ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #153 : เล่ม 5.2 - ตอนที่ 64.2 - วาระสุดท้าย (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 900
      0
      11 พ.ค. 51

    ณ ร้านน้ำชาน้อย ริมถนนสายหลักของเมืองเจนีสเหนือ
    ในมือของบลูมีป้ายอาญาสิทธิ์แห่งราชวงศ์เจนีสอยู่ ป้ายแผ่นนี้ถูกหลอมขึ้นมาด้วยทองคำตั้งแต่สองร้อยกว่าปีก่อน แกะสลักเป็นรูปตราสัญลักษณ์ราชวงศ์เจนีสด้วยลวดลายอันล้ำลึกไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจปลอมแปลงได้ ในรอบสามสิบปีมานี้ผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองป้ายอาญาสิทธิ์นอกจากองค์ราชันย์กาเรียและการาดอสพระอนุชาแล้ว ก็มีที่ปรึกษาลาวิชผู้เป็นกุญแจสำคัญของสงครามเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนเพียงผู้เดียว บัดนี้หนึ่งในสองแผ่นป้ายนั้นกลับตกอยู่ในมือของเขา พร้อมกับภาระหน้าที่ที่สำคัญถึงขนาดสามารถตัดสินชะตาชีวิตของผู้คนทั้งชาติ
    บลูคำนึงถึงเรื่องการเดินทางไปยังกรุงเดว่าในฐานะตัวแทนของผู้นำกองกำลังปลดปล่อยเจนีส ซึ่งเป็นฐานะและหน้าที่ที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าจะได้ปฏิบัติ บุรุษหนุ่มผมสีน้ำเงินจึงต้องใช้ความคิดวิเคราะห์ที่เป็นจุดเด่นของตน ศึกษารายละเอียดการเมืองการปกครองของราชอาณาจักรลาเวนดิสเตรียมการล่วงหน้า ค้นหาจุดอ่อนและจุดแข็งของประเทศแห่งนี้ว่าตนเองสมควรจะหยิบยื่นผลประโยชน์ประการใด ในการแลกเปลี่ยนกับกองกำลังป้องกันประเทศจำนวนหนึ่ง
    เสียงของแม่ทัพมอริแกนดังขึ้นทำลายความเงียบสงบว่า “โรซาไลน์มิได้มาด้วยหรือ?
    บลูส่ายศีรษะกล่าวตอบว่า “ภารกิจเชื้อเชิญจอมแพทย์ของโรสเพียงจำกัดอยู่กับการเดินทางแถบชายแดนเท่านั้น และนางยังต้องการที่จะรอฟังข่าวจากพี่ไกข้าจึงมิได้เรียกนางออกมาด้วย หากท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดจะให้โรสช่วยเหลือสามารถบอกข้าได้อย่างเต็มที่ ข้าจะไปถ่ายทอดให้นางฟังอีกต่อหนึ่ง”
    แม่ทัพมอริแกนยึดครองเก้าที่ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับบลู นั่งลงแล้วกล่าวว่า “จริงๆแล้วข้าก็ไม่มีธุระอันใดกับนางมากมายนัก นอกเสียจากจะมอบพิราบสื่อสารให้จำนวนหนึ่งเช่นเคย หากมีข่าวคราวอันใดของจอมแพทย์วีจะได้ส่งสารมายังเจนีสเหนือได้อย่างฉับพลัน”
    “เรื่องนี้ท่านแม่ทัพไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะบอกกับนางพร้อมมอบพิราบเหล่านี้ให้ด้วยตนเอง”
    บรรยากาศของเมืองเจนีสเหนือในวันนี้หากจะเปรียบกับวันที่มีงานเลี้ยงฉลองประจำปีนับว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในภาวะสงครามเช่นนี้ประชาชนชาวเจนีสต่างทราบกันถ้วนหน้าว่าไม่ช้าก็เร็วกองทัพของนอร์จะต้องบุกลงมาแน่ การจับจ่ายใช้สอยตามร้านรวงจึงไม่ค่อยมีให้เห็นกันเท่าใดนัก แต่ละคนมุ่งที่จะเก็บข้าวสารอาหารแห้งเอาไว้เป็นเสบียงหากเกิดศึกยืดเยื้อ เหล่าบุรุษที่พอจะจับอาวุธได้ก็ถูกกะเกณฑ์ไปเป็นทหารเสียกว่าครึ่ง ถนนหนทางที่บลูมองออกไปจึงตกอยู่ในสภาพค่อนข้างอึมครึมไม่เหมือนเคย บุรุษหนุ่มกล่าววาจาพลางมองสภาพแวดล้อมรอบกายว่า “ท่านแม่ทัพมีข้อแนะนำใดหรือไม่สำหรับการที่ข้าจะไปเยือนลาเวนดิสครั้งนี้?
    แม่ทัพมอริแกนกล่าวว่า “คำแนะนำนั้นข้าอาจให้ได้ไม่เท่าสิ่งที่กุนซือราเมสเล่าให้เจ้าฟังหลังจากที่ประชุม แต่ข้ากลับมีข่าวประการสำคัญมาบอกกับเจ้า”
    “ข่าวสำคัญ? หรือว่าทางลาเวนดิสตอบจดหมายขอความช่วยเหลือของท่านผู้นำมาเรียบร้อยแล้ว?
    “เรื่องไหวพริบของเจ้าจะจัดว่าเป็นเลิศก็ว่าได้ ข้ายังมิได้เอ่ยว่าเป็นเรื่องอันใดเจ้าก็สามารถคาดเดาได้ถูกต้อง ใช่แล้ว ทางลาเวนดิสมีทีท่าตอบสนองจากจดหมายฉบับนั้น” แม่ทัพมอริแกนกล่าวชมเชยจากใจจริง
    “พวกเขามีทีท่าอย่างไร?
    “องค์ราชินีมากาเร็ตทรงไม่ตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง แต่โปรดให้มาร์ควิสแห่งเบริลนามว่ามาร์เวอริค เทล เบริลเลียร์มาเยือนรัฐอิสระเจนีสของเราในฐานะเอกอัครราชทูต นำกองทหารเข้มแข็งมาจำนวนหนึ่งมีจุดประสงค์เพื่อการเจรจา ซึ่งเจ้าที่ถือป้ายทองอาญาสิทธิ์จะเป็นตัวแทนของฝ่ายเราในการตกลงกับมาร์ควิสผู้นี้”
                    บลูขมวดคิ้วกล่าวทวนว่า “มาร์ควิสมาร์เวอริค? พวกเขานำกองทหารมาเป็นจำนวนเท่าใดกัน”
                    “ราวห้าร้อยนาย”
                    ชายหนุ่มผมน้ำเงินส่ายศีรษะทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนั้น กล่าวว่า “ไร้สาระสิ้นดี ลาเวนดิสเล่นตลกอะไรกันพวกเรา? การส่งทหารมาเพียงห้าร้อยนายก็ทราบว่าไม่มีจุดประสงค์จะช่วยเหลือเราแต่อย่างใด กองกำลังเพียงหยิบมือเท่านี้ทำได้อย่างมากก็แค่คุ้มครองคณะทูตของพวกเขา เห็นทีคราวนี้พวกเราคงจะต้องออกแรงกันมากกว่าเดิมเสียแล้ว”
                    แม่ทัพมอริแกนพยักหน้าครั้งหนึ่งกล่าวว่า “ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า แต่ก็มีข้อสังเกตอยู่อีกอย่างหนึ่งที่มิอาจดูถูก มาร์เวอริคผู้นี้เป็นถึงพระเครือญาติขององค์ราชินีมากาเร็ต ปกครองแผ่นดินถึงหนึ่งในสาม การที่ลาเวนดิสส่งบุคคลระดับนี้มาแสดงว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับรัฐอิสระเจนีสเราไม่มากก็น้อย อาจเป็นเพราะแหล่งแร่เอลไลท์ที่อุดมสมบูรณ์ยังคงมีน้ำหนักกับประเทศนี้อยู่บ้าง”
                    “ข้านั้นมิอาจหาสิ่งอื่นนอกเสียจากแหล่งแร่อันอุดมสมบูรณ์มาเป็นข้อต่อรองได้เลย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูว่าลาเวนดิสมีความต้องการแหล่งแร่เอลไลท์ขนาดใด ข้าอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการศึกษาความต้องการที่แท้จริง จนสามารถระบุเป็นตัวเลขทางการเงินเพื่อเทียบเคียงเป็นรูปธรรม การจะเปรียบว่าผลประโยชน์นั้นมีมูลค่าเท่าใดจะทำให้เกิดความจูงใจกับฝั่งตรงข้ามมากขึ้น เช่นการที่เราสามารถระบุได้ว่าแหล่งแร่จากเมืองเจนีสนั้น จะทำให้ราชอาณาจักรลาเวนดิสประหยัดเงินตราไปเท่าใด เพิ่มพูนผลผลิตได้ขนาดไหน นี่เป็นกลยุทธ์หลักที่ข้าจะใช้ในการเจรจาครั้งนี้” บลูกล่าวอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง
                    “เดิมทีข้านั้นยังไม่ยอมรับนับถือการตัดสินใจของท่านผู้นำสักเท่าใดที่มอบหมายให้เจ้ารับภารกิจสำคัญเช่นนี้ แต่เมื่อได้สนทนากับเจ้าแล้วก็พบว่าเจ้าเองเป็นบุคคลที่เหมาะสมอีกคนหนึ่ง”
                    “ด้วยความยินดีท่านแม่ทัพ รุ่งเช้าข้าจะออกเดินทางไปยังเมืองเจนีสใต้ แต่ก่อนนั้นข้าอยากจะได้ข้อมูลเหล่านี้ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพพอจะช่วยเหลือประการใดได้หรือไม่?” บลูยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ระบุหัวข้อรายละเอียดของข้อมูลพื้นฐานของทั้งลาเวนดิสและเจนีสให้กับแม่ทัพสตรี
                    แม่ทัพมอริแกนกวาดสายตาผ่านพักหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าเองคงมิอาจทราบข้อมูลเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่เจ้าจำไม่ได้หรือว่าสหายของเจ้าเนรอสนั้นเป็นนักการข่าวชั้นเยี่ยม เหตุใดพรุ่งนี้เจ้าไม่ลองแวะไปที่บ้านพักของเนรอสให้เขาช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง สำหรับวันนี้ข้าจะทดลองถามที่ฝ่ายพลเรือนดูว่ามีข้อมูลใดๆที่เจ้าต้องการหรือไม่ หลังจากนั้นจะไหว้วานคนสนิทให้นำไปส่งที่ห้องเจ้าเอง”
                    “ขอบคุณท่านแม่ทัพมาก ข้ายังมีคำถามอีกข้อหนึ่งอยากจะทราบ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นการก้าวก่ายงานส่วนตัวของท่านแม่ทัพมากไปสักเล็กน้อย ไม่ทราบว่าข้าสมควรถามหรือไม่?
                    “โปรดถามมาได้ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเชื่อว่าคำถามของเจ้าย่อมต้องมีประโยชน์ต่อกองกำลังของพวกเราไม่มากก็น้อย หากข้าทำงานขาดตกบ่งพร่องตรงไหนก็ขอให้ชี้แจงมาได้เต็มที่ ดีกว่าที่จะปล่อยให้ข้อเสียเหล่านี้ล่วงรู้ไปถึงหูตาของสายลับศัตรู”
                    บลูโบกไม้โบกมือป้องกันการเข้าใจผิด แล้วว่า “มิใช่ข้อบกพร่องเช่นนั้นท่านแม่ทัพแต่เป็นเรื่องอื่นต่างหาก ช่วงเย็นวันนี้ข้าได้ยินมาจากเหล่าทหารหนาหูว่าเมื่อสงครามตีชิงเมืองที่ผ่านมา ได้มีทหารเอกอยู่คนหนึ่งบุกฝ่าเข้าไปในกองทหารฝั่งตรงข้าม ช่วยท่านแม่ทัพเอาไว้จนมีส่วนทำให้สถานการณ์พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ในที่สุด จึงอยากจะทราบรายละเอียดว่าคนผู้นั้นเป็นใครกันแน่ บุคคลที่มีฝีมือเช่นนี้น่าจะจัดสรรตำแหน่งอันดีให้กับเขามิใช่หรือ?
                    แม่ทัพมอริแกนฝืนยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ข้าเองก็อยากจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน บุคคลเช่นนี้นับเป็นทรัพยากรที่หายากมีหรือที่ข้าไม่อยากจะสนับสนุน เพียงแต่บุคคลผู้นั้นไปมาไร้ร่องรอยปัจจุบันมิได้อยู่ในกองทัพอีกแล้ว  ข้าได้ส่งคนออกไปสืบหลายครั้งหลายคราแต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบความคงอยู่ของเขาสักผู้หนึ่ง”
                    บลูพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เช่นนี้คงเป็นความต้องการส่วนตัวของเขาที่พวกเรามิอาจฝืนได้ การที่เขาไม่ปรากฏตัวคงมีสาเหตุบางอย่าง ในเมื่อไม่ได้ผู้ช่วยเพิ่มก็ไม่เห็นจะเป็นไร จะอย่างไรพวกเราก็ต้องดิ้นรนให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปอยู่ดี สำหรับวันนี้ข้าอาจจะต้องขอตัวก่อน ขอให้ท่านแม่ทัพโชคดี”
                    แม่ทัพมอริแกนผุดลุกขึ้นพร้อมกับวางเหรียญเงินเอาไว้บนโต๊ะ กล่าวว่า “หากเจ้ากระทำภารกิจนี้สำเร็จ ชาวเจนีสทุกคนก็จะถือว่าเป็นหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×