ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] MARKBAM ll Sleep with me

    ลำดับตอนที่ #7 : Sleep with me free my heart

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.16K
      228
      8 พ.ค. 58

     

    Sleep with me free my heart

     

     

     

    เอาเข้าจริงแล้วมาร์คแม่งเป็นคนไม่ได้เรื่องเลย

    เขาล็อกประตูห้องเรียบร้อยก่อนจะชะเง้อคอมองประตูห้องข้างๆ ด้วยความหวังอันน้อยนิดของตัวเองว่าแบมแบมอาจจะเปิดออกมาพอดิบพอดี มันคือหวังลมๆ แล้งๆ ของผู้ชายวันทำงานที่ตกหลุมรักเด็กมหาลัยจอมงกข้างห้อง แถมยังไปปากดีทำใจหล่ออีกว่าควรลองห่างกันสักสองอาทิตย์ให้อีกคนรู้ใจ

    ปากดีนักกู...ห้าวันก็จะตายแล้วเนี่ย...

    มาร์คถอนหายใจ เพราะดันไปทำตัวหล่อใส่แบมแบมและเปิดใจกว้างเท่ามหาสมุทรนั่นล่ะ กลายเป็นว่าขนมนมเนยอะไรๆ ที่ไปกินแล้วอยากให้อีกคนได้กินเหมือนกันเขาก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่ซื้อมาฝาก อยากจะเห็นแค่ตัวอักษรที่อีกคนตอบกลับผ่านทางไลน์ก็ห้ามพิมพ์ส่งไปเด็ดขาด เลวร้ายกว่าคือแม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน ขั้นหนักสุดคือไม่ได้มองหน้าแบมแบมนี่ล่ะ

    อาทิตย์นรกที่แบมแบมหลบหน้าว่าแย่แล้ว นี่ดันไปรับปากเองว่าจะหลบหน้าเลยต้องรอดอีกต่างหาก มาร์คเฝ้านับวันอยู่ทุกวี่วัน ช่วงวันแรกๆ ก็พอคิดเข้าข้างตัวเองอยู่หรอก แต่พอเริ่มผ่านมากลางสัปดาห์ก็เริ่มหดหู่ รู้สึกเหมือนนับวันรอเข้าลานประหาร ไม่ได้มั่นใจสักเท่าไหร่ด้วยว่าแบมแบมก็ใจตรงกัน เอาเป็นว่าเขาเอาแน่เอานอนกับไอ้เด็กนั่นไม่เคยได้เลยดีกว่า

    ควงกุญแจรถมาขึ้นลิฟต์ มือกดเลขหนึ่งแต่ตาก็ยังมองทะลุทางเดินทอดยาวเผื่อว่าแบมแบมจะเปิดประตูออกมา ตอนนี้เห็นแค่ปอยผมยังรู้สึกดี แต่ชีวิตห้าวันที่ผ่านมานี้ของมาร์คแม้แต่ขี้เล็บแบมแบมเขายังไม่เห็น

    บานประตูโลหะปิดลง มาร์คเบ้ปาก ความผิดหวังเข้าจู่โจมอีกครั้ง เหงาและคิดถึงเด็กข้างห้องขนาดต้องหยิบมือถือมากดอ่านข้อความเก่าๆ ที่คุยกัน นี่มันไม่ใช่รักครั้งแรกสมัยวัยรุ่นแล้วเพราะเขาก้าวผ่านวัยนั้นมานาน แต่พอตกหลุมรักเด็กนี่ก็ทำให้มาร์คกลับไปทำนิสัยเด็กๆ อีกอยู่ดี

    คิดถึงว่ะ...

    พึมพำในใจตัวเองไม่ถึงคนที่คิดถึงหรอก มาร์คเดินจนมาถึงรถ เปิดประตูหย่อนกายนั่งประจำที่คนขับ เบาะข้างๆ ยังว่าง แต่เบาะด้านหลังเต็มไปด้วยขนมที่ดันซื้อมาเพราะแบมแบม ยังๆ มันยังมีอย่างอื่นอีก มีเครื่องเล่นเกมเพราะวันนั้นไปห้างสรรพสินค้ากับเพื่อนร่วมงานแล้วเขาซื้อให้แฟน มาร์คก็ดันถอยมันมาเพราะนึกภาพแบมแบมนั่งเล่นเกมสบถไปพลางก็คงน่ารักไปอีกแบบ มีนั่นด้วย...หมอนผ้าห่ม ลายหน้าตาประหลาดเหมือนแบมแบมดี เป็นรูปกบสีเขียวตาโปน แล้วก็เพราะว่าไม่ได้เจออีกฝ่ายข้าวของที่ขนซื้อมาแต่ยังไม่ถึงกำหนดวันเจอหน้าเลยกองพะเนินหลังรถ

    เม้มปากก่อนจะสตาร์ทรถ มาร์คขับรถออกจากที่จอด เขาเคาะปลายนิ้วกับพวงมาลัย ในรถเงียบกริบมีเพียงเสียงลมหายใจของเขา ดวงตายังจ้องไปยังหนทางการจราจรข้างหน้า แต่ใจพะวงอยู่แต่เรื่องเดิมๆ เหมือนเช่นหลายวันที่ผ่าน

    ...เรื่องเด็กข้างห้องนั่นล่ะ

     

     

     

    แบมแบมไม่ชอบกินแครอท

    มาร์คไม่ได้จำได้หรอกแต่มีครั้งหนึ่งที่เราเคยไปทานมื้อเย็นด้วยกันเห็นว่าแบมแบมเขี่ยแครอทวางไว้รอบจานเป็นศิลปะสวยงามเชียวล่ะ ตอนนั้นเขานึกว่าอีกคนเขี่ยของชอบไว้กินทีหลังเลยเอาส้อมจิ้มเข้าปาก พอเห็นว่าแบมแบมไม่ได้โวยวายอะไรเลยรู้ว่าอีกคนไม่ชอบ มาร์คเลยกินแครอทของอีกคนจนหมดจาน

    ส่วนเย็นวันนี้เขาทำสปาเกตตี้ผัดซอส กำลังหั่นแครอทอยู่ก็ชะงักมือไปตอนนึกได้ว่าแบมแบมไม่ชอบแครอท ก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาบอกว่ามึงทำกินมื้อเย็นคนเดียวนะมาร์ค เขาไม่ได้มากินกับมึง

    เอาเข้าจริงในหัวสมองที่ควรคิดเรื่องงานหรือเรื่องอื่นมันก็วนๆ เวียนๆ แต่หน้าแบมแบม นึกถึงเสียงเจื้อยแจ้ว คิ้วที่ขมวดตอนโมโห ริมฝีปากเป็นกระจับที่พูดไม่หยุด ตอนเงยหน้าเถียงคอเป็นเอ็น โดยรวมแล้วก็ไม่ใช่เด็กผู้ชายนิสัยดีอะไรเลยด้วยซ้ำ ติดจะกวนโมโหและอวัยวะเบื้องล่างด้วย แต่มาร์คก็ดันชอบ

    เสียงพูดที่ดังลอยเข้ามาในห้องทำให้เขาชะงักมีดที่กำลังหั่นแครอทอีกหน มาร์คเปิดเสียงเพลงดังก้องห้องครัว เลยเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเดินไปลดเสียงเพลงลง ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงเต็มสองหู เสียงเหมือนที่เขาเคยได้ยินในวันแรกที่แบมแบมย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้างๆ

    “อะไรนะกูไม่ได้ยิน!

    มาร์คกลืนน้ำลายลงคอ อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนใจหล่อเหมือนหน้าตาเท่าไหร่หรอก ติดจะเจ้าเล่ห์นิดๆ เพื่อนก็เคยชมอยู่หลายที มันคิดถึงน่ะ มันอยากเห็นหน้า แต่ได้เห็นปอยผมก็ดี ถึงจะสัญญาไว้ว่าจะหลบหน้าไม่ให้เราเจอกันก็เหอะ แต่เด็กมันมายืนยั่วเสียงดังถึงระเบียงขนาดนี้...

    “ชเวยองแจหุบปาก!

    มาร์คได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขากำลังก้าวเข้าไปใกล้ประตูระเบียงอีกนิด จนตอนนี้ยืนอยู่หลังม่าน ต้องค่อยๆ แหวกมันเปิดออกเพราะกลัวจะเสียงดังจนคนคุยโทรศัพท์เพลินได้ยิน แง้มเป็นช่องเล็กๆ แล้วหรี่ตามองแต่ไม่เห็น เลยจับบานประตูค่อยๆ เปิดออก ทีละนิด...ทีละหน่อย...จนพอจะโผล่หน้าออกไปได้

    “ไม่เอา! มึงอ่ะติดพี่แจบอม มาหากูคืนนี้แหละ ไม่งั้นงานไม่เสร็จ”

    แต่ระเบียงห้องข้างๆ ที่มาร์คกวาดสายตามองเต็มตากลับไม่ปรากฏร่างของแบมแบมเลย ตอนแรกมาร์คก็ยื่นแค่ตาสักพักเลยยื่นมันไปทั้งหน้าเพราะคิดว่าอีกคนยืนหลบมุม

    “บอกให้มาก็มาสิ กูเหงาเนี่ย เลิกอยู่กับแฟนมาอยู่กับเพื่อนบ้าง!

    แล้วมาร์คก็ได้ยินเสียงตะโกนอันเป็นเอกลักษณ์นั่นอีกหน ก่อนจะชัดเจนแจ่มแจ้งตอนมองเจอประตูห้องของแบมแบมเปิดเอาไว้นิดหน่อย แต่ผ้าม่านกลับปิดสนิท พอมองดีๆ ก็เห็นว่ามันโดนเขย่าแรงๆ ตามด้วยเสียงโกรธเคือง

    “พี่มาร์คหลบหน้ากูอยู่ ไม่เจอกันห้าวันแล้วมึงพอใจยัง? ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่แฟนไง พูดมากว่ะรำคาญแค่นี้นะ!

    ท้ายประโยคเอ่ยห้วนสั้นแล้วมาร์คก็เห็นแค่มือแบมแบมที่เอื้อมมาดึงประตูเข้าหากัน ม่านขยับไหวแล้วสงบลงทิ้งตัวปิดสนิทตามเดิม มาร์คยืนนิ่ง ตอนนี้ก้าวออกมายืนมองจากระเบียงตัวเองด้วยซ้ำแต่ก็จากระยะไกล นี่ขนาดว่าแบมแบมคุยโทรศัพท์นะ ปกติต้องออกมายืนตรงระเบียง แต่ก็ทำแค่นั่งคุยในห้องมีแค่เสียงลอดออกมาปาวๆ สุดท้ายมาร์คเลยได้เห็นแค่มือเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

    รันทดมาก

    มาร์คยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ สุดท้ายก็เดินกลับเข้าห้อง ปิดประตู เดินไปหั่นแครอทต่ออย่างเซ็งๆ รอบนี้เปิดเพลงดังๆ เป็นเพลงแนวแอบชอบแต่เขาไม่รักลั่นห้องอีกต่างหาก ไม่ได้ประชดเด็กห้องข้างๆ นะ แต่เปิดให้ตัวเองจำใส่หัวซะบ้างว่าหลบหน้าเขาน่ะอย่าสะเหล่อไปยื่นหน้ามองหาเขา ทำให้ได้อย่างที่พูด

     

     

     

    หนึ่งอาทิตย์อย่างเซ็งๆ และมาร์คก็เริ่มได้เหตุผลใหม่...

    หลังจากวันที่ได้เห็นแค่มือแบมแบม เขาก็มานับหนึ่งกับตัวเองใหม่และตั้งอกตั้งใจว่าจะระงับความอยากเห็นหน้าแบมแบมให้ได้ แต่เมื่อคืนก่อนจะหลับเขาก็มานั่งนึกๆ ดูว่าเขาให้เหตุผลกับแบมแบมไปว่าถ้าชอบให้เขาใส่ใจมากนักไม่ต้องรอถึงสองอาทิตย์ก็ได้ มาเคาะห้องเขาได้เลย

    แบมแบมอาจจะมาเคาะห้องแต่เขาไม่อยู่?

    แบมแบมอาจจะอยากเจอแล้วมาหาแต่มาร์คไม่อยู่ห้องก็ได้นี่ใช่ไหมล่ะ พอเริ่มคิดแบบนี้ก็ใจชื้น ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามาร์คกลับถึงคอนโดเย็นด้วย เขาพยายามเลี่ยงการกลับเร็วเพราะมาถึงห้องทีไรก็เอาแต่คิดถึงคนที่อยู่ในห้องซึ่งมีเพียงผนังกั้น เลยออกไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานบ้าง

    แต่วันนี้วันเสาร์...

    แบมแบมน่าจะอยู่ห้อง และอาจจะอยากเจอ มาร์คจะนั่งอยู่ที่ห้องทั้งวันนี่ล่ะ เขาไม่ได้มีแพลนไปไหน แต่กางคอมพิวเตอร์ขนาดพกพามาเตรียมเล่นเกมแล้ว เชื่อมต่อไวไฟเรียบร้อย เครื่องดื่มมีวางข้างกาย แค่เอื้อมมือไกลอีกนิดก็มีถุงขนมกรอบแกรบวาง

    เอาล่ะ...เล่นเกมรอ...

    นั่งคลิกเม้าส์คิ้วขมวด ปากสบถอยู่เกือบ 20 นาที มาร์คตกอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองอยู่นาน จวบจนเขาเอะใจกับเสียงบางอย่าง ลดเสียงเกมลงแล้วก็เงี่ยหูฟัง

    เสียงเคาะประตู!

    แทบจะลนลานเกือบทำแก้วน้ำอัดลมหก มาร์คลุกขึ้นยืน เสยผมขณะเดินไปทางประตูหน้าห้อง พอผ่านกระจกจากตู้ก็เหลือบส่องเช็คความหล่อกันหน่อย มายืนอยู่หลังบานประตูแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอึกใหญ่ เสียงเคาะประตู 2 ครั้งดังขึ้นอีกหน มาร์คยกมือมากระแอมไล่เสมหะตัวเองเบาๆ สั่งหัวใจให้เต้นช้าลงหน่อย ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตูออกกว้างและเก๊กหน้าขรึม

    “อะ...เอ่อ...พี่มาร์ค...ผมกวน...กวนรึเปล่าครับ?”

    เด็กที่ยืนตรงหน้าห้องเอ่ยเสียงตะกุกตะกักพร้อมถอยหลังไป 1 ก้าวโดยอัตโนมัติ สงสัยจะตกใจเพราะเขาเก๊กหน้ามากไป มาร์คปล่อยมือลงข้างลำตัว อาการใจเต้นปลิวหายไปตอนเห็นหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยถามทักไปว่า

    “ไม่หรอกยองแจ มีอะไรรึเปล่า?”

    “เอ่อ...แบมแบมบอกให้ผมมายืมมีดน่ะครับ พอดีห้องแบมแบมไม่มีอะไรเลย แล้วผมกับพี่แจบอม แฟนผมน่ะครับพี่มาร์คจำได้ใช่ไหม? พวกเราซื้อพวกของสดจะมาทำมื้อเที่ยงให้แบมแบมน่ะครับ”

    “อ๋อ...งั้นเข้ามาก่อนสิ”

    มาร์คพยักหน้าแล้วเอ่ยชวน ยองแจเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินตามหลังเข้ามา มาร์คตรงไปยังห้องครัว หยิบกล่องไม้เสียบมีดออกมาแล้วหันกลับมาถามยองแจว่า

    “จะเอาอันไหนบ้างล่ะ?”

    ก็มาร์คมีทั้งมีดหั่นผัก หั่นเนื้อ มีดสำหรับปอกผลไม้ครบถ้วน ที่จริงเขาไม่ได้ชอบทำอาหารหรอก แต่พออยู่คอนโดการทำอาหารก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ แถมวันหยุดแบบนี้เขาก็ไม่ใช่คนขยันออกไปหาอะไรทานข้างนอกด้วย เมนูอาหารที่เขาทำก็ไม่ได้ขั้นตอนยุ่งยากอะไร

    “เอ่อ...อันนี้ครับ อันนี้ด้วย อันนี้อีกอัน”

    ยองแจหยิบมีดออกมาจากที่เก็บแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างเบามือ มาร์คหันไปหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์เหลือในห้องมาเตรียมจะห่อให้ ตอนนั้นเองที่ยองแจเอ่ยเสียงเบาขึ้น

    “พี่มาร์คครับ ผมรู้เรื่องพี่กับแบมแบมนะครับ”

    “อ๋อ...งั้นเหรอ เขาเลยส่งยองแจมายืมมีดที่ห้องพี่สินะ”

    “ผมว่าเพื่อนผมมันงี่เง่าอ่ะพี่”

    ยองแจเอ่ยประโยคนั้นออกมาเสียงห้วนสั้น มาร์คชะงักมือที่กำลังฉีกหนังสือพิมพ์มาเงยหน้ามองเพื่อนเด็กข้างห้อง ยองแจเม้มปาก เหมือนลังเลอยู่ว่าควรพูดต่อไหม ขณะที่มาร์คเลิกคิ้วเป็นการเร่งเร้าเบาๆ สุดท้ายยองแจก็พรั่งพรูออกมา คิดว่าคงอัดอั้นตันใจไม่น้อย

    “มันเล่าให้ผมฟังตั้งแต่เรื่องที่มันหลบจนพี่ต้องเอาของมาแขวนไว้หน้าห้องมันแล้วล่ะ ตอนนั้นผมก็บอกมันนะว่าอย่าปล่อยให้เสียโอกาส แต่เพิ่งมารู้เรื่องที่พี่เสนอว่าจะหลบหน้ามันสองอาทิตย์ พี่...เพื่อนผมมันโง่ สองอาทิตย์มันก็ไม่คิดหรอก ความคิดมันตีอยู่ในหัวมันนั่นล่ะ” ยองแจพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา

    “พี่มาร์ค...พี่ชอบเพื่อนผมจริงๆ ใช่ไหม? นี่ผมอยากคุยกับพี่แบบเปิดอกตรงๆ พี่ไม่ได้หวังแค่จะฟันเพื่อนผมใช่ไหมครับ?” ยองแจทอดเสียงอ่อน สายตาค้นหาความจริงแล้วมาร์คก็เอ่ยเสียงหนักแน่นไปว่า

    “ถ้าพี่ไม่ได้ชอบแบมแบมจริงๆ พี่คงไม่ขยันเอาของไปแขวนไว้หน้าห้องให้แบมแบมแบบนั้นทุกวันหรอกยองแจ”

    “ผมก็คิดว่าผมมองคนไม่ผิด สายตาพี่วันนั้น...ที่ยังเป็นแฟนปลอมๆ กับมันน่ะ ผมว่าพี่ชอบมัน” ยองแจถอนหายใจอีกรอบ คราวนี้เงยหน้ามามองมาร์คก่อนจะบอกเสียงเรียบ

    “พี่ทนได้ไงอ่ะ ตั้งสองอาทิตย์”

    “ทนไม่ได้ก็ต้องทน ที่จริงพี่ก็ทนไม่ค่อยได้หรอก” มาร์คหัวเราะเบาๆ ออกมาแล้วเล่าเรื่องที่เขาพยายามแอบไปมองแบมแบมตรงระเบียงแต่ได้เห็นแค่มือให้ยองแจฟังอย่างไม่อาย

    “โธ่...ผมสงสารอ่ะ แต่เพื่อนผมเนี่ยนะพี่ ถ้าไม่เร่งเอาคำตอบมันก็เอ้อระเหยแบบนี้ล่ะ ในหัวมันตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียวว่าไม่อยากเป็นเมียใคร”

    ยองแจกับมาร์คมองหน้ากัน โดยไม่ต้องอธิบายอะไรกันต่อก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าคิดยังไง เพราะแบมแบมยึดมั่นในข้อนั้นเสมอว่าจะไม่เป็นเมียใคร (แต่ตกเป็นของมาร์คสองรอบแล้วสองวันติด)

    “แต่พี่ก็รอสองอาทิตย์ที่ให้เวลาแบมแบมอยู่นะ”

    “ไม่ต้องรอแล้วพี่ ไปเจอมันเลย”

    “หา?” มาร์คทำหน้างงตอนยองแจเอ่ยประโยคนั้น เพื่อนแบมแบมยักไหล่ก่อนจะบอกเขาเสียงดังฟังชัด

    “พี่รอมันไปเหอะ ที่จริงมันก็แปลกๆ ไปนะ บางทีก็มองไลน์ ชอบนั่งเหม่อ ผมว่ามันรอให้พี่ทักมันก่อนอยู่เหมือนกัน มันจะได้เป็นผู้ชนะไง แบบกูทนได้นะ แต่พี่ทนไม่ได้ ทีนี้พี่ก็ดันทนได้” ยองแจเหลือบมามอง

    “ไปเจอมันเถอะ มีผมกับพี่แจบอม แบมแบมมันไม่กล้าว่าอะไรพี่หรอก แล้วเดี๋ยวพวกผมกลับ พี่ก็คุยกับมันต่อเลยไง”

    “แต่ว่า...แบมแบมจะ...”

    “โอ๊ย...พี่อยากได้เพื่อนผมเป็นแฟนป่ะเนี่ย? เชื่อผม แล้วนี่...ผมจะบอกอะไรพี่ให้นะ ตอนเป็นแฟนกันจริงๆ พี่ก็อย่าตามใจมันมาก มันน่ะเอาแต่ใจ” ยองแจหันไปรวบเอาด้ามมีดที่เลือกไว้และมาร์คห่อด้วยหนังสือพิมพ์ให้เรียบร้อยขึ้นมา

    “ไปกันพี่ ผมจะทำมื้อเที่ยงแล้วรีบกลับ พี่จะได้มีเวลาคุยกับแบมแบม”

    ยองแจเดินนำมาร์คไปทางหน้าห้อง เขาสูดลมหายใจแล้วก็เลือกเดินตามยองแจไปนอกห้อง มาร์คไม่ได้อยากทำผิดสัญญาเท่าไหร่หรอก แต่ก็ไม่อยากทนความคิดถึงเต็มอกต่อไปอีกแล้ว เขายืนมองยองแจที่ยืนกำลูกบิดประตูรอจนมาร์คมายืนข้างๆ

    “พี่มาร์คพร้อมนะครับ”

    “อื้อ” มาร์คตอบไปแล้วกะพริบตาถี่ๆ

    “ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ เดี๋ยวผมช่วย...”

    ยองแจพูดแค่นั้นแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที มาร์คเดินตามหลังยองแจไปติดๆ ห้องนี้เขาไม่ได้เข้ามานานเลย ล่าสุดที่เข้ามาก็คงวันที่เป็นแฟนปลอมๆ ให้ยองแจเห็นนั่นไง ก่อนที่คืนนั้นจะเกิดเหตุการณ์ฉีกคอนด้อมในห้องนอนแบมแบม มาร์คสูดเอากลิ่นลมหายใจของแบมแบมเข้าเต็มปอด

    “มาแล้ว!” ยองแจเอ่ยตะโกนเข้าไป มาร์คได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังก่อนเจ้าของห้องจะโผล่มาพร้อมเสียงดังโวยวาย

    “มึงหายไปนานมาก ให้ไปยืมมีด...”

    แบมแบมชะงักค้างไปด้วยการยืนนิ่ง ยองแจหันกลับมามองมาร์คแล้วดึงข้อมือให้เขาตามมา มาร์คมาหยุดยืนหน้าแบมแบม แล้วยองแจก็ช่วยเขาจริงๆ ด้วยการเอ่ยสีหน้าตีเนียนไปเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด

    “กูชวนพี่มาร์คมาด้วย เขาก็ยังไม่ทานมื้อเที่ยง น่า...อย่าทำหน้าแบบนั้น เรายืมมีดนะ ต้องให้พี่มาร์คทานด้วยสิ เป็นการตอบแทน เนอะพี่...” ยองแจหันมาใช้ศอกกระทุ้ง มาร์คเลยพยักหน้า

    “อื้อ”

    ที่จริงแล้วตอนเห็นหน้าแบมแบม มาร์คเพิ่งรู้ในตอนนั้นเองว่าเขาคิดถึงเด็กคนนี้มากขนาดไหน เขาคิดถึงทุกอย่างของแบมแบม ทุกส่วนที่รวมกลายเป็นเด็กเศรษฐศาสตร์ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากสีแดงเรื่อ แม้จะอยู่ในชุดลำลองสบายๆ และผูกจุกน้ำพุไว้กลางหน้าผากแต่มาร์คก็ยังมองว่าแบมแบมดูดีในสายตาเขา

    “สวัสดีครับพี่มาร์ค ยองแจเอามีดแล้วมาช่วยพี่หั่นผักหน่อย”

    แจบอมซึ่งเป็นแฟนยองแจหันมาทักทายเขาแล้วตะโกนเรียกคนรักไปช่วยงาน ยองแจกุลีกุจอวิ่งเข้าไปในห้องครัว หยุดอยู่ข้างคนรัก ในขณะที่มาร์คยืนมองแบมแบมเนิ่นนานเหมือนจะทดแทนวันเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากัน จนแบมแบมเม้มปากแล้วถามเสียงเค้นต่ำออกมาว่า

    “พี่มาทำไม?”

    “ยองแจชวนมาไง” มาร์คชี้นิ้วไปหายองแจแล้วยืนนิ่ง

    “แล้วไหนบอกสองอาทิตย์ ไม่งั้นผมจะให้ยองแจไปยืมมีดทำไม” แบมแบมบ่นเสียงทุ้มในลำคอแต่มาร์คก็ได้ยินทุกประโยคนั่นล่ะ

    “พี่ห้ามเพื่อนแบมแบมได้ที่ไหนล่ะ? ไม่ชอบขัดใจคนชวนด้วยก็เลยมา” มาร์คตอบหน้าตาย ก่อนจะเห็นว่าแบมแบมเหลือบตาไปทางอื่นพลางถามเสียงห้วนว่า

    “มองอะไรนักหนา”

    “คิดถึงอ่ะอยากมอง”

    แก้มนั่นขึ้นสีแดงเรื่อทันทีที่มาร์คเอ่ยออกไป แบมแบมอ้าปากก่อนจะหันกลับมาถลึงตาใส่ กลอกตามองไปทางห้องครัวเหมือนกลัวว่าเพื่อนจะได้ยินแล้วยกกำปั้นทำท่าจะต่อยมาร์ค

    “พี่ผิดสัญญา”

    “ไม่ได้ผิด อันนี้มันฉุกละหุกไม่นับ แต่ที่จริงก็อยากฉีกสัญญาแล้วด้วย อาทิตย์เดียวน่าจะพอ”

    “อะไรนะ...” แบมแบมเงยหน้ามาถามย้ำเหมือนไม่อยากเชื่อ มาร์คเดินเขยิบไปใกล้ก่อนจะก้มหน้ากระซิบบอกว่า

    “อาทิตย์เดียวก็พอแล้ว วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

    มาร์คหมุนตัวเดินเข้าห้องครัวไปไม่รอฟังแบมแบมเพราะเขารู้ว่าเดี๋ยวเด็กคนนั้นต้องปฏิเสธแน่นอน มาร์คมาหยุดยืนตรงหน้าคู่รัก เลยเห็นว่ายองแจกำลังหั่นแครอทอยู่

    “แบมแบมไม่กินแครอทไม่ใช่เหรอ?” มาร์คเอ่ยถามขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังผักสีส้มบนเขียง

    “พี่มาร์ครู้ด้วยเหรอว่ามันไม่กินแครอทอ่ะ” ยองแจเอ่ยเสียงดังจงใจให้คนที่ยืนอยู่ตรงนู้นได้ยิน มาร์คอมยิ้มขณะเหลือบไปเห็นว่าแจบอมกำลังกลั้นขำ

    “ผมหั่นชิ้นพอดีครับ ไว้ตักง่ายๆ ไม่ก็แบมแบมจะได้เขี่ยง่ายๆ แล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงมันมากนะครับ พี่ควรหาวิธีบังคับมันกินแครอทให้ได้ดีกว่า มันจะได้ฉลาดขึ้น”

    “กูได้ยินนะยองแจ!

    แบมแบมเอ่ยขึ้นเสียงดังแถมยังเดินมาด้วย ตอนแรกก็มาหยุดยืนอยู่ข้างมาร์ค แต่สักพักคงรู้ตัวก็เลยเขยิบให้มีระยะห่างระหว่างเราสองคนเพิ่มขึ้น ตายังมองเพื่อนพลางเอ่ยไปว่า

    “มีอะไรให้ช่วยอ่ะ เอามา”

    ยองแจหัวเราะคิกคักท่าทางมีความสุขขณะชี้บอกให้แบมแบมทำ ส่วนมาร์คปลีกตัวไปยืนหน้าเตา แบมแบมจะได้ไม่อึดอัดจนเกินไป เขายกช้อนขึ้นมาตักชิมน้ำแกง มันเป็นแกงเผ็ดแต่เขากลับรู้สึกว่ารสชาติมันหวาน อันที่จริงอาจเป็นเพราะเสียงหวานใสของแบมแบมที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับยองแจอยู่ก็ได้

     

     

     

    ผัดผักน่ะมันมีสารพัดผักหลากชนิดนั่นล่ะ และเพื่อเพิ่มความน่าทานมันก็ควรมีสีสันหน่อยไม่ใช่มีแต่ผักใบเขียว แครอทที่ยองแจหั่นเป็นชิ้นพอดีคำก่อนหน้านี้มันก็มาอยู่ในผัดผักรวมมิตรด้วยนี่ล่ะ ความยากสำหรับแบมแบมที่มาร์คมองเห็นจากการนั่งอยู่ข้างๆ ก็คือการที่อีกฝ่ายพยายามใช้ช้อนกลางตักแบบเลี่ยงแครอท แต่ก็หลายครั้งที่มันเลี่ยงไม่ได้ต้องตักมันใส่ถ้วยข้าวตรงหน้าแล้วทำหน้าเหยเกก่อนเขี่ยไปไว้บนข้าวตรงมุมหนึ่ง

    ฝั่งตรงข้ามของพวกเราทั้งคู่คือยองแจและแจบอมที่ตักกับข้าวให้กันดูท่าทางกระหนุงกระหนิงดี มาร์คก็อยากจะมีโมเม้นต์แบบนั้นบ้างเหมือนกัน เขาเลยเหลือบมามองคนข้างกายที่กำลังใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวโดยเลี่ยงไม่ให้มันโดนแครอท ทำยังกับว่าแครทอมมันซึมใส่ตะเกียบได้อย่างนั้นแหละ

    “ลำบากนะ” มาร์คหันมาเอ่ยถาม ที่จริงไม่อยากพูดด้วยมากนักหรอกเพราะตอนทำกับข้าว แบมแบมก็ไม่ยอมพูดด้วย เป็นใบ้กิน ทำตัวเป็นเสาหินอยู่กลางห้องครัว

    พอถึงเวลามาร์คโชว์ฝีไม้ลายมือเรื่องอาหาร ทั้งแจบอมและยองแจก็ให้กำลังใจส่งเสียงชมไม่ขาดปาก ยิ่งยองแจนี่ไม่ต้องจ้างให้เปลืองเงินแต่ส่งเสียงเชียร์อย่างออกนอกหน้ามาก แต่แบมแบมก็ทำแค่ด่าเพื่อนว่าเสียงดังไร้สาระแล้วเดินหนีไปเสียดื้อๆ

    “อะไร? พูดกับผมทำไม?” แบมแบมเอ่ยขึ้น แล้วมาร์คเลยเอื้อมตะเกียบในมือไปทางคนตัวเล็กกว่า

    “เฮ้ย!” แบมแบมโวยก่อนจะหุบปากเงียบ

    มาร์คยื่นตะเกียบไปคีบเอาชิ้นแครอทเจ้าปัญหา 4-5 ชิ้นบนถ้วยแบมแบมมาใส่ถ้วยตัวเอง เด็กหนุ่มเลยนั่งนิ่งเอนหลังพิงเก้าอี้ ตาหลุบมองพื้น เม้มปากไม่เอ่ยอะไรจนกระทั่งมาร์คจัดการเรียบร้อย

    “หูย...พี่มาร์คดูแลแบมแบมดีจัง”

    “ก็...เขาไม่ชอบแครอท เห็นกินลำบากน่ะ” มาร์คยักไหล่ หางตามองแบมแบมที่ขยับตัวจับถ้วยข้าวขึ้นมาเหมือนกลัวว่ามาร์คจะทำอะไรกับข้าวของตัวเองขึ้นมาอีก

    “ใส่ใจมันดีจังเลยนะครับ” ยองแจยังเอ่ยพลางยิ้มให้

    “พูดมากจังมึงอ่ะ ใครเขาคุยกันตอนกินข้าว” แบมแบมบ่นอุบอิบในลำคอแล้วก้มหน้าก้มตาทานต่อก่อนจะเลี่ยงจานผัดผักไปเลย คงกลัวว่าจะโดนแครอทอีก

    มาร์คหันไปส่งสายตาขอบอกขอบใจยองแจ หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกนอกจากทานมื้อเที่ยงกันไปเงียบๆ พอเรียบร้อยก็ลุกช่วยกันเก็บข้าวของ หน้าที่ล้างจานเป็นของคู่รักหวานแหววอย่างแจบอมและยองแจ ขณะที่มาร์คและแบมแบมถูกรับหน้าที่ให้ช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะทานอาหาร

    เจ้าของห้องยืนถือถุงดำตามหลังมาร์คที่เก็บขยะใส่เด็กเก็บขยะที่หน้าตาน่าเอ็นดูที่สุดในโลก พอจัดการเรียบร้อย แบมแบมก็เช็ดทำความสะอาดโต๊ะ ตอนนั้นยองแจกับแจบอมยังทำความสะอาดไม่เสร็จ มาร์คมองเจ้าของห้องที่มัดปากถุงพลาสติกสีดำแล้วเดินลากเท้าไปทางประตูหน้าห้อง เขาเลยเลือกจะเดินตามแบมแบมไป เด็กหนุ่มชะงักปลายเท้าก่อนจะหันกลับมามอง

    “พี่ตามมาทำไม?”

    “จะไปไหนล่ะ ไปด้วย”

    “เอาขยะไปทิ้ง ไม่ต้องตามมาเลย” แบมแบมเอ่ยดุแล้วเดินเปิดประตูออกไปและมีมาร์คก้าวตามหลังไปติดๆ แบมแบมทำเสียงจิ๊ในลำคอ ก่อนจะหันมาโวย

    “เอ๊ะ บอกแล้วทำไมไม่ฟัง”

    “ก็พี่ไม่อยากเป็นก้างสองคนนั้นนี่ เขาหวานกันออกขนาดนั้นจะให้ยืนหัวโด่เอาตัวไปไว้ตรงไหนของห้องล่ะ?” มาร์คเถียงข้างๆ คูๆ แบมแบมเลยชี้นิ้วไปยังประตูห้องเขา

    “งั้นพี่ก็กลับห้องพี่ไปสิ ข้าวก็กินแล้วนี่”

    “ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

    “พี่นั่นล่ะพูดไม่รู้เรื่อง รับปากสองอาทิตย์ไง นี่เพิ่งผ่านไปอาทิตย์เดียว” แบมแบมบ่นแล้วหมุนตัวหิ้วถุงดำไปทางที่ทิ้งขยะของคอนโดโดยมีมาร์คตามไปไม่ห่าง

    “มันทรมานนะแบม”

    แต่แบมแบมก็ไม่ได้หันกลับมา แถมไม่ตอบอะไรออกมาด้วย มาร์คมองแผ่นหลังอีกฝ่ายแล้วพรูลมหายใจ มันไม่ใช่อารมณ์ท้อใจหรอก แต่บางทีการไล่ตามคนที่เอาแต่วิ่งหนีนี่มันก็เหนื่อย แต่ก็หยุดวิ่งไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นเส้นชัยอยู่ไม่ห่างนัก

    “พี่คิดถึงแบมแบมจนทรมาน อยากเจอ...มันไม่ไหวแล้วอ่ะ”

    “เพ้อเจ้อว่ะ” แบมแบมโยนถุงดำลงถังแล้วหันมาบอกเสียงห้วน “ก่อนหน้านี้ไม่เจอหน้าผมพี่ก็อยู่ได้นี่ ไอ้...ไอ้ตอนที่ผมหลบหน้าพี่อ่ะ”

    “แต่พี่ก็ซื้อของมาวางหน้าห้องได้ไง” มาร์คเถียง มองแบมแบมเดินผ่านหน้าเพื่อกลับไปยังเส้นทางเดิมคือห้องของอีกฝ่าย

    “แต่นี่พี่ต้องทำตัวเหมือนอากาศอ่ะ ไม่ดิ่...อากาศยังดีกว่าอีก ได้อยู่ใกล้ๆ แบมแบม ของพี่นี่แค่ผนังกั้นห้องอยากเจอหน้ายังเจอไม่ได้เลยอ่ะ ทรมาน...”

    “พี่พูดเองนะว่าทำได้”

    “เออ นี่ก็ยอมรับแล้วไงทำไม่ได้”

    “เรื่องของพี่สิ”

    แบมแบมตอบเสียงห้วนแล้ววางมือบนลูกบิด มาร์คดึงมืออีกคนออกมาก่อน แบมแบมหันมาเตรียมเหวี่ยงเต็มที่ ทั้งหัวคิ้วที่ขมวดชนกัน ใบหน้านิ่งกะทันหันแถมยังเม้มปากแน่นอีกต่างหาก แต่มาร์คไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายว่าเขาก่อนหรอก เขาต้องชิงลงมือก่อน

    “อย่าเห็นความรู้สึกพี่เป็นเรื่องเล่นๆ สิ”

    มาร์คเอ่ยเสียงเรียบ เขามองหน้าแบมแบม อีกฝ่ายเอาแต่หลุบตาต่ำ ไม่ก็กลอกตาหลบไม่ยอมสบตากัน มาร์คว่านี่คงไม่ใช่วันที่เขาและแบมแบมจะคุยกันได้ ดูเหมือนแบมแบมจะยังไม่พร้อมจริงๆ เห็นแบบนี้แล้วเขาก็ไม่อยากบังคับเลยปล่อยมือแบมแบมก่อนจะถอนหายใจ

    “จะให้พี่รอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ? จะดูความอดทนพี่เหรอว่าจะรอได้นานแค่ไหน...ก็ได้แบมแบม...ก็ได้...”

    มาร์คยอมถอยกลับมายืนอยู่หน้าห้องตัวเอง เขาล้วงหยิบกุญแจมาถือค้างไว้ยังไม่ทันได้ไขเปิดประตูด้วยซ้ำ ตอนนั้นแบมแบมก็เงยหน้ามามอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายืนตรงหน้าก็ไม่ยอมมอง

    “สองอาทิตย์...ไว้อาทิตย์หน้าเราค่อยมาคุยกันใหม่...”

    มาร์คเปิดประตูแล้วปิดลงตอนตัวเองมายืนในห้องแล้วเรียบร้อย เอนหลังพิงแล้วคาดหวังว่าแบมแบมจะเคาะประตูเรียกให้เขาออกไปคุยกันให้เข้าอกเข้าใจ แต่กลับกลายเป็นว่าได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆ แว่วเข้าหูแผ่วเบามาแทน เขาหัวเราะขมขื่นกับตัวเอง อยู่กับเด็กข้างห้องมานานยังไม่จำใส่สมองไว้อีกว่าแบมแบมไม่ใช่คนแบบนั้นที่จะง้อใครต่อใครง่ายๆ

     

     

     

    สุดท้ายมาร์คก็มานั่งเล่นเกมต่อกับคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่ยองแจมาเรียกนั่นล่ะ แม้จะพยายามให้สมาธิของตัวเองจดจ่ออยู่แต่กับเกมตรงหน้า สุดท้ายก็ฝืนตัวเองไม่ไหวเลยปิดมันแล้วนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นนิ่งๆ อยู่แบบนั้น

    เกือบชั่วโมงที่เขาเข้ามาในห้อง หมดหวังจะให้แบมแบมมาง้อแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมานั่งด่าตัวเองว่าจะกลับห้องมาทำไม ควรจะหน้าด้านหน้ามึนเข้าห้องแบมแบมเพื่อจ้องหน้าอีกฝ่ายต่อทดแทนที่ไม่เจอมาเป็นอาทิตย์ มาร์คพ่นลมหายใจไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ก่อนจะยืนนิ่งเพราะได้ยินเหมือนเสียงเคาะประตู

    แบมแบมมาง้อ!?

    มาร์คเขย่งปลายเท้าเดินไปทางหน้าห้องก่อนจะได้ยินเสียงคุยกันอึงอลแต่จับประโยคไม่ได้นัก กระทั่งมายืนหน้าประตูห้อง เขาเหลือบมองตาแมวและเห็นหน้ายองแจเป็นอย่างแรก พอเพื่อนแบมแบมหลบไปถึงได้เห็นเด็กข้างห้องยืนทำหน้ายุ่งพลางเอ่ยเสียงพึมพำ

    “มึงเรื่องมากว่ะ”

    ยองแจหันไปถลึงตาใส่ ตอนนั้นมาร์คเลยเห็นว่าแจบอมยืนสะพายกระเป๋าอยู่หลังเด็กหนุ่มทั้งสอง ยองแจหันมามองทางประตูห้องเขาอีกครั้งแล้วเคาะ 3 ทีถ้วนในระดับเสียงพอเหมาะคือไม่เบาไม่ดังเกินไป แต่มาร์คยังยืนนิ่ง

    “เขาไม่อยู่เหรอวะ?” ยองแจหันไปถามแบมแบมที่ยักไหล่ตอบเสียงดัง

    “กูจะไปรู้เหรอ?”

    “เพราะมึงนั่นล่ะไปพูดไม่ดีใส่เขา” ยองแจโบ้ยให้

    “กูไม่ได้พูดไม่ดี ก็เขาบอกกูจริงๆ ว่าสองอาทิตย์” แบมแบมเม้มปากก่อนจะหันมามองประตูห้องมาร์คแวบเดียว “แล้วจู่ๆ ก็โผล่มา ถึงจะอ้างมึงก็เหอะ ขนาดสัญญาที่ตัวเองพูดเองกับปากยังทำไม่ได้เลย ไหนว่าให้กูตัดสินใจไง”

    “มึงจะให้เขารอไปถึงเมื่อไหร่ ถ้าเสียพี่เขาไปนะ...กูจะสมน้ำหน้ามึงคนแรกเลย พี่แจบอมเป็นคนที่สอง”

    “เอ่อ...ยองแจ เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่งนะ...” แจบอมเอ่ยออกมาแล้วดึงแขนคนรักไว้ แบมแบมเบ้ปากก่อนจะโบกมือปัด

    “มึงกลับไปเลยไป ไม่ต้องห่วงหรอก เขาคงออกไปหาเพื่อนที่ทำงานไม่ก็ออกไปทำอย่างอื่นนั่นล่ะ”

    “เขาน้อยใจ” ยองแจบอกเสียงแข็ง “เขาชอบมึงนะ มึงจะยังให้เขาอดทนอะไรอีกวะแบม ถ้าไม่ชอบเขามึงก็บอกไปเลยให้จบๆ นี่เขาเสียโอกาสนะที่มารอมึงเนี่ย ระหว่างนี้เขาอาจจะหาแฟนคนใหม่ได้แล้วก็ได้”

    “มึงอย่าเว่อร์ พี่แจบอมพายองแจกลับได้เลยครับ ไว้เจอกันวันหลัง วันนี้ขอบคุณมากนะครับที่มาทำมื้อเที่ยงให้” แบมแบมเอ่ยเสร็จสรรพก็หันไปโค้งให้แจบอม

    “เออไม่ต้องไล่เลย” ยองแจเอ่ยเสียงห้วน “แล้วอย่าโทรศัพท์มาร้องไห้ขี้มูกโป่งบ่นว่ากูทำไงดีวะยองแจอีกนะ ไปครับพี่แจบอม”

    แล้วยองแจกับแจบอมก็เดินไปทางลิฟต์ ตอนนั้นแบมแบมยังยืนชะเง้อมองเพื่อนอยู่ สักพักก็โบกมือไหวๆ ให้ ชั่วอึดใจหนึ่งก็ลดมือลง ตอนนั้นมาร์คยังยืนส่องจากด้านหลังประตูอยู่ที่เดิม เขามองว่าแบมแบมจะทำยังไง แต่เด็กคนนั้นก็แค่เคาะลงบนประตูอีก 3 ครั้งแล้วยืนนิ่ง

    “ไม่อยู่จริงๆ เหรอวะ?” แบมแบมยืนบ่นอยู่ตรงนั้น เม้มปากแล้วก็เคาะอีก 2 ที

    “แม่ง...ขี้งอน แค่ไม่พูดอะไรเอง”

    แบมแบมยังบ่นเขาต่ออีกต่างหาก แล้วก็หมุนตัวเดินกลับไปทางห้องตัวเอง มาร์คก็ว่าจะเปิดประตูไปเรียกให้มาคุยกันอยู่หรอกแต่ก็คิดว่าไม่ดีกว่า เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยแล้วกัน เดี๋ยวเขาจะไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เจ้าอร่อย ไว้ไปเคาะประตูห้องแบมแบมแต่เช้าแล้วทำหน้าด้านหน้ามึนขอเข้าไปคุยด้วยแล้วกัน

    มาร์คคิดแบบนั้นแล้วก็ยักไหล่จะเดินกลับไปหาหนังดูสักเรื่อง แต่ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงกุกกักจากตรงประตูห้อง ปลายเท้าชะงักก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมายืนที่เดิมอีกหน แต่ก็ไม่เห็นภาพใครยืนหน้าห้อง พอสังเกตดีๆ เลยเห็นว่ามีเงาตะคุมอยู่ตรงมุมด้านล่าง แล้วมาร์คก็เกือบสบถดังลั่นออกมาเพราะมีอะไรสะกิดปลายเท้า

    ก้มลงมองเลยเห็นเป็นกระดาษขนาดครึ่งเอสี่ถูกฉีกอย่างไร้ความประณีตที่สุด เขาก้มลงนั่งยองๆ มองเห็นตัวเลข 1 อยู่ตรงมุมขวาบน และประโยคหนึ่ง

    วันนี้ผมพูดไม่ค่อยดี

    กระดาษแผ่นที่สองถูกสอดตามเข้ามาติดๆ ขอบมันยังเป็นรอยขาดแหว่งมา และอย่างเคยที่มีตัวเลขกำกับไว้ตรงมุมขวาพร้อมคำสั้นๆ

    ขอโทษ

    มาร์คนั่งยองๆ อมยิ้มอยู่แล้วสุดท้ายก็หย่อนตัวนั่งลงบนพื้นหน้าห้องนั่นล่ะ แบมแบมก็คงทำแบบเดียวกันอยู่ พอลองเงียบแล้วตั้งใจฟังดีๆ ก็ได้ยินเสียงลากปากกาเส้นใหญ่ แล้วกระดาษแผ่นต่อๆ มาก็ถูกสอดผ่านใต้ประตูเข้ามาเรื่อยๆ

    ทำไมต้องออกจากห้อง

    พี่พูดเองนะเรื่อง 2 อาทิตย์

    พี่พูดแต่ทำไม่ได้จะให้ผมคิดยังไง

    ขอโทษอีกรอบก็ได้

    กลับห้องมาแล้วอยากคุยกับผมก็ไปหา

    ผมไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครนะ

    อย่าพูดว่าผมไม่สนใจความรู้สึกพี่อีกนะ ไม่ชอบ

    มาร์คนั่งนิ่งมองกระดาษที่คาดว่าน่าจะเป็นแผ่นสุดท้าย เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เลยเก็บกระดาษปึกนั้นขึ้นมาถือไว้แล้วมองผ่านตาแมว ไม่เห็นแบมแบมแล้วล่ะ มาร์คหันไปคว้ากุญแจห้อง หมุนลูกบิดประตูแง้มออกมา ก่อนจะล็อกห้อง เดินถือกระดาษในมือหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างเคาะประตูห้องแบมแบมลงไป 3 ครั้ง

    ไม่กี่อึดใจประตูก็เปิดออก มาร์คโชว์กระดาษปึกนั้นพร้อมกับยิ้มบางให้เจ้าของห้อง แบมแบมที่พยายามทำหน้านิ่งกลับแก้มแดง เม้มปากก่อนจะเอ่ยเสียงห้วนว่า

    “อะไร? กลับมาแล้วเหรอ? เร็วจัง” ถามปุ๊บก็ยกหลังมือขึ้นเกาท้ายทอย มาร์คดึงกระดาษแผ่นสุดท้ายที่เขียนว่า กลับห้องมาแล้วอยากคุยกับผมก็ไปหา ขึ้นมาแล้วบอกแบมแบมไปว่า

    “พี่มาหาเพราะเหตุผลนี้...”

    แบมแบมถอยให้เขาเข้าไปในห้อง เป็นครั้งที่สองของวันที่มาร์คได้ก้าวเข้าไปในห้องแบมแบมอีกหน อีกคนปิดประตูไล่หลังแล้วเอ่ยถามเสียงเบาว่า

    “แล้วไปไหนมา”

    “ไม่ได้ไปไหน” มาร์คบอก หันกลับมาเผชิญหน้าแบมแบมก่อนจะบอกตรงๆ “พี่นั่งอยู่หน้าประตูนั่นล่ะ พี่อยู่ตลอดตั้งแต่ยองแจกับแบมแบมมาเคาะประตูห้องแล้ว”

    “เอ้า! เดี๋ยว...ไอ้พี่มาร์ค...ไอ้...โห...คือพี่นี่เป็นคนยังไงวะ!” แบมแบมเกือบจะตะโกนลั่นห้อง มาร์คยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านก่อนจะเอ่ยหน้านิ่งเสียงเรียบ

    “เป็นคนที่รักใครรักจริง”

    “ผมไม่น่าไปง้อพี่เลย ไอ้เราก็นึกว่าโกรธจริง” แบมแบมบ่นอู้อี้สลับกับเงยหน้ามามองมาร์คตาขวาง เขายิ้มก่อนจะเอ่ยบอกไป

    “พี่ไม่ได้โกรธ มันแค่น้อยใจ”

    “น้อยใจอะไร?” แบมแบมถาม มาร์คเม้มปากก่อนจะยักไหล่แล้วอธิบายให้อีกคนได้เข้าใจ

    “ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะ ก็ดูเหมือนไม่สนใจความรู้สึกพี่จริงๆ ส่วนเรื่อง 2 สัปดาห์พี่ยอมรับก็ได้ว่าพี่ผิดเองที่ให้สัญญาแล้วทำไม่ได้อย่างที่พูด แต่ถ้าแบมแบมรักใครสักคนก็จะรู้เองนั่นล่ะว่าคิดถึงแต่เจอหน้าไม่ได้มันรู้สึกแย่ขนาดไหน”

    ตอนที่พูดเขาก็เห็นว่าแก้มแบมแบมขึ้นสีขึ้นเรื่อยๆ จนมันแดงเรื่อ มาร์คเม้มปากตอนเอ่ยจบ เขาเลือกจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แบมแบมแทน แล้วก็ถือวิสาสะดึงมืออีกคนมากุมไว้หลวมๆ มาร์คหลุบตามองฝ่ามือและเรียวนิ้วที่ถูกเขาประคองเอาไว้ แล้วก็บอกแบมแบมไปว่า

    “ถ้าไม่ได้รักพี่ก็ไม่เป็นไร บอกมาตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำร้ายจิตใจพี่หรอก เพราะถ้าขืนทำเมินไม่ยอมบอกแบบนี้ พี่เจ็บกว่าอีก”

    “ผมไม่ได้อยากให้พี่มาทำดี...กับผมขนาดนี้...” แบมแบมเอ่ยสารภาพเสียงเบา พ่นลมหายใจออกมาแต่ก็แปลกดีที่ไม่ดึงมือกลับ ยอมให้มาร์คยืนเล่นนิ้วอยู่แบบนี้

    “มันก็...ไม่ได้รังเกียจหรอก คือผมหมายถึงว่าคนเราเวลามีใครมาทำอะไรดีๆ ให้จะไม่ชอบได้ยังไงจริงป่ะ? เหมือนที่พี่ทำให้ผมอ่ะ”

    “อืม...” มาร์คใช้มือข้างเดียวเล่นมือแบมแบมอยู่อย่างเพลินๆ แต่ก็ยังฟังทุกถ้อยคำที่แบมแบมบอกกล่าว

    “แต่พี่ถามเรื่องคบกันเป็นแฟน ผมเอ่อ...คือพวกเราเริ่มต้นกันไม่เหมือนคนอื่นน่ะพี่เข้าใจผมใช่ไหม?” แบมแบมเอ่ยตะกุกตะกักแล้วยกมืออีกข้างมาเกาแถวหลังใบหูแก้เขิน

    “คือ...ถ้าจะให้ผมบอกว่าอยากเป็นแฟนพี่ไหม...มันก็...” แบมแบมเม้มปากเป็นเส้นตรง ขณะที่มาร์คชะงักมือที่เกี่ยวเรียวนิ้วแบมแบมอยู่ เขาได้ยินเสียงแบมแบมถอนหายใจแล้วอีกคนก็ใช้มือข้างที่โดนเขาเล่นอยู่นั่นล่ะตีหลังมือเขาเบาๆ

    “พูดอะไรหน่อยสิ”

    “ก็รอคำตอบแบมแบมอยู่ไง...จะให้พี่พูดอะไรล่ะ?” มาร์คเงยหน้าถาม แบมแบมเม้มปาก แก้มก็แดงเรื่อ

    “พี่ชอบผมเพราะเรามีอะไรกันวันนั้นเหรอ?”

    “ถ้าจะบอกว่าไม่มีส่วนก็คงโกหกแบมแบมหน้าด้านๆ ไป” มาร์คเอ่ยขึ้นแล้วบอกไปตรงๆ “ก่อนหน้านั้นคิดว่าแค่เอ็นดูแบบน้องชายข้างห้อง แต่หลังจากคืนนั้นก็คิดแล้วล่ะว่าไม่อยากให้แบมแบมไปมีอะไรแบบนี้กับใครนอกจากตัวพี่เอง”

    “แม่ง...รู้ใจตัวเองตอนเอากับผมเนี่ยนะ” แบมแบมเค้นเสียงออกมาแล้วเลิกคิ้วมอง มาร์คเลยพยักหน้าหงึก

    “พี่ไม่ได้อยากให้มันคาราคาซังไปมากกว่านี้หรอก ถึงได้ขอแบมแบมเป็นแฟนอยู่อย่างตอนนี้ไง ให้รอก็ได้นะ...”

    “ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก” แบมแบมเอ่ยสวนไปทันที เม้มปากก่อนจะเป็นคนดึงมือมาร์คไปกุม เบือนหน้าหนีไปทางซ้ายแล้วเอ่ยเสียงแข็งว่า

    “เป็นก็เป็น ดีล...”

    มาร์คยิ้ม เขาโยนกองกระดาษในมือทิ้งไปด้านหลังก่อนจะคว้าแบมแบมมากอดไว้ เจ้าของห้องดิ้นอึกอักอยู่ เขาเลยต้องปลอบไปเสียงเบาว่า

    “ปกติเวลาคนทั่วไปเขาบอกรักกันมันต้องกอดกันแบบนี้แหละแบมแบม...เชื่อพี่...”

    “เชื่อ...เชื่อได้ใช่ไหมไอ้เรื่องนี้น่ะ...”

    “น่า...”

    มาร์คกลั้นยิ้มก่อนจะกอดแบมแบมทั้งสองแขนไว้หลวมๆ ก่อนหน้านี้ตอนเจอหน้าแบมแบมหลังจากที่ไม่เจอกันนานเขาก็อยากทำแบบนี้มาตลอด แล้วในที่สุดก็ได้ทำอยู่ มาร์คแทบไม่อยากเชื่อว่าแบมแบมจะยอมตกลงปลงใจเป็นแฟน แถมตอนนี้ก็ยังยอมยืนนิ่งๆ ให้เขากอดอีกต่างหาก

    “เรามาเริ่มต้นเรื่องของเรากันใหม่แบบคนทั่วไปกันเถอะนะ...”

    มาร์คคลายอ้อมกอดแล้วเอ่ยประโยคนั้นออกไป แบมแบมหน้าแดงจนลามไปถึงใบหู ในตอนนั้นเองที่เด็กคนนั้นสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาออกมาว่า

    “พวกเราไม่ได้เริ่มต้นแบบคนทั่วไปนี่ ผมว่า...ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่เราเป็นกันนี่ล่ะ พี่มาร์คไม่ต้องปรับตัวหรืออะไรมากหรอก ก็...ก็แค่เป็น...เอ่อ...เป็นแฟน...แล้วก็ทำอย่างที่พี่เคยบอกผมว่าอยู่กับผมแล้วไม่ต้องคีพลุคน่ะ”

    “แบมแบมเหมือนกันนะ...” มาร์คเอื้อมมือไปจับผมอีกคนแล้วยิ้ม

    “พี่ชอบที่แบมแบมเป็นแบบนี้ล่ะ เราแค่ต้องปรับตัวเข้าหากันบ้าง แต่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองหรอก แต่พี่อาจจะทำอะไรให้แบมแบมมากขึ้น เพราะตอนนี้เราเป็นแฟนกัน จะดีลไหม?” มาร์คเอ่ยถามความเห็น ตอนนั้นแบมแบมหัวเราะเบาๆ ออกมา

    “ป่านนี้แล้ว ก็ต้องดีลสิ”

    เราเหมือนคนสองคนที่ก้าวเท้าข้ามขั้นบันไดแทนที่จะเริ่มจากขั้นที่หนึ่ง พวกเราทั้งคู่กลับก้าวขึ้นไปชั้นที่สองซะแล้ว ระหว่างที่ก้าวขึ้นบันไดต่อแทนที่เราจะก้าวไปทีละขั้น เราก็ยังติดนิสัยก้าวข้ามไปบางขั้นอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นพอก้าวขาแบบไม่ระวัง เราทั้งคู่เลยหกล้มจนลงไปอยู่บันไดชั้นล่างๆ อีกแล้ว เราต่างก็เจ็บ เราต่างก็เหนื่อย ในตอนนั้นเหมือนกับเราทั้งคู่หันมามองหน้ากัน มาร์คเป็นคนยื่นมือหาแบมแบมก่อน และแบมแบมก็ยินยอมสอดมือกลับมา เรากุมมือกันแน่น

    เปล่าหรอก...นิสัยเราทั้งคู่ไม่ใช่คนที่จะก้าวไปทีละขั้น เรายังก้าวขึ้นบันไดแบบก้าวกระโดดบ้าง แต่หลังจากนี้ก็คงต้องมีจังหวะที่ต้องก้าวไปทีละขั้น เราตระหนักได้ว่าหากเราต่างคนต่างก้าวคงมีใครสักคนหล่นลงไปและเจ็บ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนมาจับมือกัน ใครบางคนอาจจะก้าวขึ้นไปก่อนเพื่อรอดึงใครอีกคน หรือหากคนที่ก้าวไปก่อนทำท่าจะร่วงหล่น อีกคนก็ยังจะคอยประคองอยู่ข้างหลัง ถึงเจ็บ...แต่ก็ยังมีมือคู่หนึ่งคอยให้กำลังใจ

    ต่อจากนี้แบมแบมก็รู้แล้วว่าตอนที่มาร์คนอนด้วยอีกฝ่ายไม่ได้ให้อะไรตอบแทนหรอก แบมแบมได้มันมาแล้ว

    ...ความรักและหัวใจของอีกคนนั่นไงล่ะ

     

     

     

     

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านฟิคพี่มัคคนเจ้าเล่ห์กับน้องแบมคนอยากลองนะคะ
    มันเป็นฟิคกามๆ พระเอกเล่หืเหลี่ยมแพรวพราวอ่ะค่ะ ส่วนนายเอกก็เหมือนจะฉลาดแต่ไม่
    55555
    เป็นฟิคที่เราอยากลองแต่งมานานล่ะ //หวยออกที่คู่นี้ตลอดล่ะ
    ขอบคุณคนที่ติดแท็ก
    #ficmbinbed นะคะ และคนที่คอมเม้นต์ คนที่เห็นเราหายไปนาน
    แล้วก็กระซิบติดแท็กฟิคว่าไรเตอร์จ๋าคิดถึงยังเงี้ย
    TwT //กราบแทบอกและขอโทษที่ช้าค่ะ
    มันเป็นฟิคชั่ววูบนะ คะ ถ้าลองย้อนอ่านทอล์คตอนแรกจะเห็นว่าเราบอกจะอัพเดือนละ
    2 ตอน
    //รบกวนตากล้องตัดภาพมาที่ฟิคเรื่องนี้จบแล้วค่ะ 555555555555555555

    โดยส่วนตัวเราชอบตอนจบฟิคเรื่องนี้นะคะ เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคนเพี้ยนๆก็คงต้องจบงี้แหละ
    กราบขอบพระคุณทุกคนอีกครั้งที่ติดตามเรามาตลอดนะคะ ไว้เจอกันเรื่องนี้
    //กดเรื่อง FAKE
    ค่ะ

    ปล.เปิดจองฟิคแล้วนะคะ รายละเอียดตอนถัดไป

    ปล2. พี่สาวเราฝากมาค่ะ #Mark Photobook '하루하루' Day by Day http://bit.ly/PayFBDbD15

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×