ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอสกับถ้วยอัคนี

    ลำดับตอนที่ #6 : การมาถึงของฮอกวอตส์

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 49


    Chapter  6  การมาถึงของฮอกวอตส์  (ฮอกวอตส์มาแว้ว)

     

    อ๊ะ   ฝนลงเม็ดแล้ว

    เสียงเปรยจากนักฆ่าข้างๆ  เรียกนัยน์ตาสีน้ำตาลให้เงยขึ้นไปมองบนฟ้าพร้อมแบมือรองน้ำฝนเม็ดเล็กๆที่เริ่มโปรยปราย   เมฆเบื้องบนลอยต่ำและเป็นสีคล้ำอย่างน่าหวาดเสียวว่ามันคงจะเทซ่าลงมาในอีกไม่กี่วินาที   และถ้าเป็นเช่นนั้นคงแย่แน่เมื่อนักเรียนทุกคนในเอดินเบริ์ก   บัดนี้ออกมายืนเรียงแถวในชุดเครื่องแบบเต็มยศ   ที่บริเวณลานกว้างหน้าประตูใหญ่    เพื่อรอต้อนรับแขกคนสำคัญจากทั้งสองดินแดนไกล

                   

                    ทำไมต้องมาตกตอนนี้ด้วยนะ   คำบ่นจาก  คิลมัส ฟีลมัส  ให้คนข้างๆยิ้มก่อนเปรย

                    ไม่เคยได้ยินหรอ  ฝนมักจะตก  เวลามีงานสำคัญ  ที่จริงงานสำคัญก็ว่าสำคัญอยู่   แต่นี่ยืนรอมาตั้งเกือบชั่วโมงแล้ว  ความตื่นเต้นจึงถูกบดบังด้วยความเบื่อและอาการเมื่อย

     

                    ทันใดนั้นสิ่งที่เฟรินนึกหวาดก็เกิดขึ้น  เมื่อเม็ดฝนมหาศาล  เทซ่าลงมาอย่างไม่เกรงใจคนข้างล่าง  เสียงร้องบ่นดังขึ้นรอบด้าน   ก่อนจะถูกกลบแทรกด้วยเสียงประกาศ   ที่ดูเหมือนจะใช้เวทมนตร์ช่วย

                   

                    ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ  เสียงแหบๆแต่ฟังดูอบอุ่น  ไม่ต้องสงสัยว่า  ต้องเป็นมหาปราชญ์เลโมธีผู้ที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนพระราชา     อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  เพื่อนๆของเราก็จะมาถึง  อย่าให้การรอคอยต้องเสียเปล่า  ขอให้ทุกคนใช้เวทมนตร์ไม่ให้ตัวเองเปียกด้วย

     

                    ว่าจบ  ทุกก็ทำตาม   ทั้งที่ปากบางคนยังพร่ำบ่นอยู่  รวมถึง เฟริน เดอเบอโรว์   ผู้อยู่ในแถวป้อมอัศวินปีสาม   หากคำบ่นนั้นไม่ได้พูดถึงฝนฟ้า   เธอกำลังหาวิธีจัดการกับคฑาที่ที่เริ่มทรยศเธอต่างหาก

                    โธ่เอ๊ย! ไอ้คฑาบ้า   ฉัน..ไม่ใช่สิ  พ่อฉันซื้อแกมาแพงนะเฟ้ย  คำบ่นลอดไรฟันออกมาเพียงเบาๆ  เพื่อไม่ให้ใครได้ยิน   พลางเขย่าคฑาสองพันคราวน์    ที่ส่องแสงอย่างอ่อนแรง   ราวกับจะช่วยให้มันทำงานดีขึ้น  แต่ก็เปล่าประโยชน์

                   

                    แล้วเฟรินก็ไม่มีเวลาจัดการกับมันต่อ  เมื่อใครคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปบนฟ้า

                    เฮ้ย  นั่นมันอะไรน่ะ  

                    ทุกคนมองตาม  เฟรินหรี่ตาสู้กับเม็ดฝนที่พุ่งเข้ามา  แล้วก็อ้าปาก

     

                      มุมหนึ่งบนท้องฟ้า ฝั่งที่คิดว่าน่าจะเป็นตะวันตก   ปรากฏจุดดำๆเล็กๆมากมาย  ที่ดูไม่ออกว่ามันคืออะไรด้วยม่านหมอกแห่งสายฝน    จุดเหล่านั้นดูเหมือนจะพุ่งมาหาทางโรงเรียนพระราชา เพราะขนาดมันค่อยๆใหญ่ขึ้น  แล้วทุกคนเห็นชัดว่ามันคืออะไร

     

                    นกฮูกนี่!”  ความประหลาดใจแผ่ขยายไปทั่วใบหน้าชุ่มฝนของทุกคน

     

                    นกฮูกเป็นร้อยๆ ตัว มาทำอะไรที่นี่

     

                    ไม่มีคำตอบจากใครหรือนกฮูกตัวไหน  จนกระทั่งนกฮูกสีน้ำตาลดูแข็งแรง  ซึ่งบินอยู่หน้าสุด  ร่อนถลาอย่างสวยงาม  ลงไปหามหาปราชญ์เลโมธีที่ยื่นแขนผอมๆออกมาให้มันเกาะราวกับคุ้นเคย

                    ผู้เฒ่าปราชญ์กล่าวอะไรบางอย่าง  แต่คงจะเป็นคำทักทาย   แล้วเขาก็ใช้มือผอมแห้งอีกข้างยื่นมาปลดวัตถุอย่างหนึ่ง   ที่ผูกติดมากับขาข้างใดข้างหนึ่งของนก   ก่อนคลี่มันออก   มันคือจดหมายนั่นเอง

                    เขาใช้เวลาครู่หนึ่งอ่านมัน  แล้วรอยยิ้มบางๆก็เกิดขึ้นใต้เคราสีขาวที่โชกฝน  ก่อนประกาศ

                    บัดนี้  เพื่อนจากแดนไกลของเรา  ได้เดินทางมาถึงแล้ว  ขอให้ทุกคนให้การต้อนรับเหล่าอาจารย์และนักเรียน  จากโรงเรียนฮอกวอตส์ด้วย

     

                    ความเงียบเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มา   ไม่ใช่ด้วยความตื่นเต้น  แต่เป็นเพราะความสงสัย   สงสัยในความว่างเปล่าของบริเวณประตูใหญ่  ทั้งที่มหาปราชญ์ก็เพิ่งประกาศปาวๆว่ามาแล้ว   แต่ไฉนถึงไม่ปรากฏผู้ใดที่ทางเข้าเลย

                    อะไรของเขา

                    เพี้ยนรึเปล่า

                    แต่แล้ว   ดูเหมือนจะเป็นการแย้งข้อกล่าวหาในใจเฟริน  เมื่อจู่ๆ  วัตถุสีดำหล่นวูบฝ่าสายฝนลงมา  ตกตุ้บลงตรงหน้า  กัส โทนีย่า ซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกล  เหล่านักเรียนป้อมอัศวินพากันชะโงกหน้ามาดู   

                    แม้จะอยู่ห่างออกมาบวกกับฝนที่เทกระหน่ำรบกวนการมอง   แต่เฟรินก็พอดูออกว่ามันคืออะไร

                    เจ้าวัตถุลึกลับนั้น   เหมือนก้อนอะไรซักอย่างทำด้วยผ้า  ซึ่งขาดวิ่น  และมีสีทึมราวกับเพิ่งหลุดมากสมรภูมิรบ   และด้วยรูปร่างอย่างนั้นถ้าไม่มืดเกินไป  ก็มองว่ามันคือ  รองเท้าบูตข้างหนึ่ง

     

                    รองเท้าบูต?”  ใครคนหนึ่งพูดด้วยความสงสัย  ที่นานเข้าจะมีมากขึ้นทุกที   ไม่ใช่รองเท้าบูตนั้นเป็นของแปลก   หรือมีไข่มังกรซุกอยู่ในนั้น  แต่การที่รองเท้าบูตน่าสงสัย   โผล่ออกมาอย่างน่าสงสัยและไม่มีเหตุผล   ก็ชวนให้สงสัยถึงการมาอย่างไม่รู้เวล่ำเวลาของรองเท้าบูตข้างนี้

     

                    มาทำอะไรตรงนี้

                    อีกหนที่ไม่รู้ว่าใครถามและก็ไม่มีใครสนใจจะตอบ   เพราะคำตอบปรากฏให้เห็นเองอีกครั้ง   คราวนี้เรียกความโกลาหลให้เกิดทั่วบริเวณ

     

                    ด้วยการปรากฏแบบรองเท้าบูตเมื่อครู่   สิ่งของอื่นๆไม่ว่าจะเป็น ฝาหม้อ  กระเป๋า  ร่วงกระจายจากฟากฟ้า   จนเหล่านักเรียนต้องยกมือป้องกันหัวตัวเองไว้   แต่มันยังไม่หมดเท่านี้   บางสิ่งที่มีจำนวนมากกว่าและน่าประหลาดใจมากกว่ากำลังตามมา

     

                    ร่างของคนนับร้อยร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่มีที่มา  แถวที่เป็นระเบียบของหอต่างๆแตกฮือไม่มีชิ้นดี   ทุกคนต่างพยายามหลบไมให้โดนร่างที่หล่นลงมาทับเอา จนชนกันเองบ้างล้มทับกันเองบ้าง

                    บางคนยังพอมีสติ  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนชั้นปีสูงใช้ความสามารถตัวเองช่วยแขกผู้มาใหม่  ลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย     นักเรียนป้อมอัศวินปีสามบางคนก็ทำได้  ทว่าไม่นับหัวขโมยคนหนึ่งที่แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอด  ก็คฑาเจ้ากรรมยังไม่ยอมเชื่อฟัง  เธอจึงได้แต่เอามือกุมหัววิ่งไปวิ่งมา  ขณะคอยแหงนมองด้านบนเพื่อจะหลบได้ทัน

     

                    ตอนนี้ความโกลาหลเริ่มซาลงแล้ว  แต่ยังมีคนหล่นมาบ้างประปราย   นัยน์ตาสีน้ำตาลจึงมีโอกาสละจากท้องฟ้ามืดมัว  มองสำรวจไปรอบๆ   

                    เหล่าบุคคลที่ปรากฏตัวอย่างแปลกประหลาดล้วนใส่เสื้อผ้าที่ดูเหมือนกันหมด   เป็นผ้าคลุมสีดำสนิท  ตรงหน้าด้านหนึ่งปักอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นตราโรงเรียน   เฟรินเหลือบเห็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุด  มันมีอักษรใหญ่เขียนว่า H  ล้อมรอบโดยตัวกริฟฟิน  แบดเจอร์  นกอินทรี และงู

     

                    ตัว H ...  นี่คือโรงเรียนฮอกวอตส์ที่ว่าใช่มั๊ยเนี่ย

     

                    คำตอบในใจที่ไม่มีเวลายืนยันกับตัวเอง  เมื่อเสียงร้องหนึ่งดังขึ้นด้านบน  มันค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ  และโดยสัญชาตญาณ   เฟรินยื่นแขนออกมาเตรียมรับทว่า

                    พลั่ก!!

     

                มันคงเป็นภาพน่าประทับใจมาก  ที่ร่างของหญิงสาวแปลกหน้าร่วงลงสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม ( ซึ่ง

    เฟรินก็หวังให้เป็นเช่นนั้น) อย่างพอดิบพอดี  แต่เธอก็ต้องคิดว่า  มันงี่เง่าทั้งเพ   เมื่อร่างบางสองร่างทับกองกันอยู่บนพื้นสนามเปียกแฉะ  โดยมีร่างที่ออกจะเล็กกว่าหน่อยเสียด้วยซ้ำ  นอนพังพาบอยู่ด้านล่าง  ขณะนึกอย่างหัวเสีย

     

                    ทำอะไรของตูวะเนี่ย

     

    +++++++++++++++++

     

                   

                    น่ารัก

                เสียงร้องในใจดังขึ้นอย่างลืมความเจ็บปวด

                    ทำไมถึงน่ารักอย่างนี้

                    นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องค้างที่ใบหน้าหญิงสาวผู้มาใหม่  ที่กำลังใช้มือเรียวบางคลำหัวป้อยๆ    เธอมีผิวขาวละเอียด   ดวงตาสีดำที่แม้จะมีขนาดเล็ก  แต่สวยได้รูปและมีเสน่ห์อย่างประหลาด   ดวงหน้าเรียวรูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมยาวตรงเส้นเล็กละเอียดสะท้อนแสงเป็นประกายราวแพรไหม  ร่างของเธอยังทับอยู่บนตักของเฟริน  ทำให้หัวใจเต้นเกือบผิดจังหวะ

     

                    หลังจากได้สติคืนมา  คนมองถึงได้พยายามเอ่ยทัก

                    เอ่อ....  คำทักที่ดีที่สุดที่พูดได้ขณะนั้น

                    อ๊ะ  ขอโทษค่ะ  เธอพูดขัดขึ้นด้วยเสียงหวานน่าฟัง   ขณะแก้มขึ้นสีชมพูยิ่งดูน่ารักยิ่งขึ้น  จนคนทักก่อนเกือบค้างไปอีกรอบ   ยังพอมีสติแนะนำตัวเอง  ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร  แต่ช่วยไม่ได้  ในเมื่อหัวสมองคิดอะไรดีไปกว่านี้ไม่ได้

                    สวัสดีครับ  ผมชื่อเฟริน  เดอเบอโรว์  ยินดีที่ได้รู้จักครับ

     

                    คิ้วเรียวสีดำขมวดน้อยๆ   เมื่อได้ยิน  คำลงท้ายกับสรรพนามที่แนะนำตัวเอง   แต่ก็คลายออก  แล้วเผยอยิ้มน้อยขณะเอ่ย

                    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ   คุณเดอเบอโรว์  ฉันชื่อ..   การแนะนำตัวหยุดแค่นั้นเมื่อใครคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าเธอทั้งสอง

     

                    เป็นอะไรรึเปล่า  โชแชง   เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น   หญิงสาวบนตักเฟรินเบือนหน้าไปมองพลางยิ้ม   ขณะเขาคนนั้นประคองร่างเธอขึ้นอย่างทะนุถนอม   ดูเหมือนเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นเฟรินที่ตัวเล็กกว่า

     

                    เขามีใบหน้าผอมพอๆกับหุ่นของเขา   ผมสีดำสนิทเหมือนผมของสาวน้อยที่ถูกเรียกว่า โชแชง   เพียงแต่ของเขาชี้ตั้งดูไม่เป็นทรง  ราวกับมันเป็นอย่างนั้นของมันอยู่แล้วไม่ได้เกี่ยวกับการมาถึงอย่างดุเดือดเมื่อครู่   แว่นรูปวงกลมวางบนดั้งจมูกเรียวเล็ก  ไม่อาจบดบังดวงตาสีเขียวสดใส   ที่เป็นส่วนที่เจิดจ้าและดูดีที่สุดในตัวเขา   ชวนให้นึกถึง นายขอทาน  แห่งทริสทอร์

     

                    เราต้องรีบหน่อย   เค้าเรียกให้รวมด้วยกันแล้ว  เขาเอ่ยต่อ  ขณะโชแชง  ขึ้นมายืนอย่างมั่นคงแล้ว

     

                    ขอบใจจ๊ะ  แฮร์รี่   เธอกล่าวกับเขา   โดยไม่ลืมหันมาขอบคุณเฟริน ครั้งหนึ่ง   ก่อนหันหลังเดินตามแฮร์รี่ไป

     

     

     

     

     

                    เป็นอะไรรึเปล่า   เฟริน   เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง   ให้คนถูกเรียกต้องตื่นจากห้วงคิด   แล้วยังไม่ทันจะหันไปตอบ    มือใหญ่แข็งแรงก็คว้าต้นแขน   ก่อนออกแรงฉุดเธอขึ้นมาอย่างไม่สนใจสวัสดีภาพคนถูกฉุดเลย

                    เจ็บนะเฟ้ย   คาโล   ร่างเล็กกว่า ดื้อดึงขัดขืนอย่างไม่จริงจังนัก   รู้สึกได้ถึงสายพลังบางๆแล่นเข้าไปทั่วร่าง  เพื่อรักษาอาการใกล้จะเป็นไข้ของคนตากฝนจากอุ้งมืออบอุ่นของเจ้าชายแห่งคาโนวาล

                    ความจริงที่ทำให้แก้มนวลขึ้นสีเรื่อ

     

                    ฉันหายดีแล้วน่า  ปล่อยได้แล้ว คนถูกจับยังคงบ่นหงุงหงิง    เจ้าชายคนสำคัญจึงคลายมือออก   มั่นใจแล้วว่าเจ้าตัวดีตรงหน้าคงไม่เป็นอะไรง่ายๆ  ในเมื่อยังออกฤทธิ์ได้อยู่

     

                    ฉันเป็นหัวหน้า  ก็ต้องดูแลลูกน้องให้ดี   มันเป็นหน้าที่   คำเอ่ยเรียบๆจากหนึ่งในหัวหน้า  ให้คนเป็นลูกน้อง  ต้องหน้าขึ้นสี  จากความเขินกลายเป็นคุกรุ่น

                    เออ !!   ขอบคุณ...   ขอบคุณหลาย   ซึ้งมากเลย   เสียงโวยวายจากคนเป็นลูกน้อง   ขณะหัวหน้าคนสำคัญเดินไปช่วยคนอื่นๆต่อ

     

     

     

     

                    ตอนนี้  ลานกว้างที่ชุ่มฝน   เริ่มได้รับการจัดระเบียบ  จนดูดีขึ้นเล็กน้อย   แถวใหญ่ๆ สองแถว  ค่อยแยกออกจากกัน   จนดูออกแล้วว่าโรงเรียนไหนเป็นโรงเรียนไหน  สิ่งของเกลื่อนพื้นเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว  ดูเหมือนจะใช้เวทมนต์ช่วย

     

                    เฟรินเห็นแถวของพวกนักเรียนฮอกวอตส์  ออกเดินไปยังประตูปราสาทอย่างเงียบๆ   แม้บางคนจะซุบซิบกันบ้างเดินตัวเกร็งบ้างราวกับตื่นสถานที่

     

                    เฟรินหันไปถามเพื่อนด้านหลัง   อ้าว  แล้วอีกโรงเรียนล่ะ    แต่ก็ได้รับแต่เพียงสายตาที่แสดงว่า  ไม่รู้เหมือนกัน ส่งกลับมา   ขณะแถวขบวนของโรงเรียนพระราชาเริ่มเคลื่อนบ้าง

     

     





    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ

    1  คอมเมนท์ของท่าน  คือ ล้านกำลังใจของเรา (เหมือนสโลแกนอะไรซักอย่าง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×