ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Tragedy of Balbarossa (3)
3.
เนินแห่งนี้มีต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง เงาของมันแผ่ปกคลุมรอบๆ สวนดอกไม้หลากสีสัน มีประเพณีสืบต่อกันมาในเทราบิเทียว่า ผู้ใดที่อธิษฐานแล้วสมหวังจะต้องปลูกดอกไม้สวยๆ ณ ที่แห่งนี้เป็นการขอบคุณเทพเจ้า..และดอกไม้ที่นี่ก็เต็มตลอดเส้นทางที่รถม้าวิ่งผ่านไปยังปลายเนิน... เรมิเอลผูกเชือกม้าไว้กับรั้วริมประตูทางเข้า เมื่อรถม้าหยุดลง หญิงสาววิ่งเหยาะๆ ไปยังที่ร่มๆ ไต้ต้นไม้ใหญ่นั้น เธอจุดตะเกียงที่รายล้อมรอบต้นไม้ทั้ง 4 ทิศเพื่อให้สว่างไสวเพื่อขับไล่แมลง และกวักมือเรียกชายหนุ่มให้รีบตามมา
“นั่งตรงนี้จะมองเห็นทิวทัศน์รอบเมืองบัลบารอสซ่า และมองเห็นปราสาทได้นะ จากห้องของข้าก็มองเห็นต้นไม้ต้นนี้ได้เหมือนกัน” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ และทอดสายตามองพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน “อืม...ตรงนี้สวยงามมากจริงๆ” ชายหนุ่มเริ่มหยิบขลุ่ยของตัวเองขึ้นมาและเริ่มเป่าเพลง....
“เพลงนี้ข้าจำได้..เรมิล ...เพลงของออร์เฟอุสใช่มั้ย..” เมื่อได้ยินทำนองหญิงสาวก็จำได้ว่าเป็นเพลงที่เธอชอบ ชายหนุ่มยิ้มๆและพยักหน้าเธอจึงเริ่มร้องเพลงคลอ...
หัวใจข้าว่างเปล่ามาแสนนาน ประตูในใจกี่บานก็เปิดไว้
แค่ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไป จนวันที่เธอได้ผ่านเข้ามา..
กาลเวลานี้หนาแทบหยุดหมุน เมื่อฉันได้พบคุณอยู่ตรงหน้า
รอยยิ้มสดใสที่ส่งมา กับแววตาที่อบอุ่นและจริงใจ..
ความจริงทำให้เราต้องห่าง แม้ขวากหนามตามทางจะขวางกั้น..
พายุแรงกล้าข้าจะฝ่าฟัน ..เพียงได้พบคุณนั้นดังหวังใจ.
ฟ้าเหวแสนไกลไม่เคยหวั่น จะรอวันเธอ-ฉันเคียงชิดใกล้
ณ ที่แห่งหนึ่งสุดแสนไกล..หัวใจผูกพันกันไว้ชั่วนิรันดร์..
1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
ในอีกมุมหนึ่ง ที่ปราสาทเทราบิเทีย...
นักปราชญ์ออร์ก้ามองดูจากเฉลียงระเบียงปราสาท มองเห็นว่าในเนินแห่งความฝันมีแสงไฟรางๆ ..เขาได้ยินคล้ายเสียงขลุ่ยแว่วมาแต่ไกล... แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้เขากำลังคิดว่าเขาทำถูกหรือเปล่าที่ให้บัตรผ่านพิเศษแก่เรมิเอล เพื่อให้ชายหนุ่มพาเจ้าหญิงเซเลสเทียไปเที่ยวด้วยกัน... แท้จริงเขารับรู้มาตลอดว่าเจ้าหญิงแอบหนีไปเที่ยวในเมืองบ่อยครั้งด้วยญาณวิเศษของเขา... ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลัง..
“ท่านออร์ก้า... พระราชินีเชิญท่านด่วนครับ” ชายชราหันมาขมวดคิ้ว “การประชุมยังไม่เสร็จสิ้นหรือ...” ทหารคำนับและกล่าวว่า “พระราชายังไม่เสด็จจากท้องพระโรง แต่พระราชินีเชิญท่านที่ห้องพระนาง...” ชายชราคิด มีอะไรกันนะ....และรีบตามไปทันที..
ที่ห้องพระราชินี... ชายชราคำนับพระราชินีโซเฟีย เธอเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักและพูดว่า “ท่านออร์ก้า... พระราชาจะประกาศสงครามกับอาณาจักรกัลวาเรีย.. ในเรื่องดินแดนพิพาท...และตอนนี้กำลังคิดจะใช้อาวุธต้องห้ามที่มีนักโบราณคดีคนหนึ่งขุดพบ...แค่ข้ากลัวยิ่งนัก...” ออร์ก้าครุ่นคิด ราชอาณาจักรเทราบิเทียกับจักรวรรด์กัลวาเรียมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนส่วนปากแม่น้ำไรนิส...ที่ตอนนี้ได้มีการค้นพบวิหารโบราณกลางป่าโดยนักโบราณคดีคนหนึ่ง... และพบว่าเป็นเครื่องจักรโบราณเก่าแก่... แต่มันไม่น่าจะใช้งานได้นี่นา..อักทั้งก็ไม่มีผุ้ใดรู้ด้วยว่ามันใช้ทำอะไร...
“ข้าเองก็สงสัยอยู่เช่นกัน แต่ท่านไม่น่จะวิตกขนาดนี้...” ออร์ก้าค่อยๆ ปลอบให้พระราชินีโซเฟียเย็นลง...”แต่ว่า..พอข้าเห็นเขา...ชายหนุ่มคนนั้น..มันช่างเหมือน..เด็กคนนั้น...” พระราชินียังพูดด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวล.. “เด็กคนนั้น...ท่านหมายถึงอะไร?” ชายชราสงสัย... “ตามคำทำนายของเทราบิเทีย...สลักในตำนานจะปลดออก หนึ่งคือเทพผู้สร้าง หนึ่งคือเทพผู้ทำลาย และสงครามจะอุบัติ จะมีเด็กผู้หนึ่งเป็นผุ้กำขะตาของโลก เขาจะเป็นผุ้ตัดสินทุกอย่าง...แต่เขาจะเป็นผู้ต้องคำสาป.. เมื่อใหร๋ที่เขาเลือกข้างเทพองค์ใด เทพองค์นั้นจะพินาศ..”
“ท่านรู้ได้อย่างไร...” ออรก้ายังสงสัย “ข้าจำได้....ปานของเชา...ช่างเหมือน...”
ทันใดนั้น มีเสียงระเบิดดังกึกก้องจากด้านนอก ชายชรารีบออกไปทันที และพบว่าทหารกำลังวิ่งไปยังท้องพระโรง “เกิดอะไรขึ้น....มีอะไร” หทารคนหนึ่งรายงานว่า “มีเสียงระเบิดจากท้องพระโรงครับ” พระราชินีโซเฟียตกพระทัย “หรือว่า ...อัลวิส” ชายชรารีบบอกให้พระราชินีอยู่ในห้อง “ท่านอยู่ที่นี่...ข้าจะไปดูเอง ทหารคุ้มครองพระนางไว้”
ที่ท้องพระโรง... ข้างในเหมือนถูกกั้นด้วยกำแพงแสง ทหารที่จะพุงเข้าไปกลับถูกไฟแผดเผาจนสิ้นชีวิตทันที ออร์ก้าเห็นเช่นนั้นก็จำได้ “นี่มัน คริสตัลวอลล์ ....หรือว่า” เขาเริ่มร่ายมนตร์ “บากิร่า.....จงทำลายมัน!!!”
“เปรี้ยงงงง” เสียงระเบิดดังสนั่นหลังจากชายชราร่ายมนตร์เข้าไป ภายในพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเกราะสีดำทมิฬพร้อมด้วยปีกสีดำ... ข้างหน้าบัลลังก์มีพระราชาอัลวิสยืนนิ่งดังถูกสะกดจิต ชายชราเห็นก็ตาเบิกโพลงโดยความตกใจ..
“นี่มัน ...กิลกาเมซครอส....นี่เจ้า...เนครอสงั้นเหรอ!!!!” ชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำหันมา ท่าทีของเขามองมาที่ชายชราด้วยความเย็นชา.. “ท่านสามารถผ่านคริสตัลวอลล์ได้ ท่านคงไม่ใช่คนธรรมดาสินะ...ท่านคิดจะทำอย่างไร เพราะพระราชาของท่านตกลงทำพันธสัญญากับเทพเจ้าแล้ว..” แล้วเขาก็ร่ายเวทย์ดาบสีดำทมึฬขนาดยักษ์ขึ้นมา ดาบนั้นอาบไปด้วยแสงสีดำให้ความรู้สึกเยือกเย็น ... และลอยไปหาพระราชาอัลวิสอย่างช้าๆๆ
“ฝ่าบาท ไม่...อย่า!!!” แล้วทหารมากมายก็กรูเข้าไปล้อมชายหนุ่มในชุดเกราะทันที เขาหัวเราะเบาๆ และส่ายหน้า “มนุษย์เอ๋ย ด้วยอำนาจที่เขามี ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก นอกจากจะต้องพึ่งพลังแห่งเทพเท่านั้น”
ทันใดนั้นเพียงเขายกมือขึ้น ดาบนั้นก็หมุนรอบๆ อย่างบ้าคลั่งและปล่อยแสงสีดำออกมาพุ่งทำลายทหารล้มลงอย่างใบไม้ร่วง“อะ...อะไรกัน!!!!!” หัวหน้านายกองมองอย่างไม่เชื่อสายตา... ออร์ก้าตะโกนให้ถอยไป “กลับไปคุ้มครองพระราชินีเดี๋ยวนี้...ที่นี่ข้ารับมือเอง.....” ชายชราสั่ง....
“อัลวิส...นี่มันอะไรกัน....” เสียงของพระราชินีโซเฟียอยู่ด้านหลัง...เธอมองไปยังพระราชาอัลวิสอย่างตระหนก และจะวิ่งฝ่าทหารที่กำลังรั้งตัวนางไว้ไม่ให้เข้าใกล้ท้องพระโรงมากกว่านี้ “อะไรกัน... นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ และเจ้ากำลังทำอะไรกับเรา เจ้าต้องการอะไร?”
อัศวินสีดำหันหน้ามามองพระราชีนีแว่บหนึ่ง เมื่อเธอได้เห็นหน้าเขาก็ตกใจ..”ปานสีดำข้างลำคอนั่น....ไม่จริง..เจ้าน่าจะตายไปแล้วหลังจาก 25 ปีก่อน...” เขาถอดเกราะหมวกที่คลุมศีรษะออกมาให้เห็นหน้าชัดๆ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ แววตาสีน้ำเงินอันว่างเปล่าและผมที่ยาวประบ่า มองดูพระราชินีอย่างไร้ความรู้สึก.. “เซซิรอส นั่นคือพ่อของเจ้านะ...” พระราชินีตะโกนไปทั้งน้ำตา... แต่เขากลับตอบว่า
“ข้าไม่รู้จักชายผู้นี้.... ชายผุ้นี้เป็นเพียงผู้ทำสัญญากับเทพแห่งความมืดเนครอสเท่านั้น...และข้ามีหน้าที่เพียงส่งสิ่งที่เขาปรารถนา...ดาบแห่งความมืดเนเมซิสเบลด...!!!” แล้วเขาก็ชี้ไปที่พระราชา... แล้วดาบก็หยุดหมุนและหนไปทางพระราชาอัลวิส... แสงสีดำมารวมกันที่ปลายดาบ ... ห้องทั้งห้องสันสะเทือนไปด้วยพลังแห่งความมืด...
“หยุดนะ....” ชายชราวิ่งไปขวางและร่ายเวทย์กั้นเป็นสนามพลังเพื่อคุ้มครอง “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำอะไรพระราชา.. เดชั่น!!!” ออร์ก้าตะโกนและเริ่มร่ายเวทย์ “เปรั้ยง .!!!!” พลังแสงสีขาวมหาศาลพุ่งจากมือของชายชราไปยังดาบสีดำ... แรงปะทะทำให้ท้องพระโรงสว่างจ้า....
แต่เมื่อแสงสว่างจางลง ออร์ก้าก็ต้องตกใจที่พระราชากลับเดินออกจากสนามพลังไปยังหน้าดาบอันนั้น ..และพลังนั้นกลับถูกดูดกลืนทำให้แสงสีดำรวมตัวกันมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก...
“อย่านะอัลวิส...” พระราชินีโซเฟียสลัดจากการควบคุมของทหารและวิ่งไปขวางหน้าระหว่างดาบมารกับพระราชา... อัศวินสีดำมองอย่างเย็นชา.. “เปล่าประโยชน์... ที่จะขัดขืนโชคชะตา... ดาบละเลือกผุ้ที่ทำพันธสัญญาหากเค้าเหมาะสม... และไม่มีใครขัดขวางการทดสอบได้...!!!” “โอ๊ย ..!” พระราฃินีโซเฟียกระเด็นไปเพราะพระราชาอัลวิสผลักเธออกไปและวิ่งไปจับดาบนั้น....
“ฮ๊ากกกก!!” พระราชาร้องด้วยความเจ็บปวดพระวรกายเนื่องจากแสงสีดำใด้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว..”เจ้า....เจ้าต้องหยุดนะ เจ้าอย่าทำอย่างนี้ เขาเป็นพ่อของเจ้า...นะเซซิรอส” พระราชินีโซเฟียพุ่งไปกอดขาของชายผู้ถูกเรียกว่าเซซิรอส แต่เขากลับจับตัวพระราชินีและผลักออกไปอย่างรุนแรง... “อย่ามาจับตัวข้า..... เจ้ามิคู่ควรที่จะแตะต้องข้า... ข้าคือเทพเจ้าผู้ทำลาย เนครอส!!!! “ แล้วเขาก็เริ่มร่ายพลังปล่อยใส่พระราชินี...
“คูม!!!” ชายหนุ่มถูกพลังโจมตีจนชะงักไปวูบหนึ่ง ทำให้พลังของเขาพุ่งพลาดเป้า.... “ข้าจะหยุดเจ้าเอง...เซซิรอส ” เป็นออร์ก้านั้นเอง แล้วทหารก็เข้ามาพาพระราชินีออกไป “จงพาพระราชินีหนีไปเดี๋ยวนี้!!!!” เซซิรอสมองเห็นว่ามือของเชาบาดเจ็บเพราะการโจมตีเมื่อครู่ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น... “ท่าทางเจ้าจะอยากเห็นพลังของเทพเจ้าสินะ...” เขาได้ระเบิดคลื่นพลังสีดำออกมาอย่างรุนแรง.... ทันใดนั้นรอบตัวก็เหมือนจะถูกเวลาหยุดไว้... ทั้งพระราชินีและทหาร มีเพียงออร์ก้าเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวได้... เพราะอยู่ในสนามพลังที่ร่ายไว้... ซึ่งกำลังจะถูกพลังสีดำกลืนกินอย่างช้าๆ
“เหอๆ พลังแห่งความชั่ว... ข้าจะทำลายมันเอง .... เหมือน 25 ปีก่อนยังไงละ...” ชายชรายกไม้เท้าขึ้นและรวบรวมพลัง ...”ไฟนี้จะชำระเจ้าให้บริสุทธิ์ !!!!....Holy Flare!!!”
แสงสีชาวรวมมาที่ปลายไม้เท้าและระเบิดออกไปยังเซซิรอสอย่างรุนแรง...แต่มันกลับหยุดชะงักลง เป็นพระราชาอัลวิสที่ยื่นมือมาหยุดพลังไว้ ด้วยท่าที่ดูแปลกไป ร่างกายของเชาเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นอสูรร้ายน่ากลัว ปีกสีดำงอกออกมาจากด้านหลัง...”อ๊ากกกก” .เขาร้องอย่างทรมาน ในมืออีกข้างหนึ่งของเขายังคงกำดาบสีดำแน่น .. พลังสีขาวและสีดำกำลังยื้อกันอย่างรุนแรง
“ปล่อยมัน ...อัลวิส.. ท่านต้องไม่ยอมแพ้ต่อพลังความมืด!!!” ชายชรายังคงปล่อยพลังเวทย์สนับสนุนแต่ก็เริ่มที่จะถูกดันให้ถอยหลังมากขึ้นเรื่อยๆๆ.... เซซิรอสเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของพระราชาอัลวิสก็ส่ายหน้า “ท่านไม่อาจทนพลังได้จริงๆ ...ไม่สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มืดเลยนะ...อัลวิส. ..“
พระราชากำลังต่อสุ้ทางจิตใจอย่างหนัก ในท่ามกลางสติที่ใกล้จะถูกดูดกลืนนั้น... ได้ปล่อยดาบลง... และพูดกับออร์ก้าว่า ..”ฝากเซเลสเทียด้วย..” เมื่อพลังเสียสมดุลย์ .. พลังสีขาวก็พุ่งเข้าไปยังร่างของพระราชาอย่างรุนแรง ร่างของอัลวิสและออร์ก้ากระเด็นตามแรงกระแทกไปคนละทิศละทางพร้อมเสียงระเบิดกัมปนาท
“บรึมมมมม!!!!” พลังแห่งความมืดแตกกระจายด้วยแรงระเบิดนั้น.... เหลือเพียงแต่ร่างกายที่บาดเจ็บของพระราชาอัลวิส.. ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยิบดาบสีดำกลับมา...และมองร่างอันใกล้สิ้นลมหายใจของพระราชาอย่างเฉยเมย.. “ในที่สุดท่านก็ไม่ได้รับเลือกจริงๆ แต่เอาเถอะ...พลังที่ท่านได้รับก็น่าที่จะเพียงพอให้ท่านมีชัยเหนือศัตรูได้เช่นกัน...” เขาเดินเข้าไปหาพระราชาและวางมือลงบนร่างกายอันบิดเบี้ยวนั้น.... “จงตื่นขึ้นเถิดจิตแห่งความมืด!!!! Devil Possession!!!”
ทันใดนั้นร่างของพระราชาที่ใกล้หมดสติก็ลืมตาขึ้น และขยายตัวใหญ่พร้อมทั้งเปลวฟลุกท่วมตัวทั้งมือและเท้า... กลายเป็นอสูรร้ายในตำนาน.... “อีฟรีท!?” ออร์ก้าอุทาน...”โอ...ไม่นะ” ก่อนที่ใบหน้าของอัลวิสจะเปลี่ยนแปลงไปได้มองมาพูดกับออร์ก้าว่า “หนะ...หนีไป....” แล้วหน้าของพระองค์ก็กลายเป็นอสูรร้ายและคำรามดังสนั่น
“โฮกกกกกก” สิ้นเสียงคำราม เปลวไฟมากมายได้ระเบิดออกมาจากตัวของอีฟรีททุกทิศทาง เซซิรอสมองด้วยความพอใจ ..แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง.”งั้นก็ได้เวลาฉลองแล้วสินะ... เวลาเอ๋ยจงเดินต่อ Haste!!!” สิ้นเสียง สรรพสิ่งที่เคยหยุดนิ่งก็กลับมีชีวิตอีกครั้ง...
“อะไรน่ะ นั่น ....อสูร” ทหารที่กรูเข้ามาหยุดชะงักและตกใจ “พลธนู ...ยิงมัน !!” ฝูงธนูมากมายพุ่งเข้าสู่ตัวอสูรแต่ก็กลับถูกปัดกระเด็นหมด พระราชาที่กลายเป็นอสูรได้กระโดดกระแทกพึ้นปราสาทอย่างรุนแรงทำให้ ปราสาททั้งปราสาทสั่นสะเทือน เปลวไฟได้ทำลยทุกอย่างที่จุดติดไฟได้และพุ่งไปทุกทิศทาง
“หนีไป....พวกเจ้าทำอะไรมันไม่ได้หรอก... “ ชายชราตะโกนสั่งและหันไปร่ายมนตร์ไปที่ตัวอสูรร้ายทันที “Freezer!!!
เนินแห่งนี้มีต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง เงาของมันแผ่ปกคลุมรอบๆ สวนดอกไม้หลากสีสัน มีประเพณีสืบต่อกันมาในเทราบิเทียว่า ผู้ใดที่อธิษฐานแล้วสมหวังจะต้องปลูกดอกไม้สวยๆ ณ ที่แห่งนี้เป็นการขอบคุณเทพเจ้า..และดอกไม้ที่นี่ก็เต็มตลอดเส้นทางที่รถม้าวิ่งผ่านไปยังปลายเนิน... เรมิเอลผูกเชือกม้าไว้กับรั้วริมประตูทางเข้า เมื่อรถม้าหยุดลง หญิงสาววิ่งเหยาะๆ ไปยังที่ร่มๆ ไต้ต้นไม้ใหญ่นั้น เธอจุดตะเกียงที่รายล้อมรอบต้นไม้ทั้ง 4 ทิศเพื่อให้สว่างไสวเพื่อขับไล่แมลง และกวักมือเรียกชายหนุ่มให้รีบตามมา
“นั่งตรงนี้จะมองเห็นทิวทัศน์รอบเมืองบัลบารอสซ่า และมองเห็นปราสาทได้นะ จากห้องของข้าก็มองเห็นต้นไม้ต้นนี้ได้เหมือนกัน” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ และทอดสายตามองพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน “อืม...ตรงนี้สวยงามมากจริงๆ” ชายหนุ่มเริ่มหยิบขลุ่ยของตัวเองขึ้นมาและเริ่มเป่าเพลง....
“เพลงนี้ข้าจำได้..เรมิล ...เพลงของออร์เฟอุสใช่มั้ย..” เมื่อได้ยินทำนองหญิงสาวก็จำได้ว่าเป็นเพลงที่เธอชอบ ชายหนุ่มยิ้มๆและพยักหน้าเธอจึงเริ่มร้องเพลงคลอ...
หัวใจข้าว่างเปล่ามาแสนนาน ประตูในใจกี่บานก็เปิดไว้
แค่ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไป จนวันที่เธอได้ผ่านเข้ามา..
กาลเวลานี้หนาแทบหยุดหมุน เมื่อฉันได้พบคุณอยู่ตรงหน้า
รอยยิ้มสดใสที่ส่งมา กับแววตาที่อบอุ่นและจริงใจ..
ความจริงทำให้เราต้องห่าง แม้ขวากหนามตามทางจะขวางกั้น..
พายุแรงกล้าข้าจะฝ่าฟัน ..เพียงได้พบคุณนั้นดังหวังใจ.
ฟ้าเหวแสนไกลไม่เคยหวั่น จะรอวันเธอ-ฉันเคียงชิดใกล้
ณ ที่แห่งหนึ่งสุดแสนไกล..หัวใจผูกพันกันไว้ชั่วนิรันดร์..
1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
ในอีกมุมหนึ่ง ที่ปราสาทเทราบิเทีย...
นักปราชญ์ออร์ก้ามองดูจากเฉลียงระเบียงปราสาท มองเห็นว่าในเนินแห่งความฝันมีแสงไฟรางๆ ..เขาได้ยินคล้ายเสียงขลุ่ยแว่วมาแต่ไกล... แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้เขากำลังคิดว่าเขาทำถูกหรือเปล่าที่ให้บัตรผ่านพิเศษแก่เรมิเอล เพื่อให้ชายหนุ่มพาเจ้าหญิงเซเลสเทียไปเที่ยวด้วยกัน... แท้จริงเขารับรู้มาตลอดว่าเจ้าหญิงแอบหนีไปเที่ยวในเมืองบ่อยครั้งด้วยญาณวิเศษของเขา... ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลัง..
“ท่านออร์ก้า... พระราชินีเชิญท่านด่วนครับ” ชายชราหันมาขมวดคิ้ว “การประชุมยังไม่เสร็จสิ้นหรือ...” ทหารคำนับและกล่าวว่า “พระราชายังไม่เสด็จจากท้องพระโรง แต่พระราชินีเชิญท่านที่ห้องพระนาง...” ชายชราคิด มีอะไรกันนะ....และรีบตามไปทันที..
ที่ห้องพระราชินี... ชายชราคำนับพระราชินีโซเฟีย เธอเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนักและพูดว่า “ท่านออร์ก้า... พระราชาจะประกาศสงครามกับอาณาจักรกัลวาเรีย.. ในเรื่องดินแดนพิพาท...และตอนนี้กำลังคิดจะใช้อาวุธต้องห้ามที่มีนักโบราณคดีคนหนึ่งขุดพบ...แค่ข้ากลัวยิ่งนัก...” ออร์ก้าครุ่นคิด ราชอาณาจักรเทราบิเทียกับจักรวรรด์กัลวาเรียมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนส่วนปากแม่น้ำไรนิส...ที่ตอนนี้ได้มีการค้นพบวิหารโบราณกลางป่าโดยนักโบราณคดีคนหนึ่ง... และพบว่าเป็นเครื่องจักรโบราณเก่าแก่... แต่มันไม่น่าจะใช้งานได้นี่นา..อักทั้งก็ไม่มีผุ้ใดรู้ด้วยว่ามันใช้ทำอะไร...
“ข้าเองก็สงสัยอยู่เช่นกัน แต่ท่านไม่น่จะวิตกขนาดนี้...” ออร์ก้าค่อยๆ ปลอบให้พระราชินีโซเฟียเย็นลง...”แต่ว่า..พอข้าเห็นเขา...ชายหนุ่มคนนั้น..มันช่างเหมือน..เด็กคนนั้น...” พระราชินียังพูดด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวล.. “เด็กคนนั้น...ท่านหมายถึงอะไร?” ชายชราสงสัย... “ตามคำทำนายของเทราบิเทีย...สลักในตำนานจะปลดออก หนึ่งคือเทพผู้สร้าง หนึ่งคือเทพผู้ทำลาย และสงครามจะอุบัติ จะมีเด็กผู้หนึ่งเป็นผุ้กำขะตาของโลก เขาจะเป็นผุ้ตัดสินทุกอย่าง...แต่เขาจะเป็นผู้ต้องคำสาป.. เมื่อใหร๋ที่เขาเลือกข้างเทพองค์ใด เทพองค์นั้นจะพินาศ..”
“ท่านรู้ได้อย่างไร...” ออรก้ายังสงสัย “ข้าจำได้....ปานของเชา...ช่างเหมือน...”
ทันใดนั้น มีเสียงระเบิดดังกึกก้องจากด้านนอก ชายชรารีบออกไปทันที และพบว่าทหารกำลังวิ่งไปยังท้องพระโรง “เกิดอะไรขึ้น....มีอะไร” หทารคนหนึ่งรายงานว่า “มีเสียงระเบิดจากท้องพระโรงครับ” พระราชินีโซเฟียตกพระทัย “หรือว่า ...อัลวิส” ชายชรารีบบอกให้พระราชินีอยู่ในห้อง “ท่านอยู่ที่นี่...ข้าจะไปดูเอง ทหารคุ้มครองพระนางไว้”
ที่ท้องพระโรง... ข้างในเหมือนถูกกั้นด้วยกำแพงแสง ทหารที่จะพุงเข้าไปกลับถูกไฟแผดเผาจนสิ้นชีวิตทันที ออร์ก้าเห็นเช่นนั้นก็จำได้ “นี่มัน คริสตัลวอลล์ ....หรือว่า” เขาเริ่มร่ายมนตร์ “บากิร่า.....จงทำลายมัน!!!”
“เปรี้ยงงงง” เสียงระเบิดดังสนั่นหลังจากชายชราร่ายมนตร์เข้าไป ภายในพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเกราะสีดำทมิฬพร้อมด้วยปีกสีดำ... ข้างหน้าบัลลังก์มีพระราชาอัลวิสยืนนิ่งดังถูกสะกดจิต ชายชราเห็นก็ตาเบิกโพลงโดยความตกใจ..
“นี่มัน ...กิลกาเมซครอส....นี่เจ้า...เนครอสงั้นเหรอ!!!!” ชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำหันมา ท่าทีของเขามองมาที่ชายชราด้วยความเย็นชา.. “ท่านสามารถผ่านคริสตัลวอลล์ได้ ท่านคงไม่ใช่คนธรรมดาสินะ...ท่านคิดจะทำอย่างไร เพราะพระราชาของท่านตกลงทำพันธสัญญากับเทพเจ้าแล้ว..” แล้วเขาก็ร่ายเวทย์ดาบสีดำทมึฬขนาดยักษ์ขึ้นมา ดาบนั้นอาบไปด้วยแสงสีดำให้ความรู้สึกเยือกเย็น ... และลอยไปหาพระราชาอัลวิสอย่างช้าๆๆ
“ฝ่าบาท ไม่...อย่า!!!” แล้วทหารมากมายก็กรูเข้าไปล้อมชายหนุ่มในชุดเกราะทันที เขาหัวเราะเบาๆ และส่ายหน้า “มนุษย์เอ๋ย ด้วยอำนาจที่เขามี ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก นอกจากจะต้องพึ่งพลังแห่งเทพเท่านั้น”
ทันใดนั้นเพียงเขายกมือขึ้น ดาบนั้นก็หมุนรอบๆ อย่างบ้าคลั่งและปล่อยแสงสีดำออกมาพุ่งทำลายทหารล้มลงอย่างใบไม้ร่วง“อะ...อะไรกัน!!!!!” หัวหน้านายกองมองอย่างไม่เชื่อสายตา... ออร์ก้าตะโกนให้ถอยไป “กลับไปคุ้มครองพระราชินีเดี๋ยวนี้...ที่นี่ข้ารับมือเอง.....” ชายชราสั่ง....
“อัลวิส...นี่มันอะไรกัน....” เสียงของพระราชินีโซเฟียอยู่ด้านหลัง...เธอมองไปยังพระราชาอัลวิสอย่างตระหนก และจะวิ่งฝ่าทหารที่กำลังรั้งตัวนางไว้ไม่ให้เข้าใกล้ท้องพระโรงมากกว่านี้ “อะไรกัน... นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ และเจ้ากำลังทำอะไรกับเรา เจ้าต้องการอะไร?”
อัศวินสีดำหันหน้ามามองพระราชีนีแว่บหนึ่ง เมื่อเธอได้เห็นหน้าเขาก็ตกใจ..”ปานสีดำข้างลำคอนั่น....ไม่จริง..เจ้าน่าจะตายไปแล้วหลังจาก 25 ปีก่อน...” เขาถอดเกราะหมวกที่คลุมศีรษะออกมาให้เห็นหน้าชัดๆ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ แววตาสีน้ำเงินอันว่างเปล่าและผมที่ยาวประบ่า มองดูพระราชินีอย่างไร้ความรู้สึก.. “เซซิรอส นั่นคือพ่อของเจ้านะ...” พระราชินีตะโกนไปทั้งน้ำตา... แต่เขากลับตอบว่า
“ข้าไม่รู้จักชายผู้นี้.... ชายผุ้นี้เป็นเพียงผู้ทำสัญญากับเทพแห่งความมืดเนครอสเท่านั้น...และข้ามีหน้าที่เพียงส่งสิ่งที่เขาปรารถนา...ดาบแห่งความมืดเนเมซิสเบลด...!!!” แล้วเขาก็ชี้ไปที่พระราชา... แล้วดาบก็หยุดหมุนและหนไปทางพระราชาอัลวิส... แสงสีดำมารวมกันที่ปลายดาบ ... ห้องทั้งห้องสันสะเทือนไปด้วยพลังแห่งความมืด...
“หยุดนะ....” ชายชราวิ่งไปขวางและร่ายเวทย์กั้นเป็นสนามพลังเพื่อคุ้มครอง “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำอะไรพระราชา.. เดชั่น!!!” ออร์ก้าตะโกนและเริ่มร่ายเวทย์ “เปรั้ยง .!!!!” พลังแสงสีขาวมหาศาลพุ่งจากมือของชายชราไปยังดาบสีดำ... แรงปะทะทำให้ท้องพระโรงสว่างจ้า....
แต่เมื่อแสงสว่างจางลง ออร์ก้าก็ต้องตกใจที่พระราชากลับเดินออกจากสนามพลังไปยังหน้าดาบอันนั้น ..และพลังนั้นกลับถูกดูดกลืนทำให้แสงสีดำรวมตัวกันมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก...
“อย่านะอัลวิส...” พระราชินีโซเฟียสลัดจากการควบคุมของทหารและวิ่งไปขวางหน้าระหว่างดาบมารกับพระราชา... อัศวินสีดำมองอย่างเย็นชา.. “เปล่าประโยชน์... ที่จะขัดขืนโชคชะตา... ดาบละเลือกผุ้ที่ทำพันธสัญญาหากเค้าเหมาะสม... และไม่มีใครขัดขวางการทดสอบได้...!!!” “โอ๊ย ..!” พระราฃินีโซเฟียกระเด็นไปเพราะพระราชาอัลวิสผลักเธออกไปและวิ่งไปจับดาบนั้น....
“ฮ๊ากกกก!!” พระราชาร้องด้วยความเจ็บปวดพระวรกายเนื่องจากแสงสีดำใด้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว..”เจ้า....เจ้าต้องหยุดนะ เจ้าอย่าทำอย่างนี้ เขาเป็นพ่อของเจ้า...นะเซซิรอส” พระราชินีโซเฟียพุ่งไปกอดขาของชายผู้ถูกเรียกว่าเซซิรอส แต่เขากลับจับตัวพระราชินีและผลักออกไปอย่างรุนแรง... “อย่ามาจับตัวข้า..... เจ้ามิคู่ควรที่จะแตะต้องข้า... ข้าคือเทพเจ้าผู้ทำลาย เนครอส!!!! “ แล้วเขาก็เริ่มร่ายพลังปล่อยใส่พระราชินี...
“คูม!!!” ชายหนุ่มถูกพลังโจมตีจนชะงักไปวูบหนึ่ง ทำให้พลังของเขาพุ่งพลาดเป้า.... “ข้าจะหยุดเจ้าเอง...เซซิรอส ” เป็นออร์ก้านั้นเอง แล้วทหารก็เข้ามาพาพระราชินีออกไป “จงพาพระราชินีหนีไปเดี๋ยวนี้!!!!” เซซิรอสมองเห็นว่ามือของเชาบาดเจ็บเพราะการโจมตีเมื่อครู่ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น... “ท่าทางเจ้าจะอยากเห็นพลังของเทพเจ้าสินะ...” เขาได้ระเบิดคลื่นพลังสีดำออกมาอย่างรุนแรง.... ทันใดนั้นรอบตัวก็เหมือนจะถูกเวลาหยุดไว้... ทั้งพระราชินีและทหาร มีเพียงออร์ก้าเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวได้... เพราะอยู่ในสนามพลังที่ร่ายไว้... ซึ่งกำลังจะถูกพลังสีดำกลืนกินอย่างช้าๆ
“เหอๆ พลังแห่งความชั่ว... ข้าจะทำลายมันเอง .... เหมือน 25 ปีก่อนยังไงละ...” ชายชรายกไม้เท้าขึ้นและรวบรวมพลัง ...”ไฟนี้จะชำระเจ้าให้บริสุทธิ์ !!!!....Holy Flare!!!”
แสงสีชาวรวมมาที่ปลายไม้เท้าและระเบิดออกไปยังเซซิรอสอย่างรุนแรง...แต่มันกลับหยุดชะงักลง เป็นพระราชาอัลวิสที่ยื่นมือมาหยุดพลังไว้ ด้วยท่าที่ดูแปลกไป ร่างกายของเชาเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นอสูรร้ายน่ากลัว ปีกสีดำงอกออกมาจากด้านหลัง...”อ๊ากกกก” .เขาร้องอย่างทรมาน ในมืออีกข้างหนึ่งของเขายังคงกำดาบสีดำแน่น .. พลังสีขาวและสีดำกำลังยื้อกันอย่างรุนแรง
“ปล่อยมัน ...อัลวิส.. ท่านต้องไม่ยอมแพ้ต่อพลังความมืด!!!” ชายชรายังคงปล่อยพลังเวทย์สนับสนุนแต่ก็เริ่มที่จะถูกดันให้ถอยหลังมากขึ้นเรื่อยๆๆ.... เซซิรอสเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของพระราชาอัลวิสก็ส่ายหน้า “ท่านไม่อาจทนพลังได้จริงๆ ...ไม่สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์มืดเลยนะ...อัลวิส. ..“
พระราชากำลังต่อสุ้ทางจิตใจอย่างหนัก ในท่ามกลางสติที่ใกล้จะถูกดูดกลืนนั้น... ได้ปล่อยดาบลง... และพูดกับออร์ก้าว่า ..”ฝากเซเลสเทียด้วย..” เมื่อพลังเสียสมดุลย์ .. พลังสีขาวก็พุ่งเข้าไปยังร่างของพระราชาอย่างรุนแรง ร่างของอัลวิสและออร์ก้ากระเด็นตามแรงกระแทกไปคนละทิศละทางพร้อมเสียงระเบิดกัมปนาท
“บรึมมมมม!!!!” พลังแห่งความมืดแตกกระจายด้วยแรงระเบิดนั้น.... เหลือเพียงแต่ร่างกายที่บาดเจ็บของพระราชาอัลวิส.. ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยิบดาบสีดำกลับมา...และมองร่างอันใกล้สิ้นลมหายใจของพระราชาอย่างเฉยเมย.. “ในที่สุดท่านก็ไม่ได้รับเลือกจริงๆ แต่เอาเถอะ...พลังที่ท่านได้รับก็น่าที่จะเพียงพอให้ท่านมีชัยเหนือศัตรูได้เช่นกัน...” เขาเดินเข้าไปหาพระราชาและวางมือลงบนร่างกายอันบิดเบี้ยวนั้น.... “จงตื่นขึ้นเถิดจิตแห่งความมืด!!!! Devil Possession!!!”
ทันใดนั้นร่างของพระราชาที่ใกล้หมดสติก็ลืมตาขึ้น และขยายตัวใหญ่พร้อมทั้งเปลวฟลุกท่วมตัวทั้งมือและเท้า... กลายเป็นอสูรร้ายในตำนาน.... “อีฟรีท!?” ออร์ก้าอุทาน...”โอ...ไม่นะ” ก่อนที่ใบหน้าของอัลวิสจะเปลี่ยนแปลงไปได้มองมาพูดกับออร์ก้าว่า “หนะ...หนีไป....” แล้วหน้าของพระองค์ก็กลายเป็นอสูรร้ายและคำรามดังสนั่น
“โฮกกกกกก” สิ้นเสียงคำราม เปลวไฟมากมายได้ระเบิดออกมาจากตัวของอีฟรีททุกทิศทาง เซซิรอสมองด้วยความพอใจ ..แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง.”งั้นก็ได้เวลาฉลองแล้วสินะ... เวลาเอ๋ยจงเดินต่อ Haste!!!” สิ้นเสียง สรรพสิ่งที่เคยหยุดนิ่งก็กลับมีชีวิตอีกครั้ง...
“อะไรน่ะ นั่น ....อสูร” ทหารที่กรูเข้ามาหยุดชะงักและตกใจ “พลธนู ...ยิงมัน !!” ฝูงธนูมากมายพุ่งเข้าสู่ตัวอสูรแต่ก็กลับถูกปัดกระเด็นหมด พระราชาที่กลายเป็นอสูรได้กระโดดกระแทกพึ้นปราสาทอย่างรุนแรงทำให้ ปราสาททั้งปราสาทสั่นสะเทือน เปลวไฟได้ทำลยทุกอย่างที่จุดติดไฟได้และพุ่งไปทุกทิศทาง
“หนีไป....พวกเจ้าทำอะไรมันไม่ได้หรอก... “ ชายชราตะโกนสั่งและหันไปร่ายมนตร์ไปที่ตัวอสูรร้ายทันที “Freezer!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น