คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #244 : เล่ม 8 - ตอนที่ 111 - สองเรา (4)
บลูทนทานความรู้สึกดังกล่าวไม่ได้อีกต่อไป ปลดปล่อยให้ร่างกายไหลลื่นไปตามความรู้สึก ใช้แขนสองข้างโอบรอบช่วงไหล่ของเจสจากด้านหลัง แนบใบหน้ากับต้นคอที่นุ่มลื่น นาสิกโชยกลิ่นหอมจากเรือนร่างและเส้นผมของสตรีที่พึ่งจะอาบน้ำชำระล้างร่างกาย กล่าวออกมาจากใจจริงว่า “ขอบคุณที่เชื่อข้า”
เจสสิกาไม่ทันตั้งตัวที่บลูโผเข้ามากอดตนเองเช่นนี้ จึงอุทานขึ้นเบาๆแต่ก็มิได้รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย นางกลับดีใจและรู้สึกอบอุ่นในจิตใจเสียด้วยซ้ำ วินาทีนี้เองที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับบุรุษหนุ่มผู้นี้มิได้ย่ำแย่ลงอย่างที่ตนเองเคยกังวล แต่ก็เพื่อความแน่ใจจึงถามคำถามว่า “หลายวันที่ผ่านมานี้ข้ามิอาจรู้สึกถึงท่านได้แม้แต่เพียงครั้งเดียว ข้ารู้สึกเหงาและเปล่าเปลี่ยวทุกครั้งที่พยายามจะติดต่อถึงจิตใจของท่าน ทุกเช้าหลังตื่นนอนข้าตั้งความหวังว่าจะสามารถติดต่อถึงท่านได้ในวันนั้นแต่ก็ประสบกับความล้มเหลว ก่อนเข้านอนข้าก็เฝ้ามองหน้าต่างบานนี้หวังว่าจะให้ท่านเปิดเข้ามาแต่ก็ไม่มีวี่แวว จนข้าคิดว่าท่านเกลียดข้าเสียแล้ว”
คำพูดของหญิงสาวจี้เข้าไปในใจดำของบุรุษหนุ่ม เขาทราบว่านางจ้องมองผ่านหน้าต่างบานนั้นออกมาทุกคืน เนื่องเพราะทุกคืนที่นางกระทำเช่นนั้นเขาล้วนอยู่ที่นั่น เพียงแต่มิอาจเปิดเผยตัวออกไปพบนางได้ดั่งที่ใจต้องการ คำนึงว่า ‘คนที่ข้าเกลียดนั้นเป็นตัวข้าเองต่างหาก’ แต่ก็มิได้กล่าวออกไป
สองแขนที่โอบกอดร่างของเจสรัดแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย กล่าวเบาๆว่า “ข้าไม่เคยเกลียดเจ้ามาก่อนและจะไม่มีวันเกลียดเจ้าได้”
“ข้าทราบ” เจสถามต่อไปว่า “แต่ข้ายังสงสัยอยู่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงไม่สามารถสื่อสารผ่านจิตใจของท่านได้? ท่านจงใจปิดกั้นข้าหรือ?”
หัวใจของบลูถึงกับปวดร้าวเมื่อถูกบีบบังคับให้ตอบคำถามนี้ ได้แต่พยักหน้ายอมรับครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อสุขภาพของเจ้ายังไม่หายสมบูรณ์เป็นปกติ การสื่อสารผ่านทางจิตใจจะทำให้เจ้าเหนื่อยล้าอ่อนเพลียและจะไม่มีทางหายป่วยได้ ข้าจึงต้องตัดใจปิดกั้นการสื่อสารจากเจ้า”
‘ข้าโกหกอีกแล้ว’
เจสสิการับคำครั้งหนึ่งวางเครื่องประทินโฉมลง หยิบกระดาษที่เป็นบทคัดย่อของที่ประชุมขึ้นมา หันเหประเด็นกล่าวว่า “ข้าเห็นในรายงานการประชุมครั้งล่าสุดที่ท่านออสวอลจดบันทึกเอามาให้ ทราบว่าท่านจะต้องเดินทางไปยังโบราณสถานเอลลี่ ทำงานสืบข่าวและสอดแนมให้กับกองกำลังของเราใช่หรือไม่?”
บลูคลายสองมือออกจากการกอดโฉมสะคราญ ก้าวออกจากโต๊ะเครื่องแป้งทรุดนั่งลงบนเตียงนอน กล่าวว่า “ครั้งนี้อาจเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายมากกว่าครั้งที่เมืองเบริล โชคดีที่ข้าไม่จำเป็นต้องไปคนเดียวแต่มีลูทไปด้วยอีกคนหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าศัตรูเป็นผู้ใดหรือจะเจอสถานการณ์เช่นใด ข้าก็มีความมั่นใจว่าพวกเราทั้งสองสามารถเอาตัวรอดได้”
“ท่านกับลูทช่างเป็นสหายที่รู้ใจกันเสียจริง”
บลูรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา กล่าวว่า “พวกเราทั้งคู่มีนิสัยแตกต่างกันก็จริง แต่กลับเข้ากันได้อย่างแปลกประหลาด ขอเพียงมองหน้าก็ทราบได้ว่าจิตใจของอีกผู้หนึ่งคิดอย่างไร หากไม่มีเขาข้าคงจะตายไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ และเขาก็เช่นกันหากไม่ได้ข้าช่วยไว้ต่อให้มีเก้าชีวิตก็ไม่เพียงพอ จนกระทั่งคำขอบคุณนั้นไม่จำเป็นสำหรับพวกเราอีกต่อไป ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาตัวรอดกลับมาหาเจ้าได้อย่างแน่นอน”
ยินเสียงเจสถามว่า “สหายในชีวิตของข้านอกจากท่านแล้วก็มีเพียงโรซาไลน์อีกคนเดียว”
“โรสเป็นสตรีที่ดีงาม นางเป็นสหายที่ดีของข้าและข้าก็เชื่อว่านางต้องเป็นสหายที่ดีของเจ้า” บุรุษหนุ่มตอบพลางนึกในใจว่าถึงเวลาแล้วที่ตนเองจะต้องบอกนางเรื่องแหวนคู่ชะตา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้กล่าวออกไป
“ท่านจะต้องจากไปเมื่อใด?”
“คืนนี้ก่อนรุ่งสาง” บลูอธิบายแผนการว่า “ท่านลูเชียสได้เตรียมรถม้าให้ข้ากับลูทโดยสารไปถึงชายแดน พวกเราจะถึงที่นั่นในเวลาเช้าของวันพรุ่งนี้”
“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?” หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทรุดนั่งลงบนเตียงนอนข้างกายบุรุษหนุ่ม จรดปลายจมูกเข้าที่ข้างแก้มของเขาอย่างนุ่มนวล หลับตาพร้อมกับกล่าวว่า “ขอเทพเจ้าโซเลสช่วยคุ้มครองท่านให้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จด้วยดี ข้าจะรอคอยการกลับมาของท่านอยู่ที่นี่”
บุรุษหนุ่มมองใบหน้าของเจสที่ถอยห่างออกไปหลังจากกล่าวประโยคเมื่อครู่เสร็จสิ้น พบว่านางใช้มือข้างหนึ่งจับศีรษะคาดว่าอาจเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาอีกครั้ง บลูเห็นอาการที่ผิดปกติของนางก็สำนึกตัวได้ว่าตนเองตั้งใจจะมาทำอะไร กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “เจส”
“มีเรื่องใดหรือ?” เสียงอันอ่อนหวานกล่าวตอบ ทั้งๆที่ยังคงวิงเวียนศีรษะอย่างแปลกประหลาด
“ไม่มีอันใด” บลูส่ายศีรษะครั้งหนึ่ง ลอบกำมือเข้าหากันที่ตนเองไม่มีความกล้าจะบอกออกไป
“ข้าตั้งใจว่าหลังจากที่ท่านจากไปแล้วข้าจะกลับเข้าที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง ข้ามิอาจทิ้งบ้านเมืองที่ท่านแม่มอบหมายให้ การที่จะอ้างว่าเจ็บป่วยแล้วไม่ยอมทำงานนั้นเป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ขึ้น ข้าทราบว่าท่านมีหน้าที่ของท่านที่ต้องสะสาง เรื่องราวของเทพสงครามและทายาทแห่งอาร์คาน่าอยู่ไกลเกินกว่าที่ข้าจะเอื้อมถึงและเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ในขณะเดียวกันข้าก็มีหน้าที่ของข้า นั่นคือการดูแลความสงบสุขของไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ป้องกันแผ่นดินลาเวนดิสที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนมิให้พังทลายลงในยุคที่ข้าทำงานรับใช้บ้านเมือง ... ขอเพียงมีท่านให้กำลังใจข้าและข้าอยู่เคียงข้างท่านเช่นนี้ ข้าเชื่อมั่นว่าพวกเราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตตรงหน้า จนกระทั่งพบกับความสุขที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้” เจสสิกากล่าวในฐานะของราชินีแห่งราชอาณาจักร
บลูรับฟังแล้วยิ่งไม่อาจบอกความจริงเข้าไปอีก จึงตัดใจกล่าวว่า “ข้าต้องไปแล้ว พักผ่อนให้มากหากไม่เช่นนั้นสุขภาพของเจ้าจะบีบบังคับมิให้เจ้ากระทำในสิ่งที่ต้องการ”
“ขอให้ท่านโชคดี” เจสรอคอยจนบุรุษหนุ่มจากไปแล้วจึงนอนราบลงบนเตียงด้วยความเพลีย เพียงไม่ถึงห้านาทีก็ผลอยหลับไป
หญิงสาวที่หลับใหลมิอาจได้ยินเสียงกำปั้นของบุรุษหนุ่มที่ทุบต้นไม้จนดังลั่น ระบายความอัดอั้นตันใจที่มิอาจตัดใจกล่าววาจาบอกความจริง
‘ข้าจะหลอกตนเองไปถึงเมื่อใด?’
คำถามนี้ไม่มีใครตอบได้ นอกจากเขาผู้เดียว
ความคิดเห็น