวพอดิบพอดี

                    โชคดีที่เจสสามารถรู้ระแคะระคายได้ล่วงหน้าจากประโยคเมื่อครู่ ความสงสัยเกิดจากคำถามที่ว่าอัศวินดำผู้นี้เข้ามาในกระโจมของตนได้อย่างไรหากมิได้ลงมือสังหารองครักษ์สักคนหนึ่ง และคงจะเป็นไปได้ยากหากจะสังหารคนผู้หนึ่งต่อหน้าต่อตามาร์ควิสลูเชียสที่พึ่งจะยกทัพออกไปเมื่อครู่ ช่วงเวลาเพียงสั้นๆเท่านี้ต่อให้เป็นผู้ใดก็มิอาจฝ่าเวรยามแน่นหนาเข้ามายังกระโจมแห่งนี้แสดงว่าต้องมีไส้ศึกภายใน อัศวินดำจึงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก จากความคิดทั้งหมดนี้ส่งผลให้เจสสิการะวังตัวอยู่ก่อนหน้า พอเห็นว่ามีเหตุผิดปกตินางพลันขยับกายถอยร่นมาก้าวหนึ่งหลบดาบเมื่อครู่ได้ทันท่วงที

                    ฉัวะ!

                    มีดปักษาจันทร์แทงเข้าที่บริเวณซอกคอของหน่วยองครักษ์ผู้ทรยศ ตัดเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอขาดใจตายในบัดดล มีดในมือของสตรีผมทองพลันเปลี่ยนกระบวนท่าจากรับเป็นรุก จ้วงฉาบฉวยเข้าใส่อัศวินดำหมายเลขหกสามสี่ครั้ง พร้อมสั่งการพวกองครักษ์ที่เหลือว่า “ขับไล่มือสังหารผู้นี้ออกไป”

                    องครักษ์ทั้งหลายเห็นองค์ราชินีของตนทรงต่อสู้อย่างกล้าหาญ พวกมันจึงเกิดความฮึกเหิมเป็นเท่าทวี ไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเอง โจมตีขนาบสองข้างไปยังอัศวินดำหมายเลขหก

                    แต่อย่าคิดว่าการโจมตีเพียงเท่านี้จะทำอะไรทานากะได้ ศักดิ์ศรีของอัศวินดำมิใช่ว่าจะใช้จำนวนมากเข้ากลุ้มรุมแล้วทำลายได้ มือสังหารกระบี่ดำเคลื่อนไหวอยู่ในวงล้อมราวกับภูติพราย หลายครั้งที่กระบี่ของเหล่าองครักษ์สัมผัสร่างของมันเพียงทิ้งไว้แค่บาดแผลตื้นเขิน หรือไม่ก็ทำได้แค่ฟันเสื้อผ้าให้ขาดเป็นรอย แต่กลับต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บขนาดหนักจากคมกระบี่ไนทาลั่ม จนกระทั่งองครักษ์คนสุดท้ายล้มลงจมกองโลหิต

                    หยาดเหงื่อพร่างพรายของเจสหยดลงบนพื้น นางทราบว่าองครักษ์เหล่านี้ยินยอมพลีชีพเพื่อตนเอง จึงยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้แม้ความหวังที่จะชนะจะเลือนหายไปจนหมดสิ้น

                    “เจ้ามีไหวพริบดี แต่ไหวพริบเพียงอย่างเดียวคงมิอาจช่วยให้เอาตัวรอดจากคมกระบี่ที่เหนือกว่าได้ จริงไหม?” ทานากะกล่าวประโยคนี้ด้วยท่าทางที่ไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกับว่าการสังหารผู้คนสี่ห้าคนเมื่อครู่เป็นเพียงกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง สายตาอันดุดันของมันยังคงจ้องมาที่ลำคออันขาวผ่องของเจส กล่าวต่อไปว่า “ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าอาณาจักรที่ไร้ผู้ปกครองนั้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไร พวกตัวหนอนที่น่าสมเพชที่ยอมเป็นลูกน้องผู้จงรักภักดีของเจ้าเหล่านี้คงจะกระหายอำนาจถึงขั้นจับอาวุธเข้าห้ำหั่น น่าสนใจจริงๆ คงจะเป็นการฆ่าฟันครั้งใหญ่ นองโลหิตที่ข้ามิอาจพลาดโอกาสเชยชม”

                    เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของทานากะยังดังต่อไป ส่งผลให้สตรีผมทองคำนึงว่า คนผู้นี้บ้าชัดๆ ทั้งบ้าและเหี้ยมโหดไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น เห็นการฆ่าฟันเป็นเพียงความสุขอย่างหนึ่ง ไม่ว่าผลประโยชน์อันใดคงมิอาจล่อตาล่อใจมันได้ เพราะว่าการที่ได้เห็นคนผู้หนึ่งพบความตายจากคมกระบี่เป็นความเพลิดเพลินที่มันมิอาจขาดได้

                    “องค์ราชินี ได้โปรด หนี” เสียงขององครักษ์ผู้ยั้งไม่สิ้นลมคนหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่เจสเบิ่งตากลมกว้าง กล่าวออกมาว่า “อย่าได้กล่าว …!

                    สวบ!

                    กระบี่ไนทาลั่มของทานากะเสียบเข้าไปที่ร่างของคนผู้นั้น กล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าตัวหนอนพวกนี้จะมีความจงรักภักดีต่อเจ้าถึงเพียงนี้ หากมันมิได้กล่าวคำพูดเมื่อครู่คงจะไม่ต้องมาตายอย่างงมงาย”

                    น้ำตาของเจสแทบจะหยาดหยดลงมาพร้อมกับโลหิตขององครักษ์ผู้นั้น นางทราบดีว่าอย่างน้อยคนผู้นี้อาจมีโอกาสชีวิตรอด เนื่องจากบาดแผลที่ถูกกระบี่ไนทาลั่มทำร้ายนั้นตื้นเขินกว่าผู้อื่น หากได้รับการรักษาเยียวยาภายในระยะเวลาชั่วโมงหนึ่งยังอาจกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้อยู่ การตายของคนผู้นี้ได้ทำร้ายจิตใจของนางเป็นอย่างยิ่ง ทั้งตื้นตันในการกระทำและความหวังดีที่เตือนให้ตนเองหนีเอาชีวิตรอด

                    เจสไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากหนี นางจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้ทิ้งชีวิตเพื่อนางโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยความกดดันทั้งหมดนี้มีดปักษาจันทร์พลันเปล่งแสงสีเหลืองนวลขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับนางไม่น้อย

                    “ลูกเล่นอันใด?” กระบี่ดำแทงทะลวงเข้ามาด้วยความเร็วสูง แม้ว่าทานากะจะบาดเจ็บอยู่เล็กน้อยแต่ความเร็วในการแทงกระบี่นี้กลับมิได้ลดลง เห็นเพียงปลายกระบี่ที่ส่องประกายวูบเข้านัยน์ตาเป็นจุดแต้ม

                    เจสสิกาเห็นว่าถ้าหนีในตอนนี้จะอย่างไรก็ต้องพบจุดจบกับคมกระบี่เหล่านั้น จึงกัดฟันร่ายรำกระบวนท่าวิหคถลาลมอันเป็นกระบวนท่าของบิดาตนออกไป

                    เคร้ง! มีดปักษาจันทร์ปัดป้องกระบี่ดำได้อย่างหมดจด

                    กรี๊ด!

                    แสงสว่างสีเหลืองนวลเมื่อครู่ส่องประกายสว่างจ้าไปทั่วกระโจม ทำให้สายตาของทั้งเจสและทานากะพร่ามัวไปตามๆกัน ด้วยสัญชาติญาณของมนุษย์ทั้งคู่ได้ก้าวถอยหลังกันไปคนละสองสามก้าว ตั้งมั่นอย่างรัดกุมอยู่กับที่เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้หลังจากที่สายตากลับคืนสู่ปกติ

                    เจสรู้สึกว่าข้อมือตนเองรับน้ำหนักมากขึ้นเล็กน้อย พอสายตาสามารถมองเห็นได้จางๆจึงกวาดผ่านมีดปักษาจันทร์เล่มนั้น เห็นว่าศัสตราวุธในมือของตนมิใช่มีดอีกต่อไป!

                    “เรเปียร์ เรเปียร์ของพระบิดา!?” เจสตกใจเมื่อเห็นว่ามีดปักษาจันทร์กลายสภาพเป็นเรเปียร์เล่มหนึ่ง อันเป็นหนึ่งในสิบหกสุดยอดศัสตราวุธที่แทบจะไม่เคยมีคนรู้จัก นามว่า บุษราคัม

                    เช่นเดียวกับมีดปักษาจันทร์ที่เป็นศัสตราวุธประจำตำแหน่งองค์ราชินี เรเปียร์บุษราคัมเป็นศัสตราวุธประจำตำแหน่งดยุคแห่งราชวงศ์เดวารอส มีเพียงดยุคผู้เป็นพระสวามีขององค์ราชินีเท่านั้นที่มีคุณสมบัติใช้มัน บุษราคัมเป็นเสมือนตราสัญลักษณ์แห่งการปกป้องและคุ้มครอง ที่ดยุคทุกยุคทุกสมัยกวัดแกว่งมันในสมรภูมิปกป้ององค์ราชินีผู้เป็นที่รัก ภายหลังจากที่ดยุคเทเนอร์จากโลกนี้ไปก็ไม่มีผู้ใดเห็นบุษราคัมอีก ประชาชนต่างคนต่างคิดว่าเรเปียร์บุษราคัมถูกองค์ราชินีมากาเร็ตเก็บรักษาไว้มิให้ผู้ใดจับต้องจนกว่าจะถึงเวลาของดยุคคนต่อไป ที่สุดแล้วความจริงนั้นกลับมิใช่เป็นอย่างที่ทุกคนคิด เรเปียร์บุษราคัมมิได้หายไปไหน มันปรากฏอยู่ให้เห็นเรื่อยมาแต่ไม่มีผู้ใดทราบว่าสิ่งนั้นคือบุษราคัม เนื่องจากมีดปักษาจันทร์และบุษราคัมเป็นสมบัติชิ้นเดียวกันในสองสถานะ จนกระทั่งวันนี้ที่บุษราคัมปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มิใช่ในมือของดยุคแห่งราชวงศ์เดวารอส แต่เป็นบนพระหัตถ์ขององค์ราชินีแห่งราชอาณาจักรลาเวนดิส

                    อดทนไว้!’ เสียงการสื่อสารจากจิตใจของบุรุษหนุ่มส่งตรงมาถึงใจของหญิงสาว เสียงกรีดร้องของนางเมื่อครู่ชำแรกเข้าไปในห้วงสมองของบุรุษหนุ่ม กัดกร่อนวิญญาณของเขาไปกว่าครึ่ง แต่เมื่อเขารู้สึกถึงความคงอยู่ของนางที่ยังมิได้เป็นอันตรายก็ทำให้ใจชื้นลง คำนึงผ่านแหวนคู่ชะตาว่า ข้ากำลังไปหาเจ้า อีกไม่กี่อึดใจข้าจะถึงที่หมายแล้ว

                    สายตาของทั้งหญิงสาวและอัศวินดำหมายเลขหกกลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง หญิงสาวตั้งยอดศัสตราวุธในมือขึ้นด้วยความเก้ๆกังๆ ต่อให้อาวุธนั้นจะเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพปานใด แต่ถ้าหากผู้ใช้ไม่มีความชำนาญในการจับอาวุธชิ้นนั้นแม้แต่น้อย สุดยอดเรเปียร์ที่สามารถตัดเหล็กเหมือนตัดหยวกก็ไม่ต่างอันใดกับของเล่นชิ้นหนึ่ง เช่นเดียวกับเจสสิกาในตอนนี้ที่ตลอดทั้งชีวิตไม่เคยใช้เรเปียร์เลยสักครั้ง ไม่แน่ว่าหากให้นางใช้มีดปอกผลไม้ร่ายรำเพลงมีดที่ชำนาญอาจได้ผลที่ดีกว่าสุดยอดศัสตราวุธเล่มนี้

                    ข้าเชื่อท่านเป็นคำตอบที่ส่งผ่านแหวนคู่ชะตาไปถึงบุรุษหนุ่ม แต่ความเชื่ออย่างเดียวจะพอหรือไม่ที่จะทำให้นางเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันเช่นนี้?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×