คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Heroes : 1
- Heroes or Demon -
- โลก -
โลก…ไม่ต้องพูดอะไรมากมายทุกคนก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ประชาชนที่เกิดในประเทศที่แตกต่างกันออกไปไม่มีใครเลือกได้ การใช้ชีวิตของพวกเขาจะเรียกได้ว่าเร่งรีบหรือสบายๆแล้วแต่จะมองกัน ภาษาเป็นสิ่งสำคัญในการติดต่อสื่อสารกับผู้ชนในสังคมหรือกับคนต่างถิ่นที่มาเที่ยว ยิ่งมีประเทศมากเท่าไหร่ภาษาก็มากขึ้นตาม แต่ภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลกมีเพียงไม่กี่ภาษา
ประเทศไทยหรือเรียกแบบคนยุคก่อนๆว่า‘สยามเมืองยิ้ม’
แต่ตอนนี้คงเรียกว่าสยามเมืองยิ้ม…ไม่ได้แล้ว
ประชาชนที่มากกว่าเจ็ดสิบล้านคนและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่ใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมซะเป็นส่วนใหญ่ ใช้ของที่ฮิตตามกระแสเพื่อไม่ให้ตกเทรน วัฒนธรรมต่างๆที่นำเข้ามาจากประเทศต่างๆที่เขามาเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงถ้าพอมีฐานะหน่อยก็จะคบเพื่อนที่มีฐานะใกล้เคียงกัน เอาของแบรนเนมมาอวดกันไปมา ส่วนผู้ชายก็จะเอารถยี้ห้อหรูๆราคาแพงๆมาโชว์กัน
ประชาธิปไตย…นี่คือระบบการปกครองของประเทศไทย มันควรจะเป็นอย่างนั้น
ประชนชนที่ถูกแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน คนที่เกิดมาในชนชั้นรากหญ้าก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่าเหน็ดเหนื่อยเพื่อแลกกับเงินไม่กี่ร้อยบาท ความหวังเล็กๆขอแค่เพียงว่าสักวันหนึ่งคนมีตังเก็บมากมายใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ทั้งที่ความจริงโอกาสเป็นไปได้ไม่ถึงสามเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ ทำได้แค่เพียงมีอาหารกินไปวันๆก็สุดแสนจะเหนื่อยล้าแล้ว
ชนชั้นกลาง ถ้าจะให้เห็นภาพเอาง่ายๆก็คือพวกที่มีตังกิน มีตังใช้ ตังเที่ยวและมีตังเก็บ ถึงแม้จะไม่มากมายแต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนเหมือนคนชั้นรากหญ้า มีหน้าที่การงานดีๆทำไม่เดือดร้อนอะไรมากมาย แต่อย่าไปคิดอย่างนั้นลองมองความจริงในตอนนี้ดู….
สินค้ามากมายที่หลั่งไหลมาจากประเทศต่างๆ บรรยายสรรพคุณประมาณว่าเลิศเลอเพอร์เฟค ยกตัวอย่างง่ายๆเป็นต้นว่า โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ผลิตโดยบริษัทชั้นนำของโลก ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจและจับจองกันอย่างล้นหลาม ถึงขั้นไปต่อคิวแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะได้สินค้าคนแรก ทั้งที่เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรแต่จะซื้อโทรศัพท์ราคาสองสามหมื่นถ้าไปถามเขาว่าซื้อมาทำไมแพงๆก็จะตอกกลับง่ายๆว่า...เงินของฉันมีปัญหาอะไร
ก็จริงของเขา มันไม่หนักหัวใครหรอก
โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้หลายคนอาจจะซื้อเพื่อความสะดวกสบายในหน้าที่การงาน การติดต่อสื่อสารเพราะอาจจะมีออฟชั่นเสริมต่างๆ แต่ลองมองลึกเข้าไปอีกนิดกล้าตอบได้เต็มปากเต็มคำหรือเปล่าว่าซื้อมาใช้เพื่อความสะดวกสบายในการทำงานจริงๆหรือซื้อมาเพื่อตามกระแสกันแน่ จะได้มีไปอวดเพื่อนที่ทำงานว่าใช้ของแพงๆยี้ห้อหรูๆราคาสามหมื่นกว่าบาท ด้วยความฟุ้งเฟ้อของชนชั้นกลางที่มักจะมีหนี้โดยที่ไม่รู้ตัว…พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเม็ดเงินที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้ต่างๆมันมากซะจนต้องทำงานอย่างหนัก…มันมีความสุขเหรอแบบนี้
คนชั้นสูงเรียกได้ว่ามีอันจะกิน บางคนก็เกิดมาในกองเงินกองทองหรือไม่ก็เคยเป็นชนชั้นกลางมาก่อนแล้วใช้ความสามารถของตัวเองหรือเส้นสายก็แล้วแต่สามารถยกระดับฐานะชีวิตมาเป็นคนชั้นสูงได้ คนพวกนี้สามารถใช่จ่ายฟุ่มเฟือยได้สบายๆ รถหรูๆ ของแบรนด์เนมที่แพงๆต่างๆสามารถหามาได้อย่างไม่ยากเย็น ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหรูหราฟู่ฟ่า เคยสงสัยไหมว่าคนพวกนี้ทั้งที่มีสมบัติมากมายขนาดนั้น…ยังต้องการอะไรในชีวิตอีกเหรอ
ทั้งที่มีเงินมากมายขนาดนั้นทำไมบางคนยังคงหาผลประโยชน์จากคนชนชั้นต่ำกว่าเล่า กอบโดย ขูดรีดขูดเนื้อ เพื่อที่จะเพิ่มเงินในกระเป๋าตัวเอง ความโลภของมนุษย์มันไม่มีสิ้นสุดจริงๆที่ไม่สามารถเติมเต็มได้ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ตาม เงินสำหรับมนุษย์มันคือทุกอย่างในชีวิต ไม่มีเงินก็ไม่มีกิน ไม่มีบ้าน ไม่มีเสื้อผ้าใส่ และอาจระรวมถึงไม่มีเพื่อน เพื่อไม่ให้เป็นอย่างนั้นคนเราจึงต้องทำงาน
ไม่มีใครกล้าพูดได้เต็มปากหรอกว่าไม่อยากมีเงินเยอะๆ…ใช่ไหมล่ะ
ไม่เพียงแค่นั้นโลกที่ยิ่งพัฒนาไปมากเท่าไหร่เงินก็ยิ่งเป็นปัจจัยเพื่อขึ้นเป็นเงาตามตัว เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ดึงเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ทีละนิดๆ บางอย่างก็ขึ้นขั้นทำลายธรรมชาติด้วยซ้ำ โลกยิ่งร้อนขึ้นทุกวันๆเนื่องจากชั้นบรรยากาศถูกทำลายไปเยอะ อากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษ
กรุงเทพมหานคร…เป็นเมืองที่มีอาชญากรติดเป็นอันดับต้นๆของโลก วิถีชีวิตที่เรียกได้ว่าต้องปากกัด ตีนถีบ กระเสือกกระสนเพื่อให้มีข้าวกินในแต่ละวัน รัฐบาลที่มัวแต่เถียงกันเรื่องผลประโยชน์ต่างๆแต่ไม่ใช่เพื่อประชาชนที่อ้าปากรอความหวัง ประเทศที่เข้าสู่วิกฤติ ประชาธิปไตยค่อยๆเรือนหายไป เมื่อไม่พอใจก็ประท้วง ไม่พอใจก็ก็เผาบ้านเผาเมือง ประเทศที่เสียรายได้มหาศาลจากสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
คนมีอำนาจที่จะทำอะไรก็แทบไม่ผิด แค่โยนเงินไว้บนโต๊ะทุกอย่างก็จบลงอย่างง่ายดาย ขนาดฆ่าคนตายก็ยังรอดตัวไปได้อย่างสบายๆ แกล้งเป็นบ้าบ้าง ลมชักบ้าง สารพัดมากวิธีการ พอไม่มีข่าวไม่มีกระแสเรื่องอันเลวร้ายที่ทำมาก็เงียบไป ลอยหน้าลอยตาไปเรื่อยๆหาผลประโยชน์ให้ตัวเองต่อ ส่วนคนธรรมดาที่ไม่มีปากเสียงแค่ทำอะไรผิดนิดหน่อยก็ถูกโยนเข้าตาราง ขึ้นศาลแบบไม่ต้องลงอาญาด้วยซ้ำ นี่คือความแตกต่างของชนชั้น
เพราะงั้นคำว่า…ระบอบปกครองแบบประชาธิปไตย มันไม่มีอยู่อีกแล้วซึ่งทุกคนก็รู้กันดีแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา ถ้าหากทำอะไรคนเดียวไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง ถ้าหากคนรอบข้างไม่เอาด้วยลำพังแค่มนุษย์มีหรือที่จะต่อกรกับอิทธิพลต่างๆนาๆ….ปัจจัยสำคัญก็คือเงิน เงินเท่านั้นที่จะสามารถหาพรรคพวกร่วมอุดมการณ์ได้ มีเงินก็สามารถรวมคนได้มากเช่นกัน นี่คือสิ่งเรียกว่าประชาธิปไตย…ประเทศไทย ในความคิดของหลายๆคน
ตอนนี้มาเข้าสถานการณ์ปัจจุบันกันดีกว่า…ว่าโลกมันเกิดอะไรขึ้น
กรุงเทพมหานคร…
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ น่าจะเป็นเวลาที่เงียบสงบในหลายๆพื้นที่ แต่น่าแปลกกลับมีเสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังลั่น เสียงฝีเท้าที่วิ่งไปมาอย่างไร้ทิศทางเหมือนกับกำลังหาทางเอาชีวิตรอด เสียงกรีดร้องที่ดังระงมประมาณว่า…ยังไม่อยากตาย
อ๊ากก!
มนุษย์คนนึ่งที่สวมหมวกแก็บ เสื้อผ้าธรรมดาๆมีขายตามร้านต่างๆ สีหน้าที่กำลังหวาดหวั่นมองไปข้างหลังเป็นระยะ ลมหายใจที่เริ่มหายใจไม่ทันเนื่องจากวิ่งเร็วจนไม่สามารถสูดอากาศได้อย่างเต็มปอด ในมือที่ถือกระเป๋าแบรนด์เนมดังราคาแพงซึ่งไม่เข้ากับการแต่งตัวแม้แต่น้อย
ยิ่งมีเสียงกรีดร้องมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเขย่าประสาทมากยิ่งขึ้น ความกลัว สัญชาตญาณที่กำลังหาทางเอาชีวิตรอดอย่างหนัก ผู้ชายคนนี้วิ่งเลี้ยวที่ซอยเล็กๆมีแต่กลิ่นอับชื้น หนูตัวเล็กๆที่วิ่งพล่านไปหาเพื่อหาเศษอาหารกิน แต่ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจ วิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว
“คงไม่ตามมาแล้วนะ แฮ่กๆ”พอเห็นว่าตัวเองปลอดภัยก็หันหลังพึงกำแพงด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ขาทั้งสองข้างที่รับภาระมาตลอดทางเริ่มหมดแรงทรุดลงกับพื้นทันที
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คลายความระวังลง ดวงตาทั้งสองข้างที่เลิ่กลั่กพยายามมองว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลไหม เวลาท่านไปสักพักพร้อมกับความตรึงเครียดก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไหนดูสิ ว่าในกระเป๋าใบนี้มีอะไรบ้าง”พูดจบก็เริ่มยิ้มออกมา กระเป๋าแบนรด์เนมยี้ห้อดังราคาแพงถูกเปิดออก สิ่งที่อยู่ภายในทำเอาตาลุกวาว
เงิน ๆ ๆ เงินทั้งนั้น!
“เงินมากขนาดนี้คงต่อชีวิตไปได้อีกเป็นสัปดาห์ เรานี่มือเฮงจริงๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น ชายคนนี้เผลอตกใจทันทีรีบปิดกระเป๋าแล้วกอดมันแน่นอย่างหวงแหน รู้ว่าตอนนี้จำเป็นต้องหนีแล้ว แต่จะหนีออกไปยังไงให้ตัวเองไม่โดนฆ่าตาย แต่สำหรับมนุษย์เวลาจนตรอกก็มันจะหาทางรอดที่เรียกได้ว่าเลวบัดซบมาก
อยากรู้ไหมว่า…ตอนนี้โลกเราเกิดอะไรขึ้น รอสักครู่ก็จะเข้าใจเอง
ฟุบ
“เหวอ~!!!”เงาสีดำที่โผล่ออกมาภายในความมืดทำเอาชายคนนั้นตกใจทันที ข้าที่ก้าวถอยหลังอย่างร้อนรนจนมันพันกันและล้มลงไปในที่สุด ใบ้หน้าที่ฉายแววหวาดกลัวออกมา เหงื่อที่ไหลชโลมทั่วกาย ดวงตาเบิกกว้างเมื่อพบว่าตัวเองหนีมัจจุราชไม่พ้น
“ไม่นะ! ไปให้พ้น ฉันยังไม่อยากตาย ไป ๆ ๆ ๆขอร้องล่ะ ไปซะที!”ชายคนนั้นตะโกนด้วยสีหน้าตระหนกสุดขีด แต่ดูเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาจะไม่ได้ยินหรือได้ยินแต่ไม่ทำตาม
รูปร่างของมันเหมือนกับมนุษย์ทุกระเบียดนิ้ว สูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร สวมโค้ทสีดำสนิทยาวจนถึงตาตุ่ม ใบหน้าที่ไร้อารมณ์บวกกับดวงตาสีทองที่จ้องมองเหยื่อนิ่งๆ ทางท่าของมันทำเอาชายคนนั้นถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างไม่เป็นภาษา มองดาบสีเงินวาวที่มันถืออยู่
มันค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆทีละนิดๆ ชายคนนั้นที่ถอยหลังจนไปชนกับกำแพงไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไปแล้ว ชะตากรรมหลังจากนี้คงไม่พ้นความตาย
“อย่าเข้ามา!”
มีหรือที่มัจจุราชจะฟัง…ถ้าหากไม่มีเสียงฝีเท้าที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก
รูปร่างที่ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ชายสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร สวมฮู้ดสีน้ำตาลเข้มจนให้ใบหน้าไม่ชัด แต่ทางดูเหมือนจะไม่ใส่ใจสถานการณ์ตรงหน้า..แล้วก็ไม่นึกว่าจะมีคนมาขวางเส้นทางของเขา ชายลึกลับหยุดเดินเงยหน้ามองชายคนนั้นกับชายสวมโค้ทที่หันมามอง
แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
“ช่วยผมด้วยครับ มันจะฆ่าผม!”ชายคนนั้นพอเห็นมีคนมาก็ร้องขอความช่วยเหลือทันที โดยที่ไม่คิดว่าคนๆนี้จะเป็นมนุษย์เหมือนกันจะเอาอะไรไปต่อกรกับมัจจุราชได้
เขาหันมามองชายคนนั้นก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและไร้ความรู้สึก
“กระเป๋าใบนั้นไม่เข้ากับเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เลย”
พอๆได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการตกใจอีกรอบพลางกอดกระเป๋าแบรนด์เนมยี้ห้อดังแน่น ในความหมายของชายใส่ฮู้ดสีน้ำตาลเข้มทำให้รู้เจตนาของคนพูดทันที
“ขโมยมาใช่ไหม”คำพูดที่ทำเอาสะอึก
“ม..ไม่ใช่ มันเป็นของแฟนผม”ถึงแม้จะตอบปฏิเสธแต่กลับมาท่าทีลุกลี้ลุกลนมากกว่าเดิม
“งั้นเหรอ”
ชายใส่ฮู้ดพูดออกมาเหมือนกับจะไม่สนใจเท่าไหร่ ชายสวมโค้ทสีดำที่ยืนมองการคุยอยู่สักพักก่อนจะเงื้อดาบขึ้นมาหมายจะคร่าชีวิตชายคนนั้น ที่ตอนนี้กลัวจนปัสสาวะราดนองเต็มพื้นแล้ว
“ช…ช่วยผมด้วยครับ ใช่ ผมขโมยมันมาจากคนท่าทางมีตัง แต่ตอนนี้ตายไปแล้ว ผมไม่ผิดนะครับ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน ไม่มีชีวิตรอด ผมยังต้องดูแลแม่ที่ป่วย ตอนนี้เงินคือสิ่งสำคัญที่สุด ขอร้องล่ะครับ ช่วยผมด้วย!”เสียงหวีดร้องของชายคนนั้นที่ทำท่าจะขาดใจตายให้ได้ ไม่รู้ที่พูดออกมาโกหกหรือไม่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจเท่าไหร่
ชายใส่ฮู้ดจ้องมองนิ่งๆก่อนจะทำท่าทางไม่ใช่เรื่องของเขาที่ต้องไปเกี่ยวด้วย
“ช..ช…ด้ว.!”
ฉับ!
พูดไม่ทันจบก็เกิดความผิดปกติกับร่างกายของชายคนนั้นทันที ดาวโลหะสีเงินที่ตวัดเข้าไปตรงบริเวณลำคอเพียงครั้งเดียว หัวที่หลุดออกมาจากบ่าไม่ให้เปล่งเสียงออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง แกนกระดูกที่โผล่ออกมาจากส่วนลำคอดูน่าสยดสยอง มองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์ได้อย่างชัดเจน
ร่างที่ไร้หัวเซล้มลงอย่างไม่อาจต้านทานได้ เลือดที่กระฉูดออกมากระเด็นรอบๆจนสกปรกและกลิ่นคลุ้งออกมา กระเปาแบรนด์เนมที่หลุดออกมาจากแขนกองอยู่ที่พื้น เลือดสีแดงที่ย้อมไปส่วนหนึ่ง ชายสวมฮู้ดก้มลงมองส่วนศีรษะที่กลิ้งมาอยู่ตรงเท้า ใบหน้าที่เรียกได้ว่าเป็นสีหน้าของมนุษย์ที่แสดงความหวาดกลัวออกมาถึงขีดสุด ปากที่ยังคงอ้าค้างน้ำลายไหลออกมาเต็มไปหมด
ตายแล้วเหรอ…มนุษย์ตายง่ายอย่างนี้นี่เอง
“นาย…ใช่ปิศาจหรือเปล่า”ชายสวมเสื้อโค้ทที่เปิดปากพูดเป็นครั้งแรก ใบหน้าที่เรียกได้ว่าไม่ต่างกับมนุษย์มากนัก ทั้งสำเนียงและความชัดของภาษาที่เรียกว่าไร้ที่ติ ดาบโลหะสีเงินที่ถูกเลือดชโลมไปส่วนหนึ่งหยดลงพื้นอย่างน่ากลัว ดวงตาสีทองที่จ้องมองแต่ไม่ทำให้เขาสะดุ้งแม้แต่น้อย
ทั้งที่เพิ่งโชว์การสะบั้นศีรษะสดๆไปต่อหน้าต่อตา
ปิศาจ…อย่างนั้นเหรอ
“ปืศาจ…”
สิ้นพูดของชายสวมฮู้ด ชายสวมโค้ทก็ดีดตัวเข้าหาอย่างรวดเร็ว ดาบโลหะสีเงินถูกยกขึ้นมาเหมือนกับว่าต้องการจะดื่มเลือดอีกครั้ง แต่ชายสวมฮู้ดกลับมีท่าทีนิ่งเฉย
ควับ!
เสียงดาบแหวกอากาศพลาดเป้าไปอย่างน่าตกใจ เขาที่ย่อตัวลงหลบได้แบบไม่เสียเลือดแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ต้องแลกด้วยรอยขาดของฮู้ดที่ขาดสะบั้น
พอมันเห็นว่าพลาดเป้ารีบวกตัวกลับวิ่งเข้าใส่อีกรอบ เขาที่หันหลังให้อยู่ย่อตัวลงก่อนจะสปริงตัวขึ้นตวัดขากลับหลังอย่างชำนาญพลางโยกลำตัวส่วนบนหลบดาบที่แทงเข้ามาอย่างฉิวเฉียด ชายสวมโค้ทที่โดนตรงก้านคอเต็มๆร่างกายเซเล็กน้อยพอตั้งหลักได้ก็พบว่ากำปั้นลุ่นๆกระแทกเข้าใบหน้าจังๆ
ผลั่ก!
ร่างของมันหงายหลังทันทีน้ำหนักของมัดที่ส่งผ่านออกมามันหนักหน่วงใช่เล่น ชายสวมโค้ทรีบลุกขึ้นมาอีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะเคลื่อนไหวก็โดนเข่าลอยมาแต่ไกลกระแทกเข้าที่ใบหน้าอีกรอบจนผงะไปวูบหนึ่ง แต่คราวนี้เอนหลังได้ทันความหนักหน่วงจึงลดลงไปส่วนหนึ่ง
พอเงยหน้ามองก็พบว่าชายสวมฮู้ดตอนนี้ได้เปิดเผยใบหน้าออกมา…ไม่สิ ต้องบอกว่าฮู้ดขาดลงต่างหาก
“อย่างนี้นี่เอง”ชายสวมโค้ทเอ่ยออกมา
ผมสีดำยาวระต้นคอที่ไร้การปรุงแต่งจนกระเซิง ดวงตาสีดำสนิทที่บ่งบอกว่าเป็นคนเอเชีย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหมองแต่กลับไร้อารมณ์ ท่าทางที่เหมือนกับจะไม่ใส่ใจแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามฆ่าเขา แต่บรรยากาศรอบตัวมันไม่น่าเข้าใกล้สักนิด
พอรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครชายสวมโค้ทไม่รอช้าวิ่งเข้าหาอีกรอบ แต่ในซอยเล็กๆไม่มีที่ให้หลบ ชายหนุ่มผมสีดำย่อตัวลงก่อนจะวิ่งเข้าใส่เช่นกัน ดาบโลหะสีเงินที่ฟันใส่ในแนวขวางแต่ความยาวของมันทำให้ไปโดนกำแพงที่อยู่รอบๆ น่าแปลกที่จากโจมตีของมันคราวนี้กลับรุนแรงจนกำแพงแตกเป็นทางยาว เสียงเสียดสีที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่ และไม่น่าจะใช่พลังของมนุษย์ที่ฟันกำแพงแตกเป็นทางยาว
ชายผมดำกระโดดลอยเหนือทางดาบของมันก่อนจะใช้เท้ากระแทกลงไปที่ตรงกลางของตัวดาบจนหักสะบั้นลงทันทีได้ยินเสียงแตกหักอย่างชัดเจน ชายสวมโค้ทเห็นท่าไม่ดีรีบกระโดดถอยออกมาพลางมองดาบของตัวเองที่โดนทำลายลงอย่างง่ายดาย
การเคลื่อนไหวต่อเนื่องของเขาที่ใช้เท้ายันกำแพงก่อนจะส่งตัวลอยข้ามหัวชายสวมโค้ท ทันทีที่เท้าสัมผัสกับพื้นทำเอาอีกฝ่ายไม่กล้าขยับตัว ชายหนุ่มผมสีดำที่ตอนนี้มาอยู่ข้างหลังและด้วยพื้นที่นี่แคบทำให้ขยับตัวไม่คล่อง ถ้าทำอะไรผิดสังเกตเพียงนิดเดียวอาจจะโดนอะไรก็ได้
ถ้าเกิดขยับตัวคิดว่าโดนสังหารแน่ๆ…ถึงอยู่เฉยๆก็คงไม่ต่างกัน
“ไหนๆฉันก็จะตายแล้ว ขอถามอะไรได้ไหม”ชายสวมโค้ทพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบทั้งที่พูดถึงความตายของตัวเองแท้ๆ
“ว่า…”
“ทำไมถึงยืนมองเผ่าพันธุ์เดียวตายไปต่อหน้าต่อตาละ ทั้งที่จะเข้ามาช่วยก็ทำได้ พวกปิศาจไม่มีหัวใจขนาดขนาดนี้เชียวหรือ”ชายสวมโค้ทถามพลางเหลือบตามองกลับมา แถมยังเรียกอีกฝ่ายว่าปิศาจซึ่งมาความหายยังไงยังไงกันแน่ ชายหนุ่มหรี่ตาลง
“เพื่ออะไร”น้ำเสียงราบเรียบพูดออกมา
“งั้นเหรอ แสดงว่าข่าวลือคงเป็นความจริงสินะ ที่หันหลังให้กับโลกของตัวเอง”
“….”คราวนี้เขาไม่ตอบกลับมา
“ทั้งที่เป็นฮีโร่ของโลก…”
ฉับ!
ชายสวมโค้ทพูดไม่ทันจบร่างกายก็กระตุกอย่างรุนแรงสองครั้ง ก่อนจะล้มลงกระแทกพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดที่กระฉูดออกมาผสมกับเลือดของชายคนนั้นที่ตายไปก่อนหน้า ตรงบริเวณลำคอที่ตอนนี้ไร้ศีรษะกลิ้งอยู่กับพื้น ใบหน้าของมันที่สงบนิ่งทั้งที่โดนฆ่าตายไป
ตอนนี้ในมือของชายหนุ่มผมสีดำที่ถืออะไรบางอย่าง ดาบสีดำสองเล่มมีความยาวต่างกันเล็กน้อย ตัวดาบดัดโค้งเรียวบาง แม้ว่าใบดาบจะบางเฉียบแต่ดูแข็งแกร่งทนทาน เลือดสีแดงที่เข้มกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์กระเด็นมาโดนตามตัว เขาอุ้งมือปาดเลือดที่เลอะหน้าแทนที่จะออกแต่กลับเลอะยิ่งกว่าเดิม
ตอนนี้เลยดูน่ากลัว..
แม้ว่าเพิ่งจะสังหารสิ่งที่คล้ายมนุษย์ไปต่อหน้าต่อตาแต่สีหน้าก็ยังคงเรียบเฉย พอมองไปรอบๆก็พบกับภาพชวนอ้วกไม่น้อย แต่ดวงตาสีดำที่มองภาพเหล่านั้นเหมือนกับชินชาหรือไม่ก็หัวใจของเขาด้านชาไปแล้วจนไม่รู้สึกอะไร พอเห็นว่าไม่มีอะไรขาทั้งสองข้างก็ก้าวไปข้างหน้าต่อทันที
ก้าวแรกที่ข้ามศีรษะของชายสวมโค้ทและร่างกายของมัน
ก้าวต่อไปที่ข้ามศีรษะของชายคนนั้นและร่างกายที่ไร้วิญญาณ
ถ้าเป็นคนธรรมดาคงวิ่งหนีภาพตรงหน้าไปแล้ว แต่เขายังคงปกติไม่แสดงท่าทางออกมา
โลก…มันเกิดอะไรขึ้น
อย่างที่รู้กันว่าโลกเต็มไปด้วยความลับต่างๆมากมายที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ สถานที่ต่างๆตามตำนานต่างๆก็ยังไม่ค้นพบมีแต่เพียงการเล่าขานและอาจจะปรุงแต่งจนเกินความจริงไปบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงตำนานก็ยังเรียกความสนใจได้ไม่น้อย อยากจะรู้ว่ามันมีจริงๆไหม
แต่ตอนนี้มีความลับอย่างหนึ่งที่เปิดเผยออกมา…พร้อมกับหายนะ
ประเทศต่างๆที่อยู่ในโลกตอนนี้กำลังวุ่นวาย กองกำลังทหารป้องกันตนเองต่างๆที่งัดเอาอาวุธหรือเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงออกมาเพื่อต่อกรกับสิ่งที่เรียกว่า..อากอส
การปรากฏตัวของพวกมันครั้งแรกก็คงราวๆหนึ่งเดือนที่แล้ว ที่ปรากฏตัวพร้อมกับสร้างหายนะสะเทือนขวัญทันทีและปรากฏตัวครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครย่านใจกลางเมือง
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12,478 คน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน กองกำลังทหารหรือแม้แต่กองกำลังตำรวจที่เข้าไปยับยั้งเหตุการณ์ ตอนแรกก็ยังไม่รู้หรอกว่ากำลังสู้กับอะไรไม่คาดคิดว่าจะเจอกับสิ่งมีชีวิตที่เหนือมนุษย์ พอรู้ตัวอีกทีก็สูญเสียมากขนาดนี้…หลังจากนั้นโลกที่เคยสงบสุข(มั้ง)ต้องมาทำการปกป้องมวลมนุษย์ชาติ แต่เหตุการณ์มันบานปลายขั้นเรื่อยๆ ความรุนแรงที่ปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนที่ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง เกิดความวุ่นวายจนรัฐบาลต้องหาทางแก้ไข
โลก…ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สร้างฮีโร่ คนเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดยั้งอากอสได้ เขาที่มีพลังเหนือมนุษย์ ผู้คนที่ต่างชื่นชมในความสามารถจนฝากความหวังให้เขาเป็นผู้กู้โลก
กู้โลก…เป็นคำที่ฟังแล้วตื่นเต้นไม่น้อย
ฮีโร่ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นมาตั้งแต่เด็ก…จนในที่สุดก็ได้เป็น
ชายหนุ่มผมสีดำที่ตอนนี้เดินออกมาจากซอยแคบๆ ไม่มีเสียงกรีดร้องให้ปวดหูอีกแล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีใครเปล่งเสียงออกมาได้อีกแล้ว ผู้คนที่ตอนนี้กลายเป็นซากศพนอนระเนระนาดอยู่บนพื้นถนน ไร้มีร้องร่อยของชีวิต บ้านเมืองที่มีแต่ความเสียหาย บางจุดเกิดไฟไหม้
ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาก่อนจะเดินเรียบไปตามถนน ดวงตาที่มองไปข้างหน้าไม่สนใจสภาพรอบๆตัวตอนนี้ เขามองอะไรอยู่ มองไปยังที่ไหนที่ไกลแสนไกล กลิ่นเหม็นไหม้จากซากศพที่คลุ้งอย่างน่าสะอิดสะเอียน บางคนที่ยังไม่ตายก็ส่งเสียงร้องความช่วยเหลือ
แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจเผ่าพันธุ์เดียวกัน…
ฮีโร่…งั้นเหรอ
- โลก -
ความคิดเห็น