ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #191 : เล่ม 7 - ตอนที่ 92 - สัญญาตราบสิ้นลม (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      1
      16 ส.ค. 51

    /> /> />

    “หลังจากที่สามารถเข้าไปถึงด้านในเมืองได้แล้วสิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการสำรวจ ภารกิจนี้อาจต้องใช้เวลาวันหนึ่งขึ้นไปเพื่อสำรวจถึงโครงสร้างเมืองเบริลจากภายใน ข้าทราบจากท่านวิสเคานท์ว่าท่านมาร์ควิสได้วางตัวสายสืบหลายคนเอาไว้ภายในเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บุคคลเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ตั้งรกรากอยู่ในเมืองเบริลเป็นเวลานานจึงไม่สะดุดตาสองพ่อลูกมาร์เวอริค แต่ข้อจำกัดของสายสืบเหล่านั้นคือการที่ไม่สามารถส่งข้อมูลอันจำเป็นเกี่ยวกับการทหารได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่นการวางกำลัง วิธีการเปลี่ยนเวรยาม วิธีการติดต่อสื่อสารข้ามหมวดหมู่และสัญญาณที่ใช้ในการสู้รบ ข้าอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการศึกษาข้อมูลเหล่านี้ส่งผ่านมาทางสายสืบของท่านมาร์ควิส ข้อมูลพวกนี้จะเป็นตัวกำหนดวัน เวลาและสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเคลื่อนไหวของกองกำลังซิลเวอร์แซนด์”

    “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ข้าสามารถจัดสายสืบคนหนึ่งให้ช่วยเหลือเจ้าจากภายใน แต่เขาคงไม่สามารถทำอะไรให้เจ้าได้มากนักนอกจากหาที่พักและเป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสารกับข้า พวกเขาเองต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกเขาเช่นกันดังนั้นเจ้าคงจะไม่ได้พบกับพวกเขาจนกว่าขั้นตอนที่สองของภารกิจนี้จะสำเร็จ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะต้องดึงสายสืบเหล่านั้นเข้ามาร่วมด้วย” มาร์ควิสลูเชียสกล่าว

    บลูนึกถึงชีวิตของชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้ใครมาทำลายครอบครัวอันแสนอบอุ่น จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าเข้าใจดี หากไม่จำเป็นข้าจะไม่ติดต่อขอความช่วยเหลือใดๆจากพวกเขา และถ้าความช่วยเหลือที่ข้าต้องการนั้นอาจนำพาพวกเขาไปสู่ความเสี่ยงของชีวิตข้าก็จะไม่กระทำ”

    บลูหยุดคิดครู่หนึ่งทบทวนขั้นตอนที่สั่งสมไว้ในสมองอย่างละเอียด แล้วจึงกล่าวว่า “ขั้นตอนที่สามเป็นขั้นตอนการสร้างความวุ่นวาย หาหนทางให้ทหารในเมืองเกิดความปั่นป่วนต้องแบ่งความสนใจมายังจุดที่เกิดความวุ่นวาย เป็นผลให้ลดทอนการป้องกันตามแนวกำแพงเมืองลง ดูผิวเผินอาจเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุดไม่ว่าผู้ใดก็สามารถวางเพลิงเผาบ้านเรือนสักแห่งสองแห่งดึงความสนใจได้ แต่ความคิดนี้ผิดแล้ว การก่อความวุ่นวายเป็นขั้นตอนหนึ่งที่จะเรียกว่ายากที่สุดก็ว่าได้ เพราะความวุ่นวายที่ก่อนั้นจะต้องมากเพียงพอที่จะดึงความสนใจอย่างจริงจังของทหารจำนวนสองหมื่นนาย เพลิงไหม้จุดสองจุดไม่สามารถดึงความสนใจของบุคคลอย่างมาร์เวอริคสองพ่อลูกได้ ดังนั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงคือการดึงความสนใจจากหนึ่งในสองคนนี้ แล้วกลืนหายไปกับสภาพแวดล้อมมุ่งเข้าสู่ขั้นตอนที่สี่โดยเร็วที่สุด”

    “ขั้นตอนที่สี่คืออะไร?

    “ขั้นตอนที่สี่คือการเปิดทางให้กับกองทัพ ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับขั้นตอนที่สองและสามอย่างมาก เพราะก่อนที่จะเปิดทางให้กองทัพเข้ามาได้นั้นจะต้องให้สัญญาณการบุกกับกองทัพซิลเวอร์แซนด์ สร้างความวุ่นวายให้ฝ่ายตรงข้ามปั่นป่วน จนกองทัพซิลเวอร์แซนด์อาศัยช่องว่างนี้บุกเข้ามาได้โดยสะดวก ทั้งนี้ทั้งนั้นเวรยามชั้นบนสุดของหอสังเกตการณ์จะต้องถูกกำจัด หาไม่แล้วศัตรูจะสามารถรู้ตัวได้ล่วงหน้าว่าพวกเรากำลังจะบุกเข้าไปจากระยะไกล สัญญาณการบุกที่ข้าจะส่งออกไปคือสัญญาณจากเปลวไฟ อันเป็นสัญญาณเดียวกันที่กองทัพจักรวรรดิใช้กับเมืองเจนีสเหนือใต้และป้อมปราการวอเตอร์ดีพในครั้งก่อน เรียกว่าเป็นการใช้หอกนั้นคืนสนองก่อความวุ่นวายพร้อมกับส่งสัญญาณถึงพวกท่านไปในตัว ส่วนที่ว่าขั้นตอนที่สองมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากนั้น คือการกำจัดเวรยามชั้นบนสุดของหอสังเกตการณ์ ที่จะต้องทำหลังจากการผลัดเปลี่ยนเวรยามในทันที เพื่อที่จะประวิงเวลาให้มากที่สุดก่อนที่หน่วยสังเกตการณ์กะถัดไปจะรู้ตัว แล้วรายงานออกไปเปิดโปงแผนการของข้า ขั้นตอนที่สามและสี่นี้จึงต้องทำในระยะเวลาที่สั้นและรวบรัด ไม่สามารถสูญเสียเวลาไปแม้แต่น้อย โดยขั้นตอนที่สี่ข้าจะต้องเร้นกายเข้าประชิดกำแพงเมือง ต้องเป็นกำแพงเมืองที่อยู่ไกลจากสถานที่ถูกก่อความวุ่นวาย นั่นคือกำแพงเมืองทิศตรงกันข้ามกับสัญญาณเปลวไฟที่ส่งออก เพื่อเป็นการย้ายทหารและจุดสนใจของฝ่ายตรงข้ามไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันใดที่ข้าไปถึงจุดนั้นก็จะใช้เอลพื้นฐานทั้งสี่ก่อกำเนิดระเบิดจตุรธาตุ เป่ากำแพงเมืองให้กลายเป็นช่องแตกช่องหนึ่งเสีย หลังจากนั้นจะร่ายเอลดินขนย้ายซากกำแพงเมืองเหล่านั้นถมลงไปในคูคลองจนกลายเป็นช่องเปิดช่องหนึ่ง ให้กองกำลังซิลเวอร์แซนด์บุกเข้ามาได้อย่างสะดวก พวกท่านมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นหลังจากที่ได้รับสัญญาณจากเปลวเพลิง ดังนั้นกองทัพของซิลเวอร์แซนด์ที่จะรุกเข้ามาเป็นกองแรกต้องเป็นทหารม้าและเหล่ามือดีตระกูลโลหะ หาทางปีนป่ายกำแพงเมืองยึดครองบริเวณโดยรอบช่องแตกเสีย หลังจากนั้นจึงจะตามมาด้วยกองกำลังหลัก” นี่เป็นแผนการที่บลูขบคิดเป็นเวลาหลายวันว่าน่าจะมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด

    มาร์ควิสลูเชียสจ้องมองบุรุษหนุ่มผู้นี้ด้วยทัศนคติอีกแบบหนึ่ง การที่จะคิดแผนการที่ต้องแม่นยำทั้งเวลาและการลงมือออกมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่การที่จะลงมือให้ได้ตามแผนการที่ตนเองคิดไว้กลับยากกว่า มาร์ควิสวัยหกสิบกล่าวว่า “ทันใดที่เจ้าสำเร็จขั้นตอนที่สี่หรืออาจจะเป็นขั้นตอนที่สาม การคงอยู่ของเจ้าจะถูกเปิดโปงในเสี้ยววินาที ทั้งสองพ่อลูกมาร์เวอริคจะลงมือกับเจ้าทันใดที่สัมผัสได้ถึงเอลเหล่านั้น หลังจากที่เจ้าใช้เอลจำนวนมากถล่มกำแพงและถมคูคลองไปแล้ว เจ้าคิดหรือว่าจะเอาตัวรอดจากมาร์เวอริคที่มีฝีมือจัดอยู่ในชั้นบัญญัติแห่งฟ้าและมาร์คัสที่อยู่ในชั้นวิถีแห่งฟ้าได้ ไม่นับรวมหนึ่งในสิบหกสุดยอดศัสตราวุธนามว่าระลอกคลื่นที่อยู่ในมือของมาร์เวอริคอีกชิ้นหนึ่ง ต่อให้ข้าเองเผชิญสถานการณ์เช่นเจ้าก็ยังไม่มีความมั่นใจถึงห้าส่วนว่าจะพาตนเองหลบหนีจากความตายออกมาได้ หรือว่าเจ้าคิดจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น?

    บลูส่ายหน้าตอบปฏิเสธว่า “ข้าไม่เคยคิดว่าจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในสมรภูมิใดๆ และข้าก็ไม่คิดว่าจะต้องประมือกับสองพ่อลูกมาร์เวอริคด้วย ท่านมาร์ควิสอย่าลืมไปว่าภารกิจนี้มีทั้งหมดห้าขั้นตอน โดยขั้นตอนสุดท้ายคือขั้นตอนของการหลบหนี ข้าจะใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นทางเดียวกับขามาในการหลบหนีนั่นคือแนวหน้าผาสูงชัน ตามแนวป่าไม่ไกลจากที่แห่งนั้นมีถ้ำลับใต้หุบเขาอยู่แห่งหนึ่ง ขอเพียงข้าสามารถทิ้งระยะห่างได้ช่วงหนึ่งรับรองว่าเอลสายลมปรารถนาและว่องไวดุจสายลมทั้งสองจะช่วยให้ข้าไปถึงถ้ำใต้หุบเขานั้นก่อนมาร์เวอริคสองพ่อลูก หากพวกมันโง่เขลาติดตามข้าออกมานอกเมืองจริงเมืองเบริลจะถูกยึดครองได้โดยง่าย ท่านมาร์ควิสจะแทบไม่พบการต่อต้านอันหนักหน่วงใดๆเนื่องจากทั้งสองติดกับล่อเสือออกจากถ้ำไปแล้ว ส่วนข้านั้นจะอาศัยถ้ำใต้หุบเขากบดานอยู่ระยะหนึ่งจนเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านมาร์ควิสจึงค่อยปรากฏกายออกมาอีกครั้ง”

    “เจ้าเป็นคนหนุ่มที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าในหมู่ชาวลาเวนดิสจะมีบุรุษหนุ่มที่เปล่งประกายอย่างเจ้าอยู่คนหนึ่ง” มาร์ควิสลูเชียสกล่าวต่อไปว่า “แผนการนี้แม้ว่าจะมิได้แนบเนียนไร้ช่องโหว่ แต่ข้าก็ต้องยอมรับมันว่าเป็นหนึ่งในแผนจารชนที่คิดออกมาอย่างรอบคอบ มีโอกาสสำเร็จอยู่ครึ่งต่อครึ่งแม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้ลงมือเพียงคนเดียว และแม้ว่าแผนนี้จะไม่สำเร็จจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ข้อมูลที่เจ้าเข้าไปสำรวจมาได้ในขั้นตอนที่สองก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้กองทัพซิลเวอร์แซนด์ดำเนินกลยุทธ์ได้ดีขึ้น”

    มาร์ควิสลูเชียสกล่าวจบจึงส่งเสียงดังออกไปนอกกระโจม กล่าวกับทหารยามที่เฝ้าอยู่ด้านนอกว่า “ไปเชิญแม่ทัพออสวอลมาที่นี่”

    ยินเสียงมาร์ควิสลูเชียสกล่าวกับบลูว่า “ก่อนหน้าที่เจ้าจะมาที่นี่แม่ทัพออสวอลเคยมีความคิดเรื่องของการใช้แผนจารชนมาก่อน แต่จากการที่ต้องออกรบในแนวหน้าอยู่ตลอดเวลาทำให้แม่ทัพออสวอลไม่มีเวลาคิดวิเคราะห์แผนการโดยละเอียดเช่นเจ้า”

    บลูพยักหน้ารับรู้ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เห็นบุคคลผู้หนึ่งเลิกม่านกระโจมเข้ามาภายใน กล่าวว่า “ออสวอลเคารพท่านมาร์ควิสแห่งซิลเวอร์แซนด์”

    “ไม่ต้องมากพิธี” มาร์ควิสลูเชียสกล่าวพลางเชื้อเชิญให้ออสวอลนั่งลงที่เก้าอี้อีกคนหนึ่ง หลังจากการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการมาร์ควิสลูเชียสจึงถ่ายทอดแผนการทั้งห้าขั้นตอนที่บลูกำหนดขึ้นอีกครั้งให้ออสวอลได้รับฟัง แล้วถามว่า “เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับแผนจารชนแผนนี้”

    คำตอบของออสวอลกลับเป็นที่แปลกใจของบลูเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ช่องว่างที่ปรากฏในขั้นตอนที่สามและสี่ข้าจะเป็นผู้อุดให้เอง ขอให้ท่านบลูโปรดวางใจ”

    เพียงคำตอบประโยคนี้บลูก็ทราบแล้วว่ากระบี่ที่สองแห่งลาเวนดิสมีมันสมองที่ปราดเปรื่องมิได้ด้อยไปกว่าเขา คนที่เคยเสนอแผนจารชนเพียงรับฟังครั้งเดียวก็รับทราบถึงจุดเป็นตายของแผนการเช่นนี้ บุรุษหนุ่มผมน้ำเงินจึงเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอีกสามส่วนที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จของแผนการจารชน

    “ต้องขอรบกวนแล้วท่านแม่ทัพ” จากนั้นบลูจึงกล่าวถึงรายละเอียดปลีกย่อยในขั้นตอนเหล่านี้

    มาร์ควิสลูเชียสเห็นบุคคลทั้งสองสามารถเข้ากันได้อย่างไร้ที่ติ ความมั่นใจที่จะใช้แผนการนี้จึงเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายส่วน กับแผนการที่จะใช้คนเพียงคนเดียวทำลายแนวป้องกันทั้งหมดของเมืองหนึ่งๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×