ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาสตราคู่กู้แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #110 : เล่ม 4 - ตอนที่ 53 - มรสุมระลอกแรก (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 818
      1
      14 ก.พ. 51

    ทันใดที่สัญญาณกลองศึกของวานเตสดังสนั่นก้องพื้นที่ กองทหารนอร์ที่ผูกผ้าพันคอสีแดงปักสัญลักษณ์รูปม้าทำการจู่โจมตัวตึกธงดาบทันที
                    น่าเสียดายที่เวอร์น่อนตัดสินใจจู่โจมช้าไปเพียงครึ่งวัน ในเมื่อผู้ปกครองจอห์นทราบข่าวเรื่องการปฏิวัติจึงวางมาตรการป้องกันอาณาบริเวณตึกธงดาบเอาไว้อย่างรัดกุม ทหารใต้สังกัดเวอร์น่อนเมื่อบุกเข้าไปจึงพบกับการต่อต้านอย่างรุนแรง ทั้งกับดัก ลูกธนูและคมดาบ ทำให้มิอาจข้ามแนวกำแพงตึกธงดาบเข้าไปด้านในได้
                    ตึกธงดาบมิใช่เป็นเพียงตึกหลังเดียว เขตปกครองส่วนตัวของผู้ปกครองจอห์นภายใต้ชื่อ “ตึกธงดาบ” กินอาณาบริเวณถึงหกร้อยห้าสิบหกไร่ หากจะเปรียบกับประเทศอื่นคงต้องเปรียบกับพระราชวังสำหรับกษัตริย์ เนื่องจากตำแหน่งราชันย์และผู้ปกครองรัฐมีอำนาจอยู่ในระดับเดียวกัน ต่างกันเพียงผู้ปกครองรัฐมีด้วยกันสามคนแต่กษัตริย์มีเพียงพระองค์เดียว กำแพงสี่ทิศสูงสองวายาวด้านละสองร้อยห้าสิบวาล้อมกรอบตึกธงดาบเอาไว้ทั้งสี่ด้าน บนกำแพงมีหอยิงธนูอยู่ห่างกันทุกระยะสายตา สมรรถภาพในการรบเทียบได้กับป้อมค่ายหลังหนึ่ง เพียงขาดแต่คูน้ำกั้นกำแพงที่ไม่สามารถกระทำได้ในเมืองเท่านั้น
                    โจนาธานบุตรของผู้ปกครองจอห์นเป็นผู้รับผิดชอบมาตรการป้องกันในค่ำคืนนี้ เขาคุมกองทหารห้าพันนายประจำอยู่ตามแนวกำแพงรอบนอกป้องกันการรุกรานของทหารเวอร์น่อน ส่วนโจเซฟคุมมือดีหนึ่งพันนายทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยของจอห์นผู้พี่และพื้นที่บริเวณตัวตึก ทันใดที่ทั้งสองได้ยินเสียงสัญญาณเปิดศึกพวกเขาต่างสั่งการทหารใต้สังกัดให้รบอย่างเต็มที่ ป้องกันตึกธงดาบเอาไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติมจากจอห์น
                    ถึงแม้ฝ่ายจู่โจมจะมีกำลังมากกว่า เมื่อฝ่ายตั้งรับมีที่มั่นเป็นกำแพงสูงหอยิงธนูป้องกันมั่นคงจึงมิอาจบุกเข้ามาได้โดยผลีผลาม การต่อสู้ในช่วงเริ่มแรกจึงเป็นการรบระหว่างแนวกำแพง ฝ่ายรุกจะต้องทำลายแนวป้องกันรอบกำแพง ส่วนฝ่ายรับจะต้องรักษาแนวป้องกันนี้ไว้ให้สุดความสามารถ ลูกศรบินว่อนเต็มฟ้า เสียงแผดร้องของทหารทั้งสองฝ่ายดังขึ้นไม่ขาดช่วง เปลวไฟถูกจุดขึ้นหลายแห่งจนลุกไหม้โชติช่วงชัชวาล เป็นสัญญาณเตือนภัยต่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณเมืองรอบนอก
    สัญญาณซึ่งบอกถึงเหตุผิดปกติ เหตุซึ่งจะนำมาสู่ความหายนะในไม่ช้า
                    ผู้ปกครองจอห์นสวมเกราะสีทองที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ในอาณาจักรนอร์ รุดออกมาจากตัวตึกถามสถานการณ์ความคืบหน้ากับโจเซฟน้องชายว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?
                    โจเซฟที่ยังมิได้เข้าร่วมตะลุมบอนกล่าวว่า “ทหารของเวอร์น่อนยังมิอาจบุกเข้ามาเขตตัวตึกได้ หน่วยกล้าตายของมันบางส่วนข้ามกำแพงมาถูกโจนาธานสกัดอยู่เบื้องนอก ที่เหลือถูกทหารของข้าจัดการอีกต่อหนึ่ง”
                    “โชคดีที่พวกสตีเฟ่นรุดมาเตือนพวกเราทันการณ์มิเช่นนั้นตึกหลังนี้คงจะแตกภายในเวลาชั่วโมงเพียว ประเมินจากสถานการณ์โดยคร่าวเจ้าคิดว่าพวกเราจะยันได้อีกนานเท่าใด?
                    โจเซฟส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “อย่างน้อยสามชั่วโมง อย่างมากครึ่งวัน ขึ้นอยู่กับว่าพวกมันจะใช้อาวุธหนักทำลายกำแพงเข้ามาหรือไม่ กำแพงที่ปราศจากคูน้ำถูกรถท่อนซุงกระแทกคงทนอยู่ได้ไม่นาน”
                    สายตาของจอห์นทอแววแข็งกร้าว กล่าวว่า “ให้เจ้านำสตรีและเด็กออกไปจากตึกด้วยทางลับ บรรดาบุรุษที่เหลืออยู่ให้จับอาวุธป้องกันจนกว่าจะพวกสตรีจะหนีไปได้”
                    ถึงแม้ว่าโจเซฟจะมีความทะเยอทะยานสูง ปรารถนาความเป็นหนึ่งในทุกด้าน แต่เรื่องความจงรักภักดีต่อตระกูลวิลล์กลับไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย พร้อมที่จะเป็นขุนพลที่เสียสละเพื่อพี่ชายได้ทุกเมื่อ โจเซฟกล่าวเรียกบุตรชายด้วยเสียงอันดังว่า “วาคิน!
                    มือปราบชั้นหนึ่งผู้มีอายุงานเพียงหนึ่งวันพลิ้วกลับออกมาจากแนวหน้า คงจะไม่มีมือปราบชั้นหนึ่งผู้ใดโชคร้ายเท่าเขาอีกแล้ว ทันทีที่ได้รับแต่งตั้งก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์รุนแรงที่สุดในรอบยี่สิบห้าปี ด้วยประสบการณ์หนึ่งวันของเขาจึงไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่บุกเข้าไปที่แนวหน้าช่วยเสริมแนวป้องกันที่กำแพง
                    วาคินถอนตัวจากสมรภูมิเบื้องหน้า ปลายกระบี่สั้นที่น่าเกรงขามเปรอะเปื้อนโลหิตฝ่ายศัตรูสีแดงฉาน เครื่องแบบมือปราบขาดวิ่นสามสี่รอย กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านลุง ปลอดภัยดีหรือไม่?
                    โจเซฟพยักหน้ากล่าวว่า “เจ้าจงนำสตรีและเด็กหลบหนีออกไปจากทางลับใต้ตัวตึก ขอเพียงผลักโต๊ะกลางในห้องประชุมออกจากนั้นกดที่ผนังหลังรูปแขวนพื้นด้านล่างจะเปิดเป็นทางลับ เส้นทางสายนี้สามารถทะลุถึงนอกเมืองได้ จากนั้นจงเฝ้าปากทางเอาไว้จนกว่าสตรีและเด็กทุกคนจะหลบหนีออกไปได้ทั้งหมด จากนั้นกลับมารายงานข้า”
                    ทางลับสายนี้มีเพียงจอห์นและโจเซฟสองคนเท่านั้นที่รู้จัก มันถูกก่อสร้างขึ้นทันทีหลังจากจอห์นได้รับตำแหน่งผู้ปกครองรัฐ ผู้สร้างล้วนเป็นชาวเอนเซลและลาเวนดิสที่มีถิ่นที่อยู่ห่างไกล ทั้งหมดถูกปิดตาแล้วค่อยนำมายังสถานที่ก่อสร้างไม่ให้ผู้ใดรู้ว่ากำลังสร้างอุโมงค์อยู่ ณ ตำแหน่งใด หลังงานเสร็จโจเซฟส่งพวกเขากลับภูมิลำเนาด้วยตนเองมิให้ความลับรั่วไหลออกไปสักขุมขนหนึ่ง อุโมงค์สายนี้จึงสามารถรับประกันได้ว่าไม่มีผู้ใดรู้ ปลอดภัยจากการถูกดักทำร้ายเบื้องนอก
                    ผู้ปกครองจอห์นมองไปที่หลานชาย กล่าวว่า “เรื่องนี้สำคัญมากฝากเจ้าด้วย” จากนั้นจึงกล่าวกับโจเซฟว่า “เจ้ากับข้าบุกไปที่แนวหน้า ยกกำลังไปเสริมแนวป้องกันตามกำแพง ตัวตึกธงดาบไม่มีอะไรที่จะต้องเฝ้าอีก ขอเพียงพวกเรายันกองทัพของมันจนกว่าสตรีและเด็กจะอพยบออกไปได้หมดแล้วค่อยปรับแผนอีกครั้ง”
                    วาคินคุกเข่าลงดังโครมกล่าวว่า “ผู้บุตรขอสู้ตายกับท่านพ่อและท่านลุง ได้โปรดให้บุคคลอื่นกระทำหน้าที่นี้แทนเถิด”
                    โจเซฟผู้เป็นพ่อตวาดว่า “เจ้าบ้า! อยากตายหรืออย่างไรที่ขัดคำสั่งของลุงเจ้า? นี่คือสมรภูมิรบ ต้องทำตามคำสั่งแม่ทัพสถานเดียว”
                    ผู้ปกครองจอห์นเอามือข้างหนึ่งแตะบ่าหลานชาย กล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงในความปลอดภัยของพวกเราทั้งสอง โลหิตตระกูลวิลล์แข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิดไว้ พวกข้าไม่คิดออกไปตายหรอก”
                    วาคินเห็นเช่นนั้นจึงรับคำในทันใด รุดเข้าไปในตัวตึกกระทำตามคำสั่งของผู้ปกครองจอห์น กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านลุงโปรดถนอมตัว”
    ในขณะที่ทางแนวหน้าโจนาธาน โซเฟียและซิลิเซียกำลังตั้งรับอย่างรัดกุม โจนาธานออกคำสั่งให้ทหารทั้งห้าพันคนรุกรับเป็นจังหวะ โดยมีโซเฟียและซิลิเซียสตรีทั้งสองกุมอาวุธคอยป้องกันบิดา
                    ครู่หนึ่งต่อมาจอห์นและโจเซฟยังไม่ทันนำกองกำลังออกไปช่วยเหลือ กลับได้ยินเสียงกระบี่ฝ่าอากาศดังขึ้น โจเซฟขวางกระบี่สั้นที่ทำจากโลหะอันดามันเข้าตั้งรับ คมกระบี่สีน้ำเงินครามกระทบกับกระบี่เงินแท้จนสะเก็ดไฟแลบปลาบ ผู้มาเป็นบุรุษหนุ่มที่มีดวงตาสีโลหิตผู้ดำรงตำแหน่งหมายเลขสี่ของอัศวินดำ วิชชุสีโลหิตซิฟเฟอร์ ชไวน์
                    “อัศวินดำ! โจเซฟร่ำร้องขึ้นเตือนภัยให้กับบุคคลรอบตัว
                    พริบตานั้นจอห์นพลันรู้สึกถึงคมดาบแหวกอากาศ มวลอากาศแยกวูบออกเป็นสองส่วน คาทานะยาวเล่มหนึ่งฟันตรงลงมาในแนวดิ่ง ความเร็วและความแรงของมันเทียบได้กับสายวิชชุพาดผ่านท้องฟ้า
                    ด้วยฝีมือของจอห์นยังตระหนกกับดาบเบื้องหน้า หากรู้ตัวช้ากว่านี้ไปวูบหนึ่งรับรองร่างของเขาต้องแยกออกเป็นสองท่อน เช่นเดียวกับมวลอากาศ
                    เสี้ยววินาทีคับขันเป็นตาย ผู้ปกครองจอห์นใช้ปลายเท้ากระโดดถอยหลังมาหนึ่งก้าว ดาบเมื่อครู่ฟันลงสู่พื้นผ่าผืนดินแยกออกเป็นสองส่วน แผ่รังสีดาบกรีดเกราะสีทองที่จอห์นสวมใส่จนเป็นรอย ปรากฏเป็นร่างของอัศวินดำอันดับหนึ่งวานเตสขึ้นเบื้องหน้า
                    “เซเบอรอส!
                    ด้วยความสามารถของอัจฉริยะบุรุษทั้งสอง เพียงพอที่จะโยกคลอนแนวป้องกันของตึกธงดาบอย่างเหลือเฟือ ทันทีที่ร่างของทั้งสองสัมผัสพื้น มือสังหารสวมชุดดำที่คอผูกผ้ารูปม้าสีแดงบุกตามเข้ามาอีกราวสองร้อยคนเศษ นักรบพวกนี้จัดว่าเป็นมือดีของกลุ่มเวอร์น่อน คนหนึ่งสามารถต่อกรศัตรูนับสิบ
                    “ทหารรับมือสุดกำลัง อย่าปล่อยให้พวกมันบุกเข้าตัวตึกได้”
    เสียงคมดาบกระบี่ดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ กองทหารกับหน่วยจู่โจมพิเศษเปิดฉากฆ่าฟันกันแล้ว จอห์นกับโจเซฟสิงห์เฒ่าสองพี่น้องยืนหันหลังชนกันและกัน ในใจทั้งคู่เกิดเป็นรสชาติเหนือคำบรรยาย เมื่อปรากฏภาพเหตุการณ์ในวัยฉกรรจ์กลับมาอีกครั้ง ทั้งคู่บุกเหนือล่องใต้ทั่วอาณาจักรนอร์ จนติดอยู่ในวงล้อมด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง คิดไม่ถึงว่าเมื่ออายุเจ็ดสิบประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดกลับต้องมาเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้อีกครั้งหนึ่ง
                    โจเซฟตะโกนออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังต่อกองกำลังส่วนตัวจำนวนหนึ่งพันนายว่า “ขับไล่พวกมันออกไป! ปกป้องผู้ปกครองจอห์น”
                    ซิฟเฟอร์และวานเตสทั้งสองกุมหนึ่งกระบี่หนึ่งคาทานะชี้มาทางผู้ปกครองจอห์น วานเตสสั่งการว่า “ฆ่าให้สิ้น! ผู้ใดสังหารจอห์นได้ข้าจะกำนัลค่าหัวหนึ่งร้อยเหรียญทอง”
                    พริบตานั้นการโรมรันครั้งใหญ่ในอาณาเขตของตึกธงดาบได้เริ่มขึ้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×