ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #195 : เล่ม 7 - ตอนที่ 93 - กระท่อมกลางหิมะ (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      4
      22 ส.ค. 51

    /> /> />

    ในขณะที่เปลวเพลิงแห่งสงครามของเมืองหลายๆเมืองกำลังคุกรุ่น เปลงเพลิงของนครหลวงนอร์โปลิสที่เคยลุกโชนกลับมอดดับลงโดยสิ้นเชิง

                    ตั้งแต่เหตุการณ์ปฏิวัติและการนองเลือดครั้งใหญ่ที่นอร์โปลิส เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในแผ่นดิน การศึกสงครามแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ห่างออกจากนครหลวงที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือออกไปทุกขณะ ประชาชนที่เคยตกอยู่ในความหวาดผวากลับพบว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสงบสุขอย่างไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ จากการบริหารราชการของเซเบอรอส ที่ตั้งเฉียบขาดและได้ผลในหลายๆมาตรการ สนับสนุนให้ประชาชนคืนสู่ความเป็นปกติโดยเร็ว

    ทหารหลายหมื่นนายที่ประจำการอยู่ในนครหลวงมิได้ออกสู้รบเหมือนพวกทหารใต้บังคับบัญชาของเสนาธิการสูงสุดมิดาสหรือจอมพลทาลอส แต่ความสำคัญของพวกเขาต่อจักรวรรดินอร์มิได้มีน้อยไปกว่ากัน วานเตสสั่งการให้พวกเขาสร้างสิ่งก่อสร้างพื้นฐาน ซ่อมแซมตัวเมืองหรือบ้านเรือนทุกหลังคาเรือนที่ถูกผลกระทบจากสงคราม ทำการปลอบขวัญชาวเมืองด้วยการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ และสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้กับชาวเมืองมากที่สุดก็คือการสร้างตลาดปลอดภาษีในบริเวณย่านการค้า ประชาชนทุกคนที่เป็นชาวเมืองภายใต้การปกครองของจักรวรรดินอร์สามารถค้าขายอย่างอิสระได้ที่นี่ โดยไม่มีการเก็บภาษีการค้าหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้ใดสนใจจะตั้งร้านขายสินค้าแต่ขาดเงินลงทุน ทางจักรวรรดิจะร่วมลงทุนส่วนหนึ่งแล้วแบ่งกำไรจากบรรดาพ่อค้าเหล่านั้น

                    วานเตสดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองนอร์โปลิสหลายต่อหลายประการ เพียงเดือนเดียวหลังสงครามนองเลือดครั้งใหญ่ นครหลวงแห่งนี้ได้กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

                    “เชิญเข้ามารับชมทางนี้ได้ ปลาสดๆจับจากแม่น้ำนอร์ริชน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง” เสียงพ่อค้าคนหนึ่งดังขึ้นจากร้านค้าในตลาดปลอดภาษี เสียงของเขาไม่ดังเท่าใดนักจึงถูกเสียงพ่อค้าคนอื่นกลบไปหมด ยิ่งเป็นเวลายามเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ผู้คนต่างวางมือจากงานประจำการจับจ่ายใช้สอยจึงพุ่งสูงสุดในรอบวัน

                    ทหารสองคนสวมเกราะเหล็กพาดหอกกับร่องไหล่เดินผ่านเข้ามาที่ร้านของพ่อค้าผู้นี้ นี่เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่วานเตสได้กำหนดขึ้น ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในนครหลวงหากมิได้อาศัยอยู่ในบ้านช่องของตนแล้ว จะไม่อนุญาติให้มีการพกอาวุธโดยเด็ดขาด จำกัดไว้เพียงมีดที่ยาวไม่เกินหนึ่งศอกสำหรับหั่นเนื้อหรือแร่ปลา หากผู้ใดพกพาอาวุธโดยเปิดเผยจะถือว่ามีความผิด

                    เสียงของทหารผู้หนึ่งดังขึ้นว่า “พ่อค้า”

                    พ่อค้าคนนั้นยินดียิ่งเมื่อทราบว่ามีลูกค้าสนใจในสินค้าของตน วันนี้เป็นวันแรกที่เขาทดลองขายของในตลาดปลอดภาษี จึงตอบไปตามเนื้อผ้าว่า “นายท่านต้องการปลาอะไรหรือ? ร้านของข้านี้พึ่งจะมาเปิดเป็นวันแรกและนายท่านก็เป็นลูกค้าคนแรก ข้าจะขายให้ในราคาพิเศษสุด”

                    ทหารทั้งสองคนกลับหันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะพร้อมๆกัน ทหารอีกคนหนึ่งที่ตัวใหญ่กว่าพลันกล่าวว่า “พวกเราทำหน้าที่ปกป้องเมืองจากอันตราย ให้พวกเจ้าขายสินค้ากันได้อย่างอิสระแล้วพวกเจ้ายังมีหน้ามาคิดเงินกับพวกเราอีกหรือ? วันนี้พวกเราสองคนค่อนข้างจะหิวมากเป็นพิเศษ จึงอยากจะได้ปลาตัวที่ใหญ่ที่สุดจะได้หรือไม่?

                    พ่อค้าคนนั้นเจอเหตุการณ์เช่นนั้นเข้าไปก็ทำอะไรไม่ถูก พลันหันหน้าซ้ายขวาไปสบสายตากับพ่อค้าแม่ขายที่อยู่รอบข้าง กลับไม่พบว่ามีคนใดยินยอมสบสายตากับเขา แต่ละคนขยับปากหมุบหมิบส่ายหน้าถอนหายใจ แสดงว่าทราบพฤติกรรมขูดรีดของทหารสองนายนี้เป็นอย่างดี พ่อค้าผู้นี้มีลูกมีเมียต้องเลี้ยงดู ทั้งครอบครัวรวมกันสี่ปากท้อง มิได้จับปลาเองแต่ซื้อต่อมาจากท่าน้ำอีกทีหนึ่ง หากจะยกปลาตัวที่ใหญ่ที่สุดให้กับทหารสองคนนี้ไปโดยไม่ได้อะไรก็เท่ากับว่าการค้าวันนี้ขาดทุนยับเยิน แล้วพวกเขากับครอบครัวที่สี่ชีวิตจะอยู่อย่างไร จึงกล่าวว่า “ปลาตัวใหญ่ที่สุดมิได้จริงๆนายท่าน เอาเป็นปลาตัวอื่นแทนได้หรือไม่ ได้โปรดเถิดนายท่านข้ายังมีภาระต้องเลี้ยงดูอีกมาก”

                    “เจ้าว่ากระไร?” ทหารคนแรกเริ่มขึ้นเสียง

                    ทหารคนที่สองกล่าวตามติดว่า “เห็นทีพวกข้าทั้งสองอาจต้องคุยกับเจ้าที่ค่ายทหารแล้วกระมัง มีดแร่ปลาของเจ้าดูเหมือนจะยาวเกินศอกไปนิ้วหนึ่ง”

                    พ่อค้าได้ยินประโยคนี้พลันทำอะไรไม่ถูก กล่าวปัดว่า “มีดแร่ปลาของข้าเป็นขนาดมาตรฐานที่ขายกัน จะยาวไปกว่าปกตินิ้วหนึ่งได้อย่างไร”

                    “ไม่ต้องเถียง” ทหารคนแรกดึงมือของพ่อค้าออกมาจากร้าน ง้างหมัดออกต่อยเข้าไปที่ท้องของพ่อค้าอย่างรุนแรง เสียงพลั่กดังขึ้นพ่อค้าขายปลาเอามือกุมท้องทรุดลงกับพื้น ยินเสียงทหารคนเดิมจับปลาตัวใหญ่ขึ้นมาพลางกล่าวว่า “วันนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษจะรู้สึกว่ามีดแร่ปลาของเจ้าจะได้ขนาดมาตรฐานสักครั้ง”

                    พ่อค้าขายปลายังคงทรุดกายอยู่กับพื้นเหลือบตาขึ้นไปเห็นทหารร่างใหญ่กำลังแบกปลากระพงแดงตัวใหญ่ออกไป จึงกล่าวว่า “ขอนายท่านได้โปรดละเว้นสักครั้ง กระพงขนาดกลางคงจะเพียงพอสำหรับนายท่านทั้งสองกระมัง?

                    เสียงหัวเราะของทหารทั้งสองดังขึ้นอีกเป็นระลอกที่สอง ทหารคนแรกกระชากคอเสื้อพ่อค้าขายปลาขึ้นมา กล่าวว่า “รู้สึกว่าเจ้าต้องโดนอีกหมัดหนึ่งถึงจะเข้าใจ ว่าพวกเราต้องการปลาตัวที่ใหญ่ที่สุดในร้าน”

                    พ่อค้าขายปลาหลับตาทั้งสองลงกลั้นใจรับความเจ็บปวด แต่ภาพของภรรยาและลูกน้อยอีกสองคนที่อยู่ที่บ้านพลันลอยขึ้นมาในห้วงสมอง คำนึงขึ้นว่า พ่อขอโทษ

                    โครม!

                    ร่างของพ่อค้าร่วงหล่นลงกับพื้น พ่อค้าขายปลาลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงงว่าเพราะเหตุใดตนเองจึงมิได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย เสียงน้ำสาดกระเซ็นพลันดังขึ้นด้านข้างเมื่อปลากระพงแดงตัวเขื่องนั้นร่วงหล่นลงสู่กะละมังใบใหญ่ ตามติดด้วยเสียงโครมอีกครา

                    คราวนี้พ่อค้าขายปลาพลันเห็นว่าร่างของทหารทั้งสองปลิวออกไปอยู่นอกตลาด ตามด้วยภาพของชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่หน้าร้านขายปลา

                    เสียงของทหารคนหนึ่งดังขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่า “ท่าน ท่านมหาอุป อุปราช!?

                    สายตาของเซเบอรอส วานเตส ซอร์โดมิได้ละไปจากทหารลาดตระเวณทั้งสองนายนั้น กล่าวด้วยเสียงอันดังที่บรรจุซันลงไป ตั้งใจจะให้ผู้คนได้ยินกันทั้งตลาดว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นตลาดปลอดภาษีที่ข้าสร้างขึ้นมาเพื่อประชาชน พวกเจ้าเป็นทหารที่ได้รับความไว้วางใจจากข้าให้ถืออาวุธพิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับทำตัวต่ำทรามรีดไถไปวันๆ ข้าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจึงมาตรวจดูความเรียบร้อยเห็นการกระทำขูดรีดต่อหน้าต่อตา ประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้ร่มธงจักรวรรดิถือเป็นบุคคลที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า ส่วนพวกเจ้าที่กระทำเยี่ยงนี้ถือว่าทรยศต่อจักรวรรดิ ต้องได้รับการสั่งสอนให้เป็นตัวอย่าง”

                    วานเตสไม่ลดตัวลงใช้อาวุธกับทหารทั้งสอง เพียงมันสะบัดมือข้างหนึ่งใช้ซันฝ่ายอากาศกระแทกเข้าใส่ร่างของทหารทั้งสองก็กระอักโลหิตออกมาคำโต มหาอุปราชใช้หางตามองทหารทั้งสอง สั่งการกับทหารลาดตระเวณที่อยู่ข้างเคียงว่า “นำพวกมันไปขัง หากมิได้รับคำสั่งจากข้าไม่ต้องปล่อยตัวพวกมันออกมาอีก”

                    ทหารข้างเคียงลนลานวิ่งออกมาแบกร่างทหารทั้งสองพบว่าพวกมันยังคงมีลมหายใจอยู่ คำนึงขึ้นว่าท่านมหาอุปราชปรานีมากแล้วที่มิได้ปลิดชีพทหารสองคนนี้ในคราเดียว

                    พวกกากเดนเหล่านี้ไม่ควรค่ากับการเป็นทหารของจักรวรรดินอร์วานเตสคำนึงขึ้นพลางหันไปเห็นพ่อค้าขายปลาหมอบร่างลงกับพื้นดิน ก้มศีรษะกล่าวว่า “ขอบคุณท่านมหาอุปราช” มันพยักหน้าครั้งหนึ่งรับการขอบคุณจากชาวบ้าน แล้วจึงเดินออกจากสถานที่เกิดเหตุ

                    หากทหารของจักรวรรดินอร์ล้วนเป็นแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโจร วิธีการจัดการคนของท่านพ่อที่เต็มไปด้วนหนทางของเทพเจ้าสงครามไม่อาจใช้ได้กับการปกครองอาณาจักร ตระกูลซอร์โดของเราจะต้องยืนหยัดอยู่ด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง มิใช่การพึ่งพาเทพเจ้าสงครามอะไรนั่น

                    เดินไปเพียงครู่เดียววานเตสได้พบว่าทหารผู้หนึ่งกระตุ้นม้าเข้ามา ยินเสียงทหารผู้นั้นกล่าวว่า “เรียนท่านมหาอุปราช ท่านจักรพรรดิรับสั่งให้เชิญท่านมหาอุปราชเข้าพบ”

                    “เจ้ากลับไปรายงานว่าข้ากำลังจะไปในบัดดล”

                    ทหารผู้นั้นแสดงความเคารพครั้งหนึ่งกระตุ้นม้าจากไป

    เช่นนี้แสดงว่าอาการของท่านพ่อจวนหายดีแล้ว หมากต่อไปคงจะไม่พ้นการศึกที่นครมิสต์วานเตสเหลือบสายตามองไปที่ผลึกนิลอวตาร การศึกครั้งนี้ข้าอาจจะต้องหยิบยึมพลังจากอนาคตมาใช้ก็เป็นได้

    ทันใดนั้นเองความคิดวูบหนึ่งพลันแล่นเข้าสู่ห้วงสมองของมหาอุปราชผู้ยิ่งใหญ่ ความคิดของการหยิบยืมพลังในอนาคตด้วยผลึกนิลอวตารกับเพลงดาบสะบั้นใจ ดวงตาของวานเตสทั้งสองเปิดกว้าง สมองสั่งการว่า เหตุใดข้าถึงไม่เคยนึกถึงมาก่อน หนทางสู่ขั้นสุดยอดของศาสตร์แห่งซันอยู่ใกล้เพียงเท่านี้!?’

                    แววตาของเซเบอรอสเปลี่ยนไปอีกครั้ง เต็มไปด้วยความสุขุมและแหลมคม คัมภีร์ไร้สาระนั่นไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีกต่อไป ข้าผู้นี้แหละจะพลิกโฉมของตระกูลซอร์โดให้กุมอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาอำนาจของเทพเจ้าสงครามใดๆ!’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×