ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #193 : เล่ม 7 - ตอนที่ 93 - กระท่อมกลางหิมะ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.88K
      1
      20 ส.ค. 51

    /> /> />

    ภาคขีดเส้นแบ่งแผ่นดิน

    ตอนที่ 93 กระท่อมกลางหิมะ

    15 มีนาคม อ.ศ. 226

     

    “นึกไม่ถึงว่าบุคคลระดับอุปราชจะลดตัวลงมารอคอยชาวบ้านคนหนึ่งเป็นเวลาห้าวันเต็ม” เสียงกล่าวดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก พัดพาลมหิมะหนาวเหน็บเข้ามาในบ้านพักกลางเทือกเขาสูง

                    หากมิได้เห็นด้วยตาตนเองแล้วยากที่จะเชื่อว่ามีคนอาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่โหดร้าย ณ ใจกลางเทือกเขาแองเจล่าที่ไม่เคยรู้สึกถึงคำว่าอบอุ่น บนนี้อุณหภูมิต่ำเพียงพอที่จะทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง มีหิมะปกคลุมตลอดปีไม่มีสักวันหนึ่งที่ปราศจากเกล็ดน้ำแข็ง แต่สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือการที่มีผู้คนมาเยือนกระท่อมสันโดษกลางภูเขาหิมะ

                    โรฮันนั่งอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บทั้งๆที่ไม่มีกองไฟ ไม่มีเตาผิง ไม่มีสิ่งสร้างความอบอุ่นแม้แต่อย่างเดียว นอกจากกำแพงไม้ที่สามารถกันลมมิให้พัดพาหอบหิ้วข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในกระท่อมให้ปลิวว่อน แต่มิอาจกั้นความหนาวเย็นที่แพร่ซึมผ่านเข้ามาได้เลย ซันชินระดับโรฮันไม่จำเป็นต้องอาศัยความร้อนจากภายนอก ขอเพียงซันในร่างเรียงร้อยตัวอยู่ตลอดเวลา อนุภาคซันเหล่านี้จะสร้างความอบอุ่นให้แก่ผิวกาย ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับธรรมชาติรอบข้าง ขอเพียงมิใช่อยู่ท่ามกลางกองเพลิงอันร้อนแรงหรือถูกแช่อยู่ในทะเลน้ำแข็ง พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ไม่ต่างจากการดำรงชีวิตอยู่ในสภาพอากาศปกติ

                    บุรุษที่กล่าวประโยคเมื่อครู่เป็นบุรุษวัยสามสิบแปดปี สวมเสื้อหนังหมีสีน้ำตาลปกคลุมด้วยหิมะบางส่วน บนบ่ามีร่างของสัตว์ที่ถูกล่าพาดอยู่ตัวหนึ่ง โรฮันเห็นว่าเขามีรูปร่างใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปเล็กน้อย ไว้ผมสั้นสีแดงระบุว่าเป็นชาวนอร์เต็มตัว บนใบหน้ามีแผลเป็นที่เห็นได้ชัด อันเกิดจากรอยคมมีดที่กรีดตั้งแต่บริเวณโคนผมผ่านตาซ้ายลงไปยังปลายคาง แต่สิ่งที่แปลกก็คือดวงตาข้างนั้นกลับไม่เป็นอะไร ดูจากการเคลื่อนไหวของนัยน์ตาพบว่ายังคงสามารถมองเห็นได้ตามปกติ

                    เสียงปึงเมื่อประตูปิดลงเพียงได้ยินเสียงของลมหนาวเบาๆพัดผ่าน บุรุษผู้นี้วางเนื้อเรนเดียร์ที่พึ่งจะล่าเสร็จไว้ในห้องเย็นอันเป็นที่เก็บเสบียงส่วนตัว ก้าวข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามโรฮัน มองสำรวจอุปราชหนุ่มผู้นี้รอบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เห็นกับคนหนุ่มอย่างเจ้าที่มีความอดทนเพียงพอ ข้าขอละเมิดกฎที่ตนเองตั้งขึ้นสนทนากับเจ้าดูสักครั้ง”

                    ไม่ใช่แค่บุรุษผู้นี้ที่สำรวจโรฮันอย่างละเอียด ทุกอากัปกิริยาของบุรุษผู้นี้มิอาจรอดพ้นสายตาของโรฮันเช่นกัน มันรู้สึกได้ถึงซันที่ร้ายกาจ และทราบได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดบ้านพักหลังนี้จึงไม่มีเครื่องสร้างความอบอุ่นแม้แต่สิ่งเดียว เหตุผลเดียวที่ฟังขึ้นคือบุคคลที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ จึงสามารถอนุมานได้ว่าระดับของซันชินคนนี้คงมิได้ต่างไปจากมัน สุดท้ายดวงตาโรฮันทั้งสองข้างหยุดลงบนใบหน้าของฝั่งตรงข้าม กล่าวว่า “การเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวไม่เปิดเผยช่องว่างแม้สักเสี้ยววินาที ต่อให้ข้าทุ่มเทสุดฝีมือก็ไม่แน่ว่าจะเอาชัยเจ้าได้ ... ซิงเควด้าร้ายกาจสมคำร่ำลือ”

                    “กล่าวได้ดี แต่ในเมื่อเจ้าทราบว่าข้าเป็นใครและข้าก็ทราบว่าเจ้าเป็นใคร สิ่งที่ไม่จำเป็นโปรดอย่าได้กล่าว ขอถามตามตรงว่าเจ้ามาหาข้าถึงที่นี่เป็นเพราะเหตุใด?” เสียงตอบของบุรุษที่ชื่อซิงเควด้าดังขึ้น

                    โรฮันพยักหน้ารับทราบ มุ่งประเด็นไปยังจุดประสงค์ของตนว่า “ถึงเวลาแล้วที่อดีตอัศวินมังกรและอดีตอัศวินดำผู้ยิ่งใหญ่จะคืนสู่สมรภูมิ ขอเพียงเจ้าปากรับตกลงคำเดียว ตำแหน่งอัศวินดำ ทรัพสมบัติและเกียรติยศทั้งหมดที่เจ้าเคยสูญเสียไปจะกลับคืนสู่ตัวเจ้าทันที”

                    “ข้าขอปฏิเสธ” ซิงเควด้าปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย พลันลุกขึ้นยืน “เชิญเจ้ากลับไปได้”

                    “เอโนทาลยังมีชีวิตอยู่” สองตาของโรฮันเหลือบขึ้นมองซิงเควด้าที่ลุกขึ้นยืน พบว่าอดีตอัศวินดำผู้ยิ่งใหญ่ค่อยๆทรุดร่างนั่งลงอีกครั้ง

                    ดวงตาทั้งสองของซิงเควด้าหยีลงเล็กน้อย จับจ้องที่ใบหน้าของโรฮันด้วยความสุขุม มือทั้งสองประสานกันอยู่ใต้ปลายคาง เอ่ยปากว่า “กล่าวต่อไป”

                    “หลังจากที่ภารกิจเมื่อสิบสี่ปีก่อนประสบกับความล้มเหลว ไม่สิ ข้าต้องบอกว่าภารกิจเมื่อสิบสี่ปีก่อนถูกยกเลิกกระทันหัน เจ้าและมังกรครามเอโนทาลถูกทิ้งอยู่ในลาเวนดิสให้รับศึกตามลำพัง ไม่ว่าผู้ใดต่างไม่คิดว่าพวกเจ้าจะสามารถหลบหนีออกมาได้ จนกระทั่งมีคนได้ข่าวเรื่องที่เจ้าปลีกตัวมาอาศัยอยู่ในกระท่อมสันโดษกลางหิมนะนี้ ในขณะที่เอโนทาลกลับไม่ปรากฏร่องรอยใดขึ้นตลอดระยะเวลาสิบสี่ปี จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อนในการศึกที่ป้อมวอเตอร์ดีพ เอโนทาลพลันปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ทหารหลายพันคนสามารถยืนยันการต่อสู้กันระหว่างฟาฟเนอร์และเอโนทาล” โรฮันเห็นว่าร่างกายของซิงเควด้ามีปฏิกิริยาเล็กน้อยเมื่อเขากล่าวย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสิบสี่ปีก่อน ตอกย้ำความล้มเหลวและการถูกทรยศในครั้งนั้น

                    ซิงเควด้ากล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “หากเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีดของข้าคงจะปักหัวใจของเจ้าไปแล้วตั้งแต่ประโยคแรก”

                    “ที่ข้าจงใจกล่าวเช่นนั้นเป็นเพราะต้องการจุดเปลวเพลิงในใจของเจ้าให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง มิได้มีเจตนาดูหมิ่นหรือเหยียดหยามใดๆทั้งสิ้น” โรฮันยิ้มพลางกล่าวว่า “อัศวินมังกรเบลโทริน่ารายงานว่า ผลการต่อสู้ระหว่างฟาฟเนอร์และเอโนทาลออกมาเป็นผลเสมอ มังกรคู่กายของเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่”

                    “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?” ซิงเควด้าถามตรงๆ

                    นาง ยังมีชีวิตอยู่ ทีนี้เจ้าเชื่อข้าได้แล้วหรือไม่?

                    ซิงเควด้าพยักหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวต่อไปว่า “ขอบคุณสำหรับข่าวสารอันล้ำค่า แต่ข้าไม่มีความสนใจใดๆที่จะกลับไปทำงานภายใต้กากเดนไร้สัจจะอย่างเวอร์น่อนอีก ไม่ว่ามันจะเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิใดก็ตาม”

                    โรฮันส่ายหน้าครั้งหนึ่ง กล่าวทัดทานว่า “อย่าพึ่งด่วนปฏิเสธไป ข้ามิได้ตั้งใจให้เจ้าทำงานภายใต้ท่านจักรพรรดิแม้แต่น้อย ตำแหน่งอัศวินดำที่ข้าจะมอบให้เป็นเพียงคำกล่าวลอยๆ ที่สามารถช่วยให้เจ้าปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น เพิ่มอิสระในการลงมือและช่วยให้เข้าถึงข้อมูลลับทางการทหารก็เท่านั้น”

                    ซิงเควด้าหยีตาลงอีกครั้ง ถามย้ำทีละคำว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?

                    โรฮันยิ้มอย่างพึงพอใจ กล่าวว่า “ตัวข้าเองไม่ชอบการปกครองที่กระหายอำนาจเห็นชีวิตของบุคคลใต้บังคับบัญชาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่าใดนัก อำนาจอันยิ่งใหญ่ไม่ควรอยู่ภายใต้เงื้อมมือของบุคคลประเภทนี้ จริงอยู่ที่การเป็นผู้นำต้องมีความโหดเหี้ยมและเฉียบขาด แต่การทรยศลูกน้องกลับมิใช่วิสัยของข้า การกลับมาของเจ้ามิใช่เพื่อรับใช้จักรพรรดิผู้กระหายสงคราม แต่เป็นการทวงถามหนี้โลหิตในอดีตและข้าจะช่วยเหลือเจ้าจนกว่าจะบรรลุจุดประสงค์ รวมไปถึงการช่วยให้เจ้าได้พบกับมังกรเอโนทาลอีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดสิ้นสุดลงเจ้าจะกลายเป็นมือขวาของข้า ทำการยึดครองแผ่นดิน และปกครองแผ่นดินผืนนี้ร่วมกันในอนาคต”

                    ซิงเควด้าประเมินบุรุษตรงหน้าใหม่อีกครั้ง สะท้อนเห็นภาพของมันในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นอัศวินมังกรและอัศวินดำ ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานไร้ที่สิ้นสุด กล่าวว่า “เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซอร์โดมิใช่หรือ? ประโยคเมื่อครู่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าถูกถอดตำแหน่งอุปราชทั้งได้รับความตายในทันใด ... ข้ามีคำถามอีกประการหนึ่ง เจ้ามีทุนรอนอันใดที่จะทำให้ข้าเชื่อได้ว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอที่จะปกครองแผ่นดินผืนนี้ในตำแหน่งจักรพรรดิ? การพูดจาประโคมโอ่เช่นเจ้าไม่ว่าผู้ใดก็สามารถกระทำได้กระมัง”

                    โรฮันครุ่นคิดด้วยความสุขุมเยือกเย็น บุรุษตรงหน้ามีมันสมองต่างจากบุคคลทั่วไป มิอาจโยกคลอนได้ด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว เอ่ยปากตอบว่า “ปัจจุบันขุมกำลังของข้าอาจยังดูไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าใดนัก แต่ขอเพียงข้าสั่งการประโยคหนึ่ง ข้าเชื่อว่าภายในระยะเวลาสามวันเจ็ดวันแผ่นดินเอนเซลแปดส่วนจะตกอยู่ใต้การควบคุมของข้าในทันที”

                    “หลักฐาน?

                    โรฮันตบมือสองสามครา แสงสีดำพลันส่องวูบขึ้นมาจากมุมห้องที่ไร้แสงไฟ ร่างของสตรีสองนางพลันโผล่พ้นออกมาจากเงามืดนั้น อุปราชนอร์จึงกล่าวต่อไปว่า “เชิญท่านเจ้าครองแคว้นอิซซ์นั่งลงก่อน เจ้าเองก็เช่นกันพริม”

                    ดวงตาของซิงเควด้าสาดออกไปประดุจสายตาของพรานล่าเนื้อ มันเองมิได้คาดคิดว่าโรฮันจะมีบุคคลที่มีฝีมือระดับนี้ไว้ใช้สอย เอลผสานร่างกับความมืดเป็นเอลชั้นสูงที่มีบุคคลเพียงหยิบมือหนึ่งสามารถใช้ได้ สัมผัสพบว่าบุคคลที่ร่ายเอลนี้มิใช่เจ้าครองแคว้นอิซซ์ผู้นั้น แต่กลับเป็นสตรีสาวร่างบางที่สวมชุดอัศวินดำ

                    เจ้าครองแคว้นอิซซ์นั่งลงเสร็จสิ้น พลันกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เพียงท่านโรฮันออกคำสั่งคำเดียว ชีวิตของราชิตจะดับสูญและอาณาจักรเอนเซลแปดส่วนจะตกเป็นของพวกเรา ด้วยฝีมือของข้าและน้องสาวผู้นี้ที่ต่างมีสัตว์มายาระดับเอกวรรณะอยู่ใต้การควบคุม คงไม่สร้างความสงสัยในเรื่องการยึดครองเอนเซลให้กับเจ้าใช่หรือไม่?

                    วินาทีนั้นเอง ดวงตาของโรฮันเปลี่ยนเป็นสีเข้มประดุจโลหิตชั่วคราว แพร่พลังของเทพเจ้าสงครามอันมหาศาลออกทั่วห้อง ส่งผลให้ความหนาวเย็นทั้งหมดสูญสิ้นอากาศเปลี่ยนเป็นอบอุ่นในทันที เป็นเช่นนี้เพียงชั่วขณะแล้วดับวูบไป ได้ยินเสียงของอุปราชหนุ่มกล่าวว่า “ขอเพียงได้ซิงเควด้ามาเป็นมือขวาของข้า โอกาสที่พวกเราจะยึดครองแผ่นดินทั้งมวลก็จะมากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง และวันใดที่ความสำเร็จนั้นมาถึง เจ้าจะได้เป็นขุนพลคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ควบรวมสามตำแหน่งบงการวังมังกรทั้งสองและกองกำลังอัศวินดำทั้งหมด รวมไปถึงเมืองแองเจลและเอเวอร์เกรซสองเมืองหลวงแห่งรัฐตะวันตกและตะวันออกด้วย ... ลองคิดดูว่าสิบสี่ปีที่ผ่านมาเจ้าได้อะไรกับความว่างเปล่าท่ามกลางหุบเขาหิมะนี้บ้าง ... ไม่มีเลยแม้แต่อย่างเดียว”

                    ซิงเควด้านิ่งอยู่ในความเงียบสงัดสักพักหนึ่ง จนเวลาผ่านล่วงเลยไปเกือบสิบนาที ไม่มีเสียงใดๆทั้งสิ้นจากบุคคลทั้งสี่ นอกจากเสียงสายลมที่พัดผ่านกระท่อมกลางภูเขาหิมะ ซิงเควด้าพลันลุกขึ้นยืนเดินไปที่ผนังกระท่อมด้านหลัง เห็นมีดสั้นด้ามหนึ่งสอดไว้ในฝักที่ทำจากขนสัตว์แขวนอยู่บนผนัง อดีตอัศวินดำใช้มือซ้ายจับฝักมีดสั้นกำเนิดเสียงแกร๊กเบาๆทำลายความเงียบสงัดทั้งมวล

                    “ตกลง” คำกล่าวหลุดออกจากปากของซิงเควด้า

                    เช้ง!

    เสียงชักมีดสั้นดังขึ้นทันทีเมื่อสิ้นสุดประโยค พร้อมกับภาพเลือนของการเคลื่อนไหวร่างอันรวดเร็ว ปรากฏเป็นประกายสีเขียวหม่นปนเทาละลานสายตา

    ทันใดที่มีดสั้นชักขึ้นร่างของชิล่าและพริมทั้งสองพลันเคลื่อนไหว พัดตะวันเคลื่อนและมีดผีเสื้อสีครามต่างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วทัดเทียมกัน เข้าขวางมีดสั้นสีเขียวหม่นนั้นอย่างว่องไว

    “หยุดมือ! เสียงตะโกนดังขึ้นจากลำคอของอุปราชหนุ่มดังสะท้านไปทั่วบ้านกลางหิมะ

    ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนั้นพลันหยุดลงในเสี้ยววินาที เฉกเช่นการหยุดการเคลื่อนไหวของเวลาไม่มีผิด ปลายของมีดสั้นสีเขียวหม่นปนเทาหยุดยั้งอยู่ห่างจากหว่างคิ้วของโรฮันเพียงความกว้างของเส้นผม ในขณะที่พัดตะวันเคลื่อนและมีดผีเสื้อสีครามยังคงห่างจากลำคอและชายโครงของซิงเควด้าเกินหนึ่งศอก

    เห็นได้ชัดว่าความเร็วนั้นผิดกัน!

    ยินเสียงซิงเควด้ากล่าวว่า “ข้าเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องใดหากไม่พิสูจน์ด้วยตนเอง จากการที่ท่านอุปราชมิได้เคลื่อนไหวแม้แต่หุนหนึ่งทำให้ข้าเริ่มจะเชื่อถือคำพูดของท่านได้ และจากคำสั่งหยุดมือแสดงว่าท่านเชื่อถือคำกล่าวของข้าเมื่อครู่ที่ว่าข้ารับปากตกลง มีดกระแสหยก จะคืนสู่แผ่นดินอีกครั้ง ภายใต้ทางสายเดียวกับท่าน”

    “ข้าเชื่อในคำกล่าว ตกลงเมื่อครู่ของเจ้า” โรฮันมิได้กระพริบตาสักครั้งหนึ่ง “มีดกระแสหยกเล่มนี้ไม่ปรากฏชื่อในทำเนียบสิบหกยอดศัสตราวุธเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน เพราะว่ามันได้สำแดงอานุภาพหลังจากทำเนียบนั้นได้สร้างขึ้นเสร็จสิ้น แต่ข้าเชื่อว่าหากทำเนียบนั้นถูกปรับปรุงขึ้นอีกครั้งในปัจจุบัน ชื่อของมีดกระแสหยกคงจะไม่พ้นกับการถูกจารึกให้เป็นหนึ่งในสิบหกรายชื่อสุดยอดศาสตรา”

    “ท่านอุปราชชมเชยเกินไปแล้ว ข้าต้องขออภัยในการทดสอบเช่นนี้ นับตั้งแต่วันนี้ไปมีดกระแสหยกจะไม่มีวันหันเข้าหาท่านอุปราชอีก” ซิงเควด้าเก็บมีดสั้นลงฝักโค้งคำนับให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม เช่นเดียวกับพัดตะวันเคลื่อนและมีดผีเสื้อสีคราที่สอดคืนสู่ที่เดิม

    ซิงเควด้ากับยื่นมือมาสัมผัสกับมือของโรฮันอย่างแนบแน่น จุดประสงค์ที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้ใกล้ความสำเร็จเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×