ตอนที่ 17 : FAKE - Chapter 15
F A K E
Chapter 15
แบมแบมไม่รู้จะวางตัวยังไงดีตอนที่วันหยุดหมดลงและเขาได้พบคนที่หายไปจากหอถึง 2 วันอย่างจินยองและแจบอมอีกครั้ง หลังจากเดทกับมาร์คในวันแรกและเจอเหตุการณ์ที่มากกว่าคำว่าหวั่นไหวด้วยการจูบที่ริมฝีปากเบาๆ นั่น เมื่อวานนี้แบมแบมตื่นแต่เช้าก่อนจะทิ้งข้อความเป็นโพสต์อิทติดหน้าตู้เย็นบอกมาร์คว่าจะกลับเย็นหน่อย แล้วเขาก็หนีหน้าอีกคนเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เด็กหนุ่มหนีไปขลุกอยู่ที่บริษัท โชคดีว่าเจอแจ็คสันก็เลยไปนั่งคุยกันและเล่นกีต้าร์
แบมแบมกลับมาถึงหอพักและพบโพสต์อิทที่มาร์คทิ้งไว้เหมือนกันว่าออกไปหาเพื่อนข้างนอก เกือบสองทุ่มแจบอมก็กลับมาถึง แต่เราไม่ได้คุยอะไรนอกจากถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้างในวันหยุด
‘เห็นว่าไปเที่ยวกับมาร์คมาเหรอ?’
แบมแบมโดนยิงตรงจากหัวหน้าวง Chaos เป็นคำถามแรก จากนั้นเขาเลยเลี่ยงๆ บอกแจบอมว่าง่วงนอนก่อนจะหนีเข้าห้องตอนสามทุ่มกว่า แจบอมอาจจะรู้ว่าเขาหลบหน้า แต่ตอนนั้นแบมแบมก็แค่ไม่อยากตอบคำถามจริงๆ
ส่วนเช้านี้ ตอนนี้ เวลานี้ เราสี่คนรวมตัวกันอยู่ในห้องครัวระหว่างรอพี่ฮยอนอูมารับ ก่อนหน้านี้ในห้องครัวมีแค่มาร์คและจินยอง ส่วนแบมแบมเพิ่งจัดการธุระในห้องนอนเรียบร้อยและมาสมทบ ตามด้วยแจบอมที่เพิ่งเดินเข้ามา และก่อนหน้านี้แบมแบมก็เห็นว่ามาร์คถามเรื่องวันหยุดของจินยองอยู่ว่ากลับบ้านเป็นไงบ้าง
“แล้วมึงล่ะ? วันหยุดเป็นไงมาร์ค” แจบอมเดินไปกดน้ำร้อนใส่แก้วที่มีผงโกโก้ แบมแบมที่ยืนปิดตู้เย็นถึงกับชะงักมือ ปิดบานประตูตู้เย็นแล้วแต่ก็ยังหยุดยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง
“ก็ดี” มาร์คตอบสั้นๆ แบมแบมลอบถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวเดินไปนั่งข้างๆ จินยองพร้อมกับวางขวดน้ำกับแก้วลงบนโต๊ะ
“ไปเที่ยวกับแบมแบมมาน่ะเหรอ? ดีใช่ปะ...” จินยองหันมายิ้มให้แบมแบมก่อนจะหันไปมองมาร์ค บิขนมปังในมือเป็นชิ้นเล็กยัดเข้าปากพลางยักคิ้ว
“อือฮึ...” มาร์คเลิกคิ้วพลางใช้ช้อนคนซีเรียลในชาม
“รูปเต็มบอร์ดเลย แถมยังมี...กระทู้วิเคราะห์ความสัมพันธ์มาร์คแบมด้วย อ่านกันรึยัง? ประธานชอบอกชอบใจใหญ่เลย บอกว่ามาร์คทำดี” แจบอมเดินมาลากเก้าอี้ข้างมาร์คแล้วหย่อนกายนั่งลงบ้าง กลิ่นโกโก้หอมกรุ่นลอยเตะจมูก
แบมแบมนั่งนิ่งเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงหรือตอบคำถามอธิบายอะไรดี อย่างน้อยแจบอมกับจินยองก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ามาร์คชอบเขา แถมบอกรักเขาแล้วอีกต่างหาก คงรู้แค่ว่ามาร์คกำลังทำโมเมนต์ตามที่ประธานสั่งแค่นั้น แต่แบมแบมก็ไม่อยากพูดหรือทำอะไรให้ใครจับได้ เลยเลือกจะเงียบ
“กูไม่ได้ทำเพราะประธานสั่งแล้วนะ กูกับแบมสนิทกันแล้ว ว่าไหม?” มาร์คชี้นิ้วมาทางแบมแบม เด็กหนุ่มเม้มปากก่อนจะพยักหน้าหงึก
“หน้าน้องไม่ได้บ่งบอกเลยว่าอยากสนิทกับมึง” จินยองหัวเราะ เอนหลังพิงเก้าอี้ก่อนจะเหลือบตามองมาร์คนิ่ง
“ถามจริง...ไปเห็นอะไรในตัวแบมแบมวะ? ตอนแรกที่เขาเข้ามาในวงกับตอนนี้ มึงเหมือนไม่ใช่คนๆ เดียวกันเลยมาร์ค...”
“อืม...ตอนที่แบมแบมเข้ามาในวงนั่นแฝดกูนะ เป็นแฝดตอนกูอารมณ์ไม่คงที่ อะไรกูก็ไม่ชอบหมดล่ะ ขนาดหน้ามึงกูยังไม่อยากมองเลย”
จินยองถลึงตาใส่พลางโยนขนมปังคำสุดท้ายเข้าปาก หันไปคว้าแก้วน้ำมาเทน้ำแล้วกรอกเข้าปากตาม ขณะแจบอมกับมาร์คกลั้นหัวเราะกันอยู่
“เลิกล้อเรื่องมาร์คสนิทกับแบมแบมได้แล้วจินยอง สนิทกันได้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” แจบอมส่ายหน้าพลางยกแก้วในมือขึ้นจิบโกโก้ จินยองยักไหล่ก่อนพูดขึ้น
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้สนิทกัน แต่แหม...มึงเห็นรูปหรือยังล่ะแจบอม ถ้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนร่วมวงนี่กูจะคิดว่าไอ้มาร์คไปเดท”
“ไม่ใช่เดทนะครับ” แบมแบมรีบร้อนหันไปโบกมือส่าย จินยองหัวเราะแล้วยื่นมือไปลูบหัวเด็กที่กำลังร้อนรนปฏิเสธ
“รู้แล้วว่าไม่ใช่เดท ไอ้มาร์คมันไม่ได้ชอบผู้ชายหรอก”
“มึงรู้ได้ไง?” มาร์คเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แบมแบมหันไปมองตาเบิกกว้าง ขณะจินยองดึงมือกลับไป เบือนหน้าไปมองมาร์คพลางถามเสียงเย็นว่า
“มึงว่าไงนะ”
“กูบอกว่ามึงรู้ได้ไงเรื่องที่กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” มาร์คตอบแล้วเหลือบมาสบตากับแบมแบมแวบเดียวเท่านั้น แล้วก็ตักซีเรียลคำสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะเงยหน้ามาบอกจินยองว่า
“หึ...กูอาจจะแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่แต่มึงไม่รู้ก็ได้”
แล้วมาร์คก็ลุกจากโต๊ะเอาชามไปล้างตรงอ่าง ส่วนจินยองหันไปทำหน้าเหยเกใส่แจบอม แล้วก็มองหน้าแบมแบมพลางเบ้ปากก่อนจะป้องปากกระซิบกระซาบกลัวมาร์คจะได้ยินออกมาว่า
“มันล้มหัวฟาดพื้นหรือเป็นบ้าอะไรเปล่าวะ?”
“กูได้ยินจินยอง!”
“เออ ไอ้หล่อเลือกได้ ชอบผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดี คร้าบ...ไอ้เสือไบ!”
จินยองรีบตะโกนกลับก่อนจะหันมาพ่นลมเสียงดังพลางยกมือขึ้นเท้าคาง บ่นพึมพำเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอพลางหันไปพยักพเยิดกับแบมแบมและแจบอมเพื่อหาพวกอีกต่างหาก เด็กหนุ่มหันไปมองแผ่นหลังมาร์ค อีกฝ่ายเพิ่งจะวางชามลงบนตะแกรง ก่อนจะหันมาและเราก็บังเอิญสบตากัน
มือกลองของวงยิ้มบางทำปากจู๋ส่งให้ก่อนจะยักคิ้วอย่างรวดเร็ว แบมแบมรีบหันกลับมาบนโต๊ะ ตอนนั้นเองที่แจบอมบอกให้รีบทานเพราะพี่ฮยอนอูกำลังจะมารับแล้วอีกไม่กี่นาทีนี้ ในตอนนั้นแบมแบมเลยรีบลุกเพื่อเก็บแก้วและขวดน้ำ ตอนนั้นเองที่มาร์คปรี่มาหา
“เดี๋ยวช่วย”
“ผม...”
แบมแบมเอ่ยออกมาแค่นั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะทั้งแก้วทั้งขวดน้ำโดนแย่งไป เขายืนมองแผ่นหลังมาร์คที่เอาของไปเก็บให้ มองตามกระทั่งอีกคนหันมายิ้มหวานให้อีกครั้งถึงได้รู้ตัวว่าในเมื่อไม่มีอะไรให้รับผิดชอบก็ควรหนีออกไปนอกห้องครัวซะ แล้วก็ไม่ควรสบตากับมาร์คอีก
...เพราะใจเต้นแรงมาก ช่วยด้วย
‘แล้วจะให้กูคิดยังไง’
นั่นคือข้อความที่ยองแจไลน์มาและหลังจากนั้นในไลน์กรุ๊ปซึ่งมีเพียงแบมแบม ยองแจและยูคยอมก็เต็มไปด้วยข้อความจากกระทู้วิเคราะห์ความสนิทสนมของมาร์คแบม รวมไปถึงภาพที่แฟนคลับถ่ายได้เมื่อวันก่อนส่งมาเต็มทั้งห้องแชท แบมแบมเผลอถอนหายใจเบาๆ ออกมาทันที
เขาเหลือบตาพลางกวาดตามองไปรอบๆ ตอนนี้มีเพียงเขาที่นั่งจมอยู่กับโซฟาเพื่อรอถ่ายแบบเป็นคนถัดไป ตรงหน้ากระจกมีมาร์คที่โดนเหล่าช่างแต่งหน้าดึงไปนั่งเพื่อเติมแป้งอีกหน ส่วนจินยองกำลังทำงาน ในขณะที่แจบอมนั่งอยู่อีกฝั่งโซฟาและกอดอกหลับตานิ่งอยู่นาน แบมแบมเลยเดาว่าหัวหน้าวงของเราน่าจะหลับไปแล้ว
‘Bam_Chaos : ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆ’
แบมแบมกดข้อความส่งตอบกลับไป เพื่อนทั้งสองอ่านแทบจะในทันทีที่มันโผล่ขึ้นในห้องสนทนานั้น แล้วคราวนี้แบมแบมก็ต้องเม้มปากตอนเห็นว่าเพื่อนรัวข้อความสลับกันส่งมา
‘YJSunrise : ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยนะ’
‘YJSunrise : มีวันหยุดทำไมไม่บอกเพื่อนล่ะแบม’
‘YugyeomSunrise : งอนนนนนนนนนนนนนนนนน’
‘YugyeomSunrise : กูกับยองแจว่างด้วย วันที่แบมมึงไปเที่ยวกับพี่มาร์ค’
‘YJSunrise : ใช่....................................’
‘YugyeomSunrise : รู้สึกผิดซะสิ’
แบมแบมถอนหายใจก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวยังไง เพราะคืนก่อนที่จะได้วันหยุด พอตกปากรับคำกับมาร์คว่าจะไปด้วยกันกับอีกฝ่าย แบมแบมก็ไม่ได้คิดจะไลน์หรือโทรหาเพื่อนเลยว่าว่างไหม สรุปคือเขาห่วงมาร์คมากกว่าจะปลีกเวลาไปถามเพื่อนนั่นล่ะ
‘YJSunrise : แล้วทำไมไปแถวหอเก่าพวกเราด้วยวะ’
แบมแบมอ้าปากเหวอทันที เขาไม่ได้เป็นคนวางแผนสักหน่อย ไม่รู้ด้วยว่าทำไมมาร์คถึงพาเขาไปแถวนั้นด้วย แบมแบมรีบกดพิมพ์ตอบไปทันทีว่า
‘Bam_Chaos : เขาเป็นคนพาไปนะ ไม่เกี่ยวกับกู’
แบมแบมนั่งจ้องจอมือถือในมืออย่างเคร่งเครียด ตอนนั้นเองที่ข้อความจากยองแจโผล่พรวดมาอีกครั้ง แบมแบมเบิกตากว้างทันทีที่อ่านจบ
‘YJSunrise : พี่มาร์คจีบมึงเหรอ’
ปลายนิ้วกำลังจะกดตอบเพื่อนไป ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะตรงกลางของโซฟามันยวบลงตามน้ำหนักตัวคนที่นั่งลง แบมแบมใช้มือบังหน้าจอมือถือแล้วกลั้นหายใจหันไปมองคนข้างๆ ที่ยื่นหน้ามาพลางยิ้ม
“ทำอะไร หน้าเครียดเชียว”
“พี่มาร์ค...ไม่ไปทำงานเหรอครับ...”
แบมแบมเอ่ยถามตะกุกตะกัก เหนือจากอาการกลัวว่ามาร์คเห็นหน้าจอไลน์ก็คืออีกคนเขยิบเข้ามาใกล้จนตัวเราแนบกันนี่ล่ะ หัวใจบ้านี่ก็เต้นถี่เต้นแรง ไม่กลัวคนข้างๆ แบมแบมได้ยินรึไงนะ!
“จินยองยังถ่ายไม่เสร็จเลย ว่าแต่...ทำอะไรครับ หน้าเครียดจัง”
มาร์คยืดแขนไปตามพนักพิงเหมือนจะโอบแบมแบมเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะเอียงหน้ามาอีก มือกีต้าร์ของวงรีบปิดโทรศัพท์แล้วเอ่ยตอบไปสั้นๆ แค่ว่า
“ไลน์คุยกับยูคยอมครับ มันปรึกษาอะไรนิดหน่อย”
“อ๋อ...”
มาร์คส่งเสียงออกมาแค่นั้นแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักเม้มปากไม่พูดอะไรออกมาอีก แบมแบมหันไปลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาแล้วหันกลับไปทางมาร์ค
“พี่มาร์ค...มีอะไรรึเปล่าครับ?” ถามเสียงเบาราวกระซิบ มือกลองหันกลับมามองก่อนจะยิ้มให้ ยื่นมือมายีผมแบมแบมแล้วก็ลุกขึ้น
“เห็นหน้าเครียด ก็แค่เป็นห่วงน่ะ”
“มาร์คคะ! เตรียมตัวได้เลยค่ะ จินยองเรียบร้อยแล้ว” เสียงทีมงานตะโกนดังมาจากหน้าประตูห้องแต่งตัว ผู้ชายร่างโปร่งตรงหน้าแบมแบมหันไปพยักหน้าให้คำพูดนั้นแล้วมองมาที่แบมแบมอีกที
“พี่ไปทำงานแล้วนะ”
“อ่า...ครับ”
แบมแบมเอ่ยเสียงเบาหวิวออกไป สีหน้าและน้ำเสียงแปลกๆ ของมาร์คทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้นรีบเดินตามหลังอีกฝ่ายไป แค่ 3 ก้าวยาวๆ เขาก็เกือบตัวติดกับมาร์ค เด็กหนุ่มกลั้นหายใจแล้วเอื้อมมือไปดึงเสื้อด้านหลังมาร์คไว้ อีกคนหยุดเดินพลางหันกลับมามองด้วยสีหน้างุนงง
แบมแบมใจเต้นแรง เขาด่าตัวเองว่าทำไมจะต้องใจเต้นถี่ขนาดนี้แค่เพียงเพราะมาร์คหันมาเลิกคิ้วมองแบบนี้ เม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะดึงมือกลับไปซ่อนด้านหลัง
“แบมแบม...”
“เอ่อ...แค่จะบอกว่าตั้งใจทำงาน”
“แค่นี้เหรอ...” มาร์คมองไปรอบๆ แล้วก้มมาถาม แบมแบมเงยหน้าขึ้นไปเห็นเลยรีบถอยหลังไป 2-3 ก้าวทันที ก่อนจะถลึงตาใส่มาร์คแล้วเอ่ยเสียงเข้มว่า
“ก็พี่...พี่มาร์คทำหน้าแปลกๆ เลย...”
“อ๋อ” อีกคนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวเขาอีกหน แบมแบมเบี่ยงหลบเพราะทรงผมยุ่งเหยิงขึ้นมาเดี๋ยวพี่สาวช่างทำผมได้ดุเขาอีกแน่ๆ ว่าไปเล่นซน
“ขอบคุณนะ”
มาร์คหัวเราะแล้วยิ้มกว้างอย่างสดใส อาการหม่นหมองก่อนหน้านี้ปลิวไปหมด แบมแบมมองแผ่นหลังอีกคนที่เดินออกไปจากห้อง เขาถอนหายใจอีกครั้งพลางคิดว่านี่คิดผิดรึเปล่าที่นึกว่ามาร์คมีเรื่องหนักใจอะไรเลยเดินมาให้กำลังใจถึงตรงนี้ แบมแบมก็แค่เป็นห่วง
เป็นห่วงไง...แค่เป็นห่วง...แค่นั้นล่ะ...
แบมแบมนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องออกอากาศวิทยุข้างๆ มาร์ค เขาเหลือบไปมองคนข้างๆ ที่เพิ่งจะลากเก้าอี้แล้วนั่งลงพลางวางขวดน้ำลงแถมยังหยิบติดมือมาเผื่อเขาอีกขวดด้วย
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่ม เรามีงานเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการวิทยุหนึ่งชั่วโมง ก่อนหน้านี้ในห้องพัก ทีมงานมาคุยเรื่องสคริปต์ก่อนจะบอกว่าเดี๋ยวจะมีเล่นเกมตอบคำถามเลยต้องให้เราจับฉลากเลือกคนที่จะอยู่ด้วย กลายเป็นว่าแบมแบมกับมาร์คอยู่ทีมเดียวกัน ส่วนจินยองและแจบอมอยู่อีกทีม ลำดับการนั่งเพื่อง่ายแก่การเล่นเกมก็เลยแยกเราเป็นคู่นั่งคนละฝั่ง มีดีเจนั่งอยู่ตรงกลางและตอนนี้กำลังเปิดเพลงเข้ารายการอยู่
ทีมงานไม่ได้บอกว่าจะเป็นเกมเกี่ยวกับอะไร พวกเราเลยไม่อยากเดาอะไรมากมายนัก ตอนนี้ดีเจเสียงหวานซึ่งเป็นนักแสดงละครเวทีอายุสามสิบต้นๆ ชื่อคุณซึงยอนกำลังเอ่ยนำเข้ารายการ
“วันนี้เรามีแขกรับเชิญพิเศษค่ะ เป็นหนุ่มหล่อสี่คนแน่นห้องส่งกันเลยทีเดียว สาวๆ ที่ดูออนแอร์ทางเว็บช่วยเก็บอาการนิดนะคะ แต่ข้อความที่ส่งมานี่ไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว ขอต้อนรับ Chaos ค่ะ!”
เสียงปรบมือดังก้อง พวกเราทั้งสี่ก็รีบปรบมือตามไปด้วย หลังจากแนะนำตัวเรียบร้อยแบมแบมก็หันไปเล่นกับกล้องเพราะนี่เป็นรายการที่ออนแอร์ผ่านทางเว็บไซต์ด้วย ดังนั้นผู้ฟังสามารถเห็นหน้าค่าตาดีเจและแขกรับเชิญพิเศษในห้องส่งได้เลย
“คุณ 452900 ส่งข้อความมาบอกว่า มาร์คกับแบมแบมนั่งข้างกันอีกแล้ว ช่วยโบกมือให้ดูหน่อย กล้องอยู่ตรงนั้นค่ะ”
แบมแบมหันไปมองหน้ามาร์ค อีกฝ่ายจู่ๆ ก็จับมืออีกข้างแบมแบมขึ้นมาแล้วโบกใส่กล้องด้วยใบหน้าที่ยิ้มบางๆ เพียงเท่านั้น ก่อนจะดึงมือแบมแบมลงข้างตัวแต่ไม่ยอมปล่อย
“พี่มาร์ค...” แบมแบมเอียงหน้าไปกระซิบเรียกชื่ออีกคนเสียงดุ ก็นี่มันในห้องส่งและกล้อง 4 ตัวกำลังจับเราอยู่ แบมแบมพยายามดึงมือตัวเองออกจากฝ่ามืออีกคนแต่มาร์คก็ยังจับเอาไว้ซะแน่น
“ตื่นเต้นขอจับมือหน่อย”
“ตื่นเต้นอะไรกัน” แบมแบมหันไปทำหน้าดุ มาร์คยิ้มเพราะตอนนั้นดีเจสาวของห้องส่งเปิดเพลงขึ้นมาพอดี อีกฝ่ายเลยยื่นหน้ามาทำสายตากรุ้มกริ่มให้แล้วก็ยอมปล่อยมือ
“เดี๋ยวเบรกหน้าจะเล่นเกมนะคะ ไม่ต้องห่วงนะแค่ถามเรื่องทั่วไปของอีกคน” ทีมงานสาวคนหนึ่งเดินมากระซิบบอกเราทีละคน ยื่นสคริปต์มาชี้นิ้วอธิบาย มาร์คกับแบมแบมพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ
ระหว่างที่เปิดเพลงและโฆษณาอยู่ แบมแบมกับมาร์คก็อ่านข้อความที่แฟนคลับและแฟนรายการส่งมาทั้งทาง sms และเว็บไซต์ ส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทชมว่าเราหล่อ ชมเรื่องเพลง หรือไม่ก็ขอให้เปิดเพลงของพวกเรา และบางข้อความอีกนั่นล่ะที่เอ่ยถึงตำแหน่งที่นั่งของมาร์คและแบมแบม
“เอาล่ะค่ะ กลับเข้ามาสู่ช่วงเล่นเกม วันนี้เราแบ่งทีมกันแล้วตามตำแหน่งที่นั่งนะคะ มาร์คกับแบมแบม จินยองและแจบอม” ดีเจสาวผายมือก่อนจะถือคำถามไว้ในมือ 4 ซองโดยมีชื่อของเราทั้งหมดบนนั้น
“คำถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปของคู่เล่นค่ะ เรามีเวลาให้ 30 วินาที ทีมไหนตอบถูกมากที่สุดชนะ ส่วนของรางวัลสำหรับวันนี้...เป็นหูฟังค่ะ”
“โห...ผมอยากได้ยี่ห้อนี้พอดี” แบมแบมอ้าปากแล้วเอ่ยเสียงตื่นเต้น มาร์คหันมามองก่อนจะยิ้มบางให้สีหน้าของอีกฝ่าย
“แต่ทีมพวกเราคงกินหมู มาร์คเป็นพวกไม่ค่อยจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คนอื่น” แจบอมหัวเราะก่อนจะหันไปตีมือกับจินยอง
“งั้นจะเริ่มจากทีมไหนดีค่ะ เริ่มจากแบมแบมตอบคำถามมาร์คก่อนดีไหม?” ดีเจเอ่ยขึ้นแล้วหันมายิ้ม แบมแบมเลยพยักหน้า
“ได้เลยครับ ผมจะชนะพวกพี่ให้ดู ผมอยากได้หูฟัง”
แบมแบมเอ่ยเสียงมุ่งมั่น เขาว่าคำถามคงมาจากกระดาษเอสี่มีคำถาม 2 แผ่นซึ่งทีมงานแจกมาก่อนหน้านี้ เรานั่งกรอกกันคนละมุมห้องระหว่างรอเข้าห้องส่ง ทีมงานบอกพวกเราแค่ว่าเป็นข้อมูลที่อาจจะเอามาให้แฟนคลับเล่นเกม เราไม่รู้เลยว่ามันจะกลายมาเป็นคำถามที่เราต้องตอบของเพื่อนร่วมวงในห้องส่ง
“เวลา 30 วินาที คำถามเกี่ยวกับมาร์ค ตอบให้ถูกและเร็วที่สุดนะคะ”
แบมแบมหันไปทางมาร์คซึ่งตอนนี้กำลังเตรียมกดปุ่มเปิดเสียงว่าถูกหรือผิด แต่คนอ่านคือดีเจ แบมแบมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วดีเจก็เอ่ยขึ้นเสียงดังว่า
“เริ่มค่ะ! ของที่ชอบกินที่สุดในร้านสะดวกซื้อ”
“เบียร์” เสียงติ๊งเป็นสัญญาณว่าถูกจากคนข้างๆ ทำให้แจบอมกับจินยองหัวเราะตบมือจากอีกฝั่งของที่นั่งทันที
“ผักที่ไม่ชอบ”
“เอ่อ...กะหล่ำปลีครับ” เสียงถูกดังขึ้นอีกหน คราวนี้จินยองโวยวายมาจากอีกฝั่ง
“อาหารที่ทานนอกหอล่าสุดคือเมนูอะไร”
“อ่า...ราเม็งครับ”
“ย่าห์! เจ้าพวกนี้!” คราวนี้แจบอมโวยออกมาบ้าง ขณะแบมแบมหันไปตบมือกับมาร์คพลางยิ้มกว้าง ก็คำถามเหล่านี้ส่วนใหญ่มันเป็นคำถามประเภทที่ถ้าไม่สนิทและไม่อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็จะไม่รู้จริงๆ นั่นล่ะ
หมดเวลา 30 วินาทีแบมแบมตอบถูกไป 5 คำถาม ผิดไป 2 แล้วก็สลับไปให้แจบอมกับจินยองเล่น รอบแรกจินยองตอบคำถามเกี่ยวกับแจบอมก่อนถูกไปทั้งหมด 4 คำถาม และเพื่อความสนุก ดีเจสาวที่ได้ข้อมูลว่ามาร์คไม่ค่อยสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของสมาชิกร่วมวงก็เลยให้แจบอมเป็นฝ่ายเล่นก่อน และหัวหน้าวงของเราก็ตอบคำถามเกี่ยวกับจินยองถูกถึง 5 คำถามด้วยกัน
“กลับมาที่มาร์คค่ะ” เราหัวเราะกัน แต่ใจจริงตอนแบมแบมมองหน้าอีกฝ่ายเขาหวังเล็กๆ ว่ามาร์คน่าจะจำอะไรเกี่ยวกับเขาได้บ้าง
สารภาพตรงนี้ก็ได้ว่าหูฟังนั่นล่อตาล่อใจแบมแบมจริงๆ
“ผมว่าทีมผมชนะ” จินยองกับแจบอมหัวเราะพลางพยักหน้าให้กัน มาร์คเลยชี้นิ้วไปทางเพื่อนสองคน
“ต้องดูกันก่อน” มาร์คพูดเสียงเข้มแล้วหันไปทางดีเจ ขณะที่แบมแบมเตรียมเป็นคนกดสัญญาณว่าถูกหรือผิด จากนั้นเกมก็เริ่มต้น
“จับเวลาค่ะ! ขนมปังที่ชอบกินที่สุด”
“มอคค่าปัง” แบมแบมอ้าปากเหวอตอนมาร์คตอบแล้วก็กดถูก จินยองตะโกนสวนมาว่าคงเดาถูกแน่ๆ
“น้ำหอมที่ใช้ตอนนี้”
“Bvlgari aqua marine ครับ” แบมแบมอมยิ้มก่อนจะกดถูก ใช่สิ...น้ำหอมที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่มาร์คซื้อให้นี่นา
“โอ้ คำถามนี้ดีกว่าค่ะ เพลงที่พักนี้ชอบฟัง”
“ผมมั่นใจมาก I’ll be your man ครับ” มาร์คหันมายักคิ้ว ขณะที่แบมแบมยอมกดสัญญาณถูกด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก
บ้าจริง...ทำไมมาร์คถึงรู้นะ ที่จริงแล้วแบมแบมไม่ได้ชอบเพลงนี้เป็นพิเศษหรอก แต่ได้ฟังเวอร์ชั่นพิเศษเป็นเปียโนจากมือกลองของวงและดวงตาหวานเป็นประกาย เขาก็คิดว่าเพลงนี้มันเพราะดี เพราะงั้นนี่เลยเป็นเพลงที่ฟังบ่อยๆ ในช่วงนี้ แถมยังเป็นเวอร์ชั่นที่ FanC ทำเป็น mp3 แจกในเว็บบอร์ดและแบมแบมโหลดลงเครื่องอีกต่างหาก
“หมดเวลาค่า เดี๋ยวขอนับก่อน อ่า! มาร์คตอบได้ 5 รวมของเดิมแบมแบมก็ตอบถูก 5 รวมเป็น 10 ชนะทีมแจบอมกับจินยองไปหนึ่งคะแนนค่ะ!”
แบมแบมหัวเราะตาหยีทันที ตอนดีเจสาวยื่นหูฟังมาเขาก็ตื่นเต้นดีใจมองกล่องใส่หูฟังจนเกือบจะบอกลาแฟนคลับ มาร์คต้องสะกิดข้อศอกให้รู้ตัวและรายการก็จบลงด้วยเพลงโปรโมทของพวกเรา
“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ”
เราทั้งสี่หันไปบอกลาดีเจและทีมงานก่อนจะถูกต้อนออกมาจากห้องส่ง แบมแบมยังถือกล่องหูฟังแล้วมองด้วยแววตาภาคภูมิใจ
“มัวแต่มองหูฟังเดี๋ยวก็ล้มหรอก”
มาร์คเดินมาสอดแขนเข้ากับแขนแบมแบม เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะกำลังอารมณ์ดี แบมแบมเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าที่จริงแล้วมาร์คอาจจะไม่ค่อยจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของใครก็ได้ แต่จำเรื่องของเขาเพราะชอบเขานั่นล่ะ แค่คิดแบบนี้แล้วหัวใจก็พองโต การได้เป็นคนพิเศษของใครสักคนมันให้ความรู้สึกดีๆ แบบนี้นี่เอง
แบมแบมเลยไม่ได้ว่าอะไรตอนที่มาร์คคล้องแขนเราเอาไว้ด้วยกัน พวกเราเดินตามหลังจินยอง แจบอมและพี่ฮยอนอูตรงไปทางลิฟต์เพื่อกลับหอพัก ตารางงานวันนี้จบลงตอนห้าทุ่ม ส่วนพรุ่งนี้มีงานช่วงสายของวันแต่ถึงยังไงเราทั้งหมดก็ต้องตื่นแต่เช้าไปแต่งหน้าอยู่ดี
แบมแบมพลิกกล่องไปมาพลางฮัมเพลง ได้ยินเสียงแจบอมบ่นให้พี่ฮยอนอูฟังว่าทำไมมาร์คถึงได้ตอบคำถามเกี่ยวกับแบมแบมถูกเยอะขนาดนั้น แล้วทุกคนก็เริ่มเพ่งเล็งมาที่แบมแบมต้องแอบบอกคำตอบแน่ๆ เพราะอยากได้หูฟัง
“ผมเปล่านะครับ เขาตอบถูกของเขาเอง” แบมแบมเงยหน้ามาบอกแล้วชี้ไปทางมาร์ค ขณะมือกลองหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“มาร์ค...มาร์คคะ...”
ตอนแรกเสียงหวานๆ นั่นดังเบาจนพวกเราทั้งหมดแทบไม่ได้ยิน และมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าร่างเพรียวบางในชุดเดรสสีขาวและมีสูทคลุมอยู่อีกชั้นเดินมาหยุดอยู่หลังกลุ่มพวกเราแล้ว
เราเงียบกันไปหมดตอนที่หันไปด้านหลัง โอนารายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผู้จัดการหุ่นหมี มาร์คค่อยๆ ดึงตัวออกจากแขนแบมแบมก่อนจะหันไปเลิกคิ้วมองผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนสมาชิกวง Chaos รวมไปถึงผู้จัดการวงต่างก็กลั้นหายใจไปแทบจะพร้อมๆ กัน
“เอ่อ...ขอโทษที่รบกวนนะคะ พี่ฮยอนอูคะ...ฉันขอคุยกับมาร์คสักครู่ได้ไหม?”
พี่ฮยอนอูกะพริบตาปริบแล้วหันไปมองหน้ามาร์ค อีกฝ่ายเม้มปากก่อนจะพยักหน้าแล้วเหลือบมามองแบมแบมเพียงแวบเดียวแล้วเดินไปหานารา
“แค่ 15 นาทีนะมาร์ค จะรออยู่ที่รถ ไปได้แล้วเด็กๆ”
พี่ฮยอนอูเอ่ยไล่ต้อน จินยองดึงแบมแบมให้เดินตามมา เขาไม่ได้หันกลับไปมองอีก แต่ภาพสุดท้ายที่เห็นคือฝ่ามือเรียวสวยของนารายกขึ้นแตะศอกมาร์ค แบมแบมเดินเม้มปากตามทุกคนเพื่อลงไปชั้นล่างด้วยลิฟต์
ไม่มีใครพูดอะไรกันเรื่องมาร์คอีกกระทั่งพวกเรานั่งลงในรถตู้ประจำตำแหน่ง พี่ฮยอนอูเปิดแอร์ให้ แล้วจินยองก็เป็นคนแรกที่พึมพำขึ้นมาเหมือนบ่นกับตัวเองว่า
“ทำไมนาราอยากคุยกับมาร์ควะ”
“เขาคงบังเอิญผ่านมา” แจบอมตอบมาจากเบาะหน้า แบมแบมได้ยินเสียงขยับตัว หัวหน้าวงโผล่หน้าผ่านช่องว่างระหว่างเบาะแล้วยักไหล่
“แต่ก็แปลกดี ดูตอนเลิกกันไอ้มาร์คอยากคุยด้วยก็ไม่ยอมคุย ตอนนี้ดันอยากคุย”
“คงอยากคืนดีมั้ง...” จินยองเอนหลังพิงเบาะ
ขณะที่แบมแบมไม่ได้ออกความเห็นอะไร เขามาทีหลัง เข้ามาในจังหวะที่มาร์คกลายเป็นหมาบ้าอย่างสมบูรณ์แบบและพร้อมจะกัดทุกคนแล้วด้วย เด็กหนุ่มแค่แกะหูฟังออกจากกล่อง ดึงมันมาวางบนตักแล้วเสียบเข้ากับมือถือ ที่จริงตั้งใจไว้ว่าจะแบ่งให้มาร์คฟังด้วยกัน เพราะไหนๆ แล้วเราก็เล่นเกมด้วยกันถึงได้มันมา
แต่ตอนนี้แบมแบมกดเลือกเพลง I’ll be your man แล้วก็ฟังมันแค่คนเดียว
ไม่ใช่ว่ามาร์คไม่ได้สังเกตหรอก แต่ว่าพอเขากลับมาจากคุยกับนาราแล้วขึ้นรถ แม้ทุกคนไม่ได้ถามแต่มาร์คก็รับรู้กระแสความอยากรู้แต่มาร์คก็ไม่ได้เล่า และทุกคนก็คงคิดว่าไม่ต้องรู้ก็ได้ ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรหรอก แต่เพราะใครบางคนต่างหากที่ทำให้มาร์คอยากจะพูดให้เข้าใจ
แบมแบมไม่ยอมคุยกับเขาเลย ไม่สิ...เรียกว่าเลี่ยงเหมือนไม่อยากคุยอะไรกับเขามากกว่า ตั้งแต่บนรถแบมแบมหลับไปและมาร์คก็ไม่กล้าทักอะไร พอมาถึงหอเราก็ต่างไปจัดการธุระส่วนตัว มาร์คพยายามจะเข้าไปคุยด้วยแต่ก็เห็นได้ชัดว่าแบมแบมเดินตัวติดกับจินยองหรือไม่ก็แจบอมจนเขาไม่รู้จะหาทางแทรกได้ตรงไหน
มาร์คพ่นลมหายใจแผ่วเบาตอนที่เดินมานั่งเงียบๆ คนเดียวในห้องครัวกับน้ำหนึ่งแก้วตรงหน้า เขาได้ยินเสียงกุกกักและเป็นจินยองที่เดินเข้ามา อีกฝ่ายหยิบมาร์สหน้าออกมาจากตู้เย็นแต่ก็ลากเก้าอี้นั่งลงตรงหน้ามาร์คในห้องครัว
“เป็นไรรึเปล่า? หน้ามึงดูเครียดๆ”
“เปล่าหรอก” มาร์คบอกปัด ถึงแม้จะรู้ว่าจินยองจะไม่เชื่อก็ตาม
“เห็นกูโง่เหรอ? เรื่องนารารึไง?”
“ไม่ มันไม่มีอะไรแล้ว ไปมาร์สหน้าเถอะมึงอะ กูจะนอนแล้ว” มาร์คเอ่ยแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องครัว ตอนนั้นเขาเดินผ่านห้องนั่งเล่นซึ่งแบมแบมนั่งคุยอยู่กับแจบอม มาร์คคิดจะแวะ แต่สุดท้ายก็เดินเข้าห้องนอนไป
พอมานั่งเงียบๆ ในห้องแล้วก็ไม่ได้ง่วงหรืออยากหลับหรอก เขาก็แค่หนีเข้ามาในห้องเผื่อว่าแบมแบมจะหายใจหายคอคล่องขึ้นและไม่อึดอัดเท่านั้นเอง กลับกลายเป็นตัวเองมานั่งอึดอัดอยู่ในห้องคนเดียว เขาหันไปหยิบหูฟังมาเสียบกับไอแพดแล้วเปิดฟังเพลง มันอาจจะช่วยให้มาร์คหลับหรือง่วงได้
แต่แม่งไม่ไง...
มาร์คเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีหนึ่ง เขาเม้มปากแล้วดึงหูฟังออกจากหู หยิบมือถือขึ้นมาจ้องหน้าจอ สุดท้ายก็ส่งไลน์ไปหาเด็กห้องข้างๆ
‘Mark_Chaos : ไปข้างล่างกันไหม?’
เขาไม่ได้หวังว่าแบมแบมจะตอบหรอก อาจจะหลับไปแล้วด้วยซ้ำไป นึกถึงความงี่เง่าที่ตัวเองทำลงไปแล้วก็เลยโยนมือถือลงเตียงก่อนจะลุกขึ้น มาร์คจะออกไปหาน้ำสักแก้วดื่ม แต่ตอนที่ก้าวออกจากเตียงมาแค่ 2-3 ก้าวมือถือก็ดังขึ้น หันไปก้าวขายาวๆ หยุดข้างเตียง แล้วมาร์คก็หยิบมาอ่าน
‘Bam_Chaos : ไปครับ’
มาร์คเดินมาแล้วเลี้ยวไปยังห้องข้างๆ เคาะประตูแค่ 2 ครั้งเท่านั้นบานประตูก็เปิดออก แบมแบมยืนในชุดเตรียมพร้อมอยู่แล้ว มาร์คพิงกรอบประตูก่อนจะยื่นมือไปหา
“ผมไม่ใช่เจ้าหญิงครับ”
“แต่พี่อยากเป็นเจ้าชายของแบมนะ”
“พี่มาร์ค” แบมแบมส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไร แล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันออกมาอีก เราก็แค่เดินเข้าลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างด้วยกัน เราเดินไปตามฟุตปาธโดยไม่ได้คุยอะไรนอกจากเดินเงียบๆ จนถึงหน้าร้านสะดวกซื้อ
แบมแบมกับมาร์คเดินตรงไปยังตู้เครื่องดื่ม พอเปิดตู้ออกมาแบมแบมก็หยิบกระป๋องเบียร์มาให้อีกฝ่ายพลางเอ่ยถามว่า
“เอาเบียร์ใช่ไหมครับ?”
“รู้ใจพี่จัง”
“ก็พี่ดื่มอยู่อย่างเดียว” แบมแบมหันมายัดกระป๋องเบียร์ใส่มือมาร์ค เขาหัวเราะแต่ก็รับมันมา เราเดินไปคิดเงินที่แคชเชียร์ด้านหน้า ก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้ว่างๆ แถวนั้นมานั่ง เวลาตีหนึ่งและท้องฟ้ามืดๆ มาร์คงัดกระป๋องเบียร์จิบ ขณะแบมแบมนั่งดื่มน้ำผลไม้
“มีอะไรอยากถามรึเปล่า?” มาร์คยกหลังมือเช็ดขอบปากที่เลอะฟองเบียร์ ขณะแบมแบมกุมกระป๋องน้ำผลไม้แล้วก้มหน้าลงมองพื้น
“ไม่มีนี่ครับ”
“โกหก”
“ผมแค่ไม่อยากถาม” แบมแบมหันมาบอก แล้วก็เม้มปากก่อนจะก้มหน้าลงมองที่เดิม “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่มาร์ค เราเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย ก็แค่...อยู่วงเดียวกัน”
“เป็น...พี่ชอบแบมแบมอยู่ไง” มาร์คบอกเสียงเรียบ แล้วเราก็เงียบกันไปอีก เราจิบกระป๋องเครื่องดื่มในมือกันไปคนละอึก ก่อนเป็นมาร์คนั่นล่ะที่เดาะลิ้นในโพรงปากแล้วเอ่ยว่า
“ถ้าเรื่องนารา มันไม่มีอะไรหรอก”
มาร์คหันไปมองแบมแบม เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายก่อนจะยกกระป๋องน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา มาร์คเงยหน้ามองผืนฟ้าสีดำข้างหน้า คงเพราะแสงสีในเมืองตอนนี้เลยบดบังแสงสว่างเล็กๆ ของดวงดาวไปซะหมด เขากะพริบตาก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ตั้งแต่เลิกกัน พี่พยายามรั้งและขอให้เขากลับมา จนวันหนึ่งก็คิดได้ว่าในเมื่อคนเขาอยากไป แล้วทำไมเขาถึงจะอยากกลับมา แต่เข้าใจไหมว่าตอนนั้นมันรักมาก ทางเดียวที่จะลืมได้ก็คือลบทุกอย่าง พี่บล็อกทุกช่องทางไม่ให้นาราติดต่อกับพี่ได้ เพราะแบบนั้นแม้จะผ่านมานานขนาดนี้พี่ก็ยังไม่ปลดบล็อก” มาร์คหันไปมองคนข้างๆ แบมแบมนั่งอยู่ท่าเดิมเป๊ะ
“เขาแค่ถามว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม มันไม่มีอะไรเลย ตอนที่เจอกันเขาก็คุยแค่นี้ ถามเรื่องเพลงแล้วก็เรื่องงานอีกนิดหน่อย เราคุยกันแค่นี้จริงๆ"
"พี่มาร์คเคยรักคุณนารามากขนาดนั้น ตอนนี้น่ะ...ไม่ได้รักแล้วจริงๆ เหรอครับ?” แบมแบมเอ่ยถาม ไม่ได้หันมามองแต่เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังก้มมองกระป๋องน้ำผลไม้นั่นล่ะ
“อืม...มันไม่เชิงว่าไม่รักแล้ว แต่ก็ใช่ว่าพี่มีเยื่อใย เข้าใจไหมว่ายังไงก็แฟนเก่า คือคนที่เคยรัก ก็ไม่ได้เกลียดหรอก แต่ก็ไม่ได้คิดจะกลับไปอีกแล้ว มันผ่านจุดนั้นมาแล้ว”
“อ๋อ...ผมพอจะเข้าใจ...”
แบมแบมว่า มาร์คยกกระป๋องเบียร์แล้วเริ่มดื่ม เหมือนไม่ต้องคุยอะไรกันอีก แบมแบมเองแม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ก็จิบน้ำผลไม้ไปเงียบๆ หลังจากนั้นเราก็โยนกระป๋องทิ้งถังขยะ ก่อนจะเดินกลับหอพักด้วยกันท่ามกลางความเงียบของเวลาเกือบตีสองเช่นเคย
“หวั่นไหวบ้างรึยัง?”
“ผมง่วงแล้วครับ”
แบมแบมตอบไม่ตรงคำถามหรอก มาร์คเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ แต่ถึงจะพูดว่ารอได้ และพยายามทำให้แบมแบมหวั่นไหว มาร์คก็ยังหวั่นใจอยู่เพราะเขาคิดว่าตัวเองมองเด็กคนนี้ออก แต่เอาเข้าจริงก็เปล่า เขาไม่อยากคาดเดาอะไรจากเด็กคนนั้น เลยได้แต่เดินไปด้วยกันเงียบๆ นั่นล่ะ
“พี่มาร์ค”
“อื้อ ว่าไง”
เขายกมือปิดปากหาว ตอนนั้นเราก้าวเข้ามาในลิฟต์และประตูเพิ่งปิดลง แบมแบมทำหน้าที่กดชั้นที่เราจะไป ลิฟต์กำลังเคลื่อนที่ขึ้นตอนที่แบมแบมเอ่ยเรียก และมาร์คก็หันมาแบบมึนๆ
“ทำไมพี่มาร์คที่ไม่เคยชอบผู้ชาย...ถึงได้คิดอยากจะชอบผู้ชายขึ้นมาล่ะ”
“พี่เคยบอกไปแล้วนี่” มาร์คกอดอกมองคนที่มองเขาอยู่ก่อน “พี่ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน ก็อย่างว่า...พี่ชอบผู้หญิงมาก่อน แต่เพราะเป็นแบมแบม พี่ถึงได้สนใจผู้ชายขึ้นมาไง”
“เพราะเป็นผมเหรอครับ?” เสียงนั่นถามเบาๆ ออกมาเหมือนไม่มั่นใจนัก มาร์คเลยยื่นหน้าไปพยักหน้า
“ใช่ เพราะเป็นแบมแบม ถ้าเป็นคนอื่น...ก็คงไม่ทำขนาดนี้หรอก”
“งั้นเหรอครับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วก็ไม่ถามอะไรอีก มาร์คมองอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ลิฟต์เปิด เราเข้าไปในห้องกันแบบระมัดระวังและเงียบกริบ มาร์คเดินไปส่งแบมแบมที่หน้าห้อง เด็กหนุ่มก็ไม่ได้อิดออดจนกระทั่งแบมแบมหมุนลูกบิดประตู แล้วเจ้าตัวก็แตะมือค้างไว้แบบนั้น
“อ้าว? ประตูเป็นอะไรรึเปล่า?” มาร์คถาม แบมแบมหันกลับมาส่ายหน้า
“ประตูไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แต่ผมน่ะเป็น”
มาร์คขมวดคิ้วมองเด็กตรงหน้า กำลังจะอ้าปากถาม แบมแบมก็ปล่อยมือจากลูกบิดมาจับมือเขาเอาไว้ อีกฝ่ายกำมือเขาหลวมๆ ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยเสียงเรียบออกมาว่า
“ผมเองก็...ไม่ใช่จะเป็นผู้ชายคนไหนก็ได้หรอกครับ แต่เพราะพี่มาร์คทำให้ผมคิดว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าผมจะเปิดใจให้ผู้ชายสักคนอีก ถึงคนๆ นั้นจะเป็นสมาชิกในวงเดียวกับเราก็เถอะ”
แบมแบมเงยหน้า เพราะตรงนี้มันสลัวมาร์คเลยเห็นสีหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก แต่เขาว่าแบมแบมคงพูดไปเขินไป สุดท้ายเด็กคนนั้นก็บอกเสียงอ่อนให้เขาได้ยินว่า
“ผมว่าผมหวั่นไหวแล้ว เรามาลองคบกันเถอะครับ”
มาร์คไม่ได้หัวเราะ เขาแค่ยิ้ม ก่อนจะกางแขนออกแล้วมองแบมแบมเหมือนจะขออนุญาต เด็กคนนั้นพยักหน้าหงึกและเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในอ้อมแขนเขาซะเอง วินาทีนั้นมาร์ครับรู้ทันทีว่ากอดนี้ ที่เขากำลังทำอยู่นี้ มันชวนให้ใจเต้นแรง มันทำให้หัวใจพองโตขนาดไหน
เรากอดกันอยู่แบบนั้น...จนเกือบจะลืมเข้านอนไปเลยล่ะคืนนั้น...
สวัสดีค่ะ มาอัพหลังเอ็มวีออก ที่จริงทุกคนคงฟินเอ็มวีอยู่ มาลงอะไรเอาตอนนี้
แต่นั่นล่ะค่ะ ก็หวังว่าพอฟินเอ็มวี อ่านฟิคตอนนี้จบก็คงจะฟินกันอีกระลอก /ฟินให้ตายไปข้างนึงเลย
ขอบคุณที่ติดตามฟิคเรื่องนี้มากๆนะคะ ;-; ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และคนที่ติดแท็ก #ficfakemb
อ่านให้สนุกนะคะ >_______<
ปล. ขอบคุณหลายคนที่ปลอบใจเรื่องนกตั๋วค่ะ ไม่เป็นไร เราชินความนกตัวเอง 5555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่เขาทำสำเร็จหล่ะ
น้องใจอ่อนแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
กรี๊ดดดดดดด
ฟินมากช่อบ
ฮือออ น้องยอมเปิดใจคบกับมาร์คแล้ว มันเป็นคำพูดที่เรียบง่ายมาก เราชอบตรงนี้ บางทีชีวิตเราก็ไม่ต้องให้มันยากนักหรอก
แอบหวั่นใจตอนที่แฟนเก่ามาร์คมา สงสารแบมด้วย ถึงแม้จะยังไม่ได้คบกันแต่ก็น้อยใจเป็นนะ
ขอให้รักของทั้งคู่ยืนยาวและมีแต่ความสุขนะ (คำพูดแบบเตรียมส่งตัวเข้าหอเลยงี้55555)
ตอนแรกก็กังวลกะนารานะ แต่มาร์คก็ชัดเจนมากอะ ขยันหยอดขยันตอดขนาดนี้ >< แบมทนมาได้ขนาดนี้ถือแกร่งมาก55555
งื้อออ พี่เขินนนนนนนนนน TT///////////TT
แต่ละมุมมาก เขินมาก ดูเป็นจริง
สมจริงมาก เต็มความรู้สึกสุดๆ