ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคหัวขโมยแห่งบารามอสกับถ้วยอัคนี

    ลำดับตอนที่ #1 : การประชุมที่ยาวนาน

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 49


    Fic Ferin

    The Thief of Baramos  and the Goblet of fire

    ชื่อเรื่อง  : หัวขโมยแห่งบารามอสกับถ้วยอัคนี

    ประเภท  :  ผจญภัย ลึกลับ

    คู่ :  ไม่มี

    ช่วงเวลา :  รุ่นเฟริน ปี 3

    Note  :   งานคราวนี้มันหนักหนาจริงๆ  มันไม่ใช่แค่การจัดการแข่งขันหมากกระดาน໤ันเอภายในเอดินเบริ์ก   แต่นี่มันเป็นการประชันความสามารถระหว่างโรงเรียนใหญ่ระดับโลก  โดยมีชื่อเสียงเอดินเบริ์กเป็นเดิมพัน           การประลองเวทไตรภาคี       การประลองที่ห้าร้อยปีจะมีเพียงครั้งเดียว   และครั้งนี้มาจัดกันที่นี่  ที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบริ์กแห่งนี้



    มันเป็นเวลากว่าสามชั่วโมงแล้วที่ เฟริน เดอเบอโรว์  นั่งแกร่วอยู่ตรงหน้าประตูไม้สีทะมึน   มือหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง  อีกข้างใช้นิ้วเคาะลงไปบนพื้นหินอ่อนเย็นเยียบอย่างเบื่อหน่าย

                    ไอ้บ้าคาโล  ทำไมมันช้าจังฟะ

                    เฟรินนึกด่า  ขณะปล่อยสายตามองไปยัง  เด็กหนุ่มตรงข้าม  โดยมีกระดานหมากรุกแบบพกพาคั่นกลางระหว่างเขาทั้งสอง

                    ดูจากสีหน้าเด็กหนุ่ม  บ่งบอกว่ากำลังจนแต้มกับหมากบนกระดาน

                    ไอ้เจ้านี่ ก็เล่นไม่ได้เรื่อง  เสียงบ่นในใจดังขึ้นอีก  ก่อนเจ้าตัวโวยวายขึ้นอย่างรำคาญเต็มทน

    "โอ๊ย! แกก็เดินจีหก  แล้วรุกฆาตซีวะ"

                    คำบ่นยังไม่วายจะแนะนำ  ให้เพื่อนผู้เขลาในการเดินหมากต้องยิ้มกว้างอย่างเพิ่งนึกออก  ก่อนจะขยับหมากตามคำบอก

                    "ขอบใจ"

                    เฟรินแยกเขี้ยวรับกับคำขอบคุณที่เพื่อนรักส่งมาให้  สำหรับไก่ที่ตนจงใจปล่อย  เพื่อจบๆเกมอันยืดเยื้อไปเสียที

                    "คิล  นายว่าข้างในเค้าประชุมกันเรื่องอะไร  ทำไมถึงได้นานขนาดนี้  นี่ฉันชักง่วงแล้วนะ"

                    "ง่วงก็ไปนอน  ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยรู้"

                    คิลเพื่อนรักตอบอย่างไม่ใส่ใจ  ขณะจัดเรียงหมากบนกระดานใหม่อย่างใจเย็น จนเฟรินรู้สึกหงุดหงิด  และเอียนกับการเล่นหมากรุกเป็นครั้งที่เกือบจะร้อยแล้ว  เพราะเพื่อนตรงหน้าเล่นแล้วแพ้  เล่นแล้วแพ้  ภายในเวลาไม่เกินห้านาที ในทุกตา    แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับความพ่ายแพ้ที่สนุกสนานของมัน

                    "จะเล่นต่ออีกเหรอ  ไม่เอาแล้วนะ  ฉันเบื่อ"

                    คิลชะงักมือ  เบือนนัยน์ตาสีม่วงขึ้นมาสบ

                    "งั้นนายจะไปนอนเลย? "

                    "ไม่เอา  ฉันก็อยากรู้เรื่องเร็วๆ"

                    "วะ ! แล้วจะเอายังไง"

                    นักฆ่าแห่งซาเรสชักอยากเอาวิชาชีพตัวเอง  มาใช้กับเพื่อนผู้เอาใจยากตรงหน้าขึ้นมาตะหงิดๆ   ใจก็อยากรู้ว่า  ไอ้ที่คาโลมันโดนเรียกไปตั้งแต่หัวค่ำ   มาเข้าประชุมอะไรนานๆกับพวกหัวหน้าทั้งหลายในเอดินเบิร์กนี่  มันเรื่องอะไรกัน  แต่หนังตามันชักจะหนักๆ  แถมไอ้เพื่อนตรงหน้า  ที่ตั้งแต่กลายเป็นผู้หญิงขึ้นมา  ก็ดูจะเรื่องมากขึ้นกว่าเดิม 耠ไม่ได้มีความน่ารักสมหญิงเลยซักนิด

                    "ไม่อยากเล่น  ก็ไม่ต้องเล่น   ไม่อยากนอนก็เชิญอยู่ตรงนี้ต่อไปแล้วกัน     ราตรีสวัสดิ์"

                    ว่าแล้วก็พับกระดานสองท่อนเข้าหากัน  แล้วลุกขึ้นเดินจากไปทันที  โดยไม่ฟังเสียงโวยวายตามมาจากเบื้องหลัง

                    " โอ๊ย! ไอ้คิลบ้า  ไอ้บ้าคิล  กลับมาอยู่ด้วยกันก่อนซิฟะ  แกทิ้งฉันอย่างนี้ไม่ได้นะเฟ้ย"

                    คำโวยวายที่เจ้าตัวต้องรีบยกมืออุดปาก  ด้วยเพิ่งนึกออกว่ากำลังยืนอยู่หน้าห้องที่เค้าประชุมเรื่องสำคัญสักัย่างที่ตัวกำลังอยากรู้   ก่อนจะนิ่งอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่ง   เพื่อดูปฏิกิริยาคนข้างใน  แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

                     เฮ้อ  ค่อยยังชั่ว  หน็อยเจ้าคิลนะเจ้าคิล  จะอยู่เป็นเพื่อนกันต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้   เดี๋ยวพวกนั้นก็ออกมาแล้ว...

                   นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนไปจ้องที่ประตู  ลายไม้ที่แกะสลักลายเถาวิจิตรดูนิ่งสงบราวกับมันจะอยู่อย่างนั้นต่อไปอีกแสนนาน

                    ...มั้ง?

                    เมื่อใจรู้แน่แล้วว่าอีกนาน  ปากเรียวจึงเม้มบาง  ก่อนขยับตัวเข้าใกล้ประตู  แล้วประกบใบหูเข้ากับช่องว่างรอยต่อระหว่างบานไม้หนาหนัก

                    "งั้นตกลงตามนี้" เสียงแหบแห้งแต่ฟังดูอบอุ่นของชายชราดังแว่วเข้าหู

                    เลโมธีแน่ๆ...

                    เฟรินคิด  รอยยิ้มอย่างหัวขโมยยามปฏิบัติการสำเร็จเหยียดกว้าง

                    "...แล้วขอให้ทุกคนจำไว้ว่า  ความปลอดภัยและความสะดวกสบายต้องมาอันดับหนึ่ง...  อย่าลืมว่าพวกเขามาจากแดนไกล  และงานนี้ยิ่งใหญ่มาก  จงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  เข้าใจมั๊ย"

                    เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมเพรียงอย่างเข้าใจ  โดยนำความไม่เข้าใจมาสู่ขโมยนักฟังด้านนอก

                    แดนไกลอะไรหว่า... แล้วงานใหญ่นี่มันอะไร

                    คิ้วเรียวมุ่นอย่างพยายามปะติดปะต่อเรื่องจากข้อมูลเพียงประโยคเดียวที่เพิ่งมาฟังเอาตอนท้ายๆ

                    มหาปราชญ์เลโมธีดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อ  แต่เธอไม่ได้ยินด้วยเสียงอื่นภายในห้องดังแทรกรบกวน

                    ร่างบางเขยิบชิดบานประตู  กดหูแน่นเข้าเพื่อจะรับเสียงจากภายในให้ถนัดขึ้น  ทว่าเสียงรบกวนเหล่านั้นกลับดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  และก่อนที่ขโมยนักฟั耇จะทันได้ทำอะไร

                    โครม

                    บานประตูหนาหนักเปิดผลัวะออก  ร่างบางกระเด็นลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น   มือยกขึ้นกุมกกหูที่โดนแรงปะทะเข้าจังเบอร์

                    เสียงรอบด้านที่ได้ยินจนถึงเมื่อครู่ก็เงียบลงฉับพลันจนเฟรินรู้สึกได้  นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ยังฉ่ำด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บเบือนขี้นมามองกลุ่มคนตรงหน้า  แล้วก็ต้องทำหน้าแหย

                    บุคคลสำคัญแห่งเอดินเบิร์ก  ตั้งแต่มหาปราชญ์เลโมธี  เหล่าผู้คุมกฎ  เสนาธิการ ทุกฝ่ายทุกหอ  มาจนถึงหัวหน้าชั้นปี ต่างมองเขม็งมายังเธอเป็นตาเดียว  โดยเฉพาะเจ้าคนที่เธอรอมาร่วมสามชั่วโมง  ส่งสายตาดุกว่าใครเพื่อน  และดูท่าว่าจะเป็นคนผลักประตูให้เธอต้องมาแอ้งแม้งบนพื้นนี่เอง

                    ไม่มีใครพูดอะไร  ดูเหมือนสายตาที่ส่งกันมาจะบอกอยู่แล้ว

                    แอบฟัง ...  เจ้าคนเสียมารยาท

                    คนเสียมารยาทเองก็คงเข้าใจความหมายดี  จึงได้แต่ฉีกยิ้มแห้งๆ

                    "แหะ....แหะ"

                    หนอย...เจ้าคนใจดำ

                    คิ้วเรียวที่เคยโก่งงาม  บัดนี้ขมวดมุ่นมาตั้งแต่เมื่อคืน

                    จะช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้  แถมตัวเองทำให้เจ็บเอง  จะขอโทษซักคำก็ไม่มี

                    คำบ่นในใจที่พาดพึงไปถึงเพื่อนผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง   ที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับกองหนังสือบนโต๊ะทำงานใกล้ๆ

                    จะโกรธที่ไปแอบฟัง  ก็ไม่ว่าอะไรหรอก  เรื่องนี้พอเข้าใจ  แต่ทำไมนายต้องนิ่งเฉยกับฉัน

    ขนาดนั้น

                    ไอ้น้ำแข็งเฮงซวย

                    ที่เฟรินเป็นฝ่ายโกรธก็ไม่แปลก  เพราะหลังจากที่เธอล้มหงายตึงลงไปกับพื้น  คนที่ควรจะยื่นมือ(อย่างน้อยเฟรินก็หวังในใจ) มาช่วยพยุงลุกขึ้นก็ดันเอาแต่ส่งสายตาดุๆมาหา   ปล่อยให้เจ้าชายรูปงามแห่งเจมิไน  ผู้สุภาพกับหญิงสาวเสมอ  มารับหน้าที่แทน

                    ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายหลังการประชุมเลิก

                    เจ้าชายหนุ่มเดินเข้ามาคุกเข่าลงข้างเธอ  เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

                    "เจ็บมากมั๊ย"

                    "เจ็บมากดิ  ถามได้"

                    เท่านั้น  มือใหญ่ก็ตวัดร่างเธออุ้มขึ้น  แรกทีเดียวเฟรินตกใจเล็กน้อย  ก่อนคิดอะไรสนุกๆได้    ดวงหน้าเรียวจึงเอนลงซบกับไหล่กว้างของคนตัวใหญ่กว่า

                    "เจ้าชายโรเวนขา  เฟรินเจ็บจังเลยอ่ะค่ะ"

                    คำพูดหวานที่มีไม่บ่อยนัก  หวังจะเห็นปฏิกิริยาของคนที่นิ่งเป็นน้ำแข็ง  ทว่าคนถูกแกล้งกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด

                    นัยน์ตาสีฟ้าเมินไปทางอื่นอย่างจงใจ  ก่อนร่างสูงสง่าจะเดินจากไป  โดยไม่มีทีท่าใยดีคนข้างหลังแม้แต่น้อย

                    ดูมันๆ   ทำเป็นเดินจากไปอย่างกับพระเอกมิวสิค

                    เฟรินเบะปากอย่างามั่นไส้  ขณะชำเลืองร่างที่ค่อยๆไกลออกไป

                    ขี้เก๊ก  ซ้า....

                    แล้วความคิดก็หยุดลงแค่นั้นเมื่อเจ้าชายผู้ใจดีอีกคนที่มีร่างเธออยู่ในอ้อมแขนเริ่มเดิน

                    "คาโลนี่  ไม่รอกันบ้างเลย  เฟริน  ฉันจะไปส่งที่ห้องนะ"

                    ความกรุณาที่เฟรินต้องรีบปฏิเสธ   ด้วยกลัวแผนละลายน้ำแข็งเจ้าชายแห่งคาโนวาลจะยิ่งเลยเถิดไปใหญ่

                    " เอ่อ... ไม่ต้องหรอกครับ  โรเวนปล่อยผมลงเถอะ  ความจริงก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก  แหะ..แหะ"

                    "แน่ใจนะ"

                    แล้วเฟรินก็ต้องกะผกกะเผลกกลับห้อง  มือยังคลำก้นป้อยๆที่ระบมไปหมด  จนกระทั่งมาถึงเดี๋ยวนี้  ความปวดดูจะยิ่งช้ำหนักกว่าเมื่อวาน   แถมจะให้มันรักษาก็อายตายชัก ดันมากระแทกที่ก้น

                    เจ้าก้อนน้ำแข็งบ้า  นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว  ยังไม่ยอมพูดด้วยอีก   ดี... ไม่พูดด้วย  ฉันก็ไม่พูดด้วย   แบร่...

                    ลิ้นยาวสีชมพู  แลบใส่เจ้าชายน้ำแข็งที่ยังสาละวนอยู่ที่โต๊ะ   จนไม่รู้ตัว

                    และแล้ว

                    พรืด!

                    ฝ่ามือของใครคนหนึ่งแวบผ่านลิ้นเจ้าคนหวังทำงอนแบบน่ารักไป  จนมันรีบหุบลิ้นกลับก่อนสบถเป็นชุดใหญ่

                    "เค็มโว้ย  เสือกลูบมาได้   ไอ้เวร"

                    เจ้าของฝ่ามือหัวเราะลั่น  หงายท้องลงไปนอนบนเตียงข้างๆ  เปิดโอกาสให้คนลิ้มรสชาติฝ่ามืออัดหมอนกระหน่ำเข้าใส่อย่างหวังเอาคืน  จนร่างเพื่อนนักฆ่าอารมณ์ดีกลิ้งตกเตียง

                    "ฮ่า ฮ่า  สมน้ำหน้า  ไอ้คิล  เล่นกับใครไม่เล่นดันมากระตุกหนวดเสือผู้ยิ่งใหญ่คนนี้  ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ"

                    เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังจากเสือผู้ยิ่งใหญ่  ก่อนชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าคนกระตุกหนวดเสือฉายรอยยิ้มแพรวพราว

                    "จะบอกอะไรให้  เมื่อกี๊ฉันเข้าห้องน้ำ  ยังไม่ได้ล้างมือเลย"

                    เท่านั้น  เสือเสียท่าก็วิ่งกระโจนเข้าห้องน้ำไปล้างปากเป็นการใหญ่  สลับกับส่งคำสบถด่ามาเป็นระยะ  แต่ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะจากเพื่อนนักฆ่า

                    "จะล้างทำไม  ก็เมื่อกี๊ฉันอาบน้ำนี่หว่า"

                    คำเฉลยที่คนหลงกลดูเหมือนจะไม่ได้ฟัง   แล้วนัยน์ตาสีม่วงก็เบือนมามองเพื่อนอีกคน  ที่บัดนี้ก็ยังไม่พูดไม่จา  เอาแต่ยกๆวางๆของบนโต๊ะ

                    "หาอะไรอยู่  คาโล"

                    "ไข่มุกแสงจันทร์...เจอแล้ว" คำตอบพร้อมดึงไข่มุกล้ำค่าขึ้นมาจากใต้กองปากกาในลิ้นชักหลังจากหามานาน     บนโต๊ะที่รกด้วยฝีมือของคนที่ควรจะเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงแต่กลับซกมกกว่าใครในห้อง

                    "เฮ้อ..ค่อยยังชั่ว  เจอก็ดีแล้วล่ะ  ของสำคัญอย่างนี้หายไปเรื่องใหญ่เลยนะ"

                    คำเตือนจากเพื่อนนักฆ่าที่นัยน์ตาสีฟ้าเบือนมาสบอย่างรับฟังโดยไม่พูดอะไรตามเคย   คนเตือนจึงเปลี่ยนเรื่องขณะลุกขึ้นมาจากพื้น

                    "ว่าแต่  รีบๆไปกันเถอะ  เค้าเรียกประชุมสายก็จริง  แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"

                    "ก็นายนั่นแหล่ะ  อาบน้ำช้า"

                    เสียงหวานแต่พูดกระด้างดังจากข้างหลัง  ให้คนถูกกล่าวหาหันไปมอง  ร่างเด็กสาวในชุดผู้ชายที่ตอนนี้รอบๆปากของมันพราวไปด้วยหยดน้ำและแดงเหมือนโดนเสียดสีอย่างแรง

                    "ไม่ต้องหัวเราะเลยนะ   เรื่องเมื่อวานก็ทีนึงแล้ว  ยังไม่ได้สะสางเลยด้วย"

                    พูดพลางยกแขนเสื้อเช็ดปากไปด้วย   ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง  แต่ก็หันกลับมาหาเพื่อนอีกสองในห้อง

                    "เอ้า! ยืนเซ่ออะไรกันอยู่  หิวแล้วนะโว้ย  ไปกันเร็ว"

        

     จบ  chapter  การประชุมที่ยาวนาน  ยาวนานจริงๆให้ตายเหอะ  ขอโทษ  ทีแรกลงแค่ไม่กี่ประโยค ไอ ดอนท์ โนว์ วอท แฮปเพ้น  มาดูอีกทีหน้าแตกเลย  เราว่าเราทำตามขั้นตอนแล้วนะ  เอาเหอะๆ  เป็นการโพสต์ครั้งแรกน่ะ         เป็นไงมั่ง แต่งfic ครั้งแรกอ่ะ  เลยไม่ค่อยลื่นไหลยังไงไม่รู้    สนุกรึปล่าว   ช่วยแนะนำ  คอมเม้นทีนะคะ

    "โอ๊ย! แกก็เดินจีหก  แล้วรุกฆาตซีวะ"

                    คำบ่นยังไม่วายจะแนะนำ  ให้เพื่อนผู้เขลาในการเดินหมากต้องยิ้มกว้างอย่างเพิ่งนึกออก  ก่อนจะขยับหมากตามคำบอก

                    "ขอบใจ"

                    เฟรินแยกเขี้ยวรับกับคำขอบคุณที่เพื่อนรักส่งมาให้  สำหรับไก่ที่ตนจงใจปล่อย  เพื่อจบๆเกมอันยืดเยื้อไปเสียที

                    "คิล  นายว่าข้างในเค้าประชุมกันเรื่องอะไร  ทำไมถึงได้นานขนาดนี้  นี่ฉันชักง่วงแล้วนะ"

                    "ง่วงก็ไปนอน  ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยรู้"

                    คิลเพื่อนรักตอบอย่างไม่ใส่ใจ  ขณะจัดเรียงหมากบนกระดานใหม่อย่างใจเย็น จนเฟรินรู้สึกหงุดหงิด  และเอียนกับการเล่นหมากรุกเป็นครั้งที่เกือบจะร้อยแล้ว  เพราะเพื่อนตรงหน้าเล่นแล้วแพ้  เล่นแล้วแพ้  ภายในเวลาไม่เกินห้านาที ในทุกตา    แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับความพ่ายแพ้ที่สนุกสนานของมัน

                    "จะเล่นต่ออีกเหรอ  ไม่เอาแล้วนะ  ฉันเบื่อ"

                    คิลชะงักมือ  เบือนนัยน์ตาสีม่วงขึ้นมาสบ

                    "งั้นนายจะไปนอนเลย? "

                    "ไม่เอา  ฉันก็อยากรู้เรื่องเร็วๆ"

                    "วะ ! แล้วจะเอายังไง"

                    นักฆ่าแห่งซาเรสชักอยากเอาวิชาชีพตัวเอง  มาใช้กับเพื่อนผู้เอาใจยากตรงหน้าขึ้นมาตะหงิดๆ   ใจก็อยากรู้ว่า  ไอ้ที่คาโลมันโดนเรียกไปตั้งแต่หัวค่ำ   มาเข้าประชุมอะไรนานๆกับพวกหัวหน้าทั้งหลายในเอดินเบิร์กนี่  มันเรื่องอะไรกัน  แต่หนังตามันชักจะหนักๆ  แถมไอ้เพื่อนตรงหน้า  ที่ตั้งแต่กลายเป็นผู้หญิงขึ้นมา  ก็ดูจะเรื่องมากขึ้นกว่าเดิม 耠ไม่ได้มีความน่ารักสมหญิงเลยซักนิด

                    "ไม่อยากเล่น  ก็ไม่ต้องเล่น   ไม่อยากนอนก็เชิญอยู่ตรงนี้ต่อไปแล้วกัน     ราตรีสวัสดิ์"

                    ว่าแล้วก็พับกระดานสองท่อนเข้าหากัน  แล้วลุกขึ้นเดินจากไปทันที  โดยไม่ฟังเสียงโวยวายตามมาจากเบื้องหลัง

                    " โอ๊ย! ไอ้คิลบ้า  ไอ้บ้าคิล  กลับมาอยู่ด้วยกันก่อนซิฟะ  แกทิ้งฉันอย่างนี้ไม่ได้นะเฟ้ย"

                    คำโวยวายที่เจ้าตัวต้องรีบยกมืออุดปาก  ด้วยเพิ่งนึกออกว่ากำลังยืนอยู่หน้าห้องที่เค้าประชุมเรื่องสำคัญสักัย่างที่ตัวกำลังอยากรู้   ก่อนจะนิ่งอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่ง   เพื่อดูปฏิกิริยาคนข้างใน  แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

                     เฮ้อ  ค่อยยังชั่ว  หน็อยเจ้าคิลนะเจ้าคิล  จะอยู่เป็นเพื่อนกันต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้   เดี๋ยวพวกนั้นก็ออกมาแล้ว...

                   นัยน์ตาสีน้ำตาลเบือนไปจ้องที่ประตู  ลายไม้ที่แกะสลักลายเถาวิจิตรดูนิ่งสงบราวกับมันจะอยู่อย่างนั้นต่อไปอีกแสนนาน

                    ...มั้ง?

                    เมื่อใจรู้แน่แล้วว่าอีกนาน  ปากเรียวจึงเม้มบาง  ก่อนขยับตัวเข้าใกล้ประตู  แล้วประกบใบหูเข้ากับช่องว่างรอยต่อระหว่างบานไม้หนาหนัก

                    "งั้นตกลงตามนี้" เสียงแหบแห้งแต่ฟังดูอบอุ่นของชายชราดังแว่วเข้าหู

                    เลโมธีแน่ๆ...

                    เฟรินคิด  รอยยิ้มอย่างหัวขโมยยามปฏิบัติการสำเร็จเหยียดกว้าง

                    "...แล้วขอให้ทุกคนจำไว้ว่า  ความปลอดภัยและความสะดวกสบายต้องมาอันดับหนึ่ง...  อย่าลืมว่าพวกเขามาจากแดนไกล  และงานนี้ยิ่งใหญ่มาก  จงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  เข้าใจมั๊ย"

                    เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมเพรียงอย่างเข้าใจ  โดยนำความไม่เข้าใจมาสู่ขโมยนักฟังด้านนอก

                    แดนไกลอะไรหว่า... แล้วงานใหญ่นี่มันอะไร

                    คิ้วเรียวมุ่นอย่างพยายามปะติดปะต่อเรื่องจากข้อมูลเพียงประโยคเดียวที่เพิ่งมาฟังเอาตอนท้ายๆ

                    มหาปราชญ์เลโมธีดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อ  แต่เธอไม่ได้ยินด้วยเสียงอื่นภายในห้องดังแทรกรบกวน

                    ร่างบางเขยิบชิดบานประตู  กดหูแน่นเข้าเพื่อจะรับเสียงจากภายในให้ถนัดขึ้น  ทว่าเสียงรบกวนเหล่านั้นกลับดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  และก่อนที่ขโมยนักฟั耇จะทันได้ทำอะไร

                    โครม

                    บานประตูหนาหนักเปิดผลัวะออก  ร่างบางกระเด็นลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น   มือยกขึ้นกุมกกหูที่โดนแรงปะทะเข้าจังเบอร์

                    เสียงรอบด้านที่ได้ยินจนถึงเมื่อครู่ก็เงียบลงฉับพลันจนเฟรินรู้สึกได้  นัยน์ตาสีน้ำตาลที่ยังฉ่ำด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บเบือนขี้นมามองกลุ่มคนตรงหน้า  แล้วก็ต้องทำหน้าแหย

                    บุคคลสำคัญแห่งเอดินเบิร์ก  ตั้งแต่มหาปราชญ์เลโมธี  เหล่าผู้คุมกฎ  เสนาธิการ ทุกฝ่ายทุกหอ  มาจนถึงหัวหน้าชั้นปี ต่างมองเขม็งมายังเธอเป็นตาเดียว  โดยเฉพาะเจ้าคนที่เธอรอมาร่วมสามชั่วโมง  ส่งสายตาดุกว่าใครเพื่อน  และดูท่าว่าจะเป็นคนผลักประตูให้เธอต้องมาแอ้งแม้งบนพื้นนี่เอง

                    ไม่มีใครพูดอะไร  ดูเหมือนสายตาที่ส่งกันมาจะบอกอยู่แล้ว

                    แอบฟัง ...  เจ้าคนเสียมารยาท

                    คนเสียมารยาทเองก็คงเข้าใจความหมายดี  จึงได้แต่ฉีกยิ้มแห้งๆ

                    "แหะ....แหะ"

                    หนอย...เจ้าคนใจดำ

                    คิ้วเรียวที่เคยโก่งงาม  บัดนี้ขมวดมุ่นมาตั้งแต่เมื่อคืน

                    จะช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้  แถมตัวเองทำให้เจ็บเอง  จะขอโทษซักคำก็ไม่มี

                    คำบ่นในใจที่พาดพึงไปถึงเพื่อนผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง   ที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับกองหนังสือบนโต๊ะทำงานใกล้ๆ

                    จะโกรธที่ไปแอบฟัง  ก็ไม่ว่าอะไรหรอก  เรื่องนี้พอเข้าใจ  แต่ทำไมนายต้องนิ่งเฉยกับฉัน

    ขนาดนั้น

                    ไอ้น้ำแข็งเฮงซวย

                    ที่เฟรินเป็นฝ่ายโกรธก็ไม่แปลก  เพราะหลังจากที่เธอล้มหงายตึงลงไปกับพื้น  คนที่ควรจะยื่นมือ(อย่างน้อยเฟรินก็หวังในใจ) มาช่วยพยุงลุกขึ้นก็ดันเอาแต่ส่งสายตาดุๆมาหา   ปล่อยให้เจ้าชายรูปงามแห่งเจมิไน  ผู้สุภาพกับหญิงสาวเสมอ  มารับหน้าที่แทน

                    ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายหลังการประชุมเลิก

                    เจ้าชายหนุ่มเดินเข้ามาคุกเข่าลงข้างเธอ  เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

                    "เจ็บมากมั๊ย"

                    "เจ็บมากดิ  ถามได้"

                    เท่านั้น  มือใหญ่ก็ตวัดร่างเธออุ้มขึ้น  แรกทีเดียวเฟรินตกใจเล็กน้อย  ก่อนคิดอะไรสนุกๆได้    ดวงหน้าเรียวจึงเอนลงซบกับไหล่กว้างของคนตัวใหญ่กว่า

                    "เจ้าชายโรเวนขา  เฟรินเจ็บจังเลยอ่ะค่ะ"

                    คำพูดหวานที่มีไม่บ่อยนัก  หวังจะเห็นปฏิกิริยาของคนที่นิ่งเป็นน้ำแข็ง  ทว่าคนถูกแกล้งกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด

                    นัยน์ตาสีฟ้าเมินไปทางอื่นอย่างจงใจ  ก่อนร่างสูงสง่าจะเดินจากไป  โดยไม่มีทีท่าใยดีคนข้างหลังแม้แต่น้อย

                    ดูมันๆ   ทำเป็นเดินจากไปอย่างกับพระเอกมิวสิค

                    เฟรินเบะปากอย่างามั่นไส้  ขณะชำเลืองร่างที่ค่อยๆไกลออกไป

                    ขี้เก๊ก  ซ้า....

                    แล้วความคิดก็หยุดลงแค่นั้นเมื่อเจ้าชายผู้ใจดีอีกคนที่มีร่างเธออยู่ในอ้อมแขนเริ่มเดิน

                    "คาโลนี่  ไม่รอกันบ้างเลย  เฟริน  ฉันจะไปส่งที่ห้องนะ"

                    ความกรุณาที่เฟรินต้องรีบปฏิเสธ   ด้วยกลัวแผนละลายน้ำแข็งเจ้าชายแห่งคาโนวาลจะยิ่งเลยเถิดไปใหญ่

                    " เอ่อ... ไม่ต้องหรอกครับ  โรเวนปล่อยผมลงเถอะ  ความจริงก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก  แหะ..แหะ"

                    "แน่ใจนะ"

                    แล้วเฟรินก็ต้องกะผกกะเผลกกลับห้อง  มือยังคลำก้นป้อยๆที่ระบมไปหมด  จนกระทั่งมาถึงเดี๋ยวนี้  ความปวดดูจะยิ่งช้ำหนักกว่าเมื่อวาน   แถมจะให้มันรักษาก็อายตายชัก ดันมากระแทกที่ก้น

                    เจ้าก้อนน้ำแข็งบ้า  นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว  ยังไม่ยอมพูดด้วยอีก   ดี... ไม่พูดด้วย  ฉันก็ไม่พูดด้วย   แบร่...

                    ลิ้นยาวสีชมพู  แลบใส่เจ้าชายน้ำแข็งที่ยังสาละวนอยู่ที่โต๊ะ   จนไม่รู้ตัว

                    และแล้ว

                    พรืด!

                    ฝ่ามือของใครคนหนึ่งแวบผ่านลิ้นเจ้าคนหวังทำงอนแบบน่ารักไป  จนมันรีบหุบลิ้นกลับก่อนสบถเป็นชุดใหญ่

                    "เค็มโว้ย  เสือกลูบมาได้   ไอ้เวร"

                    เจ้าของฝ่ามือหัวเราะลั่น  หงายท้องลงไปนอนบนเตียงข้างๆ  เปิดโอกาสให้คนลิ้มรสชาติฝ่ามืออัดหมอนกระหน่ำเข้าใส่อย่างหวังเอาคืน  จนร่างเพื่อนนักฆ่าอารมณ์ดีกลิ้งตกเตียง

                    "ฮ่า ฮ่า  สมน้ำหน้า  ไอ้คิล  เล่นกับใครไม่เล่นดันมากระตุกหนวดเสือผู้ยิ่งใหญ่คนนี้  ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ"

                    เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังจากเสือผู้ยิ่งใหญ่  ก่อนชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าคนกระตุกหนวดเสือฉายรอยยิ้มแพรวพราว

                    "จะบอกอะไรให้  เมื่อกี๊ฉันเข้าห้องน้ำ  ยังไม่ได้ล้างมือเลย"

                    เท่านั้น  เสือเสียท่าก็วิ่งกระโจนเข้าห้องน้ำไปล้างปากเป็นการใหญ่  สลับกับส่งคำสบถด่ามาเป็นระยะ  แต่ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะจากเพื่อนนักฆ่า

                    "จะล้างทำไม  ก็เมื่อกี๊ฉันอาบน้ำนี่หว่า"

                    คำเฉลยที่คนหลงกลดูเหมือนจะไม่ได้ฟัง   แล้วนัยน์ตาสีม่วงก็เบือนมามองเพื่อนอีกคน  ที่บัดนี้ก็ยังไม่พูดไม่จา  เอาแต่ยกๆวางๆของบนโต๊ะ

                    "หาอะไรอยู่  คาโล"

                    "ไข่มุกแสงจันทร์...เจอแล้ว" คำตอบพร้อมดึงไข่มุกล้ำค่าขึ้นมาจากใต้กองปากกาในลิ้นชักหลังจากหามานาน     บนโต๊ะที่รกด้วยฝีมือของคนที่ควรจะเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงแต่กลับซกมกกว่าใครในห้อง

                    "เฮ้อ..ค่อยยังชั่ว  เจอก็ดีแล้วล่ะ  ของสำคัญอย่างนี้หายไปเรื่องใหญ่เลยนะ"

                    คำเตือนจากเพื่อนนักฆ่าที่นัยน์ตาสีฟ้าเบือนมาสบอย่างรับฟังโดยไม่พูดอะไรตามเคย   คนเตือนจึงเปลี่ยนเรื่องขณะลุกขึ้นมาจากพื้น

                    "ว่าแต่  รีบๆไปกันเถอะ  เค้าเรียกประชุมสายก็จริง  แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย"

                    "ก็นายนั่นแหล่ะ  อาบน้ำช้า"

                    เสียงหวานแต่พูดกระด้างดังจากข้างหลัง  ให้คนถูกกล่าวหาหันไปมอง  ร่างเด็กสาวในชุดผู้ชายที่ตอนนี้รอบๆปากของมันพราวไปด้วยหยดน้ำและแดงเหมือนโดนเสียดสีอย่างแรง

                    "ไม่ต้องหัวเราะเลยนะ   เรื่องเมื่อวานก็ทีนึงแล้ว  ยังไม่ได้สะสางเลยด้วย"

                    พูดพลางยกแขนเสื้อเช็ดปากไปด้วย   ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง  แต่ก็หันกลับมาหาเพื่อนอีกสองในห้อง

                    "เอ้า! ยืนเซ่ออะไรกันอยู่  หิวแล้วนะโว้ย  ไปกันเร็ว"

        

     จบ  chapter  การประชุมที่ยาวนาน  ยาวนานจริงๆให้ตายเหอะ  ขอโทษ  ทีแรกลงแค่ไม่กี่ประโยค ไอ ดอนท์ โนว์ วอท แฮปเพ้น  มาดูอีกทีหน้าแตกเลย  เราว่าเราทำตามขั้นตอนแล้วนะ  เอาเหอะๆ  เป็นการโพสต์ครั้งแรกน่ะ         เป็นไงมั่ง แต่งfic ครั้งแรกอ่ะ  เลยไม่ค่อยลื่นไหลยังไงไม่รู้    สนุกรึปล่าว   ช่วยแนะนำ  คอมเม้นทีนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×