ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอสกับถ้วยอัคนี

    ลำดับตอนที่ #7 : ถ้วยอัคนี

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 49


    ขอโทษน้าที่อัพช้า       เราเป็นคนเขียนช้า....ก็ช่วยอ่านช้าๆละกัน (เวรกรรม )
    ในที่สุดก็ได้เปิดตัวถ้วยซะที
    ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ทุกท่านนะคะ   เห็นแล้วก็มีกำลังใจแต่งต่อไป
    สำหรับฉากสวีท    เราไม่สันทัดเท่าไหร่    ฟิคนี้จะออกแนว วรรณกรรมเด็กมากกว่า
    อยากมีเหมือนกัน....  เดี๋ยวดูสถานการณ์ก่อน

    Chapter 7 ถ้วยอัคนี

    ภายในห้องโถงที่ปกติ แลดูกว้างขวางโปร่งสบายบัดนี้แน่นขนัดไปด้วยเหล่านักเรียนทั้งสองโรงเรียน ทว่าดูเหมือนฝั่งผู้มาเยือนจะกินพื้นที่น้อยกว่า คาดว่าคงเพราะไม่ได้มากันทั้งโรงเรียน

    เมื่อเข้ามาในนี้เสียงพูดคุยฟังดูก้องขึ้นมาทันที จากบริเวณหน้าห้องที่ๆเป็นที่ครู มือผอมของมหาปราชญ์แห่งเอดินเบิร์ก คว้าช้อนเงินจากบนโต๊ะแล้วเคาะลงกับแก้วน้ำ

    แก๊ง แก๊ง

    ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงคุยยังระงมต่อไป

    แก๊ง! แก๊ง!

    มหาปราชญ์ออกแรงมากขึ้น ทว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    เพล้ง !!

    ได้ผล ทุกเสียงหยุดลง ราวกับใครเสกคาถาดูดเสียง ความสนใจหันเหไปสู่หน้าห้องทันที

    โต๊ะยาวที่มีพวกอาจารย์ของเอดินเบิร์กนั่งอยู่ ได้รับการเลื่อนไปชิดฝั่งหนึ่งของยกพื้น มหาปราชญ์ซึ่งอยู่หัวโต๊ะเดินก้าวมาตรงกลาง หลังจากวางซากแก้วน้ำที่เหลือเพียงก้านกับเชิงบางใส ลงบนโต๊ะ ส่งสายตาแสดงความตำหนิชั่วครู่หนึ่งมาทางเอดินเบิร์ก แล้วกระแอม ก่อนเอ่ยอย่างเป็นทางการ

    “สวัสดีนักเรียนทุกคน และแขกผู้มาเยือนของเรา” อาจารย์ใหญ่อ้าแขนออกราวจะโอบกอดทุกในห้อง คงจะไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป ถ้าผมจะขอเหล่าอาจารย์จากโรงเรียน..เอ่อ ขอเรียกสั้นๆว่า ฮอกวอตส์แล้วกัน โปรดให้เกียรติขึ้นมาบนนี้ ให้นักเรียนของเราได้เห็นหน้ากันถนัด เชิญครับ” เขาผายมือไปทางด้านที่ว่างของเวทีอย่างเชื้อเชิญ

    เสียงปรบมือดังก้องขึ้น และบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมาก่อน ทำให้ฝั่งเอดินเบิร์กถึงกับอุทานเบาๆ

    “แม่เจ้าโว้ย ดูเค้าสิ” เสียงจากหัวขโมยแห่งป้อมอัศวิน “ทำไมหมือนกันอย่างนี้”

    เฟรินตบมือค้างขณะจ้องดูชายร่างสูงที่เดินอาดๆไปยืนเคียงข้างมหาปราชญ์ ดูจากลักษณะชายแก่คนนี้ คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเลโมธีแน่ และไม่เพียงแต่อายุที่เหมือนกัน ทั้งร่างผอมสูงโปรง กับเคราสีเงินยวงที่ยาวจดเอว ซ้ำท่าทางสงบ สุขุม แต่แฝงแววอบอุ่นยังสัมผัสได้จากทั้งสองคน คงมีเพียงแว่นตารูปจันทร์เสี้ยวของชายผู้มาเยือนเท่านั้นล่ะมั้งที่แตกต่าง

    “เอาแล้วไง เลโมธีเจอแฝดที่พลัดพราก” คำเย้าเบาๆของหัวขโมย เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจาก คิลและครี้ดที่อยู่ถัดไป แต่ก็ถูกถองเข้าที่ซี่โครงจากมาทิลด้าที่ยืนอีกด้านหนึ่ง

    ชายแก่ทั้งสองจับมือทักทาย และโอบกอดกันราวกับเพื่อนเก่า ขณะคนกลุ่มเล็ก กำลังเดินขึ้นมา ดูก็รู้ว่าเป็นพวกอาจารย์

    นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองทีละคน ตั้งแต่หญิงชราที่ยืนต่อจากฝาแฝดเลโมธี เธอดูแก่พอๆกัน สวมชุดเสื้อคลุมกำมะหยี่สีเขียวขาวลากพื้น หมวกทรงสูงมีขนนกสีม่วงเข้มปัก ถูกปัดให้เอียงเล็กน้อยบนหัว มวยผมมัดแน่เสริมให้ดูน่าเกรงขาม

    คนถัดมา ทำให้เฟรินนึกถึงโกโดม โคมุส เขาเป็นชายชราที่ตัวเล็กมาก จนแทบมองไม่เห็นเมื่อมองจากกลุ่มดูด้านล่าง

    ชายคนต่อมาไม่แก่มาก แต่ท่าทางไม่น่าคบ เขามีผิวซีดราวกับถูกดูดความสดใสในตัวไปหมด จมูกใหญ่งองุ้ม ผมและดวงตาสีดำสนิทยิ่งกว่าชุดคลุมยาวที่เขาใส่อยู่เสียอีก รวมๆแล้วคงไม่ใช่อาจารย์ที่น่าเรียนด้วยซักเท่าไหร่

    เฟรินสำรวจคนทั้งหมดเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย ที่ทำให้เขาต้องอุทานน้อยๆอีกครั้ง

    “โห” ชายคนสุดท้ายนั้น ดูไม่เหมือนอาจารย์แม้แต่น้อย คงเพราะร่างที่สูงใหญ่เกินเหตุ ราวๆ คนสองคนมาต่อกัน ทว่าท่าทางเขาดูใจดีอย่างประหลาด ด้วยนัยน์ตาสีดำเล็กๆ ส่องประกายภายใต้ ใบหน้าที่มีผมและเครายาวฟู ปกปิดรุงรังไปหมด

    ที่กลางเวทีเลโมธีกับเพื่อนของเขาทักทายกันเสร็จแล้ว มหาปราชญ์หันกลับมาก่อนเอ่ย

    “ขอแนะนำให้รู้จัก เขาคนนี้ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนฮออกวอตส์ ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนเสียงดังกว่าจากมาจากฝั่งออกวอตส์

    “เขาเป็นเพื่อนเก่าของฉันเอง เป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขณะนี้ ในโลกตะวันตก”

    “ไม่ขนาดนั้นหรอก เลโมธี” ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์เอ่ยอย่างถ่อมตัว “ท่านก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผมหรอก”

    ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ก้าวออกมาข้างหน้าขณะกล่าวทักทาย

    “สวัสดี ชาวเอเดนทั้งหลาย ก่อนอื่น เราต้องขอโทษสำหรับการมาอย่างกะทันหันเมื่อครู่” หลายคนส่งเสียงเห็นด้วย “ที่จริง เราตั้งใจจะมาอย่างเรียบร้อยและสะดวกกว่านี้ โดยใช้ผงฟลู แต่ไม่นึกว่า เอดินเบิร์กจะไม่มีเตาผิง” เสียงเห็นด้วยคราวนี้มาจากฮอกวอตส์

    มหาปราชญ์ออกแรงมากขึ้น ทว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

    เพล้ง !!

    ได้ผล ทุกเสียงหยุดลง ราวกับใครเสกคาถาดูดเสียง ความสนใจหันเหไปสู่หน้าห้องทันที

    โต๊ะยาวที่มีพวกอาจารย์ของเอดินเบิร์กนั่งอยู่ ได้รับการเลื่อนไปชิดฝั่งหนึ่งของยกพื้น มหาปราชญ์ซึ่งอยู่หัวโต๊ะเดินก้าวมาตรงกลาง หลังจากวางซากแก้วน้ำที่เหลือเพียงก้านกับเชิงบางใส ลงบนโต๊ะ ส่งสายตาแสดงความตำหนิชั่วครู่หนึ่งมาทางเอดินเบิร์ก แล้วกระแอม ก่อนเอ่ยอย่างเป็นทางการ

    “สวัสดีนักเรียนทุกคน และแขกผู้มาเยือนของเรา” อาจารย์ใหญ่อ้าแขนออกราวจะโอบกอดทุกในห้อง คงจะไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป ถ้าผมจะขอเหล่าอาจารย์จากโรงเรียน..เอ่อ ขอเรียกสั้นๆว่า ฮอกวอตส์แล้วกัน โปรดให้เกียรติขึ้นมาบนนี้ ให้นักเรียนของเราได้เห็นหน้ากันถนัด เชิญครับ” เขาผายมือไปทางด้านที่ว่างของเวทีอย่างเชื้อเชิญ

    เสียงปรบมือดังก้องขึ้น และบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมาก่อน ทำให้ฝั่งเอดินเบิร์กถึงกับอุทานเบาๆ

    “แม่เจ้าโว้ย ดูเค้าสิ” เสียงจากหัวขโมยแห่งป้อมอัศวิน “ทำไมหมือนกันอย่างนี้”

    เฟรินตบมือค้างขณะจ้องดูชายร่างสูงที่เดินอาดๆไปยืนเคียงข้างมหาปราชญ์ ดูจากลักษณะชายแก่คนนี้ คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเลโมธีแน่ และไม่เพียงแต่อายุที่เหมือนกัน ทั้งร่างผอมสูงโปรง กับเคราสีเงินยวงที่ยาวจดเอว ซ้ำท่าทางสงบ สุขุม แต่แฝงแววอบอุ่นยังสัมผัสได้จากทั้งสองคน คงมีเพียงแว่นตารูปจันทร์เสี้ยวของชายผู้มาเยือนเท่านั้นล่ะมั้งที่แตกต่าง

    “เอาแล้วไง เลโมธีเจอแฝดที่พลัดพราก” คำเย้าเบาๆของหัวขโมย เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจาก คิลและครี้ดที่อยู่ถัดไป แต่ก็ถูกถองเข้าที่ซี่โครงจากมาทิลด้าที่ยืนอีกด้านหนึ่ง

    ชายแก่ทั้งสองจับมือทักทาย และโอบกอดกันราวกับเพื่อนเก่า ขณะคนกลุ่มเล็ก กำลังเดินขึ้นมา ดูก็รู้ว่าเป็นพวกอาจารย์

    นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองทีละคน ตั้งแต่หญิงชราที่ยืนต่อจากฝาแฝดเลโมธี เธอดูแก่พอๆกัน สวมชุดเสื้อคลุมกำมะหยี่สีเขียวขาวลากพื้น หมวกทรงสูงมีขนนกสีม่วงเข้มปัก ถูกปัดให้เอียงเล็กน้อยบนหัว มวยผมมัดแน่เสริมให้ดูน่าเกรงขาม

    คนถัดมา ทำให้เฟรินนึกถึงโกโดม โคมุส เขาเป็นชายชราที่ตัวเล็กมาก จนแทบมองไม่เห็นเมื่อมองจากกลุ่มดูด้านล่าง

    ชายคนต่อมาไม่แก่มาก แต่ท่าทางไม่น่าคบ เขามีผิวซีดราวกับถูกดูดความสดใสในตัวไปหมด จมูกใหญ่งองุ้ม ผมและดวงตาสีดำสนิทยิ่งกว่าชุดคลุมยาวที่เขาใส่อยู่เสียอีก รวมๆแล้วคงไม่ใช่อาจารย์ที่น่าเรียนด้วยซักเท่าไหร่

    เฟรินสำรวจคนทั้งหมดเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย ที่ทำให้เขาต้องอุทานน้อยๆอีกครั้ง

    “โห” ชายคนสุดท้ายนั้น ดูไม่เหมือนอาจารย์แม้แต่น้อย คงเพราะร่างที่สูงใหญ่เกินเหตุ ราวๆ คนสองคนมาต่อกัน ทว่าท่าทางเขาดูใจดีอย่างประหลาด ด้วยนัยน์ตาสีดำเล็กๆ ส่องประกายภายใต้ ใบหน้าที่มีผมและเครายาวฟู ปกปิดรุงรังไปหมด

    ที่กลางเวทีเลโมธีกับเพื่อนของเขาทักทายกันเสร็จแล้ว มหาปราชญ์หันกลับมาก่อนเอ่ย

    “ขอแนะนำให้รู้จัก เขาคนนี้ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนฮออกวอตส์ ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนเสียงดังกว่าจากมาจากฝั่งออกวอตส์

    “เขาเป็นเพื่อนเก่าของฉันเอง เป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขณะนี้ ในโลกตะวันตก”

    “ไม่ขนาดนั้นหรอก เลโมธี” ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์เอ่ยอย่างถ่อมตัว “ท่านก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผมหรอก”

    ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ก้าวออกมาข้างหน้าขณะกล่าวทักทาย

    “สวัสดี ชาวเอเดนทั้งหลาย ก่อนอื่น เราต้องขอโทษสำหรับการมาอย่างกะทันหันเมื่อครู่” หลายคนส่งเสียงเห็นด้วย “ที่จริง เราตั้งใจจะมาอย่างเรียบร้อยและสะดวกกว่านี้ โดยใช้ผงฟลู แต่ไม่นึกว่า เอดินเบิร์กจะไม่มีเตาผิง” เสียงเห็นด้วยคราวนี้มาจากฮอกวอตส์

    คงจะไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป ถ้าผมจะขอเหล่าอาจารย์จากโรงเรียน..เอ่อ ขอเรียกสั้นๆว่า ฮอกวอตส์แล้วกัน โปรดให้เกียรติขึ้นมาบนนี้ ให้นักเรียนของเราได้เห็นหน้ากันถนัด เชิญครับ” เขาผายมือไปทางด้านที่ว่างของเวทีอย่างเชื้อเชิญ

    เสียงปรบมือดังก้องขึ้น และบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมาก่อน ทำให้ฝั่งเอดินเบิร์กถึงกับอุทานเบาๆ

    “แม่เจ้าโว้ย ดูเค้าสิ” เสียงจากหัวขโมยแห่งป้อมอัศวิน “ทำไมหมือนกันอย่างนี้”

    เฟรินตบมือค้างขณะจ้องดูชายร่างสูงที่เดินอาดๆไปยืนเคียงข้างมหาปราชญ์ ดูจากลักษณะชายแก่คนนี้ คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเลโมธีแน่ และไม่เพียงแต่อายุที่เหมือนกัน ทั้งร่างผอมสูงโปรง กับเคราสีเงินยวงที่ยาวจดเอว ซ้ำท่าทางสงบ สุขุม แต่แฝงแววอบอุ่นยังสัมผัสได้จากทั้งสองคน คงมีเพียงแว่นตารูปจันทร์เสี้ยวของชายผู้มาเยือนเท่านั้นล่ะมั้งที่แตกต่าง

    “เอาแล้วไง เลโมธีเจอแฝดที่พลัดพราก” คำเย้าเบาๆของหัวขโมย เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจาก คิลและครี้ดที่อยู่ถัดไป แต่ก็ถูกถองเข้าที่ซี่โครงจากมาทิลด้าที่ยืนอีกด้านหนึ่ง

    ชายแก่ทั้งสองจับมือทักทาย และโอบกอดกันราวกับเพื่อนเก่า ขณะคนกลุ่มเล็ก กำลังเดินขึ้นมา ดูก็รู้ว่าเป็นพวกอาจารย์

    นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองทีละคน ตั้งแต่หญิงชราที่ยืนต่อจากฝาแฝดเลโมธี เธอดูแก่พอๆกัน สวมชุดเสื้อคลุมกำมะหยี่สีเขียวขาวลากพื้น หมวกทรงสูงมีขนนกสีม่วงเข้มปัก ถูกปัดให้เอียงเล็กน้อยบนหัว มวยผมมัดแน่เสริมให้ดูน่าเกรงขาม

    คนถัดมา ทำให้เฟรินนึกถึงโกโดม โคมุส เขาเป็นชายชราที่ตัวเล็กมาก จนแทบมองไม่เห็นเมื่อมองจากกลุ่มดูด้านล่าง

    ชายคนต่อมาไม่แก่มาก แต่ท่าทางไม่น่าคบ เขามีผิวซีดราวกับถูกดูดความสดใสในตัวไปหมด จมูกใหญ่งองุ้ม ผมและดวงตาสีดำสนิทยิ่งกว่าชุดคลุมยาวที่เขาใส่อยู่เสียอีก รวมๆแล้วคงไม่ใช่อาจารย์ที่น่าเรียนด้วยซักเท่าไหร่

    เฟรินสำรวจคนทั้งหมดเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย ที่ทำให้เขาต้องอุทานน้อยๆอีกครั้ง

    “โห” ชายคนสุดท้ายนั้น ดูไม่เหมือนอาจารย์แม้แต่น้อย คงเพราะร่างที่สูงใหญ่เกินเหตุ ราวๆ คนสองคนมาต่อกัน ทว่าท่าทางเขาดูใจดีอย่างประหลาด ด้วยนัยน์ตาสีดำเล็กๆ ส่องประกายภายใต้ ใบหน้าที่มีผมและเครายาวฟู ปกปิดรุงรังไปหมด

    ที่กลางเวทีเลโมธีกับเพื่อนของเขาทักทายกันเสร็จแล้ว มหาปราชญ์หันกลับมาก่อนเอ่ย

    “ขอแนะนำให้รู้จัก เขาคนนี้ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนฮออกวอตส์ ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนเสียงดังกว่าจากมาจากฝั่งออกวอตส์

    “เขาเป็นเพื่อนเก่าของฉันเอง เป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขณะนี้ ในโลกตะวันตก”

    “ไม่ขนาดนั้นหรอก เลโมธี” ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์เอ่ยอย่างถ่อมตัว “ท่านก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผมหรอก”

    ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ก้าวออกมาข้างหน้าขณะกล่าวทักทาย

    “สวัสดี ชาวเอเดนทั้งหลาย ก่อนอื่น เราต้องขอโทษสำหรับการมาอย่างกะทันหันเมื่อครู่” หลายคนส่งเสียงเห็นด้วย “ที่จริง เราตั้งใจจะมาอย่างเรียบร้อยและสะดวกกว่านี้ โดยใช้ผงฟลู แต่ไม่นึกว่า เอดินเบิร์กจะไม่มีเตาผิง” เสียงเห็นด้วยคราวนี้มาจากฮอกวอตส์

    ผงฟลู คืออะไร”

    เฟรินได้ยิน เดท ไฟเออร์ นักรบแห่งซาเรส ถามขึ้นลอยๆ และก็ได้คำตอบในทันทีจากผู้รู้มากหนึ่งเดียวแห่งป้อมอัศวิน แต่เธอไม่สนใจฟังต่อ เมื่อการปราศรัยบนเวทียังดำเนินต่อไป

    และก่อนที่เราจะเริ่มพิธีเปิดการประลอง ฉันขอแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนทราบ”

    ไม่มีใครในห้องส่งเสียงอะไรอีก ทุกความสนใจพุ่งไปยัง จอมขมังเวทย์บนเวทีอย่างใจดใจจ่อ

    “ ฉันเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกว่า เพื่อนเราอีกหนึ่งโรงเรียน คงไม่มีโอกาสได้มาร่วมแข่งด้วย”ศาสตราจารย์ ดัมเบิลดอร์หยุดครู่หนึ่ง เสียงเซ็งแซ่ดังขรม ก่อนเงียบลงอีกครั้งเมื่อเขากล่าวต่อด้วยท่าทีสงบเช่นเดิม

    “เนื่องจาก การต่อสู้อันยาวนาน และลำบากยากเข็ญภายในหมู่บ้าน บัดนี้จบลงด้วยการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ กับการจากไปของโฮคาเงะ ชายผู้เป็นประมุขของหมู่บ้าน อย่างไม่มีวันหวนกลับ” เสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงบุคคลนั้น ดูท่าทางเขาเสียใจมากทีเดียว แม้แต่เลโมธีก็ดูเศร้าไม่แพ้กัน

    “ฉะนั้น ฉันขอให้ทุกคน ร่วมกันยืนไว้อาลัย ให้กับการจากไปของมหาบุรุษผู้นี้ด้วย”

    ความเงียบเข้าครอบงำอย่างเชื่องช้า มือทุกคู่ประสานไว้ข้างหน้านิ่งอย่างเชื่อฟัง แม้จะไม่รู้จักชายที่ถูกกล่าวถึงดีนัก ใบหน้าทุกใบหน้าก้มสงบนิ่ง พร้อมเพรียงราวหนึ่งนาทีเต็ม

    +++++++++++++++++++++

    ผงฟลู คืออะไร”

    เฟรินได้ยิน เดท ไฟเออร์ นักรบแห่งซาเรส ถามขึ้นลอยๆ และก็ได้คำตอบในทันทีจากผู้รู้มากหนึ่งเดียวแห่งป้อมอัศวิน แต่เธอไม่สนใจฟังต่อ เมื่อการปราศรัยบนเวทียังดำเนินต่อไป

    และก่อนที่เราจะเริ่มพิธีเปิดการประลอง ฉันขอแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนทราบ”

    ไม่มีใครในห้องส่งเสียงอะไรอีก ทุกความสนใจพุ่งไปยัง จอมขมังเวทย์บนเวทีอย่างใจดใจจ่อ

    “ ฉันเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกว่า เพื่อนเราอีกหนึ่งโรงเรียน คงไม่มีโอกาสได้มาร่วมแข่งด้วย”ศาสตราจารย์ ดัมเบิลดอร์หยุดครู่หนึ่ง เสียงเซ็งแซ่ดังขรม ก่อนเงียบลงอีกครั้งเมื่อเขากล่าวต่อด้วยท่าทีสงบเช่นเดิม

    “เนื่องจาก การต่อสู้อันยาวนาน และลำบากยากเข็ญภายในหมู่บ้าน บัดนี้จบลงด้วยการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ กับการจากไปของโฮคาเงะ ชายผู้เป็นประมุขของหมู่บ้าน อย่างไม่มีวันหวนกลับ” เสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงบุคคลนั้น ดูท่าทางเขาเสียใจมากทีเดียว แม้แต่เลโมธีก็ดูเศร้าไม่แพ้กัน

    “ฉะนั้น ฉันขอให้ทุกคน ร่วมกันยืนไว้อาลัย ให้กับการจากไปของมหาบุรุษผู้นี้ด้วย”

    ความเงียบเข้าครอบงำอย่างเชื่องช้า มือทุกคู่ประสานไว้ข้างหน้านิ่งอย่างเชื่อฟัง แม้จะไม่รู้จักชายที่ถูกกล่าวถึงดีนัก ใบหน้าทุกใบหน้าก้มสงบนิ่ง พร้อมเพรียงราวหนึ่งนาทีเต็ม

    +++++++++++++++++++++

    และก่อนที่เราจะเริ่มพิธีเปิดการประลอง ฉันขอแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนทราบ”

    ไม่มีใครในห้องส่งเสียงอะไรอีก ทุกความสนใจพุ่งไปยัง จอมขมังเวทย์บนเวทีอย่างใจดใจจ่อ

    “ ฉันเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกว่า เพื่อนเราอีกหนึ่งโรงเรียน คงไม่มีโอกาสได้มาร่วมแข่งด้วย”ศาสตราจารย์ ดัมเบิลดอร์หยุดครู่หนึ่ง เสียงเซ็งแซ่ดังขรม ก่อนเงียบลงอีกครั้งเมื่อเขากล่าวต่อด้วยท่าทีสงบเช่นเดิม

    “เนื่องจาก การต่อสู้อันยาวนาน และลำบากยากเข็ญภายในหมู่บ้าน บัดนี้จบลงด้วยการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ กับการจากไปของโฮคาเงะ ชายผู้เป็นประมุขของหมู่บ้าน อย่างไม่มีวันหวนกลับ” เสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงบุคคลนั้น ดูท่าทางเขาเสียใจมากทีเดียว แม้แต่เลโมธีก็ดูเศร้าไม่แพ้กัน

    “ฉะนั้น ฉันขอให้ทุกคน ร่วมกันยืนไว้อาลัย ให้กับการจากไปของมหาบุรุษผู้นี้ด้วย”

    ความเงียบเข้าครอบงำอย่างเชื่องช้า มือทุกคู่ประสานไว้ข้างหน้านิ่งอย่างเชื่อฟัง แม้จะไม่รู้จักชายที่ถูกกล่าวถึงดีนัก ใบหน้าทุกใบหน้าก้มสงบนิ่ง พร้อมเพรียงราวหนึ่งนาทีเต็ม

    +++++++++++++++++++++

    ณ มุมหนึ่งในปราสาทเอดินเบิร์ก ไม่ห่างจากห้องที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของเหล่ายอดฝีมืออย่างแน่นหนา ร่างดำทะมึนก้าวอย่างแผ่วเบาไปตามทางเดินหินโบราณที่ถูกสร้างมากว่าพันจนถึงบัดนี้ ภายใต้แสงไฟจากคบเพลิงบนผนัง ต้องใบหน้าเสี้ยวหนึ่งที่ฉาบด้วยรอยยิ้ม

    โรงเรียนที่สามสละสิทธิ์งั้นรึ.....

    สองโรงเรียนนี่ก็ต้องปะทะกันเองสินะ

    การประลองเวทไตรภาคี ที่เหลือเพียง การประลองเวททวิภาคี

    ร่างนั้นหยุดขณะชำเลืองลอดระหว่างช่องหน้าต่าง ลงไปยังงานพิธีสำคัญเบื้องล่าง

    น่าสนุกดีนี่....

    นัยน์ตาลึกลับ กวาดมองไปยังกลุ่มคนล้นหลามในห้องโถงข้างล่าง แล้วก็พบกับร่างผมสีน้ำตาล ที่ยังคงเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน

    ....จริงมั๊ย เฟริน เดอเบอโรว์ ไม่สิ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปรินเซส ออฟ เดมอส

    ณ มุมหนึ่งในปราสาทเอดินเบิร์ก ไม่ห่างจากห้องที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของเหล่ายอดฝีมืออย่างแน่นหนา ร่างดำทะมึนก้าวอย่างแผ่วเบาไปตามทางเดินหินโบราณที่ถูกสร้างมากว่าพันจนถึงบัดนี้ ภายใต้แสงไฟจากคบเพลิงบนผนัง ต้องใบหน้าเสี้ยวหนึ่งที่ฉาบด้วยรอยยิ้ม

    โรงเรียนที่สามสละสิทธิ์งั้นรึ.....

    สองโรงเรียนนี่ก็ต้องปะทะกันเองสินะ

    การประลองเวทไตรภาคี ที่เหลือเพียง การประลองเวททวิภาคี

    ร่างนั้นหยุดขณะชำเลืองลอดระหว่างช่องหน้าต่าง ลงไปยังงานพิธีสำคัญเบื้องล่าง

    น่าสนุกดีนี่....

    นัยน์ตาลึกลับ กวาดมองไปยังกลุ่มคนล้นหลามในห้องโถงข้างล่าง แล้วก็พบกับร่างผมสีน้ำตาล ที่ยังคงเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน

    ....จริงมั๊ย เฟริน เดอเบอโรว์ ไม่สิ เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปรินเซส ออฟ เดมอส

    +++++++++++

    เฟริน เดอเบอโรว์ สะดุ้งเล็กน้อย แต่พอให้คนข้างๆสังเกตจนต้องเอ่ยถาม

    “มีอะไร เฟริน” คิลกระซิบ

    คนถูกถามไม่ทันได้ตอบ เพราะการไว้อาลัยจบสิ้นลงแล้ว เธอจึงมีโอกาสเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ทว่าไม่พบอะไร

    “ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกเสียวๆ หลังคอ” เฟรินพูด นัยน์ตาสีน้ำตาลยังคงกวาดไปรอบๆ อย่างหวังจะเห็นต้นเหตุ “เหมือนโดนจ้อง... ช่างเหอะไม่มีอะไรหรอก”

    บนเวทีมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

    “เอาล่ะ เริ่มพิธีต่อไปของเราเลยดีกว่า” มหาปราชญ์เลโมธีเอ่ยขึ้น ก่อนยกมือขึ้น กล่าวพึมพำสั้นๆ ทันใดนั้น อากาศตรงกึ่งกลางเวทีราวกับภาพในน้ำที่ถูกตีกวน ช่องว่างอากาศสั่นไหว แล้วพร่าเลือน อึดใจต่อมากล่องสี่เหลี่ยมทรงสูงก็ปรากฏขึ้นแทน มันเป็นเหมือนตู้ผอมๆ ทำด้วยทองเหลืองประดับด้วยพลอยเม็ดเป้ง ที่ยั่วต่อมน้ำลายอย่างดีของหัวขโมยเก่านามเฟริน

    เมื่อมหาปราชญ์ทำการเรียกของเสร็จ เฟรินเห็นพวกนักเรียนชั้นปีสูง ที่มีหน้าที่คุ้มกันของสำคัญที่เรียกว่า ถ้วยอัคนี เดินแถวเข้ามาภายในห้องโถง แล้วไปยืนประจำการรอบๆเวที และทางเข้า อย่างเป็นระเบียบและพยายามไม่ให้เป็นเป้าสายตามากนัก

    หนึ่งในนั้นมีเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด เดอะพรินซ์ ออฟ เจมิไนรวมอยู่ด้วย แวบหนึ่งเธอเห็นเขาเก็บบางอย่างสีเงินๆจากพื้น แล้วรีบซุกเข้ากระเป๋าเสื้อโดยเร็ว

    อะไรน่ะ ....ขวดเหรอนั่น

    ความสงสัยมีเพียงชั่วแวบ เมื่อเสียงเพื่อนข้างๆพูดขึ้น

    “ในนั้นต้องเป็นถ้วยอัคนีแน่ๆ” คิลหมายถึงตู้ปริศนาที่อยู่บนเวที ที่ตอนนี้พ่อมดจากต่างแดนเป็นผู้รับหน้าที่ต่อ เขาใช้ไม้กายสิทธิ์แท่งบาง แตะเบาๆลงด้านบนของของตู้ วินาทีต่อมา ฝาทุกด้านของตู้เปิดออก แล้วพับร่นลงมา เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน สิ่งที่เฝ้าดูการแข่งขันอันยิ่งใหญ่มานับพันปี

    ถ้วยอัคนี

    ห๊า! นั่นน่ะรึ คือถ้วยอัคนี

    สมบัติล้ำค่าที่ปรากฏให้เห็น ช่างต่างกับอิมเมจในใจเสียจริง

    มันเป็นเพียงถ้วยทรงกระบอกมีเชิง ทำจากไม้หยาบๆ ดูเก่าและโทรม ไม่ต่างจากเครื่องครัวเกรดต่ำที่ถูกใช้งานมานับแรมปี หากมีเพียงเปลวไฟสีฟ้าที่ลุกโชนจากปากถ้วยเท่านั้นล่ะมั้ง ที่ยังบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งถ้วยใบนี้

    ถ้วยอัคนี!

    นี่หรือคือถ้วยอัคนีที่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ทั่วโลกพากันปกป้องนักหนา

    ปัดโธ่! ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นถ้วยทองฝังเพชรเม็ดเป้งๆ ซะอีก

    ท่ามกลางบรรยากาศอันชวนให้ใจเต้นแรง มหาปราชญ์แห่งเอดินเบริ์ก กล่าวอย่างสุขุม

    “บัดนี้ ...การประลองเวทไตรภาคีได้เริ่มขึ้นแล้ว” คำเอ่ยที่ทำให้ความตื่นเต้นฝังตัวลึกลงไปอีก เลโมธีทิ้งช่วงหันไปรับแผ่นกระดาษปึกหนึ่งจาก ลอเรนซ์ ดอร์น ที่ยื่นมาให้อย่างรู้หน้าที่ ก่อนพูดต่อ

    “เราต้องคัดเลือก ‘ตัวแทน’ จากแต่ละโรงเรียน เพื่อเข้าแข่งขัน พิชิตด่านทั้งสาม ซึ่งเราจะยังไม่บอกตอนนี้” คำอธิบายที่ทำให้เฟรินถึงกับครวญ

    “โหย คนสมัครมีเป็นร้อย เอาแค่คนเดียว จะมีหวังมั๊ย”

    มิน่าพวกมาทิลด้า ไม่รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลงชื่อ ก็เพราะอย่างนี้

    แล้วตอนนี้” เลโมธีพูด “รายชื่อผู้ที่จะรับเลือก เป็นตัวแทน ทั้งหมดอยู่ในมือฉันแล้ว

    ตัวแทน จะถูกคัดเลือกโดยถ้วยอัคนีอันศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ ชื่อทั้งหมดจะถูกหย่อนลงไป ที่จริงต้องให้พวกเธอเป็นคนหย่อนด้วยตัวเอง แต่เพื่อเป็นการร่นเวลา และไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทางฮอกวอตส์เอง ก็เห็นด้วย และได้ส่งชื่อมาด้วยเช่นกัน”

    แม่มดชราข้างๆดัมเบิลดอร์ ส่งแผ่นกระดาษเหมือนกันให้เขา

    “และก่อนที่เราจะหย่อนรายชื่อทั้งหมดนี้ลงไป ฉันขอถามอะไร พวกเธออีกสักหน่อย” มหาปราชญ์เงียบ กวาดมองทะเลใบหน้าข้างล่าง ซึ่งทำให้ทุกคนยิ่งเงียบตาม

    “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเธอจะขอถอนตัวได้ ฉันอยากจะเตือนนิดหน่อย เผื่อพวกเธออยากรู้ แต่ละด่านนั้น น่ากลัวและอันตรายมาก แน่นอนว่าเรามีการป้องกัน โดยให้กินน้ำยาประคองชีวิตก่อน แต่ก็อย่างว่าแหละ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้” ชายชรากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ แต่ชวนให้ตระหนักในคำพูด นักเรียนต่างจมดิ่งในห้วงคิด

    ขืนยกก็โดนหาว่า ป๊อด ดิ

    ความคิดในใจที่ให้เฟรินยิ้มน้อยๆ ไม่ใช่ว่าไม่กลัว แต่รู้แน่ๆว่าคงไม่ได้ติดเข้าไป ก็เล่นเอาแค่คนเดียว ยังไงก็คงเป็นได้แค่คนดู

    “มีการตายในระหว่างการแข่ง เกิดขึ้นทุกครั้งเลยนะ” คำไซโคต่อมาเรียกเสียงเฮือกเบาๆ หากยังนิ่งกันต่อราวกับยอมรับ

    “เอาล่ะ” เลโมธีพูดขึ้นในที่สุด “สรุปคือ ไม่มีการถอนตัวใช่มั๊ย งั้นฉันกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ จะหย่อนชื่อลงไปเป็นการเปิดงานเลยนะ”

    พยักให้กันนิดนึง แล้วสองเกลอก็วางกระดาษที่ถูกม้วนเล็กน้อยในมือ ลงไปในถ้วยท่ามกลางไฟสีฟ้าที่ลุกขึ้นมาลามเลียกระดาษทั้งสอง

    “ชื่อตัวแทนจะถูกประกาศหลังจากสองวันนี้ไป” เปลวไฟในถ้วยกลับสู่สภาพเดิม กระดาษหายไปจากสายตาแล้ว “ ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าวันไหน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการตัดสินใจของถ้วยเอง

    แต่ก่อนที่จะปล่อยพวกเธอไปพัก ฉันขอพูดอีกเรื่อง เรื่องนี้คงอยู่ในความสนใจพวกเธออยู่แน่ ฉันพูดถึงงานเลี้ยงเต้นรำประเพณี เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน เราจะมีขึ้นหลังจากแข่งรอบสองเสร็จแล้ว และเพื่อให้ตรงตามจุดประสงค์ ฉันอยากให้พวกเธอไม่ชวนคู่เต้นจากโรงเรียนตัวเอง”

    เสียงโอดโอยดังระงม ที่เบาลงเมื่อเลโมธีพูดต่อ

    “เป็นที่รู้ว่า โรงเรียนพระราชาเรามีจำนวนมากกว่า แต่ยังไงก็ขอให้ทำตามที่บอกก่อนด้วย” เขาหันไปพยักหน้านิดนึงให้ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ก่อนเอ่ยเป็นการปิดท้าย

    “พิธีเรา ก็จบแค่นี้ ขอให้สนุกกับการรอผลนะ”



    ขยะในมือท่าน....ลงถังเถอะครับ
    คอมเมนท์ในใจท่าน.....  ลงบอร์ดเถอะค่ะ

    เฟริน เดอเบอโรว์ สะดุ้งเล็กน้อย แต่พอให้คนข้างๆสังเกตจนต้องเอ่ยถาม

    “มีอะไร เฟริน” คิลกระซิบ

    คนถูกถามไม่ทันได้ตอบ เพราะการไว้อาลัยจบสิ้นลงแล้ว เธอจึงมีโอกาสเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ทว่าไม่พบอะไร

    “ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกเสียวๆ หลังคอ” เฟรินพูด นัยน์ตาสีน้ำตาลยังคงกวาดไปรอบๆ อย่างหวังจะเห็นต้นเหตุ “เหมือนโดนจ้อง... ช่างเหอะไม่มีอะไรหรอก”

    บนเวทีมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

    “เอาล่ะ เริ่มพิธีต่อไปของเราเลยดีกว่า” มหาปราชญ์เลโมธีเอ่ยขึ้น ก่อนยกมือขึ้น กล่าวพึมพำสั้นๆ ทันใดนั้น อากาศตรงกึ่งกลางเวทีราวกับภาพในน้ำที่ถูกตีกวน ช่องว่างอากาศสั่นไหว แล้วพร่าเลือน อึดใจต่อมากล่องสี่เหลี่ยมทรงสูงก็ปรากฏขึ้นแทน มันเป็นเหมือนตู้ผอมๆ ทำด้วยทองเหลืองประดับด้วยพลอยเม็ดเป้ง ที่ยั่วต่อมน้ำลายอย่างดีของหัวขโมยเก่านามเฟริน

    เมื่อมหาปราชญ์ทำการเรียกของเสร็จ เฟรินเห็นพวกนักเรียนชั้นปีสูง ที่มีหน้าที่คุ้มกันของสำคัญที่เรียกว่า ถ้วยอัคนี เดินแถวเข้ามาภายในห้องโถง แล้วไปยืนประจำการรอบๆเวที และทางเข้า อย่างเป็นระเบียบและพยายามไม่ให้เป็นเป้าสายตามากนัก

    หนึ่งในนั้นมีเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด เดอะพรินซ์ ออฟ เจมิไนรวมอยู่ด้วย แวบหนึ่งเธอเห็นเขาเก็บบางอย่างสีเงินๆจากพื้น แล้วรีบซุกเข้ากระเป๋าเสื้อโดยเร็ว

    อะไรน่ะ ....ขวดเหรอนั่น

    ความสงสัยมีเพียงชั่วแวบ เมื่อเสียงเพื่อนข้างๆพูดขึ้น

    “ในนั้นต้องเป็นถ้วยอัคนีแน่ๆ” คิลหมายถึงตู้ปริศนาที่อยู่บนเวที ที่ตอนนี้พ่อมดจากต่างแดนเป็นผู้รับหน้าที่ต่อ เขาใช้ไม้กายสิทธิ์แท่งบาง แตะเบาๆลงด้านบนของของตู้ วินาทีต่อมา ฝาทุกด้านของตู้เปิดออก แล้วพับร่นลงมา เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน สิ่งที่เฝ้าดูการแข่งขันอันยิ่งใหญ่มานับพันปี

    ถ้วยอัคนี

    ห๊า! นั่นน่ะรึ คือถ้วยอัคนี

    สมบัติล้ำค่าที่ปรากฏให้เห็น ช่างต่างกับอิมเมจในใจเสียจริง

    มันเป็นเพียงถ้วยทรงกระบอกมีเชิง ทำจากไม้หยาบๆ ดูเก่าและโทรม ไม่ต่างจากเครื่องครัวเกรดต่ำที่ถูกใช้งานมานับแรมปี หากมีเพียงเปลวไฟสีฟ้าที่ลุกโชนจากปากถ้วยเท่านั้นล่ะมั้ง ที่ยังบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งถ้วยใบนี้

    ถ้วยอัคนี!

    นี่หรือคือถ้วยอัคนีที่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ทั่วโลกพากันปกป้องนักหนา

    ปัดโธ่! ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นถ้วยทองฝังเพชรเม็ดเป้งๆ ซะอีก

    ท่ามกลางบรรยากาศอันชวนให้ใจเต้นแรง มหาปราชญ์แห่งเอดินเบริ์ก กล่าวอย่างสุขุม

    “บัดนี้ ...การประลองเวทไตรภาคีได้เริ่มขึ้นแล้ว” คำเอ่ยที่ทำให้ความตื่นเต้นฝังตัวลึกลงไปอีก เลโมธีทิ้งช่วงหันไปรับแผ่นกระดาษปึกหนึ่งจาก ลอเรนซ์ ดอร์น ที่ยื่นมาให้อย่างรู้หน้าที่ ก่อนพูดต่อ

    “เราต้องคัดเลือก ‘ตัวแทน’ จากแต่ละโรงเรียน เพื่อเข้าแข่งขัน พิชิตด่านทั้งสาม ซึ่งเราจะยังไม่บอกตอนนี้” คำอธิบายที่ทำให้เฟรินถึงกับครวญ

    “โหย คนสมัครมีเป็นร้อย เอาแค่คนเดียว จะมีหวังมั๊ย”

    มิน่าพวกมาทิลด้า ไม่รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลงชื่อ ก็เพราะอย่างนี้

    แล้วตอนนี้” เลโมธีพูด “รายชื่อผู้ที่จะรับเลือก เป็นตัวแทน ทั้งหมดอยู่ในมือฉันแล้ว

    ตัวแทน จะถูกคัดเลือกโดยถ้วยอัคนีอันศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ ชื่อทั้งหมดจะถูกหย่อนลงไป ที่จริงต้องให้พวกเธอเป็นคนหย่อนด้วยตัวเอง แต่เพื่อเป็นการร่นเวลา และไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทางฮอกวอตส์เอง ก็เห็นด้วย และได้ส่งชื่อมาด้วยเช่นกัน”

    แม่มดชราข้างๆดัมเบิลดอร์ ส่งแผ่นกระดาษเหมือนกันให้เขา

    “และก่อนที่เราจะหย่อนรายชื่อทั้งหมดนี้ลงไป ฉันขอถามอะไร พวกเธออีกสักหน่อย” มหาปราชญ์เงียบ กวาดมองทะเลใบหน้าข้างล่าง ซึ่งทำให้ทุกคนยิ่งเงียบตาม

    “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเธอจะขอถอนตัวได้ ฉันอยากจะเตือนนิดหน่อย เผื่อพวกเธออยากรู้ แต่ละด่านนั้น น่ากลัวและอันตรายมาก แน่นอนว่าเรามีการป้องกัน โดยให้กินน้ำยาประคองชีวิตก่อน แต่ก็อย่างว่าแหละ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้” ชายชรากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ แต่ชวนให้ตระหนักในคำพูด นักเรียนต่างจมดิ่งในห้วงคิด

    ขืนยกก็โดนหาว่า ป๊อด ดิ

    ความคิดในใจที่ให้เฟรินยิ้มน้อยๆ ไม่ใช่ว่าไม่กลัว แต่รู้แน่ๆว่าคงไม่ได้ติดเข้าไป ก็เล่นเอาแค่คนเดียว ยังไงก็คงเป็นได้แค่คนดู

    “มีการตายในระหว่างการแข่ง เกิดขึ้นทุกครั้งเลยนะ” คำไซโคต่อมาเรียกเสียงเฮือกเบาๆ หากยังนิ่งกันต่อราวกับยอมรับ

    “เอาล่ะ” เลโมธีพูดขึ้นในที่สุด “สรุปคือ ไม่มีการถอนตัวใช่มั๊ย งั้นฉันกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ จะหย่อนชื่อลงไปเป็นการเปิดงานเลยนะ”

    พยักให้กันนิดนึง แล้วสองเกลอก็วางกระดาษที่ถูกม้วนเล็กน้อยในมือ ลงไปในถ้วยท่ามกลางไฟสีฟ้าที่ลุกขึ้นมาลามเลียกระดาษทั้งสอง

    “ชื่อตัวแทนจะถูกประกาศหลังจากสองวันนี้ไป” เปลวไฟในถ้วยกลับสู่สภาพเดิม กระดาษหายไปจากสายตาแล้ว “ ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าวันไหน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการตัดสินใจของถ้วยเอง

    แต่ก่อนที่จะปล่อยพวกเธอไปพัก ฉันขอพูดอีกเรื่อง เรื่องนี้คงอยู่ในความสนใจพวกเธออยู่แน่ ฉันพูดถึงงานเลี้ยงเต้นรำประเพณี เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน เราจะมีขึ้นหลังจากแข่งรอบสองเสร็จแล้ว และเพื่อให้ตรงตามจุดประสงค์ ฉันอยากให้พวกเธอไม่ชวนคู่เต้นจากโรงเรียนตัวเอง”

    เสียงโอดโอยดังระงม ที่เบาลงเมื่อเลโมธีพูดต่อ

    “เป็นที่รู้ว่า โรงเรียนพระราชาเรามีจำนวนมากกว่า แต่ยังไงก็ขอให้ทำตามที่บอกก่อนด้วย” เขาหันไปพยักหน้านิดนึงให้ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ก่อนเอ่ยเป็นการปิดท้าย

    “พิธีเรา ก็จบแค่นี้ ขอให้สนุกกับการรอผลนะ”



    ขยะในมือท่าน....ลงถังเถอะครับ
    คอมเมนท์ในใจท่าน.....  ลงบอร์ดเถอะค่ะ

    แล้วตอนนี้” เลโมธีพูด “รายชื่อผู้ที่จะรับเลือก เป็นตัวแทน ทั้งหมดอยู่ในมือฉันแล้ว

    ตัวแทน จะถูกคัดเลือกโดยถ้วยอัคนีอันศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ ชื่อทั้งหมดจะถูกหย่อนลงไป ที่จริงต้องให้พวกเธอเป็นคนหย่อนด้วยตัวเอง แต่เพื่อเป็นการร่นเวลา และไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งทางฮอกวอตส์เอง ก็เห็นด้วย และได้ส่งชื่อมาด้วยเช่นกัน”

    แม่มดชราข้างๆดัมเบิลดอร์ ส่งแผ่นกระดาษเหมือนกันให้เขา

    “และก่อนที่เราจะหย่อนรายชื่อทั้งหมดนี้ลงไป ฉันขอถามอะไร พวกเธออีกสักหน่อย” มหาปราชญ์เงียบ กวาดมองทะเลใบหน้าข้างล่าง ซึ่งทำให้ทุกคนยิ่งเงียบตาม

    “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเธอจะขอถอนตัวได้ ฉันอยากจะเตือนนิดหน่อย เผื่อพวกเธออยากรู้ แต่ละด่านนั้น น่ากลัวและอันตรายมาก แน่นอนว่าเรามีการป้องกัน โดยให้กินน้ำยาประคองชีวิตก่อน แต่ก็อย่างว่าแหละ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้” ชายชรากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ แต่ชวนให้ตระหนักในคำพูด นักเรียนต่างจมดิ่งในห้วงคิด

    ขืนยกก็โดนหาว่า ป๊อด ดิ

    ความคิดในใจที่ให้เฟรินยิ้มน้อยๆ ไม่ใช่ว่าไม่กลัว แต่รู้แน่ๆว่าคงไม่ได้ติดเข้าไป ก็เล่นเอาแค่คนเดียว ยังไงก็คงเป็นได้แค่คนดู

    “มีการตายในระหว่างการแข่ง เกิดขึ้นทุกครั้งเลยนะ” คำไซโคต่อมาเรียกเสียงเฮือกเบาๆ หากยังนิ่งกันต่อราวกับยอมรับ

    “เอาล่ะ” เลโมธีพูดขึ้นในที่สุด “สรุปคือ ไม่มีการถอนตัวใช่มั๊ย งั้นฉันกับศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ จะหย่อนชื่อลงไปเป็นการเปิดงานเลยนะ”

    พยักให้กันนิดนึง แล้วสองเกลอก็วางกระดาษที่ถูกม้วนเล็กน้อยในมือ ลงไปในถ้วยท่ามกลางไฟสีฟ้าที่ลุกขึ้นมาลามเลียกระดาษทั้งสอง

    “ชื่อตัวแทนจะถูกประกาศหลังจากสองวันนี้ไป” เปลวไฟในถ้วยกลับสู่สภาพเดิม กระดาษหายไปจากสายตาแล้ว “ ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าวันไหน ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการตัดสินใจของถ้วยเอง

    แต่ก่อนที่จะปล่อยพวกเธอไปพัก ฉันขอพูดอีกเรื่อง เรื่องนี้คงอยู่ในความสนใจพวกเธออยู่แน่ ฉันพูดถึงงานเลี้ยงเต้นรำประเพณี เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน เราจะมีขึ้นหลังจากแข่งรอบสองเสร็จแล้ว และเพื่อให้ตรงตามจุดประสงค์ ฉันอยากให้พวกเธอไม่ชวนคู่เต้นจากโรงเรียนตัวเอง”

    เสียงโอดโอยดังระงม ที่เบาลงเมื่อเลโมธีพูดต่อ

    “เป็นที่รู้ว่า โรงเรียนพระราชาเรามีจำนวนมากกว่า แต่ยังไงก็ขอให้ทำตามที่บอกก่อนด้วย” เขาหันไปพยักหน้านิดนึงให้ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ก่อนเอ่ยเป็นการปิดท้าย

    “พิธีเรา ก็จบแค่นี้ ขอให้สนุกกับการรอผลนะ”



    ขยะในมือท่าน....ลงถังเถอะครับ
    คอมเมนท์ในใจท่าน.....  ลงบอร์ดเถอะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×