คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ประธานนักเรียนสุดหล่อกับคอมพิวเตอร์ในห้องสภานักเรียน
(แก้ครั้งที่ 2 - คำผิด+ย่อหน้า)
บทนำ
โอเค ฉันพร้อมแล้ว!! กับการก้าวเข้ารั้วโรงเรียนหลังจากไปจากที่นี่ถึงเกือบหนึ่งปี ซึ่งสาเหตุเนื่องมาจากการไปเรียนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่แสนน่ารักและแสนฉลาดตัวแทนของโรงเรียนชื่อดัง หรือก็คือที่นี่นี่แหละ ก็ไม่ได้จะอวดหรอกนะว่าฉันเก่งหรือฉลาด แต่มันก็เป็นเรื่องจริงล่ะนะ
แค่ฉันเดินก้าวเข้าโรงเรียนเพียงก้าวเดียว ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันสว่างสไวอย่างกับนางฟ้าลงมาโปรดโรงเรียน และหันมาสนใจฉันทันที แล้วก็มีเสียงทักทายประมาณว่า “กลับมาแล้วหรอ ยินดีต้อนรับกลับจ้า!!” หรือ “เฮ้ย มาเนียกลับมาแล้ว” โปรยปรายมาอย่างเปิดเผย และอีกไม่นานเรื่องนี้ก็คงรู้ไปทั่วโรงเรียน
แต่จะว่าไป ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่เลย ทำไมคนในโรงเรียนมันเยอะจังนะ ทั้งๆที่ปกติจากปีที่ผ่านๆมาตอนเช้าอย่างนี้นี่แทบจะไม่มีใครมาเลยนี่นา ไม่มีการบ้านให้ทำกันจนดึกดื่นรึไง หรือตื่นมาลอกการบ้านกันตั้งแต่เช้าล่ะนี่…
“อุ๊ย สังเกตด้วยหรอ อุตส่าห์มาเงียบๆนะเนี่ย ฮี่ฮี่~” ฉันพูดตอบรับกับคนที่มาทักทายฉันตั้งแต่แรกเห็นพลางเอามือเกาหัวเพิ่มความน่ารักนิดหน่อย
“เนีย~ ~ ~ ~” เสียงลากยาวที่คุ้นหูแว่วมาแต่ไกลเริ่มขยับเข้ามาใกล้หูฉันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นสุดจะบรรยาย เธอคือเพื่อนคนนึงของฉัน ที่ติดฉันงอมแงมสุดๆ(เพราะฉันเฟบูลัส) ชื่อของเธอคือ‘ใบไม้’
….มาคิดๆดูอีกที โดนเพื่อนกอดนี่รู้สึกขนลุกพิลึก ฉันไม่ค่อยชอบให้ใครแตะตัวเท่าไหร่หรอกนะ….
“อย่าเกาะแกะสิ” ฉันพูดไปพร้อมๆกับแก้แขนที่มันรัดเกี่ยวคอและลำตัวฉันแน่นยิ่งกว่าตะขาบออก
“’ง่ะ นี่กอดด้วยความรักและคิดถึงนะ”
“ช่างแกสิ”
โอเค เอาเป็นว่าตัดฉากนั้นไป เราไปห้องเรียนกันเถอะ… ห้องเรียนก็บรรยากาศเดิมๆ โชคดีหน่อยที่เอาใบไม้มาด้วย ก็เลยถามได้ว่าที่นั่งตรงไหนมันว่างบ้าง เฮ้อออ ทั้งๆที่เพื่อนๆน่าจะรู้แท้ๆว่าฉันจะกลับมาเทอมนี้ ทำไมไม่มีใครจองที่นั่งที่เด่นๆให้เลยนะ แบบว่ากลางห้อง ไม่ก็แถวหน้าอะไรอย่างงี้ กลายเป็นว่าได้นั่งริมหน้าต่างแถวหลังสุดซะงั้น
“สมัครสภานักเรียนยังไง”
“หะ?”
ไม่ต้องมาฮงมาหะเลย คงไม่มีใครสงสัยหรอกนะว่าฉันจะสมัครสภานักเรียนไปทำไม มันของตายอยู่แล้วว่าถ้าฉันได้เป็นสมาชิกสภานักเรียนล่ะก็ ฉันก็จะมีอำนาจมากกว่าเดิม แล้วก็ดูมีความรับผิดชอบและน่ารักมากด้วย แถมอีกนะ ตอนมัธยมต้นฉันก็เป็นสมาชิกอยู่ด้วยสามปีซ้อนเลยนะ แต่พอดีว่าปีนี้ไม่ได้อยู่ตอนเขาเลือกสภากันนั่นแหละ เลยไม่ได้สมัคร แล้วก็น่าจะยังเปิดรับสมาชิกอยู่ด้วย เพราะเพิ่งเปิดเทอม ยังไม่มีอะไรเข้าที่เข้าทางได้หรอกน่า!
“หะ อะไรแก ขอคำตอบ”
“เนียจะสมัครไปทำไม”
“ก็ชอบอ่ะ มันยังเปิดรับสมัครอยู่ใช่ไหมล่ะ” ฉันเริ่มอารมณ์เสียแล้วนะ ถามอะไรยุ่งยากอยู่ได้ ตอบมาซักทีเถ้ออ
“ไม่ต้องสมัครหร้อก~ เทอมนี้อยู่สบายๆเถอะ มัธยมปลายมันงานหนักนะ”
“เออน่า ลองๆดู ฉันไปเรียนนอกมาแล้ว พอเข้าใจน่า”
ใบไม้เงียบไปซักพักด้วยใบหน้านิ่งๆที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนฉันชักจะสงสัยเลยว่า มันจะอะไรนักหนาถ้าฉันไปสมัครสภานักเรียนล่ะเนี่ย
“เดี๋ยวคาบว่างวันนี้เค้าไปเอาใบสมัครให้” (ก็เท่านั้นแหละ)
“ถ้าจำไม่ผิด คาบว่างนี่ คาบสาม คาบสี่ รึเปล่า”
“ถูกต้องจ้า~” (แน่นอนล่ะ ฉันมันฉลาดนี่ ฮ่าๆๆๆ)
พอถึงคาบว่าง ครูประจำชั้นก็เรียกฉันไปคุย เรื่องการปรับตัวบลาๆ แล้วก็เรื่องการบ้านบลาๆๆ รวมถึงยังให้ใบรายชื่อเพื่อนในห้องเรียนพร้อมกับชื่อเล่นแล้วก็เบอร์โทรมาด้วย (แต่อีกไม่นานก็หาย เชื่อเถอะ)
“ว่าแต่ ทำไมย้อมสีผมเป็นสีน้ำตาลล่ะคะ” อยู่ดีๆครูก็ถามฉันขึ้นมาดื้อราวกับว่าไม่มีอะไรจะคุยด้วยซะงั้น
“อ๋อ สีคาราเมลน่ะค่ะ หนูขออนุญาติแล้วค่ะ” (เส้นสายใหญ่แบบนี้ไม่มีรอดไปได้หรอกย่ะ หึหึ)
“อ๋อ เหรอคะ” ครูทำหน้าเหนื่อยๆ(ไม่พอใจหรอยะ ฉันทำถูกตามกฎโรงเรียนนะ!!) คงคิดประมาณว่า ‘เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เนี่ย ไม่ไหวเลยจริงๆน้า ยอมตามแฟชั่น บลาๆๆๆ’ อยู่ล่ะสิ ครูน่ะ ล้าสมัยไปแล้วค่ะ!!
“เอ่อ ครูมีเรื่องจะพูดด้วยแค่นี้แหละค่ะ ไปพักได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
กว่าจะพูดจบ กินเวลาไปตั้งคาบนึงนะนั่น ฉันยังต้องเอาเวลาไปแถในใบสมัครสภานักเรียนนะ ว่าฉันคุณลักษณะนางสาวไทยขนาดไหน แต่พอคิดเรื่องนี้ไปได้ไม่กี่นาที ใบไม้ก็วิ่งมา พร้อมยื่นใบสมัครมาให้ฉัน เป็นเพื่อนที่ใช้งานได้จริงๆ
“ขอบคุณ”
“ไม่เป็นไรจ้า”
ฉันรับใบสมัครมาจากมือของใบไม้ และอ่านๆดูพลางเดินไปที่ห้อง ฉันคิดว่าไอ้ใบสมัครนี้มันแปลกๆอยู่ คำถามดูไม่ค่อยทางการเท่าไหร่ เลยต้องถามใบไม้ไปอย่างอดใจไม่ได้
“ขอโทษนะ เอาใบมาให้ถูกแน่นะ?”
“แน่นอนจ้า~ ดูตราสภานักเรียนได้เลย คำถามมันแปลกๆใช่ไหมล่ะ”
พอดูๆอีกที มันมีจริงๆแฮะ ตราสภานักเรียน เป็นภาพสีด้วยนะ มาคิดๆดูมันเป็นภาพที่แปลกมาก ฉันดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่มันคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เอาเป็นว่ามากรอกใบสมัครกันเลย!!
‘อนิเมะเรื่องที่ยกขึ้นหิ้ง คือเรื่อง…………………………’
‘นักวาด/ผู้เขียน/เซย์ยุ ที่ชื่นชอบ……………………….’
‘ของสะสมเกี่ยวกับอนิเมะ……………………………….’
‘ความคิดเห็นเรื่องการอุดหนุนลิขสิทธิ์………………’
‘สาย…………………………………………………………..’
ขึ้นหิ้ง? เซย์ยุ? อนิเมะ? ลิขสิทธิ์? สาย? อะไรวะเฮ้ยย~ ใครมันเป็นคนเขียนแบบสมัครนี้วะคะ!! งง มึนตึ้บ ไอ้บ้าเอ้ยยยยย แกทำฉันประสาทเสียแล้ว งง งง งงไปหมด ฉันพยายามสงบสติอารมณ์หลังจากนั่นเขียนตัวบรรจงครึ่งบรรทัดลงไปบนในสมัครตอนที่หนึ่ง แล้วนั่งคิดอยู่ซ้ำๆว่าคำถามบ้าอะไร(วะ)คะ แต่พอมานั่งพิจารณาดีๆแล้ว มันอาจจะเป็นคำถามลวงก็ได้ เห็นเขียนเกี่ยวกับนักวาดอยู่ มันคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการ์ตูนสินะ หึหึ ไม่ได้กินฉันหรอกย่ะ!! มันคงเป็นคำถามลวงถามการประพฤติสินะ
//ตอบ ‘ - ’ ทุกข้อ …
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็เดินไปส่งใบสมัครที่ห้องประชาสัมพันธ์ตามที่ใบไม้บอกตอนเกือบหมดคาบสี่ เพราะจะมีสมาชิกสภานักเรียนเฝ้าอยู่ที่นั่นตอนพักกลางวัน แล้วก็ไปกินข้าวเที่ยงอย่างสบายอกสบายใจ พรุ่งนี้ฉันคงจะได้เป็นสมาชิกสภานักเรียนที่แสนสูงส่งแล้ว แล้วฉันคงต้องรีบไปบอกคุณอาสินะว่าฉันสมัครเป็นสมาชิกสภานักเรียน จะได้ประกาศไปในวันงานต้อนรับเลย ว่าฉันเป็นคนที่แสนขยันแล้วยังมีความรับผิดชอบ เป็นหนึ่งในตัวแทนในการแบกรับความทุกข์สุขของเหล่านักเรียนที่น่าสงสาร ฮ่าๆ ทำไมฉันถึงเป็นคนทีดีเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ขนาดนี้นะ
แต่ทว่า พอฉันกลับไปที่ห้องเรียน ก็มีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งฉันจำชื่อไม่ได้(เด็กใหม่สินะ) วิ่งเอาใบตอบรับมาให้ (ไวจริงอะไรจริงนะนั่น) ทำให้ฉันสังเกตเห็นตัวปั้มสีแดงขนาดเกือบครึ่งกระดาษเอสี่ถูกแปะลงบนใบสมัคร ‘ไม่ผ่านการพิจารณา’ พร้อมคอมเม้น ‘คุณสมบัติไม่เพียงพอ’ และการรับรองด้วยลายเซ็นประธานนักเรียน มันทำให้ฉันสตั้นไปนานหลายวินาที
“ว่าละ” ใบไม้พูดด้วยเสียงที่เบาๆ แต่แลดูมั่นใจราวกับรู้ผลลัพธ์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ฉันขอแนะนำว่า ถ้าอยากรู้เหตุผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ ให้ไปขอพบประธานนักเรียนที่ห้องสภานักเรียนนะ เขาอยู่รุ่นเดียวกับเรา ไม่ต้องเกรงใจมากหรอก” เพื่อนร่วมชั้นที่เอาใบสมัครมาให้ฉันพูดด้วยเสียงเนือยๆราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ฉันกำลังชอกช้ำใจมาก ณ ขนาดนี้!!
ไอ้ประธานนักเรียนบ้า ฉันจะไปเจอหน้าแกเดี๋ยวนี้แหละ!! จะถามมันทุกอย่างเลย ทั้งเหตุผล ทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ พ่อ แม่ ฐานะ ถามให้หมดเลย รวมทั้งแบบสอบถามประหลาดๆนั่นด้วย!
ปัง! เสียงกระแทกของประตูกับผนังห้องสภานักเรียน ที่ฉันเปิดเข้าไปเต็มแรงอย่างไม่ไว้หน้าใครในห้องทั้งนั้น สิ่งที่ฉันเห็นอย่างแรกคือ ผู้ชายใส่แว่นคนหนึ่ง ใส่เครื่องแบบโรงเรียนอย่างเรียบร้อยกำลังเล่นคอมอย่างสบายอกสบายใจ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า คงเป็นสมาชิกสภาที่แอบมาเล่นเกมในห้องสภาในระหว่างคาบพักแน่ๆ หยามกันเกินไปแล้วนะ
“ประธานนักเรียนอยู่ไหน” ฉันถามห้วนๆโดยใช้อารมณ์ไปนิดหน่อย แต่ก็ได้คำตอบมา โดยที่คนตอบไม่คิดจะหันหน้าออกมาจากจอคอมแล้วคุยกับฉันดีๆเลย
“ผมนี่แหละครับ”
“หา?”
“มีธุระอะไรครับ คือตอนนี้ผมกำลังจะฆ่าชาร์ล็อต ขอเวลาสักครู่”
ชา…? นายนี่เรอะ ประธานนักเรียน แล้วนี่มันกำลังหยามกันชัดๆ มาเล่นเกมในห้องสภานักเรียน ทั้งๆที่ไม่ให้นักเรียนดีเด่นอย่างฉันเข้าสภานักเรียนเนี่ย
“ทำไมนายไม่ให้ฉันสมัครเข้าล่ะ” พอคิดได้ว่า หมอนี่มันรุ่นเดียวกันอย่างที่เพื่อนบอกมา ก็เผลอฉุนไม่ได้แฮะ
“ผมจำได้ว่าผมเขียนไปแล้วนะ ว่าคุณสมบัติไม่เพียงพอน่ะ” ก็นั่นแหละที่ไม่เข้าใจ
“คุณสมบัติฉันไม่เพียงพอตรงไหนล่ะ ฉันเรียนดีมาตลอด ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีมาก่อนด้วย แล้วก็พวกเกมหรือการ์ตูน ฉันก็ไม่ได้เล่นแล้วก็ดูด้วย ถึงทำก็ไม่น่ามีปัญหานะ นายก็ทำนี่นา” …เผลอหลุดไปเป็นชุด
“ก็นั่นแหละที่ขาด” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอามือเสยผมขึ้น ประมาณว่าไร้อารมณ์จะคุยด้วย ไอ้ท่าทางแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้ฉันอารมณ์เสียขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจที่เขาจะสื่อด้วย
“นายหมายความว่ายังไงน่ะ”
“….สักครู่ครับ ชาร์ล็อตจะตายแล้ว” (หะ? อะไรชาๆ อีกนะ)
ไม่รู้ว่าเพราะทำไม แต่ฉันกลับรอและทำตามที่เขาบอกง่ายๆซะงั้น จนเขาเล่นเกมบ้าบอนั่นเสร็จ แล้วก็นั่งท่าสบายๆบนเก้าอี้ และถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ เสร็จซักที”
“เอาล่ะ ผมจะตอบคำถามแบบรวมๆนะครับ” เค้าพูดพร้อมกับลุกขึ้น แล้วหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาอ่าน
“ในตอนที่หนึ่ง คุณตอบได้โอเคแล้วล่ะครับ แต่ในตอนที่สองนี่ ถ้าคุณไม่ตอบอะไรเลย ก็ไม่ผ่านนะ”(ออ ตกลงนั่นคือสำเนาในสมัครของฉันสินะ) เขาพูดโดนที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองฉันเลย ตอนนี้ฉันก็ยังคงเห็นหน้าเขาไม่ชัด รู้แค่ว่าเขาผิวขาวมาก และใส่แว่นตาเหลี่ยมๆเท่านั้น นอกจากนี้จากแสงของห้องที่มัวก็ไม่สามารถบอกอะไรฉันได้อีก
“ถ้าคุณไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้เลยซักข้อ ผมก็ไม่ขอต้อนรับคุณเข้าสภาหรอก เพราะพวกเราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้”(ฉันว่าฉันเริ่มงงกับที่เขาพูดแล้วล่ะ)
“อ่า แล้วก็ เชิญออกไปจากห้องนี้ด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวจะมีประชุมเรื่องการจัดงานวันศุกร์ต้อนรับคุณมานินีด้วย” เขาพูดพลางหยิบสำเนาใบสมัครของฉันขึ้นมาดูอีกครั้ง ...เดี๋ยวนะ นี่เขาไม่ได้ดูชื่อฉันในใบสมัครมาก่อนเลยเรอะ นั่นมันชื่อฉันนะ!
“….อ่าว....คุณคือคุณมานินีเองหรอครับ แหม บังเอิญจังนะครับ ยินดีต้อนรับกลับโรงเรียนนะครับ คุณมานินี” (อย่าเรียกชื่อถี่ได้ไหม ขยะแขยง! ไอ้ตาบ้านี่ ไร้มารยาทชะมัด) เขาพูดพร้อมๆกับเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มหน้าหลังคาเหมือนกับที่เจอในภาษาพิมพ์ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหลับตายิ้มด้วย ประสาทกลับรึไง ไม่อยากมองหน้าสวยๆของฉันรึไงกัน
จะว่าไป...หมอนี่ หล่อชะมัดเลย พอเห็นหน้าตรงๆแบบนี้แล้วมันอดเขินไม่ได้ สงบสติอารมณ์เอาไว้ สงบเอาไว้หน่อย หมอนี่มันไม่ให้เราเข้าสภานักเรียนเชียวนะ สงบใจหน่อย และในขณะที่ฉันกำลังแพ้ทางใบหน้าอันหล่อเหลานั้น เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วอาปากค้าง ทำนองว่า เห็นหน้าฉันแล้วเกิดตกใจขึ้นมา ในสมองฉันก็สั่งการให้ฉันคิดได้ไม่กี่อย่างคือ ‘หน้าฉันมีอะไรติดอยู่งั้นหรอ’ หรือ ‘ฉันสวยมาก?’ และมันก็ทำให้ฉันยืนพะวงอยู่นานว่าหน้าฉันมีอะไรติดอยู่รึเปล่าและพยายามล้วงหยิบกระจกพกพาในกระเป๋าขึ้นมา แต่เขาก็เอามือพร้อมกับนิ้วเรียวๆมาโอบที่ใบหน้าของฉัน ทำให้ฉันชะงักทันที
“ทำไมหรอ เห็นหน้าฉันแล้วเกิดหลงขึ้นมารึไง” ฉันพูดแก้ขัด แล้วเบี่ยงหน้าไปทางอื่นทันที
“หัวปักหัวปำเลยล่ะ”
กรี๊ด-- -- - คำตอบประเภทไหนของคนที่เพิ่งเจอกันคะเนี่ย!!!
ดะ...เดี๋ยวนะ ตอนนี้ฉันเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกแล้ว ฉันแค่มาท้วงเรื่องที่ฉันสมัครเข้าสภานักเรียนแล้วไม่ผ่านที่ห้องนี้เท่านั้น ฉันได้เจอกันประธานนักเรียนตัวเป็นๆที่กำลังนักเล่นเกมอยู่ในห้องสภา แล้วก็พูดจาไม่ค่อยไม่รู้เรื่อง แต่ทั้งที่เพิ่งเจอกันแท้ๆ เขาดันบอกว่าเขารักฉันซะงั้น(หัวปักหัวปำด้วยนะ) นี่มันจะบ้าไปแล้ว ฉันกำลังเพ้อหรือกำลังฝันอยู่รึเปล่าก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เพราะเขาหล่อตรงสเป็กฉันมากๆ (ผิดประเด็น) แล้วเมื่อกี้ฉันก็แค่เล่นมุกแก้ขัดไปเท่านั้นเอง หรือฉันกำลังโดนแกล้ง หรืออะไรกันแน่ มันทำให้ฉันสับสนมากและคิดว่าฉันอยู่กับไอ้ตาบ้านี่ไม่ไหวแล้ว หนีดีกว่า
แต่ทันทีที่ฉันคิดจะเริ่มวิ่งหนี เขาก็ผละตัวออกจากฉันอย่างรวดเร็ว ถ้ามองดีๆ ตอนนี้จากหน้าขาวๆของเขาในตอนแรกก็แดงก่ำไปหมด (ซึ่งฉันก็คิดว่าฉันก็คงอยู่ในสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่)
“เอ่อ...ผมคิดว่าเราควรจะค่อยเป็นค่อยไป.....” สมองของฉันได้รับคำคำนี้หลังจากเขาพูดจบไปแล้วสามวิ คงเป้นเพราะฉันสับสนอย่างแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฮะๆๆๆๆๆ วันนี้ฉันไปล่ะ ฉันไม่มีธุระอะไรแล้ว บาย” ฉันพูดรัวๆอย่างกับคนท่องบทด้วยความสับสนแล้วเดินออกมาจากห้องห้องนั้น แต่ไม่ทันไร ก็ถูกฉุดแขนเอาไว้ (ขอร้องล่ะ อย่าตามมาเถอะ)
‘คุณจะคบกับผมไหม” เขาถามขึ้นมาโดยบีบเค้นขอคำตอบด้วยการจับข้อมือของฉันไว้แน่น ทำให้ฉันต้องเลือกที่จะตอบ ถึงแม้เขาจะหล่อขนาดไหนก็ตาม(ไม่เกี่ยว) แต่แบบนี้มันน่ากลัวแล้วก็น่าขยะแขยงสุดๆ (เมื่อกี้บอกค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่หรอ!!)
“ฮะๆๆๆ ขอโทษค่ะ เราเพิ่งเจอกันไม่ถึงสิบห้านาที ฉันไม่ชอบนายหรอก” ฉันตอบแบบส่งเดชไปแล้วตั้งท่าวิ่งต่อ ทั้งๆที่ข้อมมือก็ยังถูกบีบไว้แน่น ฉันเห็นจากหางตาว่าเขามองหน้าฉันอยู่ซักพัก แล้วแสดงอาการท่าทีของลูกหมาหูตก แต่ก็พูดประโยคสั้นๆ ได้ใจความ ที่ฉันไม่อยากได้ยินออกมาด้วยลอยยิ้ม ที่มองไม่ค่อยชัดว่ายิ้มแบบไหน แต่คงยิ้มแสยะอยู่ว่า
“พรุ่งนี้จะไปจีบนะครับ”
กรี๊ดด..ด
ความคิดเห็น