ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] MARKBAM ll Sleep with me

    ลำดับตอนที่ #3 : Sleep with me free boyfriend.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.58K
      252
      7 เม.ย. 58



    Sleep with me free boyfriend

     

     

    มาร์คเคาะปลายนิ้วลงบนพวงมาลัย สัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง เขาฮัมเพลงพึมพำ อากาศด้านนอกรถดูชวนเหงื่อไหลเพราะเริ่มเข้าฤดูร้อนแล้ว ยิ้มเยาะตอนเห็นพนักงานออฟฟิศผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินกางร่มกันแดดข้ามทางม้าลายซึ่งรถเขาจอดอยู่เป็นคันแรก

    มาร์คดาวน์รถแล้วนะ

    เพิ่งได้เดือนนี้เดือนแรก เขาขับรถมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ที่จริงก็คิดว่ามันเป็นการเปลืองทรัพยากรเงินโดยใช่เหตุเนื่องจากคอนโดกับบริษัทก็ไม่ได้ไกลกันมาก ใช้เวลานั่งรถไฟฟ้าไม่กี่สถานีเท่านั้น แต่ที่ตัดสินใจซื้อคงเพราะตำแหน่งเขาเลื่อนขึ้นเมื่อช่วงไตรมาสที่สองของปีนี่เอง พอตำแหน่งสูงขึ้น หน้าที่รับผิดชอบก็เริ่มเยอะไปด้วย มาร์คต้องออกไปเจอลูกค้าบางวัน การมีรถมันช่วยย่นระยะเวลาและทำให้สะดวกสบายมากขึ้น มาร์คเลยเลือกควักเงินซื้อความสะดวกสบาย

    อย่างวันนี้อากาศแสนร้อน สถานที่นัดกับลูกค้าอยู่ไม่ไกลจากคอนโดเขาด้วย แถมลูกค้ายังนัดบ่ายอีกต่างหาก มาร์คเลยหอบงานที่ต้องนำมาให้ลูกค้าขึ้นรถ ขับรถและคิดว่าหากประชุมเสร็จเขาก็คงขับรถกลับคอนโดเลย ออกจะสะดวกสบายไม่ต้องกลับเข้าไปในสถานีเบียดเสียดกับมนุษย์เงินเดือนอีกรอบให้หงุดหงิด

    สัญญาณไฟยังไม่เปลี่ยนสี มาร์คเอนหลังพิงเบาะ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ไอค่อนของแอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมา 1 อัน ยังไม่ทันได้หยิบมาอ่านมันก็ดังรัวตามด้วยข้อความที่ยาวเรียงพรืดบนหน้าจอ มาร์คเบิกตามองก่อนจะมองตัวเลขตรงสัญญาณไฟสีแดง พอเห็นว่าอีกนานกว่าจะไฟเขียวเลยหยิบมาอ่านรอเวลา

    ‘BamTH sent you a sticker.’

    ‘BamTH : ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ‘BamTH : พ่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    ‘BamTH : เกลียดไอ้ยองแจๆๆๆๆๆๆ

    ‘BamTH : พี่จินยองเอาขนมมาให้แล้วเพื่อนในสาขาแซว

    ‘BamTH : เชี่ยยยยยยยยยยย ความแมนที่เรียกคืนไม่ได้ของพี่แบมแบม

    มาร์คหัวเราะออกมาลั่นรถ เขามีไลน์เด็กข้างห้องก็ตอนเช้าหลังจากต้นเดือนเด็กนั่นลืมจ่ายค่าไฟจนต้องมาขอค้างที่ห้องเขานั่นล่ะ เช้าวันต่อมามาร์คปลุกเด็กข้างห้องให้ตื่น แล้วก็คว้าโทรศัพท์มาเล่นเกมแคนดี้ครัชสักเกมก่อนค่อยไปอาบน้ำ แบมแบมตื่นมาขยี้ตานั่งอยู่ข้างกาย ชะเง้อคอมามองก่อนจะพ่นลมหายใจเสียงดังออกมา

    “ยังเล่นด่านนี้ไม่ผ่านอีกเหรอ? กาก”

    เอ่ยสั้นๆ ประโยคนั้นออกมาแต่แทงใจคนที่เล่นด่านนี้ไม่ผ่านมา 2 วันอย่างมาร์คเหมือนเอามีดกรีดใจ เขาหันมามองขณะที่แบมแบมยักไหล่เอ่ยขึ้นว่า

    “เล่นให้เอาป่ะ ไม่คิดเงิน”

    “อ่ะ จะไปอาบน้ำ”

    มาร์คยัดโทรศัพท์ใส่อุ้งมือเด็กหนุ่มก่อนจะลุกไปอาบน้ำ ตอนเขาออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็ยังเห็นว่าแบมแบมยังนั่งกดมือถือเขาอยู่พร้อมสีหน้าเคร่งเครียด มาร์คเดินไปหยิบเสื้อเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงาน ตอนนั้นเองที่แบมแบมถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า

    “หัวใจพี่หมดแล้วอ่ะ”

    “อ๋อ...งั้นพี่จะทำให้ผ่านเอง”

    “เปล่าอ่ะ ผมแอดไลน์พี่ไปอ่ะจะได้ส่งหัวใจ นี่ผ่านด่านนั้นแล้ว”

    “อ๋อ...”

    มาร์คพยักหน้าหงึก ไม่ได้โมโหหรือหวงโทรศัพท์นักหรอกเพราะไม่ได้มีความลับอะไรมากมายให้ค้นหรือให้แบมแบมเอาไปเป็นข้อมูลแฉ เด็กนั่นก็ไม่ได้ทำหน้ารู้สึกผิดสักนิดตอนเห็นเขาหันไปมอง แถมยักไหล่ก่อนจะบอกว่า

    “ชื่อไลน์พี่เสร่อพอๆ กับชื่อไลน์...”

    “อะไรนะ ไหนเอามานี่!

    “เฮ้ยอะไร!

    มาร์คเดินถือไม้แขวนเสื้อที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวห้อยอยู่แล้วดึงมือถือตัวเองคืนไปจากแบมแบม เขากดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวแล้วดูชื่อยูสเซอร์ไลน์ล่าสุดที่แอดตัวเองมา ก่อนจะหัวเราะ

    “อ๋อ...มาร์คยูเอสเอนี่ก็เสร่อไม่ต่างจากแบมทีเฮชนะ” ขำเสียงสูงแล้วเอ่ยแซวอีกว่า

    “ชื่อไวไฟแอมยัวร์แมนนั่นก็เสร่อนะมีคนบอกรึยัง?”

    มาร์คหัวเราะอีกระลอก แน่นอนว่าหลังจากนั้นมาร์คไม่คิดว่าเขากับเด็กข้างห้องจะต้องติดต่ออะไรกับผ่านไลน์อีก แต่เป็นไอ้เด็กเศรษฐศาสตร์นั่นต่างหากที่ขยันไลน์มา คงเพราะบ่นเรื่องรุ่นพี่จินยองที่มาจีบกับเพื่อนสนิทอย่างยองแจไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าพอจินยองมาทำอะไรน่าขนลุกเชิงให้ไอ้เด็กนั่นกลายเป็นเมีย แบมแบมก็จะหวีดไลน์และข้อความยาวเป็นหางว่าวกับมาร์คแทน

    และตอนนี้แบมแบมก็ทำเป็นเรื่องปกติ...จนมาร์คชักชิน

    ‘MarkUSA : ไปเรียน

    ‘BamTH : กำลังเรียน ยองแจบอกตอนเย็นเขาจะมาพาไปกินข้าว

    ‘BamTH : เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    มาร์คกดส่งสติ๊กเกอร์หน้านิ่งส่งไป พอสัญญาณไฟสีเขียวสว่างขึ้นก็เลยรีบขับรถต่อ สำหรับเขาแล้วแบมแบมก็แค่หาที่ระบายไม่ได้จนต้องพึ่งพาเขาเท่านั้นล่ะ มาร์คไม่เห็นว่าตัวเองจะได้อะไรก็เลยทิ้งไลน์ไว้แบบนั้น แต่พอขับรถแล่นผ่านรั้วมหาลัยอีกคนก็ถึงกับหัวเราะออกมา เขาเหยียบคันเร่ง ขับรถจนมาถึงที่นัดหมายแถมยังถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เลยหยิบไลน์มากดอ่าน

    ‘BamTH : ทำไงดีอ่ะ ผมจะปฏิเสธยังไงดี

    ‘MarkUSA : เมื่อกี้เพิ่งขับผ่านมหาลัยมา

    ‘BamTH : มาทำอะไรแถวนี้

    ‘MarkUSA : มาคุยงาน

    ‘BamTH : เลิกกี่โมง มารับหน่อยดิ่ จะได้มีข้ออ้างพี่จินยอง

    ‘BamTH : นะ...นะพี่มาร์ค นะๆๆๆๆๆ

    MarkUSA : ข้อแลกเปลี่ยนล่ะ

    มาร์คกดข้อความนั้นส่งไปแล้วเก็บมือถือ ไอ้เด็กเศรษฐศาสตร์คงไปคิดหาข้อแลกเปลี่ยนที่ดูเท่าเทียมอีกนาน มาร์คเปิดประตูด้านหลังรถ หยิบกระเป๋าและแฟ้ม 2-3 อันออกมาหอบเอาไว้ พอปิดประตูรถและล็อกเรียบร้อยกำลังจะเดินเข้าร้านกาแฟเท่านั้นล่ะ มือถือก็สั่นครืดต้องหยิบออกมามอง

    ‘BamTH : พี่อยากได้อะไรผมให้หมด ดีลป่ะ?

    ‘MarkUSA : ดีล

    มาร์คอมยิ้มแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เขาเดินเข้าไปผลักบานประตู เสียงกระดิ่งดังขึ้น ตอนกวาดตามองหาที่นั่งว่างและเหมาะๆ ก็อมยิ้ม ข้อเสนอแบมแบมน่าเย้ายวนเอาไว้แกล้งอีกคนขนาดนั้นค่อยน่าขับรถไปหาถึงมหาลัยขึ้นมาหน่อย

     

     

     

    “ขอบคุณมากนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้เลย”

    มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วจับมือกับลูกค้าหลังจากที่เพิ่งคุยงานกันเสร็จ ยืนส่งลูกค้าจนอีกฝ่ายเดินหายออกไปจากร้านกาแฟและลับตา เขาถึงได้หย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้อีกหน เก็บแฟ้มและกระดาษที่กระจายบนโต๊ะให้เรียบร้อย หยิบแก้วซึ่งมีกาแฟอยู่เกือบก้นแก้วมาจิบให้หมด ก่อนจะยักไหล่แล้วหันไปคว้าโทรศัพท์มาดู

    ไร้การแจ้งเตือนใดๆ จากแอพพลิเคชั่นสนทนาสีเขียว แบมแบมคงเรียนอยู่ แต่ว่าจริงๆ นี่ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว มาร์คเริ่มเห็นเหล่านักศึกษาจากมหาลัยแบมแบมเดินเข้ามาในร้านกาแฟแห่งนี้บ้าง คงเป็นพวกที่เลิกเรียนเรียบร้อย

    ‘MarkUSA : เลิกเรียนยัง? จะให้ไปรอไหน

    มาร์คปลดเนคไท ถอดสูทออกจากตัวแล้ววางพาดที่แขนแทน หันไปคว้าแฟ้มมาถือไว้ กำลังจะลุกขึ้นเดินออกนอกร้าน โทรศัพท์ก็สั่นเตือนทันที

    ‘BamTH : ใกล้แล้ว

    ‘BamTH : มาหาที่หน้าคณะเลย

    มาร์คแวะสั่งเครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้ปั่น 2 แก้ว ก่อนจะหอบทุกอย่างมาที่รถ หลังจากติดเครื่องยนต์เรียบร้อย จุดหมายปลายทางต่อไปของเขาก็คือมหาวิทยาลัยแห่งนั้น สถานศึกษาของเด็กเศรษฐศาสตร์ข้างห้อง

    เขาร้างลากับเขตสถานศึกษามานานแล้วตั้งแต่เรียนจบ พอได้เข้ามาในเขตรั้วมหาลัยอีกครั้ง บรรยากาศเก่าๆ ก็ชวนให้นึกถึงสมัยเรียน มาร์คไม่เคยมามหาลัยแห่งนี้ เขาอ่านป้ายและขับตามลูกศรที่ชี้ไปตามคณะเศรษฐศาสตร์ ก่อนจะเห็นป้ายชื่อคณะตัวเบ้อเริ่มติดอยู่หน้าตึกสี่เหลี่ยมทรงทันสมัยสูงเกือบสิบชั้นตรงหน้า

    ‘MarkUSA : อยู่หน้าคณะ

    มาร์คหยิบมือถือมาไลน์บอกแบมแบม แต่ก็ไร้วี่แววการตอบกลับ เขาตัดสินใจไม่ได้ว่าควรดับเครื่องยนต์แล้วไปนั่งรอหรือควรลงไปยืนรอข้างรถดีเพราะแบมแบมไม่น่าจะจำรถมาร์คได้ กำลังลังเลอยู่ก็เห็นร่างคุ้นตาเดินออกมาจากตึกกับเพื่อน มือหยิบมือถือกดยิกๆ ขณะที่ปากพูดไม่หยุดหย่อน และหันไปขมวดคิ้วอ้าปากเหมือนจะโวยใส่เพื่อนเป็นระยะ

    ‘BamTH : อยู่หน้าคณะเหมือนกัน

    ‘BamTH : เคลียร์กับยองแจแป๊บ

    มาร์คนั่งหลังพวงมาลัยแต่มองทะลุออกไปถึงหน้าอาคาร แบมแบมยืนหน้าหงิก ขณะสีหน้ายองแจเพื่อนสนิทอีกคนกลับยิ้มกว้าง ดึงแขนแบมแบมแล้วเขย่าไปมา ส่วนไอ้เด็กข้างห้องมันคงไม่ยอมจริงๆ เพราะเบี่ยงตัวออกแล้วถอยหนีทำหน้ารังเกียจเพื่อนแล้วปากก็ขยับรัว

    แต่ตอนนั้นเองที่มาร์คเห็นว่าแบมแบมหน้าเหวอไปก่อนจะโค้งให้ผู้ชายสองคนที่เพิ่งเดินมาถึงและซ้อนอยู่ด้านหลังยองแจ มาร์คพอจะเดาได้จากสถานการณ์นั้นเพราะยองแจเดินไปจับมือกับผู้ชายผมดำอีกคน ขณะผู้ชายผมสีอ่อนอีกคนก็เดินไปยืนข้างแบมแบม

    ถึงเวลาพระเอกออกโรงสินะ

    มาร์คหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มสองแก้วที่เขาซื้อมาจากร้าน ดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงมาจากรถ ขายาวก้าวไปทางหน้าอาคาร รู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่มองมา ก็คงงั้นสิ...ในเมื่อมาร์คแต่งตัวจัดเต็มด้วยการใส่สูททับเชียวนะ เขาเดินมาถึงกลุ่มนักศึกษา 4 ชีวิตซึ่งกำลังคุยกันอยู่ มาร์คเดินไปใกล้แล้วเอ่ยทักไปกลางวงสนทนาเพื่อดึงความสนใจ

    “น้องแบมครับ พี่มารับแล้ว...”

    ไม่ใช่แค่แบมแบมที่หน้าเหวอเพราะยองแจก็ทำหน้าตกใจเหมือนกัน อีกคนหันมาโค้งให้มาร์คอย่างรีบร้อน แบมแบมเม้มปากก่อนจะเห็นสัญญาณจากหางตาที่มาร์คส่งให้แล้วรีบเดินมาหา มาร์คยื่นแก้วเครื่องดื่มไปให้ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน

    “นี่ครับ...เครื่องดื่มที่บอกให้พี่ซื้อมาให้”  เด็กเศรษฐศาสตร์ขมวดคิ้วงุนงงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากรับแก้วไปอย่างงงๆ

    “ไม่แนะนำเพื่อนให้พี่รู้จักหน่อยเหรอ?” มาร์คหันมาถามแล้วยิ้มอ่อนโยนให้ แบมแบมนิ่วหน้า แต่มาร์คเอื้อมมือไปโอบเอวแล้วหยิกสีข้างเบาๆ เด็กหนุ่มขยับตัวเพิ่มช่องว่างระหว่างเราสองคนก่อนจะกระแอมเบาๆ

    “นี่...นี่พี่แจบอมครับ ส่วนนี่พี่จินยอง เป็นรุ่นพี่ผมน่ะ เขาเรียนดุริยางค์” แบมแบมผายมือแนะนำรุ่นพี่อีกคนที่ยืนอยู่ด้วย

    มาร์คเพิ่งได้มองหน้าคนที่แอบชอบแบมแบมแบบใกล้หลังจากมองเห็นระยะไกล ที่จริงหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรติดไปทางหล่อด้วยซ้ำ เขาวาดยิ้มกว้างตอนเห็นท่าทางเรียบร้อยของออร่าอ่อนโยนนิดๆ ที่แผ่รังสีออกจากจินยอง เพราะดีเกินไปแบบนี้ล่ะมั้ง ไอ้เด็กนี่เลยรำคาญจนอึดอัด

    “พี่ชื่อมาร์คนะ เป็นแฟนแบมแบม”

    เป็นอีกครั้งที่ทุกคนดูตกใจ แม้กระทั่งคนที่มาร์คโมเมว่าเป็นแฟนซึ่งยืนข้างๆ เขาตอนนี้ด้วย วงแขนที่โอบรอบเอวแบมแบมเอาไว้หลวมๆ กระชับแน่นพลางดึงเด็กตัวสูงคนนั้นเข้ามาใกล้จนไหล่เขาชิดกัน แบมแบมเม้มปากแล้วหันมามองพลางแอบถลึงตาใส่ แต่มาร์คส่งสายตาก่อนจะหันไปวาดยิ้มส่งให้ยองแจที่ดูจะอึ้งกว่าว่า

    “แบมไม่ได้บอกยองแจล่ะสิ เขาเขินน่ะ...บอกพี่ตลอดแหละว่าจะบอกดีไหม ไหนๆ วันนี้พี่ก็จะมารับแฟนไปทานมื้อเย็นกัน พี่เลยมาบอกยองแจด้วย ขอโทษนะแบม...พี่ไม่อยากให้เราโกหกเพื่อน”

    มาร์คหันมายิ้มหวานให้ แบมแบมมองพลางเม้มปากเป็นเส้นตรงไม่ยอมพูดอะไร พอมาร์คหยิกสีข้างก็หันไปหัวเราะแหะๆ ให้เพื่อนแล้วไม่ยอมพูดอะไรอีก

    “แล้วนี่จะไปไหนกันครับ?”

    “อ๋อ...เอ่อ...คือ...กำลังจะไปทานมื้อเย็น ที่จริงผมชวนแบมแบมไว้ด้วย แต่...มันไม่บอกว่าพี่จะมารับ เพิ่งบอกเมื่อกี้น่ะครับ ผมเลยนึกว่า...มันจะเบี้ยวผม...” ยองแจเอ่ยกุกกักท่าทางเกรงอกเกรงใจ มาร์คหัวเราะก่อนจะโบกมือ

    “ความผิดพี่เองแหละ พี่ขับรถมาคุยกับลูกค้าแถวนี้ก็เลยไลน์บอกแบม...ว่าพี่จะมารับไปทานข้าว จะได้กลับด้วยกันเลย”

    “อ๋อ...งั้นก็...พี่มาร์คพาไอ้แบมกลับเลยก็ได้ครับ” ยองแจทำหน้าเจื่อน มาร์คกระชับอ้อมแขนที่โอบเอวอีกฝ่ายไว้แล้วยิ้มกว้าง

    “หรือจะไปด้วยกันดีล่ะ พี่โอเคนะ แบมอยากไปทานกับเพื่อนรึเปล่าครับ? พี่ตามใจเรา...” หันมาเหมือนจะถามความเห็น แบมแบมมองหน้าก่อนจะเบิกตาโต ปากขยับเหมือนจะด่า

    “พี่มาร์คพาแบมไปทานข้าวเถอะครับ เอาไว้คราวหลังก็ได้ ผมทานกับมันบ่อย” ยองแจรีบออกตัว มาร์คเลยหันไปมองก่อนจะพึมพำว่า

    “งั้นก็ได้ ถ้ายังไง...พี่กับแบมต้องขอตัวนะครับ แบม...บอกลารุ่นพี่สิครับ”

    มาร์คดึงแขนกลับไปแนบสีข้าง แบมแบมทำหน้าอึกอัก ก่อนจะหันไปลารุ่นพี่สองคนด้วยเสียงแผ่วเบา จบด้วยการบอกลายองแจว่าไว้เจอกันพรุ่งนี้ มาร์คยิ้มก่อนคนเด็กกว่าสามคนทั้งยองแจและแฟน รวมไปถึงจินยองซึ่งตอนนี้สีหน้าดูไม่จืดอย่างเห็นได้ชัดเอ่ยลาแผ่วเบา

    “ไปกันครับน้องแบม”

    มาร์คโอบเอว แล้วดึงแบมแบมให้หันหลัง พอเด็กหนุ่มทำท่าดิ้นจะให้ปล่อยมือ มาร์คเลยยื่นหน้าไปใกล้แล้วเอ่ยกระซิบเสียงอู้อี้ออกไปว่า

    “เดี๋ยวไม่เนียน”

    “ห่าเอ๊ย...”

    สุดท้ายเด็กนั่นก็สบถออกมาเสียงดังในลำคอ มาร์คเปิดประตูรถให้แบมแบม บริการอย่างกับแฟนกันจริงๆ พอเขานั่งประจำที่คนขับ มาร์คปิดประตูแล้วก็หันมายิ้มกว้างให้แบมแบมแล้วเอ่ยถามเสียงสดใสว่า

    “เป็นไง เนียนป่ะ?”

    “เชี่ย!

    แบมแบมตะโกนแทบลั่นรถ มาร์คหัวเราะเพราะพอรู้ว่าอีกคนน่าจะพูดประโยคนี้นั่นล่ะ เด็กหนุ่มเม้มปากก่อนจะวางแก้วน้ำลงข้างกัน มาร์คติดเครื่องยนต์แล้วเริ่มเคลื่อนยานพาหนะ

    “แล้วทำไมจู่ๆ พี่โผล่ไปแบบนั้นวะ! เราไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นแฟนกันนี่ ผมบอกให้มารับเพราะอ้างกับยองแจว่าพี่จะมารับกลับแล้วไปกินมื้อเย็นเฉยๆ”

    “อ้างเป็นแฟนนี่ล่ะเนียนสุด” มาร์คเอ่ยแล้วยักไหล่

    “ยิงนกสองตัวด้วย นกตัวแรกไม่ต้องไปกินข้าวเย็น นกตัวที่สองจินยองจะได้เลิกจีบ” มาร์คหักพวงมาลัยเลี้ยว ขณะที่คนเดือดปุดๆ ก็เงียบไปครู่หนึ่ง

    “ก็ควรเตี๊ยมกันก่อนป่ะวะ นี่จู่ๆ เดินมาแล้วมาโอบ ล่ะเสือกแนะนำตัวเองเรียบร้อยว่าเป็นแฟน พี่นี่แม่ง...เนียนมาก” แบมแบมมองหน้าอีกคนแล้วขมวดคิ้ว มาร์คหันมายิ้มหวาน

    “ทำไมน้องแบมพูดกับแฟนแบบนั้นล่ะ”

    “เชี่ยขนลุก!” แบมแบมเอ่ยลั่นรถ

    “อะไรกัน...ตอนโดนจูบไม่เห็นทำหน้ายังงี้ทั้งที่ก็ขนลุก อ๋อ ลืมไป ตอนจูบนั่นขนลุกเพราะเสียว...” ลากเสียงยาวแล้วหันมาขยิบตาให้ แบมแบมแทบเหวี่ยงแก้วน้ำแต่คงกลัวหกและนี่รถใหม่มาร์ค ก็พอจะยั้งใจทำเป็นถอนใจฮึดฮัดแทน

    “เอาน่า...” มาร์คเอื้อมมือไปตบไหล่ตอนต้องจอดรถรอเลี้ยว “ก่อนจะโกหกศัตรูให้ได้ ต้องโกหกพวกเดียวกันให้ได้ก่อน พี่ว่าสามคนนั้นคงเชื่อแล้วล่ะว่าแบมแบมคบกับพี่ ไม่ต้องห่วงเรื่องจินยองแล้ว”

    “อื้อ...”

    เด็กหนุ่มยัดหลอดเข้าปากแล้วดื่มน้ำที่มาร์คซื้อมาให้ อารมณ์คงเริ่มเย็นลงแล้วก็เลยเงียบ ไม่โวยวายเสียงดัง ทำตัวฟาดหัวฟาดหางอย่างตอนขึ้นรถมาใหม่ๆ อีกแล้ว มาร์คปลดกระดุมเสื้อสูท ตอนนั้นเองที่แบมแบมประคองแก้วไว้ในมือ แล้วเอ่ยถามจากที่นั่งข้างคนขับมาว่า

    “แก้วนี้ฟรีใช่ป่ะ?”

    น่ะ...ขนาดโมโหแค่ไหนเด็กเศรษฐศาสตร์อย่างแบมแบมนี่ก็ไม่เคยลืมงกเหอะ กูจะบ้า

     

     

     

    ที่จริงแล้วก็แค่เป็นแฟนกัน(ปลอมๆ) มาร์คก็ไม่เห็นความจำเป็นว่าทำไมไอ้เด็กนี่มันเดินถือน้ำสองแก้วตามเขาต้อยๆ เข้ามาในห้องด้วย พอหันไปมองก็ทำหน้าราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก แบมแบมวางแก้วน้ำให้บนโต๊ะห้องนั่งเล่น ขณะมาร์คเดินเอาของเข้าไปเก็บในห้องเรียบร้อยแล้วพบว่าเด็กห้องข้างๆ นั่งจมอยู่กับโซฟา โผล่มาแต่เส้นผมยุ่งสีดำ

    เดินเข้าไปใกล้เลยเห็นว่านั่งกดมือถือเล่นเกมอยู่ มาร์คเลยเดินอ้อมไปหย่อนกายนั่งลงข้างๆ พอเห็นว่าแบมแบมไม่หันมาก็เลยเขยิบเข้าไปเบียด เด็กหนุ่มจิ๊ปาก หันมาแวบเดียวก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ มาร์คเลยยกแขนขึ้นวางราบไปกับพนักโซฟาเหมือนโอบแบมแบมเอาไว้หลวมๆ แล้วทิ้งตัวเอนไปหา หัวซบไหล่แบมแบมพอดิบพอดี

    “ไอ้พี่มาร์ค!” แบมแบมโวย “เอนมาทำไม เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังรึไงวะ”

    “โหปาก...ไม่น่าช่วยเลย” มาร์คส่ายหัวแล้วยื่นมือไปดึงปากแบมแบม อีกคนร้องโอยแล้วเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงหันมาปัดมือเขาทิ้ง

    “อะไรของพี่ มันเจ็บ”

    “เออ...แล้วอะไรของแก เข้าห้องพี่มาทำไม ไม่มีห้องรึไง?” มาร์คถามกลับไปบ้าง แบมแบมเม้มปาก ขยับตัวแล้วนั่งให้เรียบร้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

    “ก็จะเอาไรอ่ะ นี่เลยมานั่งรอ เรื่องแลกเปลี่ยนอ่ะ” แบมแบมเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วใช้ปลายนิ้วเขี่ยโซฟา

    “ถ้าบอกว่าอยากเอานี่จะยอมป่ะ?”

    “เชี่ยเหอะ” แบมแบมหันมามองหน้า “ก็บอกอยู่ว่าไม่อยากเป็นเมียใคร”

    โวยวายเสร็จสรรพก็เงียบไปอีก ยกขาขึ้นสูงแล้วเกยคางไว้บนเข่า มือยังเขี่ยโซฟามาร์คเล่นเหมือนมันมีอะไรให้สนใจ แล้วผิวโซฟามันชวนเพลินอะไรนักหนาถึงได้ลูบไปมาขนาดนั้น มาร์คดึงมืออีกคนเอาไว้ แบมแบมหันมาขมวดคิ้วมอง ก่อนจะถามเสียงห้วน

    “สรุปพี่จะเอาไร? ไม่ให้เอาผมอ่ะ”

    เกือบจะหัวเราะลั่นห้องออกไปแล้วล่ะ แต่ก็เก็บอาการอยู่เลยยิ้มแล้วยอมปล่อยมือเพราะดูแบมแบมไม่ชอบใจ สุดท้ายมาร์คก็บอกไปว่า

    “ไปเก็บของมานอนนี่ด้วยกัน”

    “ผมบอกว่าไม่เอาเรื่องแบบนั้นไง” แบมแบมเค้นเสียงต่ำ

    “ก็ไม่ได้จะทำเรื่องอย่างว่า โธ่...พี่ไม่ใช่ผู้ชายเห็นแก่ได้สักหน่อย มองพี่เป็นคนยังไงวะ ก็ไปเก็บของมานอนนี่ เดี๋ยวจะให้ช่วยทำงานที่เอากลับมาทำที่ห้อง มีการบ้านอะไรรึเปล่าเราน่ะ?”

    “ไม่มี” แบมแบมตอบแล้วลุกจากโซฟาหยิบกระเป๋า “งั้นเดี๋ยวมา สักสามทุ่ม”

    “อ้าวเหรอ...นี่กะว่าจะชวนไปทานข้าวข้างล่าง ว่าจะเลี้ยง ไม่เป็นไร”

    “งั้นอีก 30 นาทีเดี๋ยวมา”

    มาร์คโบกมืออย่างขี้เกียจ เกือบจะหลุดขำดังลั่นออกมา พอแบมแบมหายออกไปจากห้องและบานประตูปิดลง เขาก็นั่งยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังอยู่บนโซฟา

    ไอ้เด็กนี่มันน่าแกล้งจริงๆ นะ

     

     

     

    “ผมแม่งเกลียดพี่มาก ผมไม่ใช่คนใช้พี่นะ”

    “อย่าบ่น”

    “ไอ้เชี่ย...กับพ่อแม่ผมยังไม่เคยทำแบบนี้”

    “โอ้...ดีใจจังที่รู้ว่าพี่เป็นคนแรกที่แบมแบมสระผมให้”

    นั่นล่ะ หนึ่งในสิ่งที่มาร์คสั่งให้แบมแบมทำก็คือสระผม เขาลากยาวเหตุผลไม่กี่ข้อว่าแบมแบมรับปากแล้ว เรื่องสระผมนี่ก็ไม่ใช่การทำอย่างว่าสักหน่อย เด็กนั่นสิ้นไร้หนทางเถียงเลยจำต้องมายืนค้ำหัวมาร์คที่นั่งบนเก้าอี้พลาสติกเล็กๆ มีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่างเอาไว้ ขณะแหงนเงยให้แบมแบมขยี้แชมพูจนทั่วหัว

    ก่อนหน้านี้ห้องน้ำเสียงดังกว่านี้อีกเพราะมาร์คร้องลั่นตอนแบมแบมแกล้งขยี้จนเขานึกว่าหนังศีรษะจะหลุดติดมือไอ้เด็กบ้านั่นไปด้วย เขาต้องปรามด้วยการลุกขึ้นยืนแล้วจับฝักบัวจะฉีดใส่แล้วเอ่ยไปคำเดียวสั้นๆ

    จะสระผมให้พี่ดีๆ หรืออยากให้พี่บังคับให้อาบน้ำด้วยกัน

    แบมแบมเลยยินยอมทำตัวดีๆ เป็นเด็กว่าง่าย ตอนนี้กำลังนวดศีรษะมาร์คด้วยครีมนวดผมอยู่ เขาเปิดเปลือกตามองเด็กที่กำลังทำสีหน้าจริงจัง ปากก็บ่นเขาอยู่หรอก แต่มือก็ทำไม่ขาดตกบกพร่องเพราะกลัวมาร์คจะให้อาบน้ำด้วยกัน

    “ทำดีๆ ก็เป็น แต่ไม่ชอบทำนะ”

    “ผมนิสัยไม่ดี”

    “เออ ไอ้เด็กไม่ดี”

    “พี่ก็ผู้ใหญ่ไม่ดี หลับตาสิ จะล้างผม”

    แบมแบมสั่ง มาร์คปิดเปลือกตา สายน้ำเย็นไหลผ่านเส้นผม เรียวนิ้วทั้งห้าของแบมแบมกางและแทรกผ่านผมเขาเพื่อล้างเอาฟองและคราบแชมพูออก กลิ่นแชมพูอวลไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม หลังจากนวดอยู่ไม่นานแบมแบมก็ปิดฝักบัว

    “เสร็จแล้ว”

    บอกห้วนๆ แล้วเดินไปเก็บฝักบัวให้เข้าที่เข้าทาง มาร์คมองตามอีกคนที่เดินออกไปจากห้องน้ำ เขาถึงได้ปิดประตูแล้วอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย

    เขาเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งก็เห็นว่าแบมแบมนั่งชันเข่ากดมือถือสีหน้าดูอ่านไม่ออก แต่ปลายนิ้วที่รัวจิ้มลงบนหน้าจอนั่นชวนคิดว่าพิมพ์คำอะไรไปบ้าง มาร์คกระแอมเบาๆ เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มซึ่งมันได้ผล ก่อนจะเอ่ยถามไปว่า

    “เป็นไร?”

    “ไอ้ห่ายองแจ” แบมแบมตะโกนชื่อเพื่อนมาก่อนคำบ่นยืดยาวจะตามมาอีกหน

    “มันไลน์มาถามผมว่าพี่คบกับผมจริงเหรอ แล้วก็ถามว่าได้กันกี่รอบแล้ว ไอ้เชี่ยนี่...” แบมแบมเงียบไปตอนโทรศัพท์ดังขึ้น เด็กหนุ่มนั่งอ้าปากเหวอ

    “ใครโทรมา” มาร์คถาม สาบานได้ว่าไม่อยากรู้ แต่แบมแบมหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะเอ่ยเสียงห้วนว่า

    “ไอ้ยองแจ ผมยืมระเบียงนะ” แบมแบมตอบแค่นั้น ขออนุญาตสั้นๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูระเบียงของห้องมาร์ค ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปเลยก็กดรับแล้วตามด้วยเสียงคุยโทรศัพท์เป็นเอกลักษณ์

    “โทรมามีเหี้ยไร?”

    มาร์คเดินกลับเข้าไปแต่งตัว เขาซับน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เปลี่ยนมาใส่ชุดนอนแล้วก็หยิบไดร์เป่าผมออกมาจากห้องนอน เดินออกมาแล้วก็ยังได้ยินเสียงของคนที่ยืนอยู่ตรงระเบียง

    “ทำไมกูต้องบอกมึงว่ากูคบกับพี่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ... เสือกนะเราอ่ะ ... ก็กูถึงบอกมึงไงว่ากูไม่ได้ชอบพี่จินยองอ่ะ ... นี่กูผิดเหรอ? กูแค่ไม่ชอบเขาเนี่ย ... ยองแจ กูมีแฟนแล้วโอเคป่ะ?”

    มาร์คเปลี่ยนเส้นทางการเดินไปทางต้นกำเนิดเสียง เขามองแผ่นหลังแบมแบม ฟังเสียงที่อีกคนพูดกับเพื่อนดังลั่นระเบียงห้อง นี่ห้องข้างล่าง ข้างบนก็คงจะรำคาญเสียงนี้แต่ไม่มีใครออกมาว่าหรือไม่ก็ยังไม่กลับห้องกันมั้ง

    แบมแบมใช้มือข้างหนึ่งจับโทรศัพท์ มืออีกข้างจับราวระเบียง มาร์คเลยเลือกเดินไปซ้อนด้านหลังอีกคน มือซ้ายโอบเอวแบมแบมแล้วจับราวระเบียงห้องเอาไว้ ส่วนมือขวาก็จับราวอีกด้านกลายเป็นการกักตัวเด็กหนุ่มเอาไว้กลายๆ แบมแบมคงรู้ตัวว่ามาร์คมารุกรานพื้นที่เลยชะงักเสียงแล้วอ้าปากค้าง มาร์คเลยเกยคางไว้บนไหล่อีกคน สาบานได้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ได้

    แต่ถ้าได้กูก็เอา...

    “น้องแบม...คุยโทรศัพท์กับใครน่ะเสียงดัง” แกล้งกรอกเสียงหวานแล้วดึงมือถืออกมาจากมือแบมแบมซึ่งยืนนิ่งเป็นท่อนหินด้วยความตกใจอยู่

    “อ๋อ...ยองแจเหรอครับ ... ไม่เป็นไรครับ พอดีวันนี้แบมมาค้างห้องพี่ครับ ... งั้นพี่ไม่กวนแล้วคุยกับแบมต่อดีกว่า อ้าว? ไม่คุยแล้วเหรอ? ... ครับๆ เดี๋ยวพี่บอกแบมให้”

    มาร์คกดวางสายแล้วอมยิ้ม ก่อนจะยัดโทรศัพท์คืนใส่มือแบมแบม เด็กหนุ่มหันมามอง ก่อนจะเบือนหน้าหลบเพราะหน้าเราสองคนมันใกล้กันมากจนแบมแบมคงเขิน

    “พี่ทำงี้ได้ไง”

    “แล้วใครใช้ให้พูดโทรศัพท์เสียงดังน่ารำคาญ เข้ามาได้แล้ว”

    “อะไร? จะให้ผมทำไรอีก”

    “ผมเปียกเนี่ย” มาร์คสะบัดหัว หยดน้ำโดนหน้าแบมแบม โดนเสื้อ เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งแล้วจิ๊ปาก

    “เป่าผมให้หน่อย”

    “นี่...ผมไม่ใช่คนใช้พี่นะ”

    “จะทำไม่ทำ” มาร์คเกยคางไว้ที่ปลายไหล่ ก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ใบหน้าแบมแบมเรื่อยๆ จนหน้าเราชิดกัน เด็กหนุ่มถึงได้ขยับไหล่ไปมาแล้วรีบเอ่ยเสียงดังลั่น

    “เออๆๆๆ ปล่อยสิ จะเดินยังไงเอาแขนมากันไว้แบบนี้”

    มาร์คเลยดึงแขนแบมแบมลากเข้ามาในห้อง ปิดประตูระเบียงดึงม่านเรียบร้อยก็หันไปคว้าไดร์เป่าผมมายัดใส่มือ แล้วก็จูงแบมแบมเข้าไปในห้องนอน มาร์คหย่อนกายนั่งลงข้างเตียง ชี้ให้แบมแบมเสียบปลั๊กให้เรียบร้อยจะได้ลงมือกันซักที แล้วก็ชี้ไปที่นาฬิกา

    “ดึกแล้วนะ ไม่ง่วงรึไง?”

    “ง่วง งั้นพี่มาร์คจะทำเองใช่ไหมล่ะ?” แบมแบมเสียบปลั๊กแล้วหันมายิ้มยื่นไดร์ให้ แต่มาร์คดันมืออีกคนกลับ

    “ไม่ใช่ ทำให้พี่นี่ล่ะ เร็ว ดึกแล้วเนี่ย”

    “โอ๊ย...พี่นี่มัน...”

    “พูดกับแฟนดีๆ สิครับน้องแบม”

    ได้ยินเสียงแบมแบมสบถก่อนเสียงไดร์จะดังขึ้นตอนอีกฝ่ายเปิดเครื่องให้ทำงาน มาร์คสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วเรียวที่แทรกผ่านกลุ่มผมเขาอีกครั้ง ตามด้วยลมอุ่นๆ ที่พัดเส้นผมปลิวไสว แบมแบมค่อยๆ เป่าผมให้มาร์คแล้วเลิกบ่นไป คงเห็นแล้วว่าบ่นไปก็เปลืองน้ำลายชวนคอแห้ง เพราะถึงยังไงมาร์คก็ไม่ยอมให้เลิกทำหรอก เขาจะสั่ง นี่ยังเหลืออีกคำสั่งสุดท้ายก่อนเข้านอนด้วยนะ

    “นี่ เขยิบมาอีกก็ได้”

    มาร์คเอ่ยเสียงดังแข่งกับเสียงลมจากไดร์ เพราะแบมแบมยืนอยู่ไกลเขา พอพยายามจะเป่าผมด้านหลัง มาร์คก็ต้องก้มหน้าลงมา พอบอกก็ไม่ยอมขยับ ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินหรือทำหูทวนลม มาร์คเลยดึงเอวของคนที่ยืนตรงหน้าเข้ามาใกล้ แบมแบมร้องเหวอปิดไดร์เป่าผมทันที

    “ทำอะไรของพี่เนี่ย!

    “บอกว่าให้เขยิบมา ข้างหลังยังไม่แห้ง” มาร์คยังล็อกเอวแบมแบมด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างจับปอยผมด้านหลังแล้วทำหน้านิ่วใส่

    “เป่าด้านหลังให้แห้ง ที่อื่นแห้งหมดแล้วล่ะ...”

    มาร์คใช้สองแขนโอบเอวแล้วดึงแบมแบมให้เข้ามาใกล้ อีกครั้งที่เสียงสบถดังขึ้นตามด้วยเสียงไดร์ มาร์คก้มหน้าอมยิ้ม ขณะแบมแบมเริ่มใช้ลมอุ่นเป่าผมตรงท้ายทอยและใช้มือสางช่วยให้มันแห้งไวกว่าเดิม

    “เสร็จแล้ว” แบมแบมเอ่ยขึ้น ปิดไดร์ แต่ก่อนจะเขยิบตัวหนีมาร์คก็ยื่นหน้าไปจุ๊บเบาๆ แถวหน้าท้องอีกคนก่อนจะปล่อยแขน แบมแบมถอยกรูดไป 2-3 ก้าว ทำหน้าตกใจแล้วเอ่ยตะกุกตะกักออกมา

    “ทะ...ทำไรของพี่วะ”

    “จูบไง”

    “แล้วจูบทำไม!” แบมแบมโวย มาร์คยักไหล่ ลุกขึ้นแล้วดึงไดร์ออกมาจากมือ ยื่นหน้าไปใกล้แบมแบมก่อนจะให้คำตอบอีกคนไปว่า

    “อยากจูบอ่ะ มีไรป่ะ?”

    “กวนตีน!

    มาร์คหัวเราะแล้วม่วนสายไฟเก็บไดร์ เขาบอกแบมแบมว่าเข้านอนกัน เด็กหนุ่มเดินออกไปนอกห้อง กลับเข้ามาอีกทีพร้อมหมอนข้างที่พกมาจากห้องตัวเองเรียบร้อย มาร์คอมยิ้มตอนเห็นเด็กมหาลัยตัวสูงเดินหิ้วหมอนข้างเข้ามาในห้อง พอเขามองด้วยแววตาแซวๆ ก็เริ่มโวย

    “มองทำไม? ไม่เคยเห็นคนติดหมอนข้างเหรอ?”

    “เปล่า...น่ารักดีนี่”

    “น่ารักไร? เป็นผู้ชายต้องชมหล่อสิ” แบมแบมปีนขึ้นบนเตียง มาร์คเก็บของเรียบร้อยก็ปีนขึ้นเตียง รอจนแบมแบมจัดการที่นอนเรียบร้อยเขาถึงได้ถาม

    “ปิดไฟแล้วนะ”

    “อือ”

    พอมาร์คปิดไฟ ห้องก็มืดมีเพียงแสงไฟจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาบ้าง ก็ไม่ได้มืดจนถึงขั้นไม่เห็นอะไรเลย มาร์คขยับตัว มองแบมแบมที่นอนหันหลังให้ เด็กหนุ่มเอาขาข้างหนึ่งพาดหมอนข้าง แขนก็คงกอดมันเอาไว้แล้วซุกหน้าลงไปด้วย มาร์คเขยิบเข้าไปหา และแบมแบมคงรู้ตัวจากฟูกนอนที่ยุบลงตามน้ำหนักเลยเอ่ยเสียงดังว่า

    “พี่จะทำไร”

    “ยังไม่ได้จูบเลย”

    “ก็จูบไปแล้วตอนไดร์ผม นอน ง่วงแล้ว หลับๆ ไป อย่ามาชวนผมคุย”

    “โธ่...แบม พี่อุตส่าห์ช่วย ยอมเป็นแฟนเลยนะ” มาร์คพึมพำขึ้น ก่อนจะเอ่ยสาธยายความดีงามของตัวเองต่ออย่างหน้าไม่อาย

    “ยองแจเชื่อใช่ไหมล่ะ? ไม่งั้นคงไม่โทรมาถามหรอก เห็นไหม...แล้วจินยองก็จะเลิกตามตอแย เราก็จะได้ใช้ชีวิตแบบปกติสุขไง เห็นไหมว่าพี่ทุ่มเทขนาดไหน ยอมเป็นผัวแบมต่อหน้าเพื่อนกับคนที่เพิ่งรู้จักกันวันแรกด้วยนะ”

    “พูดมากว่ะ” แบมแบมพลิกตัวหันหน้ากลับมา “อ่ะ จูบดิ่”

    “ไม่...” มาร์คยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ให้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนจะยิ้มกว้างบอก “จูบพี่สิ ปกติพี่จูบเองตลอด อยากรู้ว่าจะเป็นไง”

    “ผม...” แบมแบมอึกอัก ก่อนจะหลุบตาต่ำเอ่ยพึมพำ “จูบไม่เป็นหรอก”

    “ก็ลอง...” มาร์คลากเสียงยาวแล้วแตะมือที่ริมฝีปากแบมแบม “ทำอย่างที่พี่เคยทำน่ะ”

    แบมแบมนิ่งไปครู่หนึ่ง คงตัดสินใจอยู่นานว่าควรทำไง แต่มาร์คก็นอนลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ แล้วสุดท้ายเด็กหนุ่มก็ตกหลุมพรางที่มาร์คขุดไว้จนได้

    ใบหน้านั่นเคลื่อนเข้ามาหามาร์ค แทนที่จะจูบเขาก็ดันหลับตาซะก่อนไม่รู้ว่าเขินหรืออะไร เอาเป็นว่ามาร์คมองอย่างเอ็นดู ก่อนริมฝีปากคู่นั้นจะแตะกลีบปากเขาเพียงแผ่วเบา แล้วปล่อยค้างเอาไว้แบบนั้น มาร์คเกือบจะหลุดขำ พอแบมแบมเงยหน้าก็เห็นว่าแววตาคู่นั้นเงอะงะของจริง

    “แบบนี้...” มาร์คถอนปากออกมาแล้วเอ่ยประโยคนั้นก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใหม่ เขาจูบริมฝีปากแบมแบมเบาหวิวก่อนจะกดหนักขึ้น แล้วบดจูบปากล่างแผ่วเบา

    “แต่พี่ว่าแบมชอบแบบนี้มากกว่า...”

    มาร์คพึมพำอีกแล้วกัดกลีบปากล่างแบมแบมแผ่วเบา ก่อนจะขบเม้มแล้วจูบขอบปากผละออกมา แบมแบมคงจะชอบจริงๆ เพราะแก้มแดง ตาก็หวานฉ่ำปรอยเชียว

    แล้วมองตาเยิ้มขนาดนี้...

    “นอนซะ” มาร์คดึงผ้าห่มขึ้นให้

    แบมแบมพลิกตัวหันหลังให้โดยไม่พูดอะไร ขาก่ายหมอนกอดหมอนข้างที่พกมาเองแน่น มาร์คนอนตะแคงมองแผ่นหลังเด็กหนุ่ม เขาเคยคิดว่าเตียงไซส์นี้สำหรับเขามันพอดี แต่พอมีใครอีกคนมานอนด้วยมันก็ไม่ได้เบียดเสียดแต่ให้ความอบอุ่นและรู้สึกดีไปอีกแบบ

    “ตอนมีแฟน...พี่ทำแบบนี้ตลอดเลยเหรอ...”

    “แบบไหนล่ะ? จูบอ่ะเหรอ?”

    “อื้อ...แบบจูบก่อนนอน อะไรแบบนี้”

    “อืม...ก็ไม่กับทุกคนหรอก ปกติมีขั้นต่อจากนี้ด้วยนะ แล้วแบมล่ะ?” มาร์คเอ่ยถาม ยังจ้องแผ่นหลังนั่นแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายส่ายหัว

    “ผมไม่เคยทำแบบนี้กับแฟนคนไหนหรอก อย่างมากก็แค่จับมือ”

    “งั้นเหรอ...กอดหมอนข้างนี่ทำให้หลับง่ายเหรอ...” มาร์คเขยิบเข้าไปหาแล้ววางแขนโอบรอบตัวแบมแบม เด็กหนุ่มหันกลับมาจิ๊ปาก

    “อะไรอีกล่ะทีนี้” ถามเสียงห้วน

    “ก็อยากลองกอดหมอนข้างบ้างแต่ไม่มี น่า...หัดไว้ ตอนมีแฟนก็ใส่ใจเขาแบบนี้ไง กอดกันบ้าง การกอดมันทำให้รู้สึกดี มันทำให้อบอุ่นนะ...”

    มาร์คใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แผ่นหลังแบมแบมสัมผัสกับแผ่นอกของเขา มาร์ควางแขนพาดโอบไปถึงหมอนข้างกลายเป็นเขาโอบเจ้าของหมอนไปด้วย แบมแบมทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก มาร์คเลยตัดบทสั้นๆ

    “นอนเถอะ ง่วงไม่ใช่เหรอ” มาร์คนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฝันดีนะ”

    “อื้อ...ฝันดี...”

    เพียงไม่ถึง 3 นาที แบมแบมก็ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมออันบ่งบอกว่าหลับไปแล้ว มาร์คดึงแขนกลับมา ก่อนจะเขยิบตัวออกห่าง ไม่ใช่ว่ากอดแบมแบมแล้วทำให้นอนไม่หลับหรอก แต่หัวใจมันเต้นดังจนน่ารำคาญต่างหาก พอคิดแบบนั้นแล้วก็เหลือบไปมองแผ่นหลังของเด็กที่เขาสั่งให้มานอนที่ห้อง เด็กที่หลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่าตอนแรกมาร์คก็แค่หวังเคลมและหาเศษหาเลย แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าความรู้สึกตัวเองมันชักจะไม่ใช่เล่นๆ แล้วล่ะ

    หัวใจเต้นแรงเนี่ย...มันควรจริงจังใช่รึเปล่า?










    สวัสดีค่ะ มาลงไม่ดึกมากหรอกเนอะ พอดีมัวแต่ติดละคร lol ~~
    สำหรับตอนนี้ ก่อนจะแต่งคิดว่าคงสั้นๆไม่น่ามีอะไรมาก ปรากฎว่า...ค่ะ ยาวไปมือลั่น 12 หน้ารวด 
    แง๊ อ่านกันให้ตาแฉะเลยนะคะ อ่านตอนแรกหมั่นไส้ชื่อไวไฟ อ่านตอนนี้คงอยากเตะชื่อไลน์ 2 คนนี้
    5555555555555 เราอยากเห็นทุกคนอ่านฟิคเรื่องนี้แล้วยิ้มเยอะๆนะคะ 
    ฟิคมันไม่ได้เป็นฟิคกามนะคะ ออกจะ...แนวๆ ล่อแหลมแต่จริงๆ ไม่มีอะไรเลยง่ะ 

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ แล้วก็คนที่ติดแท็ก #ficmbinbed ด้วยค่ะ
    ตอนหน้าก็จะอินเบดจริงๆ แล้วค่ะ อย่าหวังมากนะคะ 55555

    ปล. ตอนหน้าอาจจะมาช่วงสงกรานต์ค่ะ //หมกตัวอยู่ในบ้าน 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×