ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Tragedy of Balbarossa (2)
2.
เจ้าหญิงเซเลสเทียตาโตด้วยความดีใจ "งั้นข้าจะไปขออนุญาตท่านพ่อ.. งั้นท่านมารอข้าที่ข้างอุทยานนะ เรมิล" เรมิเอลโค้งคำนับ และตอบรับ "รับทราบฝ่าบาทเซเลสเทีย.. เป็นพระกรุณา" เจ้าหญิงค้อนขวับ "เมื่อใหร่ท่านจะเลิกพูดราชาศัพท์ซะทีนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง ข้ารู้สึกว่ามันไม่ค่อยมาจากจิตใจที่แท้จริงของท่านเท่าไรนะ.." ชายหนุ่มหัวเราะ และหญิงสาวก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
เซเลสเทียชอบเวลาที่เรมิเอลหัวเราะ ใบหน้าของเขาจะเป็นสีแดงปานผลแอ๊บเปิ้ลสีชมพู และดวงตาภายไต้แว่นกลมๆ นันจะดูสดใส แม้นางกำนัลหลายคนจะมองว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ เหยาะแหยะ เพราะท่าทางที่ดูสำอางดูไม่แข็งแรงเท่าไร แต่เรมิเอลคนนี้ตอนที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยเพรสิเดียม เขาก็เป็นถึงนักกรีฑาเชียวนะ..
รถม้าของเรมิเอลพ้นประตูวังชั้นในไปแล้ว เจ้าหญิงเซเลสเทียมองตามไปจนลับสายตาจึงรีบวิ่งกลับไปยังปราสาทอย่างดีพระทัย.. ที่วันนี้จะได้ดูการแสดงของคณะโอลด์ฟาเธอร์อีกครั้ง และเธอจะได้ฟังเพลงที่เธอชอบจากชายหนุ่มที่เธอพึงใจด้วย... เพียงแต่พระบิดาทรงอนุญาตแค่นั้นเอง แต่ถ้าไม่อนุญาตละ เธอก็จะหาทางไปให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ ..
ในท้องพระโรงปราสาทเทราบิเทีย
พระราชาอัลวิสกับพระราชินีโซเฟีย และเหล่าอำมาตย์กำลังประชุมเคร่งเครียด เสนาบดีออร์ก้ากำลังเดินออกมาจากท้องพระโรงก็ชนเข้ากับเจ้าหญิงเซเลสเทียที่วิ่งมาอย่างจัง... “โอ๊ย....” เจ้าหญิงกุมศีรษะด้วยความเจ็บ “ใครมาขวางทางข้าเนี่ยะ......อ๊ะ...ท่านอา..” หญิงสาวรีบคำนับเมื่อเห็นว่าข้างหน้าคือชายชราสูงวัยในชุดของนักปราชญ์สวมหมวกเรียวยาว ในมือมีคฑาประจำตัว ผู้ที่มีศักดิ์เป็นถึง “อา” ของเจ้าหญิงเซเลสเทีย
“รีบไปไหนกันองค์หญิง ถ้าจะหาฝ่าบาทละก็ เกรงว่าจะยังไม่ได้พะย่ะค่ะ ทรงยุ่งกับการประชุมวางแผนเรื่องข้าศึกที่มาประชิดชายแดนจังหวัดคาเปอร์นิเซีย.....” หญิงสาวถอนหายใจ พลางโบกมือ “เรื่องการเมืองอีกแล้วเหรอ ข้าละเบื่อจริงๆ เสด็จแม่ล่ะท่านอา “ ชายชราส่ายหน้าและตรัสตอบว่า “สถานการณ์เช่นนี้ พระราชินีโซเฟียทรงอยู่ด้วยเนื่องจากมีแขกคนสำคัญมา... ขาดแต่องค์หญิงที่ไม่ปรากฏพระองค์ ... ทรงมีเรื่องอันใดข้าจะไปกราบทูลให้”
“ไม่เป็นไรท่านอา ไม่สำคัญอะไรหรอก...ข้าจะกลับห้องก่อนนะ ไว้เย็นๆ ก็ได้.” หญิงสาวคิดว่า คงต้องใช้วิธีเดิมเสียแล้วกระมัง... เธอไม่อยากไปปรากฏตัวในฐานะเจ้าหญิงที่เรียบร้อยดังผ้าพับไว้... ต่อหน้าแขกบ้านแขกเมือง ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงอาณาจักรมีข้อพิพาทกับจักรวรรด์อาร์เคมิสอยู่ด้วย.. เธอไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไรและไม่สนใจ รู้แต่ว่าการนั่งเฉยๆ ทนฟังเรื่องวุ่นๆ มันน่าเบื่อที่สุด...
4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
เจ้าหญิงกลับไปที้ห้องเปลี่ยนเครื่ององก์เป็นชุดลำลองสีขาวยาวตลอดตัว.. อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะค่ำแล้ว..ท้องฟ้ายามเย็นในเมืองบัลบารอสซ่านั้นเริ่มมีแสงไฟเรืองๆ มาบ้างแล้ว แต่ไม่เหมือนทุกวัน เพราะผู้คนส่วนหนึ่งในเขตเมืองจะรีบเดินทางไปดูคณะโอลด์ฟาเธอร์ที่ที่ราบฟิเลน่า... ที่ตอนนี้มีคณะละครสัตว์แสดงอยู่ก่อนอยู่แล้ว... เธอเปิดลิ้นชักหยิบขลุ่ยสีทองขึ้นมา นี่เป็นสมบัติล้ำค่าประจำราชวงศ์ เธอได้ยินว่าเสด็จพ่อใช้ขลุ่ยนี้เพื่อสำแดงความรักต่อเสด็จแม่....ตั้งชื่อนี้มาจากละครเพลงเรื่อง “ออร์เฟอุสและยูลิตี้” เป็นขลุ่ยที่พระเอกใช้เปิดทางไปหานางเอกที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในนรก และเล่นเพลงเปิดทางให้เธอขึ้นมาอยู่กับเขาบนโลก... เสด็จพ่อเล่าว่า ท่านแต่งเพลงเกี้ยวท่านแม่จากเรื่องนี้แหละ ... และเธอได้รับสืบต่อมาไม่นานนี้ เพราะท่านพ่อต้องการให้เธอได้เป่าเพลงประจำราชวงศ์เป็น ในพิธีที่เธอจะมีอายุครบ 20 ปีในอีกไม่กี่วันนี้...
เธอเปิดสมุดบันทึกพลิกดูหน้าหนึ่งที่เขียนบทกลอนจากละครเรื่องนี้ไว้....
ข้าเดินทางมาไกลแสนไกล.
ข้าทำหัวใจของข้าหล่นหาย
พลัดหลงสู่ดินแดนแห่งความตาย
ด้วยความหมายนี้จึงนำพา
ขอข้าได้พบเธอที่เป็นเช่นดวงใจ
เธอผู้เป็นดังลมหายใจของจ้า
แม้หากเป็นวันสุดท้ายที่ต้องมา
ข้าก็พร้อมยินยอมเพียงได้เจอ...
เจ้าหญิงเซเลสเทียฮัมเพลงเบาๆ และเป่าเป็นทำนอง...เมื่อเธอเริ่มบรรเลงเพลง..เหล่านกสกุนาก็บินมาเกาะเฉลียงริมหน้าต่างห้องของเธอ ..พากันมาส่งเสียงร้องประสาน โลกตัวคล้อยตามเพลงดังถูกสะกด...
3. ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
ทันใดนั้นนกตัวหนึ่งบินคาบเชือกเส้นใหญ่มาเกาะที่ชายระเบียง... หญิงสาวจำได้ทันทีว่าคือนกชองเรมิเอล.. “วี๊ดวิ้ววว..” เสียงผิวปากเบาๆ ตามมาส่งสัญญาณให้เธอรู้ว่า เขามาตามที่สัญญาไว้แล้ว... เจ้าหญิงเดินมาชะโงกหน้าที่ระเบียง มองเห็นชายหนุ่มโบกมือทักทาย...พร้อมกับรถม้าคุ่ใจอยู่ด้านล่างริมอุทยาน ..เธอรีบคว้าเชือกมาผูกเข้าระเบียงและค่อยๆ หย่อนตัวลงมา...ตามขอบกำแพงที่มิ่ลิ่มยื่นออกมาพอให้วางขาได้ “ค่อยๆ ฝ่าบาท...” ชายหนุ่มวิ่งเข้ามารอรับอยู่ด้านล่าง...
“ทรงแคล่วคล่องขึ้นนะ...” ชายหนุ่มแซวๆ เมื่อเห็นหญิงสาวรีบลงมาเพราะกลัวว่าใครจะเห็น... “ว้ายยย” ไม่ทันไรเธอก็ก้าวพลาด แต่เรมิเอลประคองไว้ได้ทัน...”ไม่ทันขาดคำเลย...” หญิงสาวทำหน้าเจื่อนๆ “พอแล้ว ไม่ต้องประคองข้า.. ข้าไม่เป็นไรหรอก...ไปกันเถอะ.เดี๋ยวใครจะมาเห็น....” ชายหนุ่มเดินเข้าไปในรถม้าและหยิบชุดใหม่มาให้ เป็นชุดสีขาวกระโปรงยาวส่งให้และบอกให้เธอเปลี่ยน ... “นี่จะไม่ต้องกลัวใครมาเห็น ท่านเข้าไปเปลี่ยนในรถม้าเถิด... “ ชายหนุ่มพูดพลางโชว์บัตรผ่านเข้าออกวัง..หญิงสาวแปลกใจ “นั้นมันบัตรผ่านของระดับเชื้อพระวงศ์นี่... ท่านได้มาอย่างไร...” ชายหนุ่มยิ้มๆ .”เป็นรางวัลเบื้องต้นที่ข้าได้รับจากการสอนท่านเป่าเพลงวันเกิดไงละ....”
ระหว่างหญิงสาวเปลี่ยนชุด เธอแอบชำเลืองมองชายหนุ่ม เขากำลังผิวปากเรียกนกโรบินเก็บเชือกที่ร้อยไว้จากห้องของเจ้าหญิงเซเลสเทีย.. บริเวณนี้เป็นบริเวณหลังอุทยาน... เธอสังเกตว่าไม่มีทหารอยู่เลย แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไร และชะโงกหน้าไปบอกชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่รีบร้อนว่า “ไปกันเถอะ ก่อนที่จะมีใครมาเห็น ท่านจะโดนข้อหาลักพาตัวข้านะ... โทษถึงตาย... ชายหนุ่มรีบวิ่งมากระโดนขึ้นม้าและตอบกลับเป็นเพลงทันที “ต่อให้ถึงตายข้าก็ไม่หวั่น เพียงได้ใกล้กันกับนางในหัวใจ..” นกโรบินบินมาเกาะหลังของหญิงสาว... เรมิเอลหันมามองพบว่าหญิงสาวหน้าแดงก่ำ... “ท่านสวยมากในชุดนี้...” เขาพูดและส่งหมวกใบหนึ่งส่งให้.. “ท่านใส่หมวกใบนี้และรัดผมซะ จากนี้ไปท่านชื่อเซร่า...เป็นนักดนตรีของข้า... และเรากำลังจะไปที่ที่ราบฟิเลน่ากัน..เข้าใจนะ” หญิงสาวพยักหน้า.. “ข้าไม่ลืม...”
รถม้าผ่านประตูปราสาทชั้นในอย่างง่ายดายเพราะมีบัตรผ่านที่ได้รับมาจากพระราชา.. แต่พอมาถึงประตูชั้นนอก ทหารกลับสั่งให้หยุดก่อน เจ้าหญิงเซเลสเทียที่ปลอมตัวอยู่หวั่นใจว่า เอ..หรือทหารจะจำเราได้..
“ท่านเรมิเอล. ท่านจะพาสตรีผู้นี้ไปที่ใดหรือ? “ ทหารทำความเคารพและยื่นหน้าเข้ามามองดูข้างในรถม้า ชายหนุ่มแสดงบัตรผ่านให้และบอกว่า “ข้าได้รับคำสั่งให้พาญาติของท่านออร์ก้าที่มาเยี่ยมไปงานละครสัตว์ที่ที่ราบฟิเลน่า...นี่คือบัตรอนุญาต” ทหารมองดูและทำความเคารพ..” ข้าได้ยินว่าท่านคือนักร้องที่มีชื่อเสียงมานาน ข้าเองก็อยากไปดูแต่คงไม่มีโอกาสแล้ว... ขอท่านโปรดจงจารึกชื่อของท่านไว้ในผ้าเช้ดหน้าผืนนี้ให้ข้าเป็นที่ระลึกด้วยเถิด...” ชายหนุ่มยิ้มอย่างโล่งใจ หญิงสาวในรถม้าก็เช่นกัน “ได้สิ...ข้าจะให้ท่านเก็บไว้ และมันจะใช้เป็นบัตรผ่านไปยังที่นั่งพิเศษเชียวนะ...” “แล้วท่านจะกลับมาอีกเมื่อใหร่ “ เรมิเอลตอบไปว่า “ข้าเสร็จสิ้นภารกิจสอนเจ้าหญิงเซเลสเทียแล้ว คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะอยู่ที่เทราบิเทีย หลังการแสดงจบลง ข้าจะเดินทางออกจากประเทศนี้ คงสักเดือนหนึ่งจะกลับมาใหม่...และวันนั้นท่านอย่าลืมที่จะมาชมการแสดง ข้าจะเตรียมที่ไว้ให้” ทหารรับไปอย่างดีใจและทำความเคารพก่อนเปิดประตูปราสาทให้
2 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ...
หลังจากพ้นจากพระราชวังแล้ว. หญิงสาวแซวชายหนุ่มว่า “ท่านนี่เนื้อหอมไม่เบานะ แม้แต่บุรุษก็หลงเสน่ห์ท่าน ...” เรมิเอลหัวเราะเจื่อนๆ “ข้าเองก็หวั่นใจว่า ความจะแตกหรือไม่” เจ้าหญิงเซเลสเทียตอบว่า “ท่านเก่งอยู่แล้ว... ” รถม้าวิ่งออกมายังถนนรอบปราสาท กำลังค่อยๆ ลงจากเนินรอบเมืองสุ่ย่านดาวน์ทาวน์... เซเลสเทียมองดูแสงไฟระยิบระยับในย่านการค้าอย่างตื่นตาตื่นใจ.. เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูใกล้ๆ อย่างนี้บ่อยนัก แม้วันนี้จะไม่คึกคักมาก แต่เธอก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่หลบออกจากปราสาทมาเที่ยวกับเรมิเอล...เพราะหลังจากกลับมาจากมหาวิทยาลัยเปรสิเดียมแล้ว เธอก็ไม่ได้มีชีวิตส่วนตัวที่อยากจะไปไหนก็ได้ไปอย่างนี้อีกเลย
“ข้าตื่นเต้นดังนกออกจากกรงทองสู่ป่าใหญ่... เรมิเอล..” หญิงสาวพูดลอยๆ ชายหนุ่มรู้ความต้องการดีจึงไม่รีบเท่าไรนักแต่ควบม้าช้าๆ เพื่อให้เซเลสเทียได้ชมบรรยากาศยามพลบค่ำ ณ ชานเมืองบัลบารอสซ่าอย่างเต็มอิ่ม..
ระหว่างทาง มีเด็กเข้ามาขายดอกไม้และผ้าพันคอ ... ชายหนุ่มได้จอดแวะและซื้อเครื่องประดับนำมาให้กับเจ้าหญิงพลางบอกว่า “นี่เป้นอุบกรณ์การแสดง... ท่านจะต้องสวมใส่ไว้ให้ชิน...เพราะท่านจะเป็นหญิงสาวชาวบ้าน มิใช่ผุ้สูงศักดิ์อีกแล้ว...ถือว่าเป็นการซ้อมก็แล้วกัน...” เซเลสเทียยิ้มๆ และบอกว่า “ข้าชอบที่จะตกแต่งร่างกายอย่างนี้มากกว่าชุดเครื่ององค์ในวังเสียอีกนะ เรมิเอล.... เอ๊ะ ข้าคุ้นๆ กับชุดเครืองประดับนี้ เหมือนเคยเห็นที่ใดที่หนึ่ง” หญิงสาวตั้งข้อสังเกตขณะหยิบมาประดับตัวเอง ชายหนุ่มหัวเราะ “งั้นให้เป็นปัญหาของคืนนี้ ถ้าท่านตอบไม่ได้ ท่านจะต้องเล่นเพลงให้ข้าฟังก่อน และข้าจะร้องเพลงตามทีหลัง...แต่ถ้าท่านตอบได้ ข้าจะร้องเพลงก่อน และให้ท่านเป่าขลุ่ยให้ข้าฟัง..” หญิงสาวขมวดคิ้ว.. “แล้วมันต่างกันตรงไหนจ๊ะ ...พ่อนักแสดง.. ท่านอย่ามาหลอกข้าเล่นเลย...”
รถม้าวิ่งมายังเขตนอกเมืองหลวงบัลบารอสซ่าแล้ว.. พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ..แล้วเธอนึกขึ้นได้ “ข้านึกออกแล้ว.. นี่เป็นชุดที่ข้าใส่เมือวันสุดท้ายที่เปรสิเดียม เป็นชุดที่ข้าขึ้นเวทีไปอ่านบทกลอนอำลาอาลัย.. ใช่ไหมเรมิล..” ชายหนุ่มประหลาดใจ ..”ท่านจำได้ ? มันนาน 3 ปีแล้วนะ...” หญิงสาวออกตัวและรีบเกทับทันที “ข้าความจำดีใช่ไหมละ ข้ายังจำได้เลยว่าข้าอ่านบทกลอนอะไร แล้วท่านละจำได้หรือเปล่าว่าท่านเล่นเพลงอะไรวันนั้น”
ชายหนุ่มนึกถึงวันสุดท้ายในพิธีอวยพรจบการศึกษา... เขาได้รับมอบหมายให้เล่นเพลงอยู่เบื้องหลัง และคนที่กล่าวบทกลอนอำลาก็คือเธอ ..เซเลสเทีย... “ท่านเล่นเพลงอะไรนะวันนั้น จำไม่ได้ละสิ...” หญิงสาวชะโงกหน้ามาถาม ... เรมิเอลรีบตอบทันที “ข้าจำได้แต่ข้าเล่นไม่จบ เพราะท่านเล่นอ่านกลอนคร่อมจังหวะ ผิดๆ ถูกๆ” เซเลสเทียได้ทีจึงรีบต้อนทันที “งั้นตอนนี้ข้าไม่ได้อ่านกลอนนั้น ท่านจะเล่นให้ข้าฟังอีกได้ไหม..”
“ตอนนี้น่ะนะ ข้าขับรถม้าอยู่...” ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยง หญิงสาวไม่ยอมแพ้ พลางชี้ไปที่ยอดขาข้างๆ “เรมิล ...ท่านเห็นเนินนั้นไหม นั่นคือเนินแห่งความทรงจำ ต้นไม้ใหญ่นั้นเป็นต้นไม้คู่บ้านคู่เมือง ...” เรมิเอลหันไปมองแว่บหนึ่งแต่ก็ไม่สนใจ ..”ข้าจะให้ท่านร้องเพลงนั้น ที่เนินแห่งนั้น...ถือโอกาสซ้อม ณ ที่นั้นด้วย... นี่คือคำสั่ง”
ขายหนุ่มถอนหายใจ “ท่านชนะแล้วนี่ ...ว่าแต่ทำไมต้องเนินแห่งนั้นด้วย...” หญิงสาวเล่าต่อว่า “ที่นั่น มีตำนานว่า หากใครต้องพรากจากกันไปแสนไกล...ถ้าตั้งจิตอธิษฐานที่นี่...เขาจะกลับมาพบกัน” ชายหนุ่มหัวเราะ “ท่านเชื่อเหรอ?” เซเลสเทียทำตาดุใส่เรมิเอลและพูดด้วยความประชดว่า“ท่านไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เสียเลยนะ นี่เป็นตำนานในวังของเทราบิเทียนะ...ท่านอย่ามาดูถูกนะ... ข้าเองก็เริ่มที่จะเมารถแล้วด้วย” ชายหนุ่มตัดสินใจ “งั้นท่านก็ต้องตั้งใจซ้อมเต็มที่นะ ออกจากที่นี่ข้าจะมุ่งไปยังฟิเลน่าเลย “ แล้วเขาควบม้าเลี้ยวไปยังทางไปยังเนินแห่งนั้น ... เนินแห่งความทรงจำ...
เจ้าหญิงเซเลสเทียตาโตด้วยความดีใจ "งั้นข้าจะไปขออนุญาตท่านพ่อ.. งั้นท่านมารอข้าที่ข้างอุทยานนะ เรมิล" เรมิเอลโค้งคำนับ และตอบรับ "รับทราบฝ่าบาทเซเลสเทีย.. เป็นพระกรุณา" เจ้าหญิงค้อนขวับ "เมื่อใหร่ท่านจะเลิกพูดราชาศัพท์ซะทีนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง ข้ารู้สึกว่ามันไม่ค่อยมาจากจิตใจที่แท้จริงของท่านเท่าไรนะ.." ชายหนุ่มหัวเราะ และหญิงสาวก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
เซเลสเทียชอบเวลาที่เรมิเอลหัวเราะ ใบหน้าของเขาจะเป็นสีแดงปานผลแอ๊บเปิ้ลสีชมพู และดวงตาภายไต้แว่นกลมๆ นันจะดูสดใส แม้นางกำนัลหลายคนจะมองว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ เหยาะแหยะ เพราะท่าทางที่ดูสำอางดูไม่แข็งแรงเท่าไร แต่เรมิเอลคนนี้ตอนที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยเพรสิเดียม เขาก็เป็นถึงนักกรีฑาเชียวนะ..
รถม้าของเรมิเอลพ้นประตูวังชั้นในไปแล้ว เจ้าหญิงเซเลสเทียมองตามไปจนลับสายตาจึงรีบวิ่งกลับไปยังปราสาทอย่างดีพระทัย.. ที่วันนี้จะได้ดูการแสดงของคณะโอลด์ฟาเธอร์อีกครั้ง และเธอจะได้ฟังเพลงที่เธอชอบจากชายหนุ่มที่เธอพึงใจด้วย... เพียงแต่พระบิดาทรงอนุญาตแค่นั้นเอง แต่ถ้าไม่อนุญาตละ เธอก็จะหาทางไปให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ ..
ในท้องพระโรงปราสาทเทราบิเทีย
พระราชาอัลวิสกับพระราชินีโซเฟีย และเหล่าอำมาตย์กำลังประชุมเคร่งเครียด เสนาบดีออร์ก้ากำลังเดินออกมาจากท้องพระโรงก็ชนเข้ากับเจ้าหญิงเซเลสเทียที่วิ่งมาอย่างจัง... “โอ๊ย....” เจ้าหญิงกุมศีรษะด้วยความเจ็บ “ใครมาขวางทางข้าเนี่ยะ......อ๊ะ...ท่านอา..” หญิงสาวรีบคำนับเมื่อเห็นว่าข้างหน้าคือชายชราสูงวัยในชุดของนักปราชญ์สวมหมวกเรียวยาว ในมือมีคฑาประจำตัว ผู้ที่มีศักดิ์เป็นถึง “อา” ของเจ้าหญิงเซเลสเทีย
“รีบไปไหนกันองค์หญิง ถ้าจะหาฝ่าบาทละก็ เกรงว่าจะยังไม่ได้พะย่ะค่ะ ทรงยุ่งกับการประชุมวางแผนเรื่องข้าศึกที่มาประชิดชายแดนจังหวัดคาเปอร์นิเซีย.....” หญิงสาวถอนหายใจ พลางโบกมือ “เรื่องการเมืองอีกแล้วเหรอ ข้าละเบื่อจริงๆ เสด็จแม่ล่ะท่านอา “ ชายชราส่ายหน้าและตรัสตอบว่า “สถานการณ์เช่นนี้ พระราชินีโซเฟียทรงอยู่ด้วยเนื่องจากมีแขกคนสำคัญมา... ขาดแต่องค์หญิงที่ไม่ปรากฏพระองค์ ... ทรงมีเรื่องอันใดข้าจะไปกราบทูลให้”
“ไม่เป็นไรท่านอา ไม่สำคัญอะไรหรอก...ข้าจะกลับห้องก่อนนะ ไว้เย็นๆ ก็ได้.” หญิงสาวคิดว่า คงต้องใช้วิธีเดิมเสียแล้วกระมัง... เธอไม่อยากไปปรากฏตัวในฐานะเจ้าหญิงที่เรียบร้อยดังผ้าพับไว้... ต่อหน้าแขกบ้านแขกเมือง ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงอาณาจักรมีข้อพิพาทกับจักรวรรด์อาร์เคมิสอยู่ด้วย.. เธอไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไรและไม่สนใจ รู้แต่ว่าการนั่งเฉยๆ ทนฟังเรื่องวุ่นๆ มันน่าเบื่อที่สุด...
4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
เจ้าหญิงกลับไปที้ห้องเปลี่ยนเครื่ององก์เป็นชุดลำลองสีขาวยาวตลอดตัว.. อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะค่ำแล้ว..ท้องฟ้ายามเย็นในเมืองบัลบารอสซ่านั้นเริ่มมีแสงไฟเรืองๆ มาบ้างแล้ว แต่ไม่เหมือนทุกวัน เพราะผู้คนส่วนหนึ่งในเขตเมืองจะรีบเดินทางไปดูคณะโอลด์ฟาเธอร์ที่ที่ราบฟิเลน่า... ที่ตอนนี้มีคณะละครสัตว์แสดงอยู่ก่อนอยู่แล้ว... เธอเปิดลิ้นชักหยิบขลุ่ยสีทองขึ้นมา นี่เป็นสมบัติล้ำค่าประจำราชวงศ์ เธอได้ยินว่าเสด็จพ่อใช้ขลุ่ยนี้เพื่อสำแดงความรักต่อเสด็จแม่....ตั้งชื่อนี้มาจากละครเพลงเรื่อง “ออร์เฟอุสและยูลิตี้” เป็นขลุ่ยที่พระเอกใช้เปิดทางไปหานางเอกที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในนรก และเล่นเพลงเปิดทางให้เธอขึ้นมาอยู่กับเขาบนโลก... เสด็จพ่อเล่าว่า ท่านแต่งเพลงเกี้ยวท่านแม่จากเรื่องนี้แหละ ... และเธอได้รับสืบต่อมาไม่นานนี้ เพราะท่านพ่อต้องการให้เธอได้เป่าเพลงประจำราชวงศ์เป็น ในพิธีที่เธอจะมีอายุครบ 20 ปีในอีกไม่กี่วันนี้...
เธอเปิดสมุดบันทึกพลิกดูหน้าหนึ่งที่เขียนบทกลอนจากละครเรื่องนี้ไว้....
ข้าเดินทางมาไกลแสนไกล.
ข้าทำหัวใจของข้าหล่นหาย
พลัดหลงสู่ดินแดนแห่งความตาย
ด้วยความหมายนี้จึงนำพา
ขอข้าได้พบเธอที่เป็นเช่นดวงใจ
เธอผู้เป็นดังลมหายใจของจ้า
แม้หากเป็นวันสุดท้ายที่ต้องมา
ข้าก็พร้อมยินยอมเพียงได้เจอ...
เจ้าหญิงเซเลสเทียฮัมเพลงเบาๆ และเป่าเป็นทำนอง...เมื่อเธอเริ่มบรรเลงเพลง..เหล่านกสกุนาก็บินมาเกาะเฉลียงริมหน้าต่างห้องของเธอ ..พากันมาส่งเสียงร้องประสาน โลกตัวคล้อยตามเพลงดังถูกสะกด...
3. ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
ทันใดนั้นนกตัวหนึ่งบินคาบเชือกเส้นใหญ่มาเกาะที่ชายระเบียง... หญิงสาวจำได้ทันทีว่าคือนกชองเรมิเอล.. “วี๊ดวิ้ววว..” เสียงผิวปากเบาๆ ตามมาส่งสัญญาณให้เธอรู้ว่า เขามาตามที่สัญญาไว้แล้ว... เจ้าหญิงเดินมาชะโงกหน้าที่ระเบียง มองเห็นชายหนุ่มโบกมือทักทาย...พร้อมกับรถม้าคุ่ใจอยู่ด้านล่างริมอุทยาน ..เธอรีบคว้าเชือกมาผูกเข้าระเบียงและค่อยๆ หย่อนตัวลงมา...ตามขอบกำแพงที่มิ่ลิ่มยื่นออกมาพอให้วางขาได้ “ค่อยๆ ฝ่าบาท...” ชายหนุ่มวิ่งเข้ามารอรับอยู่ด้านล่าง...
“ทรงแคล่วคล่องขึ้นนะ...” ชายหนุ่มแซวๆ เมื่อเห็นหญิงสาวรีบลงมาเพราะกลัวว่าใครจะเห็น... “ว้ายยย” ไม่ทันไรเธอก็ก้าวพลาด แต่เรมิเอลประคองไว้ได้ทัน...”ไม่ทันขาดคำเลย...” หญิงสาวทำหน้าเจื่อนๆ “พอแล้ว ไม่ต้องประคองข้า.. ข้าไม่เป็นไรหรอก...ไปกันเถอะ.เดี๋ยวใครจะมาเห็น....” ชายหนุ่มเดินเข้าไปในรถม้าและหยิบชุดใหม่มาให้ เป็นชุดสีขาวกระโปรงยาวส่งให้และบอกให้เธอเปลี่ยน ... “นี่จะไม่ต้องกลัวใครมาเห็น ท่านเข้าไปเปลี่ยนในรถม้าเถิด... “ ชายหนุ่มพูดพลางโชว์บัตรผ่านเข้าออกวัง..หญิงสาวแปลกใจ “นั้นมันบัตรผ่านของระดับเชื้อพระวงศ์นี่... ท่านได้มาอย่างไร...” ชายหนุ่มยิ้มๆ .”เป็นรางวัลเบื้องต้นที่ข้าได้รับจากการสอนท่านเป่าเพลงวันเกิดไงละ....”
ระหว่างหญิงสาวเปลี่ยนชุด เธอแอบชำเลืองมองชายหนุ่ม เขากำลังผิวปากเรียกนกโรบินเก็บเชือกที่ร้อยไว้จากห้องของเจ้าหญิงเซเลสเทีย.. บริเวณนี้เป็นบริเวณหลังอุทยาน... เธอสังเกตว่าไม่มีทหารอยู่เลย แต่เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไร และชะโงกหน้าไปบอกชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่รีบร้อนว่า “ไปกันเถอะ ก่อนที่จะมีใครมาเห็น ท่านจะโดนข้อหาลักพาตัวข้านะ... โทษถึงตาย... ชายหนุ่มรีบวิ่งมากระโดนขึ้นม้าและตอบกลับเป็นเพลงทันที “ต่อให้ถึงตายข้าก็ไม่หวั่น เพียงได้ใกล้กันกับนางในหัวใจ..” นกโรบินบินมาเกาะหลังของหญิงสาว... เรมิเอลหันมามองพบว่าหญิงสาวหน้าแดงก่ำ... “ท่านสวยมากในชุดนี้...” เขาพูดและส่งหมวกใบหนึ่งส่งให้.. “ท่านใส่หมวกใบนี้และรัดผมซะ จากนี้ไปท่านชื่อเซร่า...เป็นนักดนตรีของข้า... และเรากำลังจะไปที่ที่ราบฟิเลน่ากัน..เข้าใจนะ” หญิงสาวพยักหน้า.. “ข้าไม่ลืม...”
รถม้าผ่านประตูปราสาทชั้นในอย่างง่ายดายเพราะมีบัตรผ่านที่ได้รับมาจากพระราชา.. แต่พอมาถึงประตูชั้นนอก ทหารกลับสั่งให้หยุดก่อน เจ้าหญิงเซเลสเทียที่ปลอมตัวอยู่หวั่นใจว่า เอ..หรือทหารจะจำเราได้..
“ท่านเรมิเอล. ท่านจะพาสตรีผู้นี้ไปที่ใดหรือ? “ ทหารทำความเคารพและยื่นหน้าเข้ามามองดูข้างในรถม้า ชายหนุ่มแสดงบัตรผ่านให้และบอกว่า “ข้าได้รับคำสั่งให้พาญาติของท่านออร์ก้าที่มาเยี่ยมไปงานละครสัตว์ที่ที่ราบฟิเลน่า...นี่คือบัตรอนุญาต” ทหารมองดูและทำความเคารพ..” ข้าได้ยินว่าท่านคือนักร้องที่มีชื่อเสียงมานาน ข้าเองก็อยากไปดูแต่คงไม่มีโอกาสแล้ว... ขอท่านโปรดจงจารึกชื่อของท่านไว้ในผ้าเช้ดหน้าผืนนี้ให้ข้าเป็นที่ระลึกด้วยเถิด...” ชายหนุ่มยิ้มอย่างโล่งใจ หญิงสาวในรถม้าก็เช่นกัน “ได้สิ...ข้าจะให้ท่านเก็บไว้ และมันจะใช้เป็นบัตรผ่านไปยังที่นั่งพิเศษเชียวนะ...” “แล้วท่านจะกลับมาอีกเมื่อใหร่ “ เรมิเอลตอบไปว่า “ข้าเสร็จสิ้นภารกิจสอนเจ้าหญิงเซเลสเทียแล้ว คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะอยู่ที่เทราบิเทีย หลังการแสดงจบลง ข้าจะเดินทางออกจากประเทศนี้ คงสักเดือนหนึ่งจะกลับมาใหม่...และวันนั้นท่านอย่าลืมที่จะมาชมการแสดง ข้าจะเตรียมที่ไว้ให้” ทหารรับไปอย่างดีใจและทำความเคารพก่อนเปิดประตูปราสาทให้
2 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ...
หลังจากพ้นจากพระราชวังแล้ว. หญิงสาวแซวชายหนุ่มว่า “ท่านนี่เนื้อหอมไม่เบานะ แม้แต่บุรุษก็หลงเสน่ห์ท่าน ...” เรมิเอลหัวเราะเจื่อนๆ “ข้าเองก็หวั่นใจว่า ความจะแตกหรือไม่” เจ้าหญิงเซเลสเทียตอบว่า “ท่านเก่งอยู่แล้ว... ” รถม้าวิ่งออกมายังถนนรอบปราสาท กำลังค่อยๆ ลงจากเนินรอบเมืองสุ่ย่านดาวน์ทาวน์... เซเลสเทียมองดูแสงไฟระยิบระยับในย่านการค้าอย่างตื่นตาตื่นใจ.. เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูใกล้ๆ อย่างนี้บ่อยนัก แม้วันนี้จะไม่คึกคักมาก แต่เธอก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่หลบออกจากปราสาทมาเที่ยวกับเรมิเอล...เพราะหลังจากกลับมาจากมหาวิทยาลัยเปรสิเดียมแล้ว เธอก็ไม่ได้มีชีวิตส่วนตัวที่อยากจะไปไหนก็ได้ไปอย่างนี้อีกเลย
“ข้าตื่นเต้นดังนกออกจากกรงทองสู่ป่าใหญ่... เรมิเอล..” หญิงสาวพูดลอยๆ ชายหนุ่มรู้ความต้องการดีจึงไม่รีบเท่าไรนักแต่ควบม้าช้าๆ เพื่อให้เซเลสเทียได้ชมบรรยากาศยามพลบค่ำ ณ ชานเมืองบัลบารอสซ่าอย่างเต็มอิ่ม..
ระหว่างทาง มีเด็กเข้ามาขายดอกไม้และผ้าพันคอ ... ชายหนุ่มได้จอดแวะและซื้อเครื่องประดับนำมาให้กับเจ้าหญิงพลางบอกว่า “นี่เป้นอุบกรณ์การแสดง... ท่านจะต้องสวมใส่ไว้ให้ชิน...เพราะท่านจะเป็นหญิงสาวชาวบ้าน มิใช่ผุ้สูงศักดิ์อีกแล้ว...ถือว่าเป็นการซ้อมก็แล้วกัน...” เซเลสเทียยิ้มๆ และบอกว่า “ข้าชอบที่จะตกแต่งร่างกายอย่างนี้มากกว่าชุดเครื่ององค์ในวังเสียอีกนะ เรมิเอล.... เอ๊ะ ข้าคุ้นๆ กับชุดเครืองประดับนี้ เหมือนเคยเห็นที่ใดที่หนึ่ง” หญิงสาวตั้งข้อสังเกตขณะหยิบมาประดับตัวเอง ชายหนุ่มหัวเราะ “งั้นให้เป็นปัญหาของคืนนี้ ถ้าท่านตอบไม่ได้ ท่านจะต้องเล่นเพลงให้ข้าฟังก่อน และข้าจะร้องเพลงตามทีหลัง...แต่ถ้าท่านตอบได้ ข้าจะร้องเพลงก่อน และให้ท่านเป่าขลุ่ยให้ข้าฟัง..” หญิงสาวขมวดคิ้ว.. “แล้วมันต่างกันตรงไหนจ๊ะ ...พ่อนักแสดง.. ท่านอย่ามาหลอกข้าเล่นเลย...”
รถม้าวิ่งมายังเขตนอกเมืองหลวงบัลบารอสซ่าแล้ว.. พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ..แล้วเธอนึกขึ้นได้ “ข้านึกออกแล้ว.. นี่เป็นชุดที่ข้าใส่เมือวันสุดท้ายที่เปรสิเดียม เป็นชุดที่ข้าขึ้นเวทีไปอ่านบทกลอนอำลาอาลัย.. ใช่ไหมเรมิล..” ชายหนุ่มประหลาดใจ ..”ท่านจำได้ ? มันนาน 3 ปีแล้วนะ...” หญิงสาวออกตัวและรีบเกทับทันที “ข้าความจำดีใช่ไหมละ ข้ายังจำได้เลยว่าข้าอ่านบทกลอนอะไร แล้วท่านละจำได้หรือเปล่าว่าท่านเล่นเพลงอะไรวันนั้น”
ชายหนุ่มนึกถึงวันสุดท้ายในพิธีอวยพรจบการศึกษา... เขาได้รับมอบหมายให้เล่นเพลงอยู่เบื้องหลัง และคนที่กล่าวบทกลอนอำลาก็คือเธอ ..เซเลสเทีย... “ท่านเล่นเพลงอะไรนะวันนั้น จำไม่ได้ละสิ...” หญิงสาวชะโงกหน้ามาถาม ... เรมิเอลรีบตอบทันที “ข้าจำได้แต่ข้าเล่นไม่จบ เพราะท่านเล่นอ่านกลอนคร่อมจังหวะ ผิดๆ ถูกๆ” เซเลสเทียได้ทีจึงรีบต้อนทันที “งั้นตอนนี้ข้าไม่ได้อ่านกลอนนั้น ท่านจะเล่นให้ข้าฟังอีกได้ไหม..”
“ตอนนี้น่ะนะ ข้าขับรถม้าอยู่...” ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยง หญิงสาวไม่ยอมแพ้ พลางชี้ไปที่ยอดขาข้างๆ “เรมิล ...ท่านเห็นเนินนั้นไหม นั่นคือเนินแห่งความทรงจำ ต้นไม้ใหญ่นั้นเป็นต้นไม้คู่บ้านคู่เมือง ...” เรมิเอลหันไปมองแว่บหนึ่งแต่ก็ไม่สนใจ ..”ข้าจะให้ท่านร้องเพลงนั้น ที่เนินแห่งนั้น...ถือโอกาสซ้อม ณ ที่นั้นด้วย... นี่คือคำสั่ง”
ขายหนุ่มถอนหายใจ “ท่านชนะแล้วนี่ ...ว่าแต่ทำไมต้องเนินแห่งนั้นด้วย...” หญิงสาวเล่าต่อว่า “ที่นั่น มีตำนานว่า หากใครต้องพรากจากกันไปแสนไกล...ถ้าตั้งจิตอธิษฐานที่นี่...เขาจะกลับมาพบกัน” ชายหนุ่มหัวเราะ “ท่านเชื่อเหรอ?” เซเลสเทียทำตาดุใส่เรมิเอลและพูดด้วยความประชดว่า“ท่านไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เสียเลยนะ นี่เป็นตำนานในวังของเทราบิเทียนะ...ท่านอย่ามาดูถูกนะ... ข้าเองก็เริ่มที่จะเมารถแล้วด้วย” ชายหนุ่มตัดสินใจ “งั้นท่านก็ต้องตั้งใจซ้อมเต็มที่นะ ออกจากที่นี่ข้าจะมุ่งไปยังฟิเลน่าเลย “ แล้วเขาควบม้าเลี้ยวไปยังทางไปยังเนินแห่งนั้น ... เนินแห่งความทรงจำ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น