ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #140 : เล่ม 5.2 - ตอนที่ 61.2 - เส้นทางสู่ตะวันตก (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.36K
      3
      15 เม.ย. 51

    ภาคสายโลหิตฟ้าลิขิต
    ตอนที่ 61.2 เส้นทางสู่ตะวันตก
    20 กุมภาพันธ์ อศ. 226
     
    บลูมองไปรอบด้านเห็นเป็นทิวทัศน์รอบเขตเมืองโอดิน ผืนดินที่มิได้ต่างไปจากเดิมแต่ให้ความรู้สึกต่างไปจากเดิมมากนัก
                    ราวสิบปีก่อนทิวทัศน์รอบเมืองโอดินเปรียบเสมือนดินแดนแห่งใหม่ซึ่งเป็นบ้านหลังที่สอง ในวันนั้นเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งนี้กับการเรียนอีกแปดปีเต็ม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของแปลกตา เปิดโลกทัศน์ของเด็กวัยสิบปีเศษคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่แต่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนกลายเป็นเอลลิสผู้เพียบพร้อมในอนาคต
                    ราวหนึ่งปีก่อนทิวทัศน์รอบเมืองโอดินที่เดียวกันนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว โจรผู้ร้ายชุกชุม ไม่มีผู้ใดกล้าออกมาเดินนอกเมืองในยามวิกาล พ้นเขตกำแพงเมืองแล้วการเคลื่อนไหวทั้งหมดของชาวบ้านล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของกองโจรสุนัขป่า ซึ่งเขาในฐานะผู้คุ้มกันภัยจะต้องทำหน้าที่ปกป้องผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ให้ถึงที่สุด จนกระทั่งปัญหาเหล่านั้นหมดไป
                    ราวสามอาทิตย์ก่อนทิวทัศน์รอบเมืองโอดินเปลี่ยนไปในทางที่ดีจากหน้ามือเป็นหลังมือ กองโจรสุนัขป่าถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นด้วยฝีมือของเหล่ามือปราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือปราบชั้นหนึ่งไก บ้านเมืองที่เคยอึมครึมจึงกลับมาในสภาพคึกครื้นยิ่งกว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเขตในกำแพงเมืองหรือนอกกำแพงเมืองก็ตาม อีกทั้งมีการแสดงของยอดหญิงยูกิ จึงช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความรื่นเริงให้มากขึ้นไปอีกระดับ ดึงเอาความมีชีวิตชีวาปลอบขวัญประชาชนด้วยเสียงดนตรี
                    แต่ในวันนี้ทิวทัศน์รอบเมืองโอดินแปรเปลี่ยนไปอีกครา แผงร้านข้างทางที่เคยตั้งเป็นตลาดทำมาค้าขายกลับกลายเป็นรกร้างเปล่าเปลี่ยว ตามหัวมุมถนนบริเวณบ้านเรือนที่พักอาศัยเต็มไปด้วยหน่วยทหารและความตึงเครียด โรงเรียนเซนต์เอลลิสที่ชักนำความเจริญมาตลอดหลายสิบปีถูกปิดร้างมิให้เปิดทำการเป็นครั้งแรก ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเหล่าทหารกับชาวบ้านพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง พบเห็นหน่วยทหารถืออาวุธครบมือควบคุมเมืองทั้งเมืองให้อยู่ในความสงบ ออกตามล่าบรรดาบุคลากรของโรงเรียนเซนต์เอลลิสที่เป็นผู้ต่อต้านการเข้ายึดเมืองในครั้งนี้ ส่งผลให้ความเงียบเหงาและความหวาดหวั่นแพร่กระจายไปทั่วเมืองโอดิน
                    พวกบลูทั้งสี่เดินออกมาจากทางลับใต้ดินที่เชื่อมกับโรงเรียนเซนต์เอลลิส อันเป็นสถานที่ตั้งของจุดเคลื่อนย้ายลับที่พวกทหารจักรวรรดิยังไม่ล่วงรู้ ปลายทางเดินโผล่ขึ้นมาบริเวณเนินเขาเตี้ยๆรอบนอกของกำแพงเมือง ที่ครั้งก่อนพวกเขาเคยหนีคอร์เนเลียอย่างหัวซุกหัวซุน ในครั้งนี้คอร์เนเลียมิได้อยู่ในเมืองโอดิน บลู โรซาไลน์ ไกและชานอนจึงมิต้องเผชิญกับรองหัวหน้าหน่วยรบพิเศษอัศวินดำที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ
                    สาเหตุที่พวกเขาจำต้องเดินทางข้ามมิติจากเมืองเอเวอร์เกรซผ่านมายังจุดเคลื่อนย้ายที่เมืองโอดินมีด้วยกันสองประการ ประการแรกคือข่าวการบาดเจ็บของผู้นำและกุนซือแห่งกองกำลังปลดปล่อยเจนีสถูกส่งไปถึงเอเวอร์เกรซ ผ่านโครงข่ายของสำนักข่าวพิราบรายวัน ประการที่สองคือพวกเขามั่นใจว่าอัศวินดำจะต้องดำเนินการโจมตีสวนกลับ ยกกองทัพบุกยึดเอาเมืองเจนีสเหนือที่ถูกตีไปกลับคืนมาให้ได้ และในบรรดาบุคลากรที่อยู่ในเมืองเอเวอร์เกรซทั้งหมด มีเพียงผู้คนทั้งสี่ที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้เป็นที่สุด ผู้ปกครองคาร์ลที่เปรียบเสมือนผู้นำสูงสุดในปัจจุบันจึงแต่งตั้งมือปราบไกเป็นรองแม่ทัพสังกัดสหพันธรัฐแห่งนอร์ นำพรรคพวกอีกสามคนคือบลู โรสและชานอนตั้งเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มุ่งตรงมาที่เจนีสเหนือหาทางรับมือกับจักรวรรดินอร์
                    เดิมทีมือปราบไกมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคตะวันตกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเหล่านี้เป็นอย่างดี ประกอบกับฝีมือในระดับที่สามารถต่อกรกับขุนพลของฝั่งตรงข้ามอย่างไม่เป็นรอง และมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับผู้นำการาดอสและกุนซือราเมส จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
                    เอลที่เจ็ดนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการส่งหน่วยเล็กๆออกเดินทางระยะไกล ดังนั้นชานอนจึงได้ถูกรับเลือกให้เข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ แม้ว่าจะมีเอลลิสผู้อื่นที่สามารถใช้เอลแห่งมิติ ก็ไม่มีผู้ใดทำหน้าที่นี้แทนชานอนได้ เนื่องจากการย้ายร่างข้ามมิติมายังจุดเคลื่อนย้ายใดๆ ผู้ร่ายเอลจำต้องเคยสัมผัสกับจุดเคลื่อนย้ายนั้นเสียก่อน เพื่อสร้างพันธะระหว่างเอลลิสกับจุดเคลื่อนย้าย ซึ่งมีเพียงชานอนและผู้อำนวยการทอริอุสเพียงสองคนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเช่นนี้
                    ส่วนโรซาไลน์นั้นมีความสามารถทางด้านการรักษาเยียวยา การสอดแนม การหลบหลีกกลไกกับดัก จึงจัดว่าเป็นทรัพยากรอันล้ำค่า ความสามารถเหล่านี้เป็นทักษะที่ไม่ค่อยจะมีผู้ใดล่วงรู้ และถึงมีผู้ใดล่วงรู้ก็ไม่แน่ว่าจะปฏิบัติงานได้ดีดั่งที่คาด แต่บังเอิญว่าสตรีนางนี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากสุดยอดนักล่าสมบัติอย่างกอร์ดอน เกล เรื่องของฝีมือจึงไม่ใช่ประเด็นที่ต้องหยิบยกขึ้นมากล่าว
                    ในขณะที่บลูมิได้มีความสามารถโดดเด่นที่เหมาะกับงานนี้มาไปกว่าเอลลิสผู้อื่น แต่ด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเนรอส ผู้เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยฟื้นสภาพของกลุ่มปลดปล่อยเจนีสในขณะนี้ จึงได้ติดตามคนทั้งสามมาด้วยกัน ประกอบกับอีกเหตุผลหนึ่งที่บุรุษหนุ่มซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ นั่นคือการที่ยิ่งได้เข้าใกล้อันตรายมากเท่าใด ความสามารถของเขาจะยิ่งพัฒนารวดเร็วขึ้นมากเท่านั้น ความแหลมคมจะถูกลับให้คมยิ่งขึ้น และถือว่าการสมรภูมิที่จะเกิดเบื้องหน้าเป็นการทดสอบความรู้ใหม่ๆในบทคัดลอกหนังสือของอาจารย์ดาธ
                    สิ่งที่วนเวียนอยู่ในสมองของบลูตอนนี้มิใช่ว่าจะช่วยเหลือเมืองเจนีสเหนืออย่างไร แต่เป็นบทเรียนทั้งหลายที่พึ่งจะเก็บเกี่ยวจากหนังสือเล่มนี้ ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการย่อยสลาย ประยุกต์เอาทฤษฎีที่อาจารย์กล่าวไว้มาใช้กับกระบองวิสุทธิ์ศาสตรา และหาทางรีดเอาพลังงานจากประตูแห่งเอลทั้งสี่บานที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาคนเดียวในแผ่นดินออกมาให้หมด
                    “เบื้องหน้ามีผู้คน” มือปราบไกที่เดินนำหน้าเคียงคู่กับชานอนหยุดกึกลง กล่าวด้วยเสียงอันแผ่วเบาเพียงพอให้พวกคนทั้งสี่ได้ยินเท่านั้น ไกโบกมือส่งสัญญาณให้คนทั้งสี่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ตระเตรียมรับสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
                    ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวบลูก็เร่งเร้าเอลด้วยสัมผัสที่หก แผ่อนุภาคของเอลออกไปรอบข้างในรัศมียี่สิบก้าว ทะลุสิ่งกีดขวางที่บดบังสายตาสำรวจพื้นที่เบื้องหน้าทุกอณู ประยุกต์ใช้การสัมผัสถึงตราสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์ มาใช้กับการรู้สึกได้ถึงเอลในร่างมนุษย์ กล่าวว่า “เป็นหน่วยทหารยามระวังภัยจำนวนห้านาย มิได้ขยับเคลื่อนไหว คาดว่าพวกมันต้องเฝ้าด่านมิให้ผู้คนผ่านเข้าออกได้โดยง่าย” การที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ออกมาได้นั้น แสดงว่าในระยะเวลาสองสามวันที่ผ่านมานี้เขาได้ฝึกฝนการใช้งานสัมผัสที่หกให้สามารถใช้งานจริงได้ในระดับหนึ่งแล้ว
                    โรซาไลน์ผู้ที่ยังคงความงามไม่เสื่อมคลายถามขึ้นว่า “ฝ่ายตรงข้ามอยู่ทิศใด?
                    บลูชี้มือไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวโดยรู้กันว่า “ทางด้านนั้น”
                    ทันทีที่บลูกล่าวจบ โรซาไลน์ก็กระโดดขึ้นไปยังต้นไม้ด้วยความคล่องแคล่ว เหยียบย่างข้ามกิ่งไม้ราวกับเสือดาวป่ายภูเขา ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็รุดไปถึงเหนือยอดไม้กิ่งหนึ่ง ที่อับสายตาจากผู้คนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยสิ้นเชิง เมื่อแน่ใจแล้วว่าร่องรอยของตนหลบซ่อนมิดชิด จึงมองลงมาตรวจสภาพด่านกีดขวางเบื้องหน้า พบเห็นทหารห้าคนยืนถืออาวุธเฝ้าด่านอย่างเคร่งครัด คนตรงกลางของทั้งห้าสะพายหอกปลายขวานดูเหมือนจะมีฝีมือมากที่สุด สิ่งที่ยากลำบากมิใช่การจัดการกับทหารทั้งห้า ทหารระดับนี้มือปราบไกลำบากเพียงยกมือก็จัดการได้ แต่สิ่งที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้ากลับเป็น เขตอาคม หรือกับดักที่สร้างจากกลไกเอลเทคชั้นสูง     เมื่อโรสสำรวจสภาพแวดล้อมรอบด้านเสร็จสิ้นก็กระโดดลงมาจากยอดไม้ บรรยายสภาพของด่านให้คนทั้งสามฟังอย่างครบถ้วน
                    ชานอนเอ่ยปากถามอย่างตรงประเด็นว่า “เขตอาคมที่เจ้าเห็นเป็นชนิดใดและมีคุณสมบัติประการใด?
                    โรซาไลน์กล่าวตอบอย่างละเอียดว่า “เขตอาคมรูปวงกลมนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณห้าวา ดูเหมือนจะเป็นกับดักที่สร้างจากกลไกเอลเทคที่พึ่งพัฒนาเสร็จสมบูรณ์เมื่อสองสามปีก่อน หากมีอนุภาคของเอลใดๆปรากฏอยู่ในรัศมีของเขตวงกลม ไม่ว่าจะเป็นเอลของฝ่ายเราหรือฝ่ายตรงข้าม เขตอาคมจะส่งสัญญาณเตือนภัยดังไปทั่วพื้นที่
    เขตอาคมประเภทนี้จะตรวจจับได้ถึงอนุภาคของเอลก็ต่อเมื่อมีการปลดเปล่อยเอลออกมาภายนอก สำหรับขั้นตอนรู้สึก สื่อสารและรวมรวมทั้งสามนั้นจะไม่ทำให้กลไกเอลเทคทำงาน หรือกล่าวให้เห็นภายก็คือทันใดที่วงแหวนเอลปรากฏขึ้นที่จุดใดจุดหนึ่งบนพื้น วงจรเอลเทคซึ่งทำหน้าที่ขับดันกลไกของเขตอาคมประเภทนี้จะรับรู้ถึงอนุภาค และร้องเตือนภัยในอีกเสี้ยววินาทีถัดมา”
                    “เจ้าแน่ใจหรือว่าเขตอาคมเพียงส่งสัญญาณเตือนภัยเท่านั้น มิได้มีกับดักเพื่อนทำร้ายพวกเราด้วย” บลูถาม
                    โรซาไลน์ส่ายศีรษะรอบหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าทหารทั้งห้านายยืนรายล้อมเขตอาคมไม่ออกไปไหน ถ้าเกิดมีกับดักทำร้ายอยู่จริงพวกเราเพียงร่ายเอลลงไปในเขตอาคมนั้น ทหารทั้งห้าก็จะตกตายไปเองด้วยกับดักโดยไม่ต้องเปลืองแรงพวกเรา ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม”
                    ไกพยักหน้ารับรู้ กล่าวกับสหายทั้งสามด้วยกระบวนการคิดวิเคราะห์ว่า “จากเขตอาคมที่โรสอธิบาย พวกเราจำเป็นจะต้องเข้าใกล้และกำจัดพวกมันก่อนที่จะมีการใช้เอลใดๆ โดยมีข้อจำกัดที่ว่าพวกเรามิอาจใช้เอลเล็งเป้าหมายไปยังพวกมันคนใดคนหนึ่งได้ เพราะนั่นจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยผ่านวงจรเอลเทคเสียเอง พวกมันมีทั้งหมดห้าคนในขณะที่พวกเรามีสี่คน แสดงว่าอย่างน้อยในคนหนึ่งคนใดของพวกเราจำเป็นต้องกำจัดพวกมันสองคนในเวลาเดียวกัน ในเมื่ออุปสรรคเบื้องหน้าเป็นเช่นนี้ พวกเจ้ามีแผนการอันใด?
                    การวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องต้นก่อนที่จะเข้าปฏิบัติภารกิจ จำเป็นต้องบรรยายรูปการให้สมาชิกทั้งหน่วยเข้าใจตรงกัน มิฉะนั้นในขณะที่ลงมือปฏิบัติการอาจมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อสมาชิกทุกคนในหน่วยนั้น ซึ่งการคิดออกมาดังๆเป็นวิธีแก้ไขอันประเสริฐ และเป็นหลักการที่มือปราบชั้นหนึ่งไกหยิบยืมมาใช้
                    ทั้งสี่คนมองเหตุการณ์ด้วยความจริงจัง ใช้ความคิดหาวิธีแก้ปัญหาเบื้องหน้า ปัญหาแรกในหลายร้อยปัญหาที่จะตามมา กับการปฏิบัติภารกิจของหน่วยเล็กๆที่ทรงประสิทธิภาพหน่วยนี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×