ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนิงฮวา ชายาเจ้าสำราญ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 66







     

    ??”?แจกฟรีเจ้าค่ะ! ช้อยสุ่มแจกฟรีให้กับคนที่ช่วยแชร์เป็นสาธารณะ + ไลค์ (ต้องทำทั้งสองอย่างเท่านั้นนะเจ้าคะ) จำนวน 2 รางวัล (แจกไม่เยอะนะเจ้าคะ งบน้อย????) เมื่อทำครบแล้ว มาคอมเมนต์ปักหมุดไว้ใต้โพสต์นี้ได้เลยเจ้าค่ะ เมื่อถึงวันประกาศผล ช้อยจะคอมเมนต์หาเจ้าค่ะ

    ร่วมกิจกรรมได้ที่เพจ https://www.facebook.com/eshoi1992/

    ??‘?เปิดจอง 15/06/66 - 15/07/66 (จัดส่งหลังปิดจอง 7 วัน)

    สั่งซื้อ http://eshoi-books.lnwshop.com/p/9 รายละเอยดอื่นๆ อ่านในรูปได้เลยเจ้าค่ะ

    กราบรอบทิศเจ้าค่ะ

    “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือหนิงฮวา!”

    ฮุ่ยเหมยตวาดกร้าวขณะที่เดินไปหลบอยู่หลังนางกำนัลทั้งหลาย ชื่อที่ได้ยินจากปากของหญิงนางนั้นช่างฟังดูไม่คุ้นเอาเสียเหลือ

    ใครกันคือหนิงฮวา?

    หนิงฮวาขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันด้วยข้องใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้นางกำลังขับรถยนต์คันหรูด้วยความเร็วสูงเพื่อไปหาหมิงยู่ที่คอนโดฯ แต่กลับมีรถอีกคันพุ่งข้ามเลนมา...

    “จริงด้วย อุบัติเหตุ!”

    ฮุ่ยเหมยตกใจกับปฏิกิริยาจากหนิงฮวาเป็นอย่างมาก เมื่อจู่ๆ ร่างบอบบางนั้นก็ตะเบ็งเสียงขึ้นมา นางกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยนึกว่าตนอาจอยู่ที่โรงพยาบาล

    “ทะ...ที่นี่ที่ไหน”

    หนิงฮวาเอ่ยถามออกไปพลางมองไปทั่วด้วยความไม่คุ้นเคย แม้กระทั่งเสื้อผ้าหน้าผมของผู้คนที่นี่ก็ยังดูแปลกตาสำหรับนาง

    “เจ้าพูดอะไรกัน ที่นี่ก็ตำหนักของข้าอย่างไรเล่า”

    ฮุ่ยเหมยเอ่ยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เรียกสายตาคมกริบน่ากลัวจากหนิงฮวาให้ตวัดไปมองนางได้

    “ตำหนักอะไร คนที่พูดไม่รู้เรื่องคือพวกแกต่างหาก บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าที่นี่ที่ไหน ถ้าไม่บอกล่ะโดนดีแน่!”

    นางเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อนางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาแล้วง้างมือขึ้นหมายจะตบตีให้หนำใจหากคนเหล่านี้ไม่ยอมบอกความจริงแก่นาง

    “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือหนิงฮวา! เจ้าจะทำอะไร”

    ร่างสูงหากแต่ผอมบางของฮุ่ยเหมยตะโกนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิมราวกับต้องการจะเรียกสติอีกฝ่าย หนิงฮวาชะงักค้างพลางคิดบ้างอย่างในใจ

    ‘ทำไมคนที่นี่พูดจาแปลกกันจัง ทำอย่างกับยุคจีนโบราณอย่างนั้นแหละ’

    นางยังคงไม่เข้าใจ ก่อนที่สายคมจะตวัดมองฮุ่ยเหมอีกครั้ง หนิงฮวาปล่อยนาวกำนัลที่นางข่มขู่อยู่ออกด้วยการผลักเต็มแรงก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกฮุ่ยเหมยให้เข้ามาหา

    “มานี่ซิ...”

    “จะ...เจ้าว่าอย่างไรนะ”

    “ฉันบอกให้เธอมานี่ซิ หูหนวกหรือไง!”

    เมื่อถูกตวาดเสียงกร้าวแบบนั้นอีกครั้งนางก็เริ่มจะหวาดกลัวอย่างจริงจัง ฮุ่ยเหมยยอมเดินออกมาจากการหลบอยู่ด้านหลังของบ่าวรับใช้ทั้งหลายเข้ามาทางหนิงฮวา

    “นะ...หนิงฮวา เจ้าคิดจะทำอะไร”

    หมับ!

    หนิงฮวาไม่ได้ตอบเป็นคำพูด หากแต่กระชากคอเสื้อของฮุ่ยเหมยเต็มแรงแล้วลากเข้าไปที่ถังไม้สำหรับใช้อาบน้ำ ภายในบรรจุน้ำเอาไว้เต็มโรยซ้ำด้วยกลีบดอกไม้แสนหอม นางใช้ขาเตะเข้าที่ข้อพับของอีกฝ่ายจนทรุดลงไปกับพื้น มือเล็กเปลี่ยนมาจิกผมของฮุ่ยเหมยไว้แทน

    “ตอบคำถามฉันมา ถ้าตอบไม่ดี ฉันจะจับเธอกดน้ำ”

    หนิงฮวาก้มลงไปกระซิบใกล้หูนางเพื่อข่มขู่ คนถูกขู่ตาโตด้วยความตกใจ

    “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือหนิงฮวา! ข้าคือฮุ่ยเหมยนะ ข้าจะฟ้องท่านพี่!”

    “ท่านพี่? ใครวะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอพูดอะไร แต่ถ้ายังโกหกไม่เลิก เธอได้ไปเฝ้ายมบาลแน่ๆ ตอบมา! ที่นี่ที่ไหน!”

    แรงจิกทึ้งที่ศีรษะของฮุ่ยเหมยรุนแรงขึ้น นางกำนัลต่างพากันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบเข้ามาห้ามปรามเป็นการใหญ่

    “พระชายาเพคะ ทรงใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ปล่อยองค์หญิงก่อนเถอะนะเพคะ”

    หนิงฮวาเบนสายตาหันไปหานางกำนัลแทนด้วยคำพูดที่พวกนางใช้เรียกช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน

    “พระชายา? องค์หญิงเหรอ?”

    “เพคะ อย่าทรงทำเช่นนี้เลย หากองค์รัชทายาทมาพบเข้าจะแย่เอานะเพคะ”

    “ฉันไม่รู้นะว่าพวกเธอหมายถึงอะไร แต่หยุดพูดจาแปลกๆ แกล้งอะไรไม่เข้าท่าได้แล้ว ฉันไม่ตลกด้วยหรอก รถของฉันอยู่ไหน แล้วที่นี่ที่ไหน มือถือล่ะ ไปเอามือถือมา ฉันจะโทรตามหมิงยู่ จะได้รู้สักทีว่าที่นี่มันคือที่ไหน!”

    นางแบมือข้างหนึ่งมาตรงหน้าของนางกำนัลเพื่อรอรับมือถือ ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้างุนงงไม่รู้ว่าพระชายาต้องการสิ่งใด

    “นะ...นี่เพคะ...มือ...เอ่อ...แต่จะให้หม่อมฉันช่วยถืออันใดหรือเพคะ”

    นางกำนัลวางมือของตนลงบนมือของหนิงฮวาพลางยิ้มแห้งๆ และมองหาว่าพระชายาต้องการจะให้ช่วยถือสิ่งใดแต่ก็ไม่พบ หนิงฮวารีบสะบัดมืออีกฝ่ายออก

    “ไม่ใช่โว้ย! ฉันหมายถึงโทรศัพท์ โทรศัพท์น่ะโทรศัพท์!”

    “โท...กษัตริย์? พระชายาทรงหมายถึงฮ่องเต้ใช่หรือไม่เพคะ”

    “โอ๊ยย จะบ้าตาย คนที่นี่มันเป็นอะไรกันไปหมดล่ะเนี่ย พูดไม่รู้เรื่องสักคน”

    หนิงฮวาเริ่มหัวเสีย สีหน้าและสายตาของผู้คนที่นี่ไม่ได้บ่งบอกถึงการโกหกหรือกำลังแสดงละครอยู่เลย ทุกคนดูกำลังงุนงงและหวาดกลัวในการกระทำของนางจริงๆ

    “แก! แกนั่นแหละบอกมา ว่าที่นี่คือที่ไหน!”

    กลับไปให้ความสนใจกับฮุ่ยเหมยตามเดิม หนิงฮวากดศีรษะของนางให้ต่ำลงอีกจนปลายจมูกแตะกับผิวน้ำในถัง ฮุ่ยเหมยตกใจแทบสิ้นชีพ นางดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดจากการถูกข่มขู่นี้

    “ปล่อยข้านะหนิงฮวา เจ้าเป็นบ้าไปแล้ว!”

    “ฉันไม่ได้บ้า พวกเธอนั่นแหละบ้า เลิกพูดภาษาโบราณแบบนี้สักทีแล้วบอกมาว่าที่นี่ที่ไหน!”

    “บอกไปแล้วนี่ว่าคือตำหนักของข้า”

    ฮุ่ยเหมยยืนยันคำเดิม นางไม่ได้พูดปดแต่อย่างใด สิ่งที่น่ากลัวและน่าสงสัยที่สุดในเวลานี้คือการกระทำของหนิงฮวาต่างหาก หรือเป็นเพราะเมื่อครู่ที่นางถูกฮุ่ยเหมยผลักเต็มแรงจนล้มลงศีรษะกระแทกพื้นจนสลบไปหลายชั่วยามกัน พอฟื้นขึ้นมาอีกคราจึงได้มีพฤติกรรมที่แปลกไปเช่นนี้

    “ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่เลิกพูดเรื่องตำหนักบ้าบออะไรนี่ ก็ลงไปดำน้ำเล่นในนี้ซะ!”

    นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่หนิงฮวาตั้งใจจะทำมันจริงๆ นางกดศรีษะของฮุ่ยเหมยจนจมลงไปในน้ำรอบหนึ่งก่อนจะดึงกลับขึ้นมาอีกครั้ง

    “ฉันไม่ได้ขู่นะ ฉันเอาจริง”

    “แฮ่ก...แฮ่ก เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหนิงฮวา! ข้าจะกราบทูลฮ่องเต้ให้ตัดหัวเจ้า!”

    “ตัดหัวเหรอ? โอเค ได้! ไหนๆ ก็จะถูกตัดหัวแล้ว งั้นฉันฆ่าเธอตรงนี้เลยก็แล้วกัน!”

    “กรี๊ด อย่านะเพคะพระชายา”

    นางกำนัลพากันวิ่งวุ่นเข้ามาห้ามจ้าละหวั่น ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในวังหลวงมาก่อน หรือถ้าจะพูดให้ถูก...หนิงฮวาไม่เคยแสดงกิริยาก้าวร้าวและต่อต้านหรือเอาคืนผู้ใดก็ตามที่ทำกบนางเช่นนี้มาก่อนเลย!

    “องค์รัชทายาทเสด็จแล้ว”

    เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านนอกตำหนัก เรียกความสนใจจากผู้คนภายในให้หันไปมองผู้เยือน ร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์งดงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเดินเข้ามา นางกำนัลทั้งหลายพากันนั่งคุกเข่าก้มหัวลงตื้นกับพื้น เหลือเพียงหนิงฮวาเท่านั้นที่พยายามเพ่งมองบุรุษที่เดินเข้ามา

    “เจ้าทำอะไรกันหนิงฮวา”

    “ท่านพี่ ท่านพี่ช่วยน้องด้วยเพคะ หนิงฮวาจะฆ่าน้อง”

    “หุบปากไปเลยนะยัยบ้า! คนที่กำลังจะทำร้ายฉันมันคือเธอต่างหาก”

    นางหมายถึงตอนที่สติกลับมาเต็มที่และพบว่าฮุ่ยเหมยกำลังจะลงมือทำร้ายนางในตอนนั้น บุรุษผู้ถูกเรียกว่า ‘องค์รัชทายาท’ เดินเข้ามาประชิดตัวหนิงฮวาและฮุ่ยเหมยด้วยความรวดเร็วก่อนจะดึงมือบอบบางของนางออกจากเส้นผมของร่างเล็กที่กำลังตัวสั่นพร่าด้วยความกลัว

    “ปล่อยฮุ่ยเหมยแล้วมากับข้า”

    “แกเป็นใคร ยุ่งอะไร...!”

    สิ่งที่ต้องการจะพูดมลายหายไปหมด หนิงฮวาเบิกตากว้างมองบุรุษตกหน้าด้วยความตกใจสุดขีด ก่อนที่ความตกใจนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจที่ได้พบ

    “หมิงยู่! ฉันว่าแล้วว่านายต้องมารับฉัน”

    หมับ!

    หนิงฮวากระโดดกอดบุรุษที่นางคิดเอาเองว่าคือ ‘หมิงยู่’ ไว้นั้น ก่อนจะใช้สองมือประคองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายไว้แล้วระดมหอมแก้มซ้ายทีขวาที

    “นี่แน่ะ นี่แน่ะ ถือว่าฉันให้เป็นรางวัลที่นายมารับฉันไปจากที่แปลกๆ นี่ก็แล้วกันนะ”

    ทุกสายตาต่างตกตะลึงในการกระทำของนาง แต่พอถูกสายตาเยือกเย็นของบุรุษผู้นี้ตวัดมองเข้า ทุกคนก็พากันก้มมองไปยังพื้นห้องแทน

    “ไปกับข้า”

    “อื้อ ไปสิๆๆ ไปกัน”

    หนิงฮวาตอบรับด้วยความดีใจก่อนจะจับมือเขาเอาไว้แล้วประสานนิ้วของตนเองเข้าไปอย่างแนบแน่น องค์รัชทายาทก้มมองมือของตนเองด้วยแววตานิ่งเฉยพลางเอ่ยออกมา

    “นานมากแล้วสินะ”

    “หือ นายว่าอะไรนะ”

    หนิงฮวาที่ได้ยินไม่ถนัดหันมาถามเขา หากแต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ จริงอยู่ว่าบุรุษผู้นี้คือหมิงยู่ไม่ผิดแน่ เพราะทั้งคิ้ว ดวงตา จมูก และปาก มันคือเขาไม่ผิดแน่ ทว่าทำไมการแต่งกายและการพูดจาจึงแปลกประหลาดไปจากเดิมนัก เรื่องนี้หนิงฮวายังนึกติดใจอยู่

    ทั้งสองพากันเดินออกมาจากตำแหน่ง มาได้เพียงเล็กน้อย สายตาของหนิงฮวาก็ไปหยุดอยู่ที่บางสิ่ง นางชะงัก...และปล่อยมือออกจากเขาก่อนจะยกนิ้วชี้ชี้ไปยังเบื้องหน้า

    “นะ....นะ...นั่นมัน...”

    “ตกใจอันใดกัน ทำราวกับไม่เคยเห็นวังหลวงมาก่อน

    “วังหลวง?!”

    ความคิดในสมองกำลังประมวลอย่างหนัก จริงอยู่ว่าเธออาจจะไม่ได้ตั้งใจเรียนวิชาประวัติศาสตร์จีนเท่าไหร่นัก แต่หากความจำของนางไม่ได้ผิดเพี้ยน ตรงหน้านางในตอนนี้คือวังหลวงที่ควรจะเหลือแต่ซากไปแล้ว นางเคยเห็นในหนังสือเรียนที่มีการทำภาพจำลองวังหลวงหากยังมีอยู่ในปัจจุบันจากซาปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ รูปร่างของภาพจำลองนั้นเหมือนที่นางกำลังเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ผิด!

    “เดี๋ยวก่อนนะ ต้องมีอะไรแปลกๆ แน่”

    “ใช่ แปลก เจ้านั่นแหละที่แปลก คำพูดคำจาก็แปลกไป”

    “คนที่แปลกมันคือนายไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้ใช้คำพูดโบราณๆ แบบยัยพวกนั้นอย่างนี้ล่ะหมิงยู่”

    “หมิงยู่?” ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะไม่รู้จัก “คือใครกัน”

    คำถามที่ร่างสูงเอ่ยถามกลับสร้างความตกใจให้แก่หนิงฮวาอย่างถึงที่สุด เธอใช้สองมือจับแขนเขาเอาไว้แล้วก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

    “หมิงยู่ นายตั้งสตินะ แล้วบอกทีว่าฉันคือใคร”

    นางมองเขาด้วยความลุ้นระทึก ได้แต่ภาวนาในหัวใจขอให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันหรือมีการกลั่นแกล้งเท่านั้น

    “เจ้าคือ...”

    “...”

    “หนิงฮวา ชายาของข้า”

    ตุ้บ...

    ร่างบอบบางของหนิงฮวาทิ้งตัวลงกับพื้นด้วยความหมดแรง เธอสั่นศีรษะไปมาด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยามนี้ช่างเหมือนความฝันมิใช่ความจริง

    “นี่ฉัน....”

    “เจ้าเป็นอะไรหรือ”

    “ฉันหลุดมาในยุคจีนโบราณจริงๆ เหรอ”

    นางเงยหน้าถามเขา ที่แม้ทุกอย่างจะเหมือนหมิงยู่ราวกับฝาแฝดแต่ก็มิใช่เขา เส้นผมที่ยาวขนาดนั้นไม่ใช่สไตล์ของชายหนุ่มที่นางกำลังคิดถึงเลยสักนิด

    “ฉัน...ฉันน่ะ...คือโรซี่ต่างหาก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×