ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] MARKBAM ll Sleep with me

    ลำดับตอนที่ #6 : Sleep with me free everything

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.65K
      204
      30 เม.ย. 58


    Sleep with me free everything

     

     

     

    วันนี้แบมแบมมีเรียนช่วงสาย เขาอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะไลน์ถามยองแจว่าออกจากหอพักรึยังก่อนจะได้คำตอบว่าอีกเดี๋ยวจะออกรอพี่แจบอมมารับ แบมแบมด่าเพื่อนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยการเปล่งเสียงพึมพำ ท้ายที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุปว่าจะออกไปมหา'ลัยเร็วหน่อยจะได้ออกไปหาอะไรกิน หลังจากจัดการเรียบร้อยเลยฮัมเพลงท่าทางอารมณ์ดีเดินผลักบานประตูเพื่อพบว่า

    พี่มาร์คแม่งเอาอีกแล้ว

    เหลือบตามองซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง เขาไม่เข้าใจนักหรอกว่าจะวิตกอะไรในเมื่อเจ้าของห้องข้างๆ คงออกไปทำงานแล้ว แบมแบมก้มหยิบถุงพลาสติกผูกริบบิ้นสีเหลืองสดใสขึ้นมา ในนั้นมีคุกกี้บรรจุอยู่เต็ม และกระดาษโพสต์อิทสีส้มแสบทรวงแปะอยู่ด้วย มีถ้อยคำไม่กี่ประโยคเขียนเอาไว้

    'คุกกี้ร้านนี้อร่อย หวังว่าจะชอบ'

    แบมแบมถอยกลับเข้าไปในห้อง ดึงโพสต์อิทออกจากถุงคุกกี้ แปะมันไว้ที่ผนังตู้เก็บรองเท้ารวมกับโพสต์อิทอันอื่น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบมแบมได้ของกินหรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ จากมาร์ค

    นับจากวันที่เรามีอะไรกันด้วยความอยากรู้ของเขา (และความเงี่ยนของพี่มาร์ค) เรายังไม่ได้เจอกันอีกเกือบเป็นอาทิตย์แล้ว แบมแบมยอมรับว่าเขาหลบหน้าอีกฝ่าย เพียงเพราะคำพูดว่ารักที่หลุดจากปากนั่นเขาไม่แน่ใจนักว่าอีกคนพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นเด็กปากกล้าแต่เอาเข้าจริงก็แค่คนขี้กลัว และเพราะตอบคำถามไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง รวมถึงไม่มั่นใจสิ่งที่มาร์คพูดออกมา แบมแบมเลยเอาแต่หลบเพื่อขอเวลาตั้งตัว

    อีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เร่งเร้าเอาคำตอบ เขายังได้ยินเสียงมาร์คทำอะไรที่ระเบียงในบางวัน แต่อีกคนไม่ได้รุกรานเคาะห้องมาขอให้แบมแบมตัดสินใจ หากมาร์คเลือกวิธีแบบนี้ ไลน์มาหาบ้าง ซึ่งแบมแบมตอบบ้างไม่ตอบบ้าง และทุกวันนับจากวันที่พูดออกมาว่าอยากเป็นแฟนจริงๆ ก็หมั่นเอาของมาห้อยหน้าห้องพร้อมโพสต์อิท

    'ยาแก้ปวด หายเจ็บไวๆ'

    นี่มาพร้อมแผงยาแก้ปวดหลังจากวันที่เรามีอะไรกันในห้องอีกฝ่ายหลังจากคืนนั้น

    'ปาท่องโก๋อร่อย อย่าลืมกินมื้อเช้า'

    ปาท่องโก๋ร้านดังจากอีกย่านไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นเช้าแค่ไหนไปซื้อมาห้อยไว้เช้าวันหนึ่ง

    'สมุดนี่ลายน่ารักดี เหมือนแบมแบม'

    สมุดโน้ตขนาดเอสี่ลายงูหน้าตาอุบาทว์แต่คนให้ดันบอกว่าน่ารัก ตอนนี้มันอยู่รวมกับหนังสือเรียนของแบมแบมบนโต๊ะทำการบ้าน

    'เคสโทรศัพท์สวยดี อย่าลืมใช้'

    มันคือเคสมือถือสีอิฐ แบมแบมไม่ได้อยากใช้หรอกแต่พอดีว่าของเก่าเยินและอนาถมากเลยเปลี่ยนมาใช้อันใหม่ที่มาร์คซื้อมาให้

    และอีกมากมาย ส่วนใหญ่เน้นหนักไปทางของกิน ห้อยทิ้งไว้ให้ตอนเย็นบ้าง ตอนเช้าบ้าง แบมแบมเลยมีโพสต์อิทเป็น 10 แปะข้างฝาห้อง

    เขาเดินออกจากห้องเข้าลิฟต์ เม้มปากถอนหายใจตอนกดหมายเลขหนึ่งบนปุ่ม ไม่รู้โว้ย ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มันพูดยาก แต่ถ้าถามแบมแบมว่าให้เลือกระหว่างมาร์คกับจินยองจะเลือกใคร เขาก็คงเลือกไอ้หื่นข้างห้อง แต่ถ้าถามว่าเขารู้สึกยังไงก็ยังตอบไม่ได้ บรรยายไม่ถูก

    ถ้าถามว่ารู้สึกดีไหมตอนอยู่ด้วยกันมันก็ไม่แย่เท่าไหร่ แต่ถ้าให้บอกว่าอยากได้คนนี้เป็นแฟนไหมก็อยากจะถามกลับเหมือนกันว่าถ้าเราเป็นแฟนกันอะไรจะเปลี่ยนไป

    ...แล้วเขาจะได้อะไร?

     

     

     

    "แบมแบม ... แบม ... ไอ้แบม!"

    “เรียกอะไรนักหนา!

    แบมแบมสะดุ้งก่อนจะหันมาตะคอกใส่ยองแจที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่เรียกเขาดังซะหูแบมแบมเกือบแตก แถมยังเอามือมาเขย่าแขนเขาอีกต่างหาก แบมแบมดึงแขนหนีแล้วหันมาดุเพื่อนพลางจิ๊ปากใส่ เพื่อนกะพริบตาก่อนจะเอ่ยเสียงห้วนว่า

    “กูเรียกมึงจนคอแทบแตกแล้วก็ไม่หันเถอะแบมแบม!” ยองแจลุกจากเก้าอี้ แบมแบมลุกตามเพื่อนแล้วเดินไป

    เรานั่งย่อยกันอยู่ในโรงอาหารหลังจากทานมื้อเที่ยงเรียบร้อย แบมแบมเลยนั่งคิดนู้นนี่เรื่อยเปื่อย ก่อนจะโดนยองแจดึงกลับจากภวังค์นั่นล่ะ เราโผล่ออกมาจากโรงอาหารและกำลังมุ่งหน้าไปทางตึกเรียน ยองแจเลยเอ่ยเสียงเบาเพิ่มเติมเพื่อต่อว่าแบมแบม

    “มึงคิดอะไรอยู่ เหม่อเหมือนมีเรื่องเครียดอ่ะ? มีไรเล่าให้กูฟังได้นะ”

    “ไม่มี” แบมแบมบอกเสียงห้วนเพื่อจบบทสนทนาแต่ดูเหมือนยองแจจะไม่ยอมแพ้

    “เป็นไรอ่ะ? คือท่าทางมึงแปลกนะ”

    “กูก็ปกติ ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเล่นๆ” แบมแบมตอบแต่ยองแจก็ยังไม่ลดละ

    “คิดอะไรล่ะเล่าให้กูฟังหน่อยสิ”

    “เสือก” แบมแบมตอบสั้นๆ เสียงเรียบ ยองแจไม่ได้สนใจสักนิด แถมยังคว้าแขนแบมแบมมากอดเอนหัวมาซบไหล่ก่อนจะเอ่ยเสียงอู้อี้ถามเขาว่า

    “ทะเลาะกับพี่มาร์คเหรอวะ”

    “เปล่า!” คราวนี้ไม่สามารถบังคับเสียงที่สูงปรี๊ดขึ้นได้ ยองแจหัวเราะเสียงดังทันที

    “กูรู้แล้ว เรื่องพี่มาร์คนี่เอง ไหนว่ามาสิ...ชเวยองแจจะให้คำปรึกษา เห็นว่าเพื่อนเพิ่งอยู่ในฐานะเดียวกันหรอกนะ กูอยู่ในวงการนี้มานานกว่ามึง กูจะแนะนำ...”

    “ไม่ต้องมายุ่ง ไม่มีอะไร กูจะเข้าห้องสมุดมึงจะไปด้วยไหม?” แบมแบมหาเรื่องหนีเพราะถ้าขืนยังอยู่กับยองแจอีกคนก็คงซักไซ้ไล่เรียงเขาไม่จบไม่สิ้น ซึ่งแบมแบมไม่อยากจะเล่าอะไร ที่จริงคือเล่าให้ยองแจฟังไม่ได้

    “ไม่ไปอ่ะ กูไปหาพี่แจบอมก็ได้”

    อีกคนหยิบมือถือขึ้นมาโชว์หรา แบมแบมโบกมือลาแล้วเอ่ยบอกว่าเดี๋ยวเจอกันเพราะเรายังมีเรียนตอนบ่ายสองด้วยกัน เขาเดินมาอีกทางเพราะห้องสมุดอยู่อีกตึก ส่วนยองแจก็คงโทรหาแฟนแล้วไปทำตัวเป็นปลิงอยู่กับรุ่นพี่คณะดุริยางค์ แบมแบมถอนหายใจ พักนี้ยองแจไม่ได้รบเร้าให้เขาไปที่คณะนู้นด้วยแล้วเพราะคิดว่าเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตน จินยองก็คงไม่อยากเจอแบมแบมแล้วด้วย

    อันที่จริงแบมแบมไม่ได้มีแฟนสักหน่อย พี่ข้างห้องนั่นก็แค่แฟนปลอมๆ

    ที่พักนี้ตัวเองเหม่อหรือใจลอยก็ไม่ใช่ว่าแบมแบมไม่รู้ตัวหรอก จะไม่ให้เขานั่งคิดอะไรอยู่ได้ยังไง ในเมื่อตั้งแต่เสาร์อาทิตย์นั้นซึ่งเขาทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับมาร์คบนเตียง แถมยังสารภาพคำนั้นออกมาด้วย แบมแบมก็หลบหน้าแต่มาร์คก็ยังหมั่นทำตัวสม่ำเสมอทั้งขนม ทั้งข้อความในไลน์

    เขากลัวว่าจะเจอหน้าอีกฝ่ายจะตายถึงได้หลบหน้า ไม่รู้ว่ามาร์ครู้ตัวไหมว่าแบมแบมพยายามหลีกหนี แต่เอาเป็นว่าเขายังไม่พร้อมจริงๆ ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้ข้อตกลงของพวกเราคือการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมบ้างไม่เท่าเทียมบ้าง ทำไมจู่ๆ มาร์คถึงได้อยากจะเป็นแฟนแบมแบมล่ะ เขาไม่ไว้ใจพี่ชายข้างห้อง มาร์คเป็นคนเจ้าเล่ห์ แถมยัง...

    คนหล่อดูดีขนาดนั้นมาชอบกูได้ไงวะ?

    แบมแบมผลักบานประตูกระจกใสเข้าไปในห้องสมุด แอร์เย็นๆ ทำให้เขาใจเย็นขึ้นนิดหน่อย พอเลือกที่นั่งว่างได้ก็หย่อนกายลง เขาได้ที่นั่งด้านใน ห้องสี่เหลี่ยมเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษกับเสียงฝีเท้าของคนที่เดินหาหนังสือเล่มที่ต้องการเท่านั้น

    เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาหาหนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษก็แค่อยากจะหลบเพื่อน แบมแบมเลยนั่งนิ่ง วางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วคว้าเอามือถือขึ้นมามองหน้าจอ เขากดเข้าไลน์ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วอ่านข้อความที่มาร์คส่งมาฝ่ายเดียว แบมแบมไม่เคยตอบกลับไปแต่อ่านทุกข้อความ

    ‘MarkUSA : มีซาลาเปาอยู่หน้าห้องนะ

    ‘MarkUSA : ข้างล่างมีร้านโอเด้งมาเปิดใหม่อร่อยดี

    ‘MarkUSA : เขาบอกว่าวันนี้ฝนจะตกช่วงเย็นอย่าลืมพกร่ม

    ‘MarkUSA : ห่มผ้าด้วยนะ

    ‘MarkUSA : พี่คุยกับหินอยู่เหรอแบมแบม ตอบบ้างสิ

    นั่นเป็นข้อความสุดท้ายที่แบมแบมได้เมื่อเช้านี้ ก่อนหน้านี้ก็มีข้อความทำนองนี้แหละ บอกเขาว่าอย่าลืมเอาข้าวเข้าไปกิน ไม่ก็มีขนมอยู่หน้าห้อง แบมแบมอ่านและไม่เคยตอบจนอีกฝ่ายต้องพิมพ์ข้อความล่าสุดนั่นส่งมา

    ก็ไม่อยากตอบอ่ะ

    แบมแบมนึกในใจ จะให้ตอบอะไร ขอบคุณครับแบบนั้นเหรอ ไม่เอาหรอก...ที่เอาของมาแขวนไว้หน้าห้อง ขยันส่งข้อความห่วงใยมาให้แบบนั้นก็คงไม่พ้นอยากจะให้เขาไปเจอหน้าน่ะสิ แบมแบมเม้มปากก่อนจะเก็บมือถือ เจ้าตัวซุกหน้าลงกับกระเป๋าแล้วถอนหายใจหนักๆ ออกมากับตัวเอง

    ตั้งแต่รู้จักกับมาร์คมากขึ้นนี่มีอะไรในชีวิตเขาดีขึ้นบ้างนะ ทั้งเสียจูบทั้งเสียตัว

    แต่จะโทษอีกคนก็ไม่ได้ แบมแบมโยกหัวให้หน้าผากแตะกับกระเป๋าพลางคิดว่ามันก็ต้องโทษตัวเองด้วยส่วนหนึ่งที่ดันเป็นพวกอยากรู้อยากลองเกินเหตุ แบมแบมคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็พาลนึกถึงริมฝีปากที่บดจูบเขา ลากไล้ไปตามร่างกายก่อนจะ...

    เชี่ยเอ๊ย! จะคิดถึงทำไมวะเนี่ย

    แบมแบมเงยหน้าขึ้น เอาสองมือกุมแก้มเท้าคางแล้วกรอกตามองไปรอบๆ บริเวณ ไม่มีใครเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขาหรอกใช่ไหม เด็กหนุ่มเม้มปากก่อนจะผ่อนลมหายใจแล้วพยายามปัดความคิดบ้าบอนั่นออกจากหัว แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งสั่งให้ตัวเองเลิกคิด เขาก็ยิ่งนึกถึงปลายนิ้วที่แตะผิวกายตัวเองแทน

    เลยจำต้องหยิบมือถือแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกไปนอกห้องสมุด ทั้งที่เพิ่งเข้ามานั่งแช่อากาศเย็นๆ ได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แบมแบมรัวนิ้วส่งข้อความหายองแจไปอย่างคนเอาแต่ใจไปว่า

    ‘BamTH : กูรอที่ห้องเรียนนะ รีบมา

     

     

     

    แบมแบมเลิกเรียนตั้งแต่สี่โมงเย็นแต่ก็ไม่ยอมกลับคอนโดสักทีเพราะเขาคิดเอาไว้แล้วว่ากว่าตัวเองจะฝ่าฟันรถติดไปถึงคอนโดคงเป็นเวลาเดียวกับที่มาร์คถึงที่พักแน่ๆ มันสุ่มเสี่ยงเกินไปกับการปะทะหน้ากัน พอโบกมือลายองแจและโกหกเพื่อนว่าจะกลับคอนโด แบมแบมก็ไปหมกตัวฆ่าเวลาอยู่ที่ร้านนมแถวมหาลัย รอกระทั่งสองทุ่มเขาถึงได้นั่งรถกลับคอนโดอย่างสบายใจ

    บานประตูลิฟต์เปิดกว้างออกแบมแบมก็กลั้นหายใจอีกรอบ พอก้าวขาออกมาและพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ และผู้คนบนทางเดินเขาก็เบาใจ

    แบมแบมเดินผ่านหน้าห้องมาร์คด้วยการเขย่งปลายเท้าก่อนจะรีบก้าวขายาวๆ ไปจนถึงหน้าห้องตัวเอง มีถุงพลาสติกห้อยอยู่หน้าห้องเช่นเคย แบมแบมคว้าและรวบมันไว้ในมือข้างหนึ่ง รีบไขกุญแจก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปในห้อง ล็อกประตูแล้วเอาหลังแนบพลางสั่งหัวใจให้เลิกเต้นถี่

    กลัว...

    แบมแบมเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่กลับคอนโด เขากลัวว่าอาจจะเดินสวนกับคนห้องข้างๆ ที่ลิฟต์ ตามทางเดิน หรือแม้แต่ยืนไขกุญแจห้องอยู่แล้วอีกฝ่ายเปิดประตูห้องออกไปมา แบมแบมยังไม่อยากตั้งรับและเจอหน้าตอนนี้ เขายังไม่รู้จะทำหน้ายังไง เลยตื่นเต้นตกใจเหมือนคนบ้าทุกครั้งจนกว่าจะได้เข้าห้องพักและยืนเอาหลังแนบประตูไว้แบบนี้

    เป็นอันว่าวันนี้ผ่านไปด้วยดี รอด!

    แบมแบมชูมือที่กำถุงในมือเอาไว้แล้วมอง ก่อนจะสลัดรองเท้าออกไปวางเรียงกันตรงชั้น แบมแบมก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่นพลางรื้อถุงไปด้วย สุดท้ายก็หย่อนกายนั่งบนโซฟานิ่ม เปิดถุงออกกว้างแล้วมองของด้านใน มีนม 2 ขวด ขนมอีก 3 ถุงกับเครื่องดื่มบำรุงร่างกายอีก 1 ขวด แต่คราวนี้แปลกที่ของแต่ละชิ้นมีโพสต์อิทติดเอาไว้ แต่อีกฝ่ายดันเขียนไว้อย่างละคำ

    แล้วคือจะรู้ไหมว่าแปลว่าอะไร

    แบมแบมนิ่วหน้าแล้ววางของทุกอย่างบนโต๊ะ ลองสลับขวดนู้นกับขนมอันนี้แล้วก็คิดไม่ออก เขาทึ้งหัวหงุดหงิดก่อนจะสบถพึมพำออกมา

    “แม่ง...อาบน้ำก็ได้วะ”

    เขาทิ้งของไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นก่อนจะหนีไปอาบน้ำให้สบายใจ แบมแบมออกมานั่งอีกทีก็ตอนเป่าผมเสร็จเรียบร้อยและล้มเลิกความพยายามในการต่อคำ เด็กหนุ่มเม้มปากก่อนจะเห็นว่ามาร์คส่งไลน์มาหา

    ‘MarkUSA : เข้าใจไหม

    ‘MarkUSA : แต่บื้อๆ แบบแบมแบมคงไม่ค่อยเข้าใจ

    ‘MarkUSA : ขนมซองสีแดง นมกล้วย กระป๋องโสม นมถั่วเหลือง ซองสีเหลือง ซองสีเงิน

    แบมแบมเม้มปากก่อนจะหรี่ตา เขาจับและขยับตำแหน่งข้าวของให้ตรงตามที่อีกฝ่ายสั่ง พลันแก้มก็แดงเรื่อและอมยิ้มตอนเห็นว่ามันคือข้อความที่บอกเขาสั้นๆ

    อยากเจอหน้ามาก รัก

    เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายก็เลยหยิบมือถือมากดถ่ายรูปข้าวของซึ่งมีโพสต์อิทแปะและเรียงร้อยเป็นถ้อยคำด้วยมือตัวเองเอาไว้ แบมแบมเม้มปากแล้วสุดท้ายก็กดเข้าไลน์ ส่งรูปนั้นไปให้มาร์ค อีกฝ่ายอ่านเร็วเหมือนรออยู่จนแบมแบมตกใจ

    ‘BamTH : คิดนานป่ะมุกนี้

    แบมแบมกลั้นหายใจหรี่ตามองจอและพบว่าพอกดส่งปุ๊บอีกคนก็อ่านปั๊บ เด็กหนุ่มเม้มปากเป็นเส้นตรง กำลังคิดจะเก็บมือถือแล้วเก็บของเพื่อเข้านอน เครื่องมือสื่อสารในมือก็สั่นครืด แบมแบมเลยจำต้องนั่งลงที่เดิมแล้วกดอ่านข้อความของคนข้างห้องที่ส่งมา

    ‘MarkUSA : โอ้โหกว่าจะตอบได้

    ‘MarkUSA : ใช้เวลาสะกดคำเกาหลีอาทิตย์กว่าเลยนะ

    แบมแบมนิ่วหน้า แค่อ่านข้อความผ่านหน้าจอก็เหมือนได้ยินเสียงประชดของอีกฝ่ายออกมา ชอบพูดว่าเขาโง่บ้างล่ะ ใช่สิ...ไอ้คนฉลาดมีงานการมีรถขับแถมยังหล่อ แบมแบมมองหน้าจอและกำลังพิมพ์ข้อความแต่อีกฝ่ายก็ส่งเด้งสวนมาก่อนเขาจะกดส่ง

    ‘MarkUSA : อยากเจอ เดินมาตรงระเบียงหน่อย

    แบมแบมลบข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ของตัวเองทิ้งไป เด็กหนุ่มอ่านข้อความสั้นๆ และประโยคคำสั่งก่อนจะเหลือบไปทางประตูระเบียงซึ่งตอนนี้แบมแบมปิดล็อกและรูดม่านเอาไว้แน่นหนา เพราะหลังจากพยายามหลบหน้ามาร์ค เขาก็ไม่ค่อยไปใช้งานส่วนนั้นของระเบียงห้องอีกเลยด้วยซ้ำไป

    ‘MarkUSA : พี่รออยู่ระเบียง

    แบมแบมถอนหายใจ มองผ้าม่านนิ่งสนิทของตัวเองแล้วก็ไม่คิดจะลุกไป เขายังนั่งจมไปกับโซฟา สุดท้ายก็กดส่งข้อความบอกมาร์คไปสั้นๆ ว่า

    ‘BamTH : ไม่ต้องรอ

    ‘MarkUSA : ออกมาให้เจอหน้าหน่อย

    ‘BamTH : ผมไม่อยากเจอพี่ตอนนี้

    มันทำหน้าไม่ถูก แบมแบมตอบตัวเองในใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจอหน้าแล้วต้องพูดอะไร ถ้าเกิดมาร์คถามเรื่องอยากให้เขาไปเป็นแฟนขึ้นมาอีกรอบแบมแบมก็คงใบ้กิน เขาถอนหายใจแล้วปิดมือถือ เพราะมาร์คเงียบไปนานจนแบมแบมคิดว่าอีกฝ่ายคงเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว เขาหยิบขนมและเครื่องดื่มที่มาร์คซื้อให้ใส่ถุงก่อนจะเดินเพื่อเอาไปเก็บในห้องครัว และตอนนั้นเองที่เสียงไลน์ดังขึ้นอีกรอบ แบมแบมสไลด์หน้าจอเปิดอ่าน แล้วก็กลั้นหายใจ

    ‘MarkUSA : ไม่อยากเจอตอนนี้หรือไม่อยากเจออีกเลย

    ‘BamTH : ไม่ใช่แบบนั้น

    แบมแบมตอบข้อความแล้วไปนั่งไล่เก็บเครื่องดื่มกับขนมใส่ตู้ให้เรียบร้อย เขาได้ยินเสียงไลน์เด้งขึ้นมาอีก เลยหมุนตัวไปหยุดอยู่หน้าจอก่อนจะพบข้อความนั้น

    ‘MarkUSA sent you a voice message’

    ส่งอะไรมาให้อี๊ก!

    แต่แบมแบมก็หยิบมือถือมากดเปิด เขากดปุ่มสามเหลี่ยมเพื่อให้เริ่มเล่นเสียงที่อีกคนอัดส่งมาผ่านแอพพลิเคชั่นสีเขียว มือถือถูกยกขึ้นแนบหูขณะก้าวขาออกมานอกห้องครัวและเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เสียงลมดังเบาๆ ให้ได้ยิน ก่อนเสียงผู้ชายห้องข้างๆ ที่ไม่ได้ยินมาหลายวันจะดังขึ้น

    “ทำไมไม่ตอบไลน์พี่เลย ขนมกับของที่ซื้อให้ถ้าได้รับบอกพี่หน่อย ถ้าเกิดคนอื่นเอาไปพี่ก็ไม่รู้นะ แล้ว...เมื่อไหร่จะยอมให้เจอล่ะ ทำไมถึงไม่อยากเจอหน้าล่ะ เกลียดพี่แล้วเหรอ? ที่บอกตอนล่าสุดน่ะพี่พูดจริงจังนะแบม เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เอาเป็นว่าตั้งแต่นี้ไปก็ลองเอาไปคิดดูแล้วกันว่าระหว่างเราจะเอายังไง แล้วก็เลิกหลบหน้าได้แล้ว พี่ให้เวลาเราคิด แต่รีบตอบหน่อยก็ดี...พี่จะได้รู้ว่าเวลาอยู่กับแบมแบม พี่ควรวางตัวเองไว้ในตำแหน่งไหน สถานะอะไร”

    แบมแบมฟังจบแล้วก็ยังเอามือถือแนบหูอยู่แบบนั้น ทั้งน้ำเสียงอ่อนแรงและเบาหวิว ไหนจะคำพูดเชิงตัดพ้อช่วงท้ายนั่นมันอะไรกัน แล้วจะให้แบมแบมทำยังไงเพราะเขาทำตัวไม่ถูก กำลังจะปิดไฟเพื่อไปเข้านอนหนีความจริงมือถือก็สั่นอีกรอบ

    ‘MarkUSA sent you a voice message’

    ไอ้พี่มาร์ค

    แบมแบมมองไปทางม่าน อันที่จริงแค่กระชากมันเปิดแล้วเดินออกไปยืนคุยที่ระเบียงก็จบ แต่แบมแบมก็ไม่ทำ เด็กหนุ่มเม้มปากแล้วก็กดฟังข้อความเสียงที่อีกคนส่งมารอบสอง

    “แต่อยากให้แบมแบมมาเป็นแฟนพี่จริงๆ นะ”

    เป็นประโยคทิ้งท้ายสั้นๆ และแบมแบมก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาเม้มปาก มือแตะตรงสวิตซ์ไฟก่อนจะกดปิดแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนโดยให้แสงไฟจากมือถือนำทาง เขาไม่ได้เดินไปดักตรงระเบียงหรือส่องหน้าคนที่คงยืนอัดเสียงตัวเองอยู่ตรงนั้นหรอก อีกอย่างมาร์คก็พูดเองว่าจะให้เวลาเขา เพราะงั้นแบมแบมขอเวลาคิดก่อนแล้วกัน เพราะตอนนี้คิดไม่ตก แถมยังไม่รู้จะปรึกษาใครอีกต่างหาก

     

     

     

    แบมแบมมีเพื่อนสนิทชื่อยองแจ

    ตอนที่รู้จักกันครั้งแรกก็คิดว่ามันคือเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้ามาในโซล เหมือนกับเขาที่มาเรียนต่างบ้านต่างเมืองอย่างเกาหลี เราเข้ากันได้ดีเพราะชอบอะไรคล้ายๆ กัน แบมแบมคิดว่าโชคดีที่ตัวเองมีเพื่อนเป็นคนเรียบร้อยและขยันเรียน ต่อมาวันเวลาทำให้เขาได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น เพื่อนเขาเป็นคนขยันก็จริง

    แต่มันไม่ได้เรียบร้อย

    มียองแจก็เหมือนมีโทรโข่ง 3 อันตามตัว ยองแจเป็นคนพูดจาเสียงดัง ชอบแกล้ง ชอบเรื่องตลก เป็นคนอยู่ไม่สุข มันอยู่นิ่งๆ ก็แค่ตอนที่ง่วงหรือไม่ก็ตอนอิ่มเท่านั้นแหละ แต่ถึงจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดี (หลังจากรู้จักกันมาหลายปี) ยองแจก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ และตอนนี้แบมแบมก็ไม่รู้จะหันหน้าเข้าหาใคร เขาจึงเลือกยองแจ แม้ว่าควรเป็นคนสุดท้ายที่น่าจะนึกถึงกับเรื่องแบบนี้ก็เหอะ

    เมื่อเช้านี้แบมแบมยังได้ข้อความอรุณสวัสดิ์มาให้ มีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ด้วยแขวนทิ้งไว้ เขากินทุกอย่างที่มาร์คให้มาแล้วออกมาเรียนตอนสาย แบมแบมมองไลน์และข้อความ เขากดฟังข้อความเสียงอีกคนระหว่างทางมาเรียนอีก 2-3 รอบให้มันซึมซับเข้าสมองเผื่อว่าจะเข้าใจอีกคนได้บ้างและทำให้รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง

    แต่แบมแบมไม่รู้ ที่รู้อยู่อย่างเดียวคือตอนนี้เขาอยากให้พวกเรากลับไปเป็นแบบเดิม ถ้าถามว่ารังเกียจที่มาร์คดูแลไหม ใครจะไปไม่ชอบเวลามีใครสักคนดูแลกันล่ะ ถ้าถามว่าหลบหน้าอีกคนแล้วรู้สึกดีไหมใครมันจะไปรู้สึกดีกับการพยายามหนีหน้าคนที่อยู่ข้างห้องกันวะ มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด แต่ที่ต้องหลบก็เพราะยังทำตัวไม่ถูกต่างหาก แต่ถ้าถามว่าชอบไหมที่มาร์คเอาของมาแขวนหน้าห้องทุกวันพร้อมโพสต์อิทแบบนี้ เขาก็ตอบได้เลยทันทีว่ามันเป็นความรู้สึกอิ่มเอมใจที่มีใครสักคนทำเพื่อเรานั่นล่ะ

    ตอนนี้แบมแบมนั่งอยู่ข้างๆ ยองแจ เรากำลังรอเรียนแต่มานั่งรออยู่ในห้องก่อน อีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาอาจารย์เข้า ตอนนี้มีนักศึกษานั่งกระจายจับจองที่นั่งต่างๆ อยู่ห่างๆ แบมแบมนั่งเงียบอยู่นานเพราะเพื่อนกำลังไลน์คุยกระหนุงกระหนิงกับพี่แจบอมอยู่

    “มึง...กูมีเรื่องปรึกษา”

    พอเอ่ยคำนั้นปุ๊บยองแจก็วางมือถือปั๊บ เห็นได้ถึงความใส่ใจและสายตาห่วงใย (เรียกง่ายๆ ว่าอยากเสือก) ยองแจนั่งหันหน้ามามองแบมแบม ก่อนจะเอ่ยถามเสียงอ่อนโยนออกมาว่า

    “ว่ามา เรื่องพี่มาร์คเหรอ?” พออีกคนถาม แบมแบมเลยพยักหน้าหงึก

    “กูว่าแล้ว เล่ามาๆ กูพร้อมเป็นที่พึ่ง” ยองแจตบไหล่แบมแบม 2-3 ที คำพูดไม่น่าเชื่อหรอกแต่แบมแบมก็ไม่รู้จะปรึกษาใครเลยต้องสูดลมหายใจเต็มปอด กรอกตามองซ้ายขวาแล้วเอ่ยเสียงเบาหวิวออกไปราวกับเสียงกระซิบ

    “กูมีอะไรกับพี่มาร์คแล้ว”

    “โอ้โห...” ยองแจตาลุกวาวแล้วอ้าปาก แบมแบมเห็นท่าไม่ดีว่าหากให้ยองแจพูดต่อคงเป็นเขาคอยปฏิเสธไอ้สิ่งสกปรกที่มันคิดในหัวและกำลังจะพ่นเป็นคำพูด แบมแบมเลยรีบยกมือห้ามแล้วรัวไปทันทีว่า

    “แต่ทีนี้คือเขามาขอกูเป็นแฟนหลังจากเรามีอะไรกัน”

    “อ้าว? เดี๋ยวนะ” ยองแจกลืนน้ำลายแล้วขมวดคิ้วทันที เพราะเพื่อนเปลี่ยนท่าทางไวขนาดนั้นแบมแบมเลยนั่งยืดหลังตรงกะพริบตาปริบ

    “ไม่ได้เป็นแฟนกันคือยังไง? ก็ไหนมึงบอกกูว่าเขาเป็นแฟน...แล้วมีอะไรกัน มีอะไรของมึงคือเอาไอ้นั่นใส่ไอ้นั่นนะ”

    “ไอ้ห่า! กูไม่ได้โง่ยองแจ!” แบมแบมแทบจะตะโกนใส่หน้าเพื่อน นอกจากพี่มาร์คจะบอกว่าเขาโง่แล้ว ไอ้ยองแจเพื่อนเขามันก็คิดว่าเขาโง่เหรอวะ ดีเอ็นเอแบมแบมไม่ใช่คนโง่นะโว้ย

    “อ้าว? แล้วคือยังไง ไหนบอกเป็นแฟนกันต่อหน้าพี่จินยองด้วย” ยองแจเอ่ยเสียงห้วนสั้นท่าทางของขึ้น

    “อ๋อ...ตอนนั้น...ก็เป็นแฟนกัน คือเป็นแฟนปลอมๆ”

    “มึงว่าไงนะ” ยองแจเกือบลุกจากเก้าอี้ แบมแบมต้องกดไหล่เพื่อนให้นั่งลงแล้วยกมือไหว้ปลกๆ ให้มันนั่ง ก่อนจะรีบเอ่ยยาวเหยียด

    “เออ ไปขอร้องให้เขามาเป็นแฟนปลอมๆ หลอกมึงกับพี่จินยอง กูไม่ได้ชอบเขาจริงๆ นะ แล้วมึงก็ไม่เข้าใจสักทีเลยต้องทำแบบนี้ แต่...ปัญหาคือกูเผลอไปมีอะไรกับเขา”

    “มึงใช้คำว่าเผลอ?” ยองแจเลิกคิ้วสูง “เมาเหรอ?”

    “เปล่า” แบมแบมสารภาพอุบอิบ ก่อนจะตวัดสายตามองยองแจแล้วเอ่ยเสียงดังว่า “เพราะมึงอ่ะ”

    “เพราะกู?” ยองแจชี้นิ้วเข้าอกแล้วเบิกตาโตอย่างงงๆ “เพราะกูตรงไหน กูไม่ได้ซื้อถุงยางทิ้งไว้ให้มึงนี่วันนั้นอ่ะ”

    “ใช่ มึงมาทำให้กูอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงถ้าจะเอ่อ...มีอะไรกับเพศเดียวกัน บอกกูว่าดีอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วกูก็อยากรู้ พอกูอยากรู้กูเลยไปลองกับพี่มาร์ค”

    “ไอ้เชี่ย! กูเกี่ยวอะไร มันเพราะมึงอยากรู้เลยแบม ไอ้ห่าอย่ามาโทษเพื่อน แล้วนี่คือ...เขาฟันแล้วทิ้งเหรอ?”

    “เปล่า” แบมแบมบอกเสียงห้วน เม้มปากทำแก้มตูมก่อนจะกระแทกเสียงตอบไป

    “เขามาขอเป็นแฟน บอกว่าไม่อยากเป็นแฟนปลอมๆ แล้ว อยากเป็นแฟนจริงๆ”

    “ก็ดีแล้วนี่”

    “ไม่ดี!” แบมแบมรีบเถียง ทำตาโตแล้วคว้าแขนเพื่อนไปเขย่าทำหน้าจะร้องไห้ “กูไม่รู้ว่ากูชอบเขารึเปล่า แต่เขาทำดีมาก ดีใส่จนกูทำตัวไม่ถูก มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”

    “ไหนๆ ตั้งสติเล่าดีๆ สิ”

    เพราะยองแจดุว่าแบมแบมไม่มีสติ เขาเลยต้องนั่งสงบอารมณ์สูดลมหายใจเข้าปอดอยู่ชั่วอึดใจถึงได้ยอมเล่าให้ยองแจฟังถึงเหตุการณ์หลังจากประสบการณ์โชกโชนบนเตียงวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยองแจนั่งฟังพลางพยักหน้าหงึกหงัก พอแบมแบมเล่าจบเพื่อนก็ยิ้มหวาน

    “ดีแล้วที่เป็นพี่มาร์ค” ยองแจเอื้อมมือไปตบไหล่ “เขาคงชอบมึงจริงๆ กูดีใจด้วยที่มึงเสียตัวและกำลังมีผัวตามกูมาติด”

    “กูไม่ใช่เมียใคร!” แบมแบมเค้นเสียงต่ำบอก นักศึกษาเริ่มทยอยเข้ามาในห้องแล้ว เขาเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะเอ่ยเสียงหงุดหงิดตอบยองแจไปว่า

    “ที่กูคิดไม่ตกตอนนี้คือกูกลัวเขาแค่...จะแกล้งกู”

    “แล้วมึงชอบไหมล่ะ?” ยองแจหันมาถาม น้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

    “ชอบเขาเหรอ...” แบมแบมเอ่ยเสียงเบาแล้วส่ายหน้าพ่นคำพูดสั้นๆ อีกประโยคออกมา “ไม่รู้หรอก”

    “แล้วชอบไหมที่เขาทำแบบนั้นให้อ่ะ ที่เอาของมาให้ เอาความรู้สึกที่ไม่ได้เห็นแก่กินนะ” ยองแจเอ่ยดัก แบมแบมเงยหน้ามองเพื่อนอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าหงึกหงัก

    “มึงไปคุยกับเขาเหอะ” ยองแจตบไหล่ทำหน้าจริงจัง “อย่างที่เขาบอกมึงในไลน์อ่ะ ไม่ต้องหลบหน้า ไปคุยกันตรงๆ ดีกว่าว่าจะเอายังไง มึงบอกเขาไปก็ได้ว่ามึงไม่รู้ ก็อยู่ที่มึงอ่ะจะเปิดใจลองคบดูก่อนไหม”

    “เอางั้นเหรอ...”

    “มันไม่มีอะไรต้องเสียแล้วป่ะแบม ตัวมึงก็เสียให้เขาแล้วอ่ะ ก็ลองคบไปเหอะ ไม่รอดค่อยเลิก”

    “ทำไมมึงพูดเหมือนการจะคบใครสักคนมันง่ายขนาดนี้วะ” แบมแบมขมวดคิ้วแล้วถาม ยองแจหันมาส่ายหน้า

    “มันไม่ง่ายหรอก กว่าจะเจอคนที่เข้าใจกัน คุยกันรู้เรื่องอ่ะมันนาน อย่างกูเจอพี่แจบอม...กูก็คิดตลอดว่าจะหยุดอยู่ที่เขาเนี่ยแหละ กูโชคดีแค่ไหนที่ได้คบกับคนที่เข้าใจเราและเราก็เข้าใจเขา แต่ที่กูบอกมึงอ่ะ เพราะเขารักมึงจริงๆ ดูจากสายตาวันนั้นกูก็คิดว่าเขาไม่ได้จะหลอก กูแค่ไม่อยากให้มึงเสียโอกาส”

    ยองแจเอ่ยยาวออกมาแล้วหยิบมือถือมาสไลด์เปิดเพื่อกดเล่น ตอนนั้นแบมแบมถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วจู่ๆ ยองแจก็พูดขึ้นมาท่ามกลางเสียงจอแจของเพื่อนในห้องขึ้นมาให้แบมแบมได้คิดอีก

    “แต่ก็อยู่ที่ตัวมึงอ่ะแบม ว่าจะเอายังไงกับเขาและระหว่างมึงกับพี่เขาน่ะ”

     

     

     

    แบมแบมนั่งอยู่ในห้อง เขากลับมาตั้งแต่บ่ายแล้วเพราะมีเรียนเช้า ทานมื้อเที่ยงกับยองแจและปรึกษาปัญหาหัวใจของเขาอีกรอบแล้วแบมแบมก็ลากลับ เขานอนกลิ้งอยู่ในห้องจนเย็นย่ำ ห้องข้างๆ ก็คงกลับมาแล้วด้วยเพราะนี่ก็ทุ่มหนึ่ง แบมแบมยังไม่ทานมื้อเย็นด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้รู้สึกอยาก ตอนนี้เขาก็นอนเหยียดยาวบนโซฟา มองจอโทรทัศน์ที่นักข่าวกำลังรายงานข่าวรอบวันอย่างกระตือรือร้น

    มือถือที่สั่นครืดบนโต๊ะทำให้แบมแบมผงกหัวขึ้นมอง ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นข้อความจากไลน์แต่อาการสั่นไม่หยุดเป็นระลอกนี่ก็คงมีใครโทรมามากกว่า แบมแบมหยิบมือถือมาแนบหูแล้วยันกายลุก

    “อะไรยองแจ”

    “มึง กูเพิ่งรู้ว่ารายงานคู่เรามีแก้อ่ะ พรุ่งนี้ไปเช้าหน่อยนะ” ยองแจยังพล่ามถึงการแก้รายงาน ทั้งที่พรุ่งนี้มีเรียนบ่ายแท้ๆ แต่แบมแบมกลับต้องไปแต่เช้าเพื่อแก้งานก่อนอาจารย์จะเก็บไปตรวจเพราะเดธไลน์พรุ่งนี้

    “แล้วทำไมมึงเพิ่งนึกได้” แบมแบมตะคอกพร้อมเหวี่ยงประตูเดินไปยืนเท้าแขนที่ระเบียง ไม่ต้องให้ยองแจเอ่ยซ้ำเพราะแบมแบมจะด่าจนมันหูชา

    “วันนี้ว่างทั้งบ่ายทำไมมึงไม่บอกกูวะ กูก็ถามซ้ำแล้วว่ามีอะไรแก้ไหม เพราะมึงมัวแต่จะไปหาพี่แจบอมนั่นล่ะ ห่า! นี่ติดแฟนหรือติดสัดมึงเนี่ย!

    แบมแบมยืนกำราวระเบียงแน่นตอนฟังเพื่อนกำลังเอ่ยขอโทษและด่าแซมมาเป็นระยะ สุดท้ายเราก็ตกลงกันเรียบร้อยว่าจะเจอกันกี่โมงเพื่อแก้รายงาน แบมแบมกดวางสายก่อนจะเริ่มเหวี่ยงเท้าเหวี่ยงแขน

    “ไอ้ห่า โอ๊ย...ไอ้ยองแจ...” เข่นเคี้ยวมือถือในมือกำลังได้ที่ก็ต้องเบรกกึกทันทีเพราะเสียงเย็นๆ เอ่ยถามจากห้องข้างๆ ดังมาให้รู้ตัว

    “ไงแบมแบม ไม่เจอกันนานนะ”

    ยืนแข็งทื่อ ตัดสินใจอยู่ว่าควรหันไปทักคนข้างๆ หรือควรวิ่งเข้าห้อง หรือกูควรโดดคอนโดเอาหัวโหม่งพื้นดี แต่ก็เลือกตัวเลือกข้อแรก แบมแบมหันไปทำหน้าเหยเกแล้วยิ้มแห้งพลางโบกมือ

    “อื้อ”

    เพิ่งจะเห็นสภาพพี่ชายห้องข้างๆ หลังจากแบมแบมเล่นซ่อนหาอยู่เกือบสองอาทิตย์ มาร์คอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุม 2 เม็ดบนจนเห็นแผ่นอกที่แบมแบมเคยใช้ฝ่ามือลากไล้ผ่าน เดี๋ยวสิ...จะคิดถึงตอนนั้นทำไม เอาเป็นว่าอีกคนสวมกางเกงขาสั้นและเสื้อทำงานยับเล็กน้อยก็พอ

    หน้าตาก็ไม่ได้ลดระดับความหล่อไป ก็ปกติเหมือนครั้งล่าสุดนั่นล่ะ แบมแบมหลุบตาต่ำ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยยืนถือโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง

    “ทะเลาะกับยองแจเหรอ?”

    “อื้อ มันอ่ะงี่เง่า” พอมีคนให้ระบายก็เงยหน้ารีบพูดใหญ่ ครั้นนึกได้แบมแบมก็เม้มปากแล้วลดระดับเสียงลง

    “ผมเสียงดังเหรอ โทษที เดี๋ยวจะเข้าห้องแล้ว”

    “เดี๋ยวสิ” มาร์คเดินเข้ามาใกล้ตรงระเบียงห้องเราที่อยู่ใกล้ๆ กัน อีกฝ่ายกวักมือเรียก แบมแบมขมวดคิ้ว ก็ไม่รู้ทำไมตัวเองต้องเดินเข้าไปใกล้ แต่ก็ชะลอก่อนจะอยู่ใกล้ราวจับมากไปแล้วเอ่ยถามว่า

    “ทำไมอ่ะ มีอะไรเหรอ?”

    “อยากเห็นหน้าชัดๆ ตรงนั้นมองเห็นไม่ชัด”

    “บ้าเปล่าวะ ผมจะเข้าห้องแล้ว”

    “เฮ้ยเดี๋ยวดิ่!” มาร์คเอ่ยเสียงดัง แบมแบมเลยไม่กล้าขยับไปจากที่เดิม ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองแล้วอีกฝ่ายก็ขยับเอ่ยเสียงเบาว่า

    “เรื่องพวกเราอ่ะ แบมแบมคิดบ้างรึยัง”

    “คิด” แบมแบมตอบเสียงเบา มาร์คยิ้มออกมา ยิ้มบ้ายิ้มบออะไรไม่รู้ แบมแบมเลยหลุบตาต่ำก่อนจะบอกสั้นๆ อธิบายความไปว่า

    “แต่ยังคิดไม่ออก”

    “อ้าว?”

    “ก็ไม่รู้” แบมแบมเอ่ยเสียงสูงในคำหลังสุด ไม่ยอมเงยหน้ามองมาร์ค เอาแต่ก้มมองเท้าเปล่าๆ ของตัวเองที่กำลังเขี่ยพื้นซีเมนต์ไปมาเพราะไม่รู้จะทำอะไร

    “ไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงอ่ะ ไม่รู้หรอก...อะไรวะ ผมเคยบอกพี่ไม่ใช่เหรอว่าผมไม่อยากเป็นเมียใคร แล้วนี่มาขอผมเป็นแฟนอ่ะ พี่จะให้ผมคิดไง”

    “ก็ไม่ได้อยากให้มาเป็นเมียพี่ มาเป็นแฟน” มาร์คบอกเสียงเรียบ

    “นั่นแหละ ผมยอมเป็นแฟนพี่ก็เป็นเมียพี่ป่ะวะ” แบมแบมเอ่ยเสียงอู้อี้แล้วเงยหน้า สบตาอีกฝ่ายได้แวบเดียวก็ก้มลงอีกรอบเพราะไม่กล้าสู้แววตาคมกริบนั่น

    “แล้วที่พี่ทำให้แบมแบมอึดอัดไหมล่ะ? ชอบไหมเวลาที่ใส่ใจอ่ะ”

    แบมแบมเงียบไป เขาตอบตัวเองได้เสมอว่าไม่ได้ลำบากใจอะไรเลย ออกจะชอบด้วยซ้ำ บางวันก็นั่งนึกเพลินๆ ว่าอีกฝ่ายจะซื้ออะไรมาเอาใจตัวเอง ซึ่งที่จริงคนข้างห้องซื้ออะไรให้เขาก็ชอบหมดนั่นล่ะ

    “...ไม่รู้โว้ย”

    เพราะไม่อยากให้อีกคนได้ใจ ก็เลยตอบไปแบบนั้น แบมแบมเงยหน้ามาอีกรอบ คราวนี้เขาหายใจคล่องเพราะมาร์คเบือนหน้าหนีออกไปทางทิวทัศน์ สายลมเย็นพัดผ่านระหว่างเรา มือคนข้างห้องยังจับที่ราวระเบียง แล้วก็พึมพำออกมาว่า

    “แล้วพี่จะทำยังไงให้แบมแบมรู้สักทีว่าคิดยังไง”

    “ผมไม่รู้”

    แบมแบมตอบ เขาไม่ได้จะกวน แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองต้องทำยังไง และไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองจริงๆ แบมแบมเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนจะกลั้นหายใจถามไปว่า

    “ทำไมชอบผม”

    มาร์คเงยหน้าขึ้นมา แบมแบมหลบหน้าลง เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีมองผ้าม่านในห้องแล้วก็เอ่ยเสียงอู้อี้ออกไปอีกครั้ง

    “ทำไมพี่ชอบผมอ่ะ ชอบตรงไหน ชอบทำไม”

    “...ก็ชอบ” มาร์คตอบสั้นห้วนแค่นั้น แบมแบมเลยเงยหน้าไปจ้องเขม็ง อีกฝ่ายถึงได้ยอมขยับปากพูดอีก

    “อยู่ด้วยแล้วสนุกดี ไม่ต้องคีพลุคอะไรมาก เห็นแล้วเอ็นดู อยากแกล้ง อยากทำกับข้าวให้กิน อยากอยู่ด้วย อยากมองนานๆ ก็ชอบนั่นล่ะเลยรู้สึกแบบนี้”

    “แต่ผมไม่รู้นี่” แบมแบมพูดแล้วถอนหายใจ ไหล่ลู่ลงก่อนจะเงยหน้ามองมาร์คแล้วส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

    “ที่ผ่านมานี่พี่วิ่งไล่ตามแบมแบมจนเหนื่อยเลยอ่ะ แต่ถ้าถามว่าท้อไหมก็ไม่หรอก แค่อยากให้แบมแบมตัดสินใจสักที แต่ดูไม่เวิร์กเลย” มาร์คเอ่ยเป็นทางการเชียว แบมแบมกะพริบตามองริมฝีปากที่ขยับของอีกฝ่าย

    “งั้นพี่ลองหายไปสักพักแล้วกัน พี่จะลองหลบหน้า ถ้าแบมแบมโอเคกับแบบหลังก็ไม่ต้องตามหาพี่หรอก ทิ้งไว้สักสองอาทิตย์พี่ว่าพี่คงได้คำตอบ แต่ถ้าแบมแบมชอบแบบแรกมากกว่าก็มาเคาะประตูห้องพี่นะ”

    “พี่จะทำได้เหรอ...” เสียงอู้อี้หลุดจากปากถามคนตรงหน้า มาร์คยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้า

    “ก็ยากอ่ะ แต่ก็อยากรู้ งั้นเอางี้นะ”

    “อืม...” แบมแบมพยักหน้า ก็อีกฝ่ายเสนอมาแบบนี้ ในหัวเขาตอนนี้ไม่มีอะไรเลยก็คงต้องตามนั้นล่ะใช่ไหม มาร์คเดินเข้ามาใกล้ราวจับ ก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้า แล้วเอ่ยสั้นๆ ว่า

    “ดีลไหม?”

    “ดีล”

    แบมแบมตอบแค่นั้นแล้วยื่นมือไปสัมผัสมืออีกฝ่าย มาร์คแค่กุมมือเอาไว้หลวมๆ ไม่ได้ดึงหรือรั้งหรือร้องขอผ่านปลายนิ้วหรืออุ้งมือทั้งสิ้น เป็นแบมแบมซะอีกที่มองอีกคนถอยกลับไป แล้วมาร์คก็ดันยิ้ม แบมแบมเลยทำหน้าไม่ถูกนอกจากเอ่ยขึ้นว่า

    “ผมเข้าห้องแล้วนะ”

    พออีกฝ่ายพยักหน้าก็เลยหมุนตัวก้าวขาจะเข้าห้อง ตอนที่ก้าวขาเข้าไปแล้วหมุนตัวจะกลับมาปิดประตูเชื่อมตรงระเบียง ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากระเบียงห้องข้างๆ ดังทะลุเข้ามาในห้องสั้นๆ ว่า

    “พี่รักแบมแบมนะ แบบที่ไม่ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนพี่ก็จะยังรักน่ะ”

    บานประตูปิดล็อก ม่านถูกรูดปิด แบมแบมเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟายาว คุณนักข่าวสาวกำลังเอ่ยถึงอากาศวันพรุ่งนี้ แบมแบมกะพริบตามองภาพท้องฟ้าสดใส ฟังนักข่าวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมสำหรับวันอากาศดีๆ เขาซุกหน้าลงกับหมอน ใจเต้นแรง

    ก็ดีลไปแล้ว...ก็ลองดู...









    มาลงฟิคดึกมากค่ะ ไม่คิดว่าจะกลับดึกขนาดนี้ แต่ก็ไหนๆบอกจะลงก็ต้องลงแหละ 5555
    นี่เราลากสภาพร่างพังๆ มาเปิดคอมลงฟิคเลยนะ กรี๊ส ยอมใจตัวเอง เอาล่ะเข้าเรื่องฟิค
    เนื้อหาตอนนี้เราว่าคงได้มองมุมแบมแบมมากขึ้น เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ทั้งคู่มากขึ้นด้วย
    ตอนแต่งตอนนี้เราไม่คิดว่ามันจะยาวขนาดนี้ค่ะ 5555 แต่ก็คิดซะว่าแถมเพราะมาลงช้ามากด้วย 
    หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ โดยส่วนตัวเราชอบฟีลของแบมกับมาร์คในตอนนี้มาก //อ้าวอวยฟิคตัวเอง??? 55

    ฟิคเรื่องนี้อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่ตอนแรกๆ อ่ะค่ะว่าจะ 7 ตอนจบ
    เพราะงั้นตอนหน้าฟิคเรื่องนี้ก็จะจบนะคะ ไม่มีแถมล่ะ (แต่ก็ไม่แน่.......)
    มีคนบอกให้รวมเล่มเราก็เลยเปิดแบบฟอร์มเอาไว้ ถ้าสนใจยังไงสนใจคลิกได้ที่นี่นะคะ

    https://docs.google.com/forms/d/1zAVwWqkxqsqfyeG5Es0lDNanT1gz4KKkPs1T0SIP2no/viewform?c=0&w=1

    ขอบคุณคนที่คอมเม้นต์ค่ะ คนที่เพิ่งมาอ่านด้วย ดีใจด้วยที่ท่านตกหลุมบ่วงฟิคเรา 5555
    ขอบคุณคนที่ติดแท็ก #ficmbinbed ด้วยค่ะ XD ไว้เจอกันตอนหน้านะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×