ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #200 : เล่ม 7 - ตอนที่ 94 - มาตรการยึดโอดิน (4)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      4
      2 ก.ย. 51

    /> /> />

    ทั้งที่เป็นห้องส่วนตัวของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในแผ่นดินเหมือนๆกัน แต่บรรยากาศในห้องส่วนตัวขององค์ราชินีเจสสิกา เทล เดวารอสนั้นแตกต่างจากจักรพรรดิแห่งนอร์ราวฟ้ากับดิน

                    บุรุษหนุ่มหญิงสาวนั่งสนทนากันเป็นเวลานาน ปรับทุกข์สุขและความเข้าใจในวันคืนที่ต้องร้างไกล จริงอยู่ที่แหวนคู่ชะตาสามารถสื่อความรู้สึกจากจิตใจดวงหนึ่งส่งตรงไปถึงอีกดวงหนึ่งได้ แต่การที่ได้นั่งใกล้ชิดสนทนากันก็เป็นรสชาติอีกอย่างหนึ่งของความรัก ที่บุคคลทั้งสองพึงประสงค์จะได้รับ

                    “ท่านกำลังนึกถึงเรื่องใด? ข้ารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจในจิตใจของท่าน” เสียงของสตรีผมทองดังขึ้น

                    “ข้านึกถึงสหายทั้งสองที่อยู่ในห้วงแห่งความรักมิได้ต่างกับเราสอง เพียงแต่ผู้หนึ่งถูกสตรีในดวงใจปฏิเสธตัดเยื่อใยอย่างเด็ดขาด และอีกผู้หนึ่งที่เฝ้ารอบุรุษในดวงใจเปิดใจยอมรับความรัก ในขณะที่ตัวข้าได้อยู่ใกล้ชิดเจ้าถึงเพียงนี้ จึงเกิดความขัดแย้งกันขึ้นในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก” บลูตอบตามจริง

                    เจสเอื้อมมือมาวางไว้บนหลังมือของบุรุษหนุ่มพลางกล่าวว่า “สหายของท่านทั้งสองคือลูทกับโรซาไลน์ใช่หรือไม่?

                    บลูพยักหน้าครั้งหนึ่ง เล่าต่อไปว่า “ยอดหญิงยูกิเคยมีเยื่อใยให้กับลูทอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ป้อมวอเตอร์ดีพ อาจารย์ของนางสิ้นลมหายใจแลกกับการช่วยชีวิตนางเอาไว้ ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำสั่งเสียให้แต่งงานกับบุรุษอีกผู้หนึ่งที่อาจารย์ของนางได้เป็นผู้หมั้นหมายเอาไว้ให้”

                    เจสฝืนยิ้มกล่าวว่า “ข้าเข้าใจในความหมายของท่านดี ตัวข้าเองนั้นเคยลิ้มรสชาติของการถูกจับคลุมถุงชนกับบุคคลที่ตนเองมิได้รักมาก่อน รสชาติเหล่านั้นไม่เป็นที่น่าพึงประสงค์เท่าใดนัก”

                    บลูเอื้อมมือข้างหนึ่งไปโอบไหล่นางเข้ามาใกล้ ส่งมอบความรักผ่านความอบอุ่นโดยมิได้กล่าวอันใด

                    ยินเสียงเจสกล่าวต่อไปว่า “ส่วนคนรักของโรซาไลน์นั้นเป็นผู้ใด? ใช่ท่านขุนศึกไกหรือไม่?

                    “เจ้านี่เก่งเหลือเกินเพียงคาดเดาครั้งเดียวก็ถูกต้อง”

                    “ท่านต้องทราบว่าสตรีย่อมสามารถมองสตรีด้วยกันออก โดยเฉพาะเรื่องของความรักขอเพียงได้เห็นสายตาของสตรีผู้หนึ่งมองบุรุษผู้หนึ่งจะทราบได้ไม่ยาก” เจสยิ้มตอบ

    “ใช่แล้วโรสหลงรักพี่ไกและข้าเชื่อว่าพี่ไกเองก็มิได้รังเกียจนางแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามขณะนี้ความรักของทั้งสองกลับพบอุปสรรคอยู่บ้าง นั่นก็คือพี่ไกพึ่งจะสูญเสียคนรักไปในการศึกปฏิวัตินครหลวงนอร์โปลิส ซึ่งคนรักของพี่ไกคือบุตรีของท่านแม่ทัพใหญ่โจนาธาน ความตายของนางจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พี่ไกไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับเหล่ากองทัพจักรวรรดิ และเป็นเหตุให้จิตใจของเขาไม่ยอมเปิดรับความรักครั้งใหม่”

                    เจสยิ้มพลางกล่าวว่า “มีเพียงเวลากับสถานการณ์พิเศษเท่านั้นที่สามารถคลายปมของความรักระหว่างคนทั้งสองนี้ได้ ส่วนตัวข้าเชื่อมั่นว่าความรักของทั้งคู่จะดำเนินไปด้วยดี ความจริงแล้วโรซาไลน์เป็นหนึ่งในญาติสนิทของข้าเอง กว่าครึ่งของโลหิตในกายข้านั้นเป็นโลหิตชนิดเดียวกันกับของนาง และก็เป็นโลหิตที่ตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วจะกระทำจริงจัง ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด”

                    บลูพยักหน้ารับคำ ถามว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นถึงองค์ราชินีแห่งลาเวนดิส และเป็นญาติสนิทเพียงผู้เดียวที่มีความสัมพันธ์ทางโลหิตกับโรส เจ้าทราบหรือไม่ว่าพ่อแม่ของโรซาไลน์นั้นหายไปไหน? อีกสาเหตุหนึ่งที่นางออกเดินทางมากับลูทและข้าก็เพื่อค้นหาบุคคลทั้งสองนี้”

                    “เรื่องนี้เป็นหนึ่งในโศกนาฎกรรมที่ทั้งข้าและพระมารดาต่างไม่ต้องการเห็นมันเกิดขึ้นอีกครั้ง” เจสสิกามีสีหน้าหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด กล่าวต่อไปว่า “ทั้งท่านวินสตันและลอร่าต่างถูกเอลต้องห้าม กักขังร่างไว้ในเทือกเขาทางตอนใต้ของแหลมลาเวนดิส ร่างกายของทั้งสองเปลี่ยนจากร่างเลือดเนื้อเป็นหินที่ไร้ชีวิต แม้ว่าสามารถรู้สึกถึงความคงอยู่ของพวกเขาได้แต่ในร่างของเนื้อหินพวกเขากลับมิอาจทำอะไรได้เลย”

                    บลูส่ายหน้านึกถึงสหายตนเองว่านางจะมีท่าทีอย่างไรหากได้ยินความจริงอันน่าโหดร้ายเช่นนี้ บุคคลที่จะตายก็มิอาจกระทำได้จะมีชีวิตก็มิอาจมีชีวิตนั้นไม่น่าพึงประสงค์นัก เขาค่อยๆนึกย้อนไปถึงสถาบันการศึกษาทรานซิลเบเรียเมื่อครู่ จึงเลียบเคียงถามว่า “ข้าเห็นว่าจะอย่างไรบรรดาเอลลิสที่อยู่ใต้สังกัดของราชอาณาจักรลาเวนดิสสมควรทดลองดูสักครั้ง อาจบางทีสามารถแก้ไขสถานการณ์จากเลวร้ายถึงที่สุดให้ลงมาได้บ้าง”

                    เจสส่ายหน้าอย่างช้าๆ กล่าวว่า “พระมารดาได้ทดลองจนถึงที่สุดแล้วในการที่จะช่วยชีวิตของท่านน้าลอร่าและท่านมาร์ควิสวินสตัน พระมารดาได้รวบรวมเอลลิสที่สำเร็จขั้นวิถีแห่งฟ้าขึ้นไปจากทั่วราชอาณาจักรมาช่วยกันแก้ไข หลังจากความพยายามนับแรมปีในการที่จะช่วยชีวิตของบุคคลทั้งสอง บรรดาเอลลิสผทั้งหลายต่างได้ข้อสรุปว่าท่านทั้งสองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในร่างของเนื้อหินจวบจนสิ้นอายุไข เว้นเสียแต่เอลแห่งดินของเอลลิสผู้นี้จะคลายออก หาไม่แล้วการดันทุรังที่จะพยายามช่วยชีวิตของพวกท่านอาจเป็นการสังหารพวกท่านทางอ้อม ซึ่งไม่มีเอลลิสผู้ใดกล้ารับผิดชอบกับความเสี่ยงเช่นนี้หากมิอาจกระทำได้สำเร็จ”

                    “พวกเราจะทำอย่างไรถึงจะคลายเอลต้องห้ามนี้ได้?” บลูถามเมื่อได้เห็นแสงแห่งความหวังอันริบหรี่

                    “ปริศนาข้อนี้ง่ายนิดเดียวเพียงเอลลิสชั้นต้นก็สามารถตอบได้ เอลต้องห้ามจะคลายออกก็ต่อเมื่อเอลลิสที่ร่ายเอลนี้สิ้นลมหายใจเป็นข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียวที่สามารถพิสูจน์สำเร็จ” ทันใดนั้นเองเจสกลับฝืนยิ้ม พลางกล่าวต่อไปว่า “เรื่องนี้มิใช่ปัญหาใหญ่โต แต่ปัญหาที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้ากลับอยู่ที่ว่า บุคคลที่ร่ายเอลแห่งดินนี้เป็นผู้ใด?

                    บลูถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่เมื่อจนกับทางตันที่ไม่มีหนทางไปต่อ แสงสว่างแห่งความหวังเมื่อครู่ปลาสนาการหายไปสิ้นเหลือเพียงความมืดมิดแปดด้านกับปัญหาติดตัวที่ว่า เขาจะทำหน้าอย่างไรขณะที่เล่าเรื่องราวอันโหดร้ายเช่นนี้ให้กับโรซาไลน์ได้รับฟัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×