ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #143 : เล่ม 5.2 - ตอนที่ 61.2 - เส้นทางสู่ตะวันตก (4)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 943
      0
      21 เม.ย. 51

    “ตกลงตามนี้” เสียงมือปราบไกกล่าวตอบสหายทั้งสาม
                    ภาพเบื้องหน้าเป็นเขตอาคมที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ทหารของจักรวรรดินอร์จำนวนห้านายยืนเป็นวงกลมคุ้มกันมิได้หย่อนยานแม้สักขณะหนึ่ง สาเหตุที่บริเวณนี้มีการลงทุนวางเขตอาคมที่มีค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากจุดนี้เป็นจุดบอดที่สามารถทะลุผ่านกำแพงเมืองโอดินออกไปด้านนอกได้ นับเป็นทางออกลัดเส้นทางเดียวที่ทางการอนุญาตให้โรงเรียนเซนต์เอลลิสจัดสร้างไว้เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินในอดีต และทันใดที่เมืองตกอยู่ในการปกครองของจักรวรรดินอร์โดยสิ้นเชิงมาตรการเข้มงวดก็ถูกตั้งขึ้น ทางออกใดที่เป็นช่องโหว่ของความปลอดภัยย่อมถูกควบคุมดูแลเป็นอันดับต้นๆ
                    ทันใดนั้นเองแสงสีม่วงก็สว่างวาบขึ้น ชานอนใช้มือทั้งสองข้างแตะบ่าของบลูและไกร่ายเอลแห่งมิตินามว่าย้ายร่างข้ามมิติ โดยกำหนดให้จุดปรากฏเป็นระยะหนึ่งก้าวนอกเขตอาคมพอดิบพอดี การกระทำเช่นนี้มิใช้ว่าเอลลิสแห่งมิติใดๆก็กระทำได้ การเคลื่อนที่ข้ามมิติก็จัดว่ายากในระดับหนึ่งแต่การกะระยะให้พอดีทุกกระเบียดนิ้วนั้นยากยิ่งกว่าหลายเท่า ซึ่งสำหรับเอลลิสอย่างชานอนแล้วเรื่องนี้ไม่สมควรมีปัญหาใดๆ
                    บลูกับไกปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทหารห้าคน เป็นกระบี่บุปผาเพลิงหิมะที่สำแดงฤทธิ์เป็นอันดับแรก สะบัดผ่านไปที่ทหารคนที่ใกล้ที่สุดด้านขวาอย่างไร้ปราณี นับเป็นการระบายเพลิงโทสะในอกกับการตายของหญิงสาวคนรัก ทหารโชคร้ายผู้นั้นถึงกับตกตายไปโดยไม่มีเสียงร้องสักแอะหนึ่ง
                    “ระวังคนร้าย!” ทหารที่มียศสูงกล่าวตะโกนขึ้นหลังจากเห็นลูกน้องตนเองสิ้นใจ มันนึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นมือดีขนาดนี้
                    กระบองวิสุทธิ์ศาสตราในมือของชายหนุ่มผมน้ำเงินก็ประมาทมิได้ ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้บลูฝึกทักษะกระบองจนพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ร่ายรำเพลงกระบองเข้าพัวพันทหารคนทางซ้ายสี่ห้ากระบวน แม้มิอาจสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ทันทีอย่างมือปราบชั้นหนึ่ง แต่ก็ช่วงชิงความมีเปรียบซึ่งไม่ว่าผู้ใดก็ทราบว่าอีกไม่นานบลูจะกำชัยชนะเป็นมั่นเหมาะ
                    ทหารลูกน้องอีกสองคนเห็นพวกพ้องตนเองโดนทำร้ายจึงดาหน้าเข้าไปช่วย แต่คนแรกยังมิทันขยับตัวก็ต้องส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น เมื่อต้นแขนตนเองถูกมีดสั้นปักทะลุลงไปจนมีโลหิตหยาดหยด จะเป็นใครเสียได้อีกนอกจากสตรีสาวผมสีทองชาวลาเวนดิส โรซาไลน์พุ่งเข้ามาพร้อมคาทานะสั้นสองเล่มนามกลีบเมฆและลายเมฆ เหินร่อนลงมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่นอกเขตอาคมดุจวิหคโผบิน ด้วยความคล่องตัวและความแม่นยำในการซัดอาวุธบิน ทำให้สตรีนางนี้เข้าประชิดตัวทหารฝ่ายตรงข้ามได้ไม่ยากนัก และก็เป็นที่แน่นอนว่าผู้ที่ถูกคาทานะสั้นทั้งสองแทงเข้าไปแล้วยากที่จะรอดชีวิตต่อไปได้
                    ทหารคนสุดท้ายพึ่งจะเข้าประชิดบลู กวาดดาบในมือฟันหนุนเสริมคลี่คลายสถานการณ์ให้กับเพื่อนตนเองที่ถูกกระบองรุกไล่ บลูพลันใช้สองมือจับกระบอง ผลักยันดาบให้ทหารคนนั้นผงะกลับหลัง ส่วนตนเองยินยอมเสียจังหวะถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่งไม่เปิดฉากรุกต่อไป ที่ทำเช่นนี้มิใช่เหตุอื่นใด แต่เป็นเพราะมีลูกศรดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาในทิศทางที่ไม่คาดฝัน
                    สวบ! ลูกศรปักเข้าใจกลางศีรษะของทหารผู้นั้นพอดิบพอดี ชานอนใช้เวลาเพียงสามสี่วินาทีหลังจากร่ายเอลแห่งมิติ ก็สามารถปล่อยศรออกจากธนูมุกทะลวงเมฆาอย่างแม่นยำ ซึ่งบลูก็อาศัยช่วงเวลาอันตกตะลึงหวดกระบองวิสุทธิ์ศาสตราด้วยกำลังล้วนๆ เกิดเสียงทึบดังเข้าใส่ทรวงอกของทหารคนที่ถูกฟาด ล้มกลิ้งลงไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส
                    เพียงชั่วเวลากระพริบตาไม่กี่ครั้งทหารจากห้าคนก็เหลืออยู่เพียงคนเดียว
                    ขณะที่มือปราบชั้นหนึ่งผู้มีฝีมือสูงสุดในบรรดาคนทั้งสี่กำลังสะบัดกระบี่บุปผาเพลิงหิมะเข้าใส่นายทหารคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ นายทหารผู้นั้นกลับชูมือขึ้นพร้อมพลุสัญญาณยิงออกไปสู่ท้องฟ้า
                    “ไม่ได้การ!” บลูที่อยู่ด้านข้างอยากจะร่ายเอลยิงกระสุนวารีออกไปยับยั้งใจจะขาดแต่กระทำมิได้ ทันใดที่เขตอาคมดักอนุภาคของเอลได้มันจะส่งสัญญาณเตือนภัยออกไปรอบทิศ
                    พวกเขาทั้งสี่คาดการณ์ผิดไปตาหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามไม่จำเป็นต้องใช้เขตอาคมเท่านั้นในการส่งสัญญาณเตือนภัย แต่ความพิเศษของเขตอาคมส่งผลให้บดบังความคิด จึงมุ่งแต่หาทางที่จะหยุดยั้งกลไกเอลเทคอันเป็นอุปสรรคเบื้องหน้า ละเลยการส่งสัญญาณธรรมดาอย่างพลุสัญญาณไป
                    มีดบินของโรซาไลน์ถูกซัดออกมาอย่างฉุกละหุก นางทราบว่าไม่มีทางที่จะซัดโดนข้อมือนายทหารเป็นแน่ แทนที่จะซัดเข้าไปตรงๆจึงตะโกนเรียกพี่ไกคำหนึ่ง ซัดมีดเล่มนั้นเข้าใส่มือปราบชั้นหนึ่งแทน
                    ไกเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ว่าโรซาไลน์ต้องการอะไร จึงพลิกข้อมือเบี่ยงคมกระบี่เล็กน้อย หันกระบี่ให้ทำมุมกับทิศของมือนายทหาร ออกแรงสะบัดมีดบินที่ซัดเข้ามากระทบพุ่งไปใส่ข้อมืออย่างแม่นยำ
                    ฉัวะ!
                    มีดบินบาดเข้าที่ข้อมือนายทหารทำให้พลุสัญญาณร่วงหล่น แทนที่มันจะส่งสัญญาณแสงสว่างวาบขึ้นสู่ท้องฟ้า กลับยิงดอกไม้ไฟออกไปสู่ต้นไม้เคียงข้าง บลูที่มีปฏิกิริยาว่องไวก็ร่ายกระสุนวารีเข้าใส่พื้นที่บริเวณนั้น ดอกไม้ไฟจึงมิอาจส่งสัญญาณออกไปเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะเดียวกันธนูมุกทะลวงเมฆาก็ยิงออกติดกันสามดอก ลูกศรทั้งสามปักเข้าใส่ร่างนายทหารผู้นั้นสิ้นใจในบัดดล
                    ชานอนเก็บธนูพับเป็นสามส่วนไว้ข้างเอวตามเดิม กล่าวว่า “เห็นทีภารกิจนี้จะมิอาจประมาทได้แม้แต่ก้าวเดียว”
                    “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น จะอย่างไรพวกเราก็รีบไปกันก่อนจะดีกว่า หาไม่แล้วทหารลาดตระเวณหน่วยอื่นอาจตามรอยมาพบพวกเราได้” บลูกล่าวตอบ
                    มือปราบไกมิได้ตอบคำนอกจากพยักหน้าครั้งหนึ่งแล้วก็ก้าวนำพรรคพวกทั้งสามไป ในใจยังรู้สึกว่าตนเองนั้นใช้การมิได้ หากเมื่อครู่ไม่ได้ปฏิพาณของโรสและการไหวตัวของบลูช่วยประคองไว้คงไม่มีทางหยุดยั้งพลุสัญญาณดอกนั้น ด้วยความที่เขาเป็นผู้นำในกลุ่มจึงสมควรที่จะมีความรอบคอบมากกว่านี้ ไม่สมควรที่จะละเลยรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ หาไม่แล้วชีวิตของบุคคลอีกสามคนที่ติดตามเขามาปฏิบัติหน้าที่จะพลอยสูญสิ้นตามไปด้วย
                    ไกคำนึงขึ้นแล้วก็นึกสมเพทตนเองยิ่งนัก หากมิอาจตัดความเศร้าโศกและอาลัยอาวรณ์กับสตรีผู้เป็นที่รัก โอกาสที่จะรอดจากสมรภูมิอันร้อนระอุแห่งนี้ก็เลือนรางเต็มที โดยเฉพาะศึกเบื้องหน้าที่อาจต้องปะทะกับทั้งมิดาส มู่หลงและคอร์เนเลีย เพียงคนหนึ่งคนใดในจำนวนสามคนนี้เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้หรือไม่
    ไกไม่ทราบหรอกว่าศึกที่กำลังจะปะทุขึ้นที่เมืองเจนีสเหนือนี้ เขาจำต้องเผชิญกับพวกมันสามคนพร้อมๆกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×