ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #136 : เล่ม 5.1 - ตอนที่ 67.1 - เหตุร้ายในเอนเซลเลียร์ (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 851
      0
      7 เม.ย. 51

    ภาควิญญาณข้าเพื่อเจ้า
    ตอนที่ 67.1 เหตุร้ายในเอนเซลเลียร์
    24 กุมภาพันธ์ อศ. 226
     
    เสียงปะทะศัสตราวุธดังขึ้นครั้งหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงทึบที่เกิดจากจักรในมือรินะหลุดลอยไปชนกับต้นไม้ด้านข้าง ในขณะที่พัดตะวันเคลื่อนของชิล่ายังสมบูรณ์ทุกส่วนสัด
                    สตรีสาววัยสิบเจ็ดปีไม่ยอมรับการพ่ายแพ้แม้จะเหลือจักรเพียงข้างเดียวและเรี่ยวแรงอีกน้อยนิด สายตาคู่นี้ช่างเหมือนพี่สาวตอนที่ขัดขืนการจับกุมของพาโบลและพริม สายตาที่ไม่ยอมแพ้แม้มีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้น ถึงแม้ว่าในใจนั้นจะเกิดความกลัวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
                    ชิล่าพลันเอ่ยปากถามคำถามที่รินะไม่คาดคิดมาก่อนว่า “เจ้าเป็นอะไรกับหมู่บ้านรูนนิคทางตอนใต้?
                    ทีแรกรินะลังเลที่จะตอบ ผ่านไปพักหนึ่งกลับคิดได้ว่าเจ้าครองแคว้นผู้นี้เป็นรูนนิคเช่นกัน อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในแคว้นอิซซ์ที่มีประวัติความเป็นมาทางด้านศาสตร์แห่งรูนอย่างยาวนาน ดังนั้นอาจมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกับหมู่บ้านรูนนิคก็เป็นได้ ถ้าเกิดเป็นความสัมพันธ์อันดีก็แล้วไป แต่ถ้ามิใช่เช่นนั้นอาจเกิดเรื่องใหญ่ เนื่องจากตัวนางรับรู้ข้อมูลที่ไม่สมควรที่จะทราบ มีความเป็นไปได้ที่เจ้าครองแคว้นสตรีจะยกกำลังพลกวาดล้างหมู่บ้านให้นองไปด้วยโลหิต เมื่อแยกแยะแล้วพบว่าผลดีมิได้ส่วนเสี้ยวของผลร้าย จึงตัดสินใจชักสีหน้าทำเป็นไม่เข้าใจกล่าวโป้ปดไปว่า “หมู่บ้านรูนนิค? เจ้าพูดถึงอะไร?
                    “อย่าโกหกเลยดีกว่าเด็กน้อย คิดหรือว่าคนอย่างข้าจะเชื่อถือวาจาเหลวไหลเหล่านั้น หากจะกล่าวโป้ปดก็สมควรกระทำให้แนบเนียนกว่านี้ ซุยริวเมื่อครู่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าเจ้ากับหมู่บ้านรูนนิคมีความสัมพันธ์กัน ข้าในฐานะที่เป็นเจ้าครองแคว้นอิซซ์หากเรื่องแค่นี้มิอาจทราบได้ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งอีกต่อไปจริงหรือไม่? คราวนี้บอกข้ามาเสียดีๆก่อนที่จะบันดาลโทสะสังหารเจ้าเสียโดยพลัน” เจ้าครองแคว้นชิล่ากล่าวพร้อมกับคุกคามด้วยถ้อยคำข่มขู่ในตอนท้าย จ้องสายตาประสานมาที่แววตาอันไร้เดียงสาของเด็กสาวเบื้องหน้า ประดุจจะเค้นความจริงทั้งมวลออกมาให้ได้
                    เมื่อรินะตัดสินใจแล้วก็เปลี่ยนแปลงได้ยากเช่นเดียวกับสตรีผู้เป็นพี่ จึงกระชับจักรในมือที่ยังคงเหลืออยู่ กล่าวว่า “โป้ปดแล้วจะเป็นไร?
                    รินะสำนึกตัวว่าแทบไม่มีพลังหลงเหลืออีกแล้วทั้งรูนและซัน การเรียกซุยริวออกมาอีกหนเป็นไปมิได้อีก ทันทีที่กล่าวจบจึงเรียงร้อยซันที่เหลืออยู่น้อยนิดจากทั่วร่าง บรรจุลงไปในจักรในมือขวาแล้วขว้างออกไป เมื่อจักรถูกซันเชือดเฉือนบรรจุเสียเต็มเปี่ยมก็หมุนควงปานจักรผัน พุ่งแหวกแนวอากาศไปสู่เป้าหมาย พลางภาวนะในใจว่าขอให้ใช้การได้บ้างเถิด
                    เคร้ง! จักรที่หลงเหลืออยู่ข้างหนึ่งถูกพัดตะวันเคลื่อนปัดออกไปอย่างง่ายดาย เจ้าครองแคว้นชิล่าในชุดสีเขียวสดเพียงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว โบกมือมิให้ซิรอคโค่วิหคมหึมาที่ยืนจ้องคุมเชิงอยู่เบื้องหลังเคลื่อนไหว ตอบโต้การทำร้ายเจ้านายของมัน
                    “น่าเสียดาย” ชิล่าทอดถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “เจ้าทั้งงดงามและเยาว์วัย นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาทอดร่างกลายเป็นซากศพอย่างงมงายเสียแบบนี้ เห็นแก่รูปกายของเจ้าข้าจะไม่ให้ตายอย่างทรมาน”
                    สิ้นเสียงกล่าวร่างของชิล่าก็เลือนหายไป ปรากฏวูบขึ้นมาอีกทีหนึ่งตรงหน้าของรินะด้วยความว่องไว ย่นระยะเกือบสิบก้าวเหลือเพียงก้าวเดียว ดั่งเช่นครั้งที่ลงมือกับลูทผู้เป็นศิษย์พี่ ตาชั้นเดียวทั้งสองข้างยังคงมิได้กระพริบ สะบัดหลังมือตบฟาดสันพัดออก มีจุดหมายไปที่ท้องน้อยของสตรีสาว
                    รินะรับมืออย่างฉุกละหุกเห็นว่าปลายพัดต้องฟาดเข้าใส่ท้องน้อยเป็นแน่ น้ำหนักมือของเอลลิสในระดับวิถีแห่งฟ้าหนักหนายิ่ง ไม่ต้องห่วงว่าฝ่ามือนี้จะไม่นำมาซึ่งความตาย เรียกได้ว่าโอกาสรอดเป็นศูนย์เลยทีเดียว
                    ลาก่อนพี่ยูกิ ท่านพ่อท่านแม่ อาจารย์ดาธสตรีสาวอายุเพียงสิบเจ็ดร่างกายสั่นเทาไปด้วยความกลัว แต่กลับพริ้มตารอรับความตายยอมหักไม่ยอมงอ เพียงหวังว่าหมู่บ้านรูนนิคของตนจะอยู่รอดปลอดภัยต่อไป
                    โครม!
                    ร่างของสตรีปลิวออกไปเกือบสิบก้าว ตามด้วยการเคลื่อนไหวของซิรอคโค่ที่กระพือปีกโบยบิน
                   
    น่าเสียดายที่สตรีที่ปลิวออกไปเมื่อครู่มิใช่หญิงสาวอายุสิบเจ็ด แต่กลับเป็นเจ้าครองแคว้นผู้มีอำนาจเปี่ยมล้น
                    แสงสีม่วงแห่งเอลที่เจ็ดปรากฏขึ้นบนฟ้าสว่างเจิดจ้า ชายชราผมขาวยุ่งเหยิงประดุจรังนกโผล่ข้ามมิติมาอีกฝั่งหนึ่ง หมุนตัวถีบฝ่าเท้าเข้าใส่ชิล่าที่กำลังลงมือสังหารรินะกระเด็นไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉวยโอกาสที่เหมาะสมที่สุดลงมือให้ประสบผลในคราเดียว
    เกิดเสียงทึบๆดังตามมาเมื่อเกิดการปะทะระหว่างมนุษย์และสัตว์มายา วิหคยักษ์นามว่าซิรอคโค่โฉบเข้าทำร้ายศัตรูปกป้องผู้เป็นนายอย่างเต็มที่ สัตว์ร้ายใช้ปีกสองข้างกระพือขึ้นลงก่อกำเนิดเอลวายุกรรโชก ที่รุนแรงกว่าวายุพัดพาไปอีกระดับหนึ่ง ชายชราสติฟั่นนามจางเสินโส่วอ้าปากร้องเรียกพลังเสียงดังลั่น ก้าวเท้าขวาไปเบื้องหน้ากระทืบลงพื้นเป็นหลักมั่น พร้อมกับต่อยหมัดออกด้วยหลักของปราณโลหิตที่เป็นเอกลักษณ์
    ตึง! พื้นถนนใต้เท้ากระทืบเกิดรอยยุบลงไปเกือบสองนิ้ว จนปริแตกไปโดยรอบ
    ตูม! ลมวายุกรรโชกถูกปราณจากหมัดกระแทกจนฉีกออกไปด้านข้าง มิอาจทำร้ายจางเสินโส่วแม้แต่น้อย
    “อา” รินะที่หลับตารอความตายเบิ่งตากลมกว้างมองภาพเบื้องหน้า โลกหลังจากที่ผ่านพ้นห้วงแห่งความเป็นตายมาครั้งหนึ่งช่างสวยสดงดงามหาที่ติมิได้ นี่อาจเป็นความรู้สึกปลอดโปร่งหลังจากมนุษย์ผู้หนึ่งที่ผ่านเส้นยาแดงแห่งความตายมาแล้ว
    “เฒ่าโสโครก!” เสียงตวาดดังมาจากชิล่าด้วยโทสะอันร้อนแรง จังหวะที่นางถูกเท้าหนึ่งของจางเสินโส่วถีบใส่จนกระเด็นไปเกือบสิบก้าว ด้วยปฏิกิริยาอันรวดเร็วจึงสร้างลมก่อตัวขึ้นมาเป็นกำแพงระดับหนึ่ง ปกป้องตัวเองจากการจู่โจมที่ไม่คาดหมาย ลดแรงกระแทกไปถึงเจ็ดส่วนด้วยกัน ประกอบกับเมื่อครู่จางเสินโส่วเองก็จู่โจมอย่างฉุกละหุก ถีบเท้าลงมาจากธาตุอากาศหลังจากเปิดประตูแห่งมิติ มิได้มีเวลาในการเตรียมตัวหรือพื้นดินในการหยั่งเท้าแต่อย่างใด ผลที่ได้จึงต่ำกว่าที่ควรจะเป็นกึ่งหนึ่ง
    “นางแพศยา” จางเสินโส่วด่าทอกลับอย่างไม่ลดราวาศอก ร่างที่แข็งแรงบึกบึนในชุดตีเหล็กพลิ้วเข้าไปหาสตรีวัยกลางคน ต่อยหมัดเตะเท้าที่แฝงปราณโลหิตออกไป เกิดเสียงอากาศสั่นพ้องดังครืนๆ
    แม้ว่าอาการบาดเจ็บเมื่อครู่จะไม่รุนแรงถึงกระดูกเส้นเอ็น แต่ชิล่าก็มิใช่ผู้โง่เขลาขนาดจะต่อสู้กับยอดฝีมือเมื่อร่างกายไม่สมบูรณ์พร้อม จึงใช้ท่าร่างที่เร็วปานฟ้าร้องไม่ทันอุดหูกระโดดตีลังกาขึ้นไปยืนอยู่บนหลังอันกว้างใหญ่ของซิรอคโค่ หลบการจู่โจมอันเกรี้ยวกราดของจางเสินโส่วไปสิ้น พร้อมกล่าวว่า “ถือว่าวันนี้มิใช่คราเคราะห์ของเจ้า” พอกล่าวจบจึงผายมือ ส่งสัญญาณให้ซิรอคโค่ทะยานขึ้นฟ้าหายไปจากแนวจักษุ
    เฒ่าสติฟั่นจะทำอย่างไรได้เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งสามารถเหาะเหินเดินอากาศด้วยพาหนะส่วนตัว จึงหันกลายกลับมาแต่ปากยังไม่หยุดด่าทอ กล่าวว่า “นางมารแพศยาร้อยเล่ห์ผู้นี้หนีไวเหมือนมุสิกหนีน้ำ หากบิดาพบเห็นอีกคราหนึ่งจะกำนัลให้สิบยี่สิบหมัด”
    รินะเสมือนตกอยู่ในภวังค์ต้องทรุดเข่าลงด้วยความอ่อนล้า ยังคงรู้สึกได้ว่าหัวเข่าทั้งสองข้างสั่นไหวไม่หยุด หัวสมองว่างเปล่าชั่วขณะได้แต่เพียงกล่าวว่า “ผู้อาวุโสจาง
    เฒ่าชราผมขาวหันมามองเด็กสาวผู้นี้พร้อมถามว่า “ลูกศิษย์ข้าหนีไปที่ใด?
    รินะที่ยังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้ยินคำถามนี้จึงไม่เข้าใจ กล่าวว่า “ลูกศิษย์อันใด?
    “ก็เจ้าหนุ่มหน้าโง่ผู้นั้น มิได้หนีมาด้วยกันกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?
    “ศิษย์พี่? ศิษย์พี่มิได้หนีมาพร้อมกับข้า เขากับพี่สาวแยกไปอีกทางหนึ่ง”
    เฒ่าชราส่ายหัวที่ยุ่งเหยิงทอดสายตามองหาบุรุษหนุ่มที่ตนอ้างเป็นศิษย์ ถามขึ้นทันทีว่า “ไปทางใด?
    รินะยังมิอาจเชื่อถือชายชราตรงหน้าสนิทใจ แม้เขาจะเป็นผู้ช่วยชีวิตนางเมื่อครู่แต่ก็ยังคงเป็นอาชญากรฆ่าล้างตระกูล หากบอกร่องรอยที่แน่นอนของศิษย์พี่และพี่สาวที่ยังไม่หายดีออกไป อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งสองได้โดยไม่จำเป็น และถ้าเฒ่าชราผู้นี้ยืนกรานหมายให้ศิษย์พี่ฝึกวิชากับมันสักปีสองปี เรื่องราวอาจลุกลามใหญ่โตจึงส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ข้ามิอาจทราบได้ เมื่อครู่เห็นทหารและมือปราบเหล่านั้นรุดมาจับกุมท่านผู้อาวุโส จึงบอกให้ทั้งสองรีบหนีไปทางอื่น จากนั้นจึงออกมาล่อเหล่าทหารลงมาทางทิศใต้ จะกระทั่งผู้อาวุโสมาช่วยไว้เมื่อครู่ ต้องขอขอบคุณจากใจจริง”
    เฒ่าชราถลึงตา แยกเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ขอบคุณไร้สาระอันใด? มือปราบเหล่านั้นล้วนตาบอดกันทุกคน ผู้คนตระกูลหลิวเหล่านั้นเลวยิ่งกว่าเดียรัจฉาน ทั้งล่อลวงสตรีไปขายตัวเป็นนางบำเรอ ล่อลวงบุตรชายชาวบ้านไปทำงานหนักเยี่ยงทาสจนบิดามารดาต้องตรอมใจตาย ก่อคดีใหญ่น้อยหลายสิบคดีใต้คราบผู้ดีจอมปลอมที่เป็นช่างตีเหล็กใจบุญ พวกมันสมควรได้รับโทษทัณฑ์มากกว่าการฆ่าล้างตระกูลเสียอีก เช่นนี้ต้องประหารเจ็ดชั่วโคตรจึงจะสาสม ข้าอุตส่าห์ลงมือสังหารให้แล้วยังมีหน้ายกกำลังมาล้อมจบข้าเสียอีก เช่นนี้ต้องฆ่าทิ้งเหมือนกัน”
    รินะตะลึงกับคำพูดเมื่อครู่จึงกล่าวว่า “นี่เป็นความจริง?
    “ข้าจางเสินโส่วไม่ลดตัวลงพูดโป้ปดกับเด็กน้อยอย่างเจ้าหรอก เห็นแก่เจ้าที่เป็นคนรู้จักของลูกศิษย์ข้าเมื่อครู่จึงได้ช่วยไว้ครั้งหนึ่ง แต่ต่อไปอย่าคิดฝันว่าข้าจะยื่นมือช่วยเหลือเจ้าอีก ในเมื่อเจ้าไม่ทราบร่องรอยศิษย์ข้าก็หมดประโยชน์ ไปได้แล้ว” จางเสินโส่วกล่าวจบก็ทำท่าจะสะบัดหน้าจากไป
    “ศิษย์พี่ยังคงบาดเจ็บสาหัสจากลมปราณที่ผู้อาวุโสถ่ายทอดให้ แต่ก็ฝืนใจพาพี่สาววิ่งหนีออกไปได้ ข้าเห็นมากับตาก่อนที่จะล่อพวกทหารเหล่านั้นออกไป”
    จางเสินโส่วหันขวับกลับมาจ้องรินะพร้อมกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “เจ้าว่ากระไร!? เจ้าลูกเต่านั่นสามารถ วิ่ง ได้อย่างนั้นหรือ?
    รินะสบตาผู้อาวุโสผมขาวบรรจงพยักหน้าลงคราหนึ่ง กล่าวว่า “ไม่ผิด”
    “ฮา ฮา ฮา” เสียงหัวเราะของเฒ่าสติฟั่นดังไปทั่วบริเวณ พร้อมกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าศิษย์คนนี้มันจะได้เรื่องเช่นกัน ลมปราณโลหิตที่ข้าคิดค้นขึ้นมีผู้สืบทอดเสียแล้ว”
    รินะเห็นว่าอยู่ต่อไปก็คงมิได้อะไรขึ้นมา จึงกล่าวว่า “เช่นนี้คงต้องยินดีกับศิษย์พี่และท่านอาวุโสที่มีผู้สืบทอด แต่จะอย่างไรข้าจำเป็นต้องออกไปตามหาพวกเขาทั้งสอง คงจะต้องขออำลา”
    “ยังไปไม่ได้” เสียงอันเย็นชาดังขึ้น
    “เพราะเหตุใดท่านผู้อาวุโส?
    จางเสินโส่วโยนห่อผ้ามาให้ห่อหนึ่งพร้อมกล่าวว่า “ในเมื่อศิษย์ของข้าสำเร็จยอดวิชาปราณโลหิต ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกตามหามันแต่อย่างใด สมควรมั่นใจได้ว่ามันสามารถเอาตัวรอดได้ถึงสิบส่วน ดังนั้นหากเจ้าจะไปตามหามันก็จงมอบสิ่งของในห่อผ้าให้มันด้วย เข้าใจหรือไม่?
    ทันใดที่รินะพยักหน้า แสงสีม่วงก็สว่างวาบก่อกำเนิดเป็นประตูผ่านมิติ เฒ่าชราผู้มีกล้ามเนื้อบึกบึนในชุดช่างตีเหล็กหายวับไปกับตา ยอดคนที่ไม่ทราบว่าดีหรือเลวผู้นี้คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปสุดที่จะยับยั้งไว้ได้ ทิ้งเอาไว้เพียงห่อผ้าห่อหนึ่ง
    รินะอุทานดังอาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อพบเห็นสิ่งของที่อยู่ในห่อผ้า มันเป็นกระบี่เขี้ยวราชสีห์ที่แวววาวยิ่งกว่าเดิมราวกับมีชีวิต หน้าไม้อัตโนมัติไฮดราที่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของลูท
    หญิงสาวรวบรวมสติขึ้นมาอีกครั้ง ตัดสินใจมุ่งหน้าสู่นครหลวงเอนเซลเลียร์สมทบกับพวกลูทในบัดดล
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×