ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานแห่งเทราบิเทีย ++Legend of Therabithia++

    ลำดับตอนที่ #1 : Tragedy of Balbarossa (1)

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 52


    --The Legend of Therabithia --

    Prolouge : Tragedy of Balbarossa

    1.

    "ณ ที่แห่งหนึ่งสุดแสนไกล หัวใจผูกพันกันไว้ชั่วนิรันดร์"

    ในคืนแห่งหนึ่งอันเงียบสงัด ไต้ต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางสายลมที่โบกพัดอย่างแผ่วเบา หญิงสาวผมสีทองคนหนึ่งทรุดตัวลงนั่งพิงลำต้นของต้นไม้ด้วยท่าทางอ่อนแรง .

    ขุดสีขาวทอผืนเดียวตลอดตัวที่เธอสวมใส่ขาดวิ่น ผมสีทองของเธอปลิวไสวไปตามสายลมอ่อนๆ ที่พัดเข้ามา เธอใช้มือเสยผมที่ปรกหน้าและทอดขาไปตามรากไม้และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า คืนนี้เป้นคืนพระจันทร์เต็มดวง..เธอเอื้อมมือหยิบขลุ่ยในกระเป๋าออกมาด้วยมือสั่นระริก ขลุ่ยเลาสีทองสะท้อนแสงจันทร์เป้นประกาย น้ำตาของเธอหยดลงบนผิวของขลุ่ยพร้อมกับเสียงสะอื้นให้เบาๆ

    "ถ้าข้าเป่าขลุ่ยนี้.. ท่านสัญญานะ ว่าจะฟังจนจบเพลง"

    ภาพของขายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยุ่เคียงข้างปรากฏขึ้นมาในความคิด เขาสวมเสื้อผ้าสีสันลวดลายสดใส ด้วยหมวกแบเรต์สีแดง และแว่นตาขอบกลมทำให้เขาดูเหมือนเป็นคนร่าเริง หากแต่แววตาสีน้ำทะเลของเขาทอดยาวไปอย่างเศร้าสร้อย.. ใบหน้าของเขายิ้มน้อยๆ และพยักหนัาตอบคำหญิงสาวที่นั่งแอบอิงอยู่ข้างๆว่า "ข้าสัญญา"

    หญิงสาวหยิบขลุ่ยขึ้นเริ่มเป่าเป็นทำนองเบาๆ ชายหนุ่มก็เริ่มร้องเพลง...

    ..ข้าเดินทางมาแสนไกล..
    ..หวังจะหยุดหัวใจไว้ตรงนี้..
    ..จะขอใช้ลมหายใจที่ฉันมี..
    ..สักวันหนึ่งที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน..

    ร้องได้ถึงท่อนนี้..หญิงสาวก็หยุดเป่าขลุ่ยขึ้นมาดื้อ ๆ ชายหนุ่มก็หยุดร้องตามด้วย.. เขาได้ยินเธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือๆ ว่า "ข้าขอโทษ... ข้าเล่นไม่จบเพลงอีกแล้ว" ชายหนุ่มหันหน้ามาและยื่นมือลูบหัวหญิงสาวและโอบมาซบตรงบ่าด้วยความอ่อนโยน .."ไม่มีอะไรนะ คนดีของข้า.. ข้าเองก็คิดเนื้อต่อไปไม่ออกเช่นกัน"

    หญิงสาวเงยหน้ามาดูก็พบว่าใบหน้าของชายหนุ่มก๋มีรอยน้ำตาซึมๆ เช่นกัน เธอเอื้อมมือไปถอดแว่นของชายหนุ่มออกมา

    "เรมิเอล.." หญิงสาวใช้มือปาดน้ำตา "หลังจากวันนี้..ข้าจะได้พบท่านอีกไหม" ชายหนุ่มไม่ตอลกลับ ดึงตัวหญิงสาวเข้าไปกอด.."ไม่ เจ้าหญิงของข้า..ข้าจะอยู่กับท่านตลอดไป" ทั้งสองกอดกันแนบแน่นและเวลาก็เหมือนจะหยุดลง ณ ตรงนี้.. เสียงสะอื้นให้หยุดลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจและสายลมที่พัดใบไม้ให้ปลิวไหว ประหนึ่งจะปลอบโยนหัวใจทั้งสองดวงให้คลายความระทม..

    "เจ้าหญิงเซเลสเทีย!!" เสียงตะโกนทำลายความเงียบสงัด ทั้งสองคนผละออกจากกัน..ที่มาของเสียงเป็นชายชราในผ้าคลุมสีดำที่กำลังวิ่งมาอย่างตระหนกพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง

    "บรึม!!!" ทันใดนั้น ท้องฟ้าได้สว่างวาบดังกลางวัน หญิงสาวและชายหนุ่มแลเห็นว่ามีเสาไฟขนาดยักษ์กำลังกลืนกินปราสาทแห่งหนึ่งอยู่ และเปลงไฟก็ได้พุ่งออกมาจากทุกทิศทางตรงไปยังเมืองที่กำลังหลับไหล พร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง "ตูม ตูม ตูม!!!"

    "ปราสาท นี่มันเกิดอะไรขึ้น ออร์ก้า " หญิงสาวเขย่าตัวพลางจะวิ่งไปแต่ขายชราคว้ามือและดึงกลับมาพร้อมกับใช้ผ้าคลุมคลุมตัวเธอไว้กอดและบอกว่า "เจ้าหญิง ท่านจงมากับข้า"

    หญิงสาวสะบัดมือและวิ่งไปหาชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกับจูงมือเขามาหาชายชราและบอกว่า "ท่านออร์ก้า ..ข้าต้องไปแล้วฝากดูแลองค์หญิงด้วย"
    "เฟี้ยววว" ชายหนุ่มได้ยินเสียงและหันไปดูพบว่ามีลูกไฟพุ่งมายังเนินแห่งนี้ จึงผลักตัวหญิอสาวและชายชราออกไปทันที

    "เปรั้ยง!!!"
    แรงระเบิดทำให้หญิงสาวและชายชรากระเด็นลงมาจากเนิน ความที่เนินเป็นหญ้าให้ติดไฟได้ง่ายนัก ไฟได้ลามไปทั่วดังว่ากลายเป็นภูเขาไฟจากนรกก็ไม่ปาน

    "เรมิเอล!!!" หญิงสาวได้สติรีบลุกไปหาชายหนุ่มแต่ชายชราดึงตัวไว้ "เราต้องรีบไปเจ้าหญิง" "เรมิเอล ออร์ก้า..ท่านพ่อท่านแม่ละ นี่มันอะไรกัน เรมิเอล..ไม่นะ" หญิงสาวร้องให้และจะวิ่งไปหา แต่ชายขราพูดว่า "ท่านจะทำให้สิ่งที่พระราชา และพระราชินี และเรมิเอลทำเพื่อปกป้องท่านสุญเปล่านะ ...ระวัง!!!

    ชายชราร่ายเวทย์กันลูกไฟที่พุ่งมาทางนี้ ดังกับว่ามันรู้จักเป้าหมาย แรงปะทะทำให้เขากระเด็นไป..หญิงสาวรีบวิ่งไปดูอาการ "ออร์ก้า ...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง...เลือด ..ไม่นะ" เจ้าหญิงเซเลสเทียแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นเลือด ชายชรากัดฟันลูกขึ้นและรีบจูงมือเจ้าหญิงวิ่งไป

    "ออร์ก้า..เสด็จพ่อเสด็จแม่เป็นไงบ้าง อยู่ที่ไหน" ชายชราไม่ตอบแต่พาหญิงสาวหลบห่าลูกไฟที่พุ่งมาอย่างไม่หยุดยั้ง จนมาถึงกลางป่าริมทางออกจากเขตเมือง..
    "พระราชินี..โชเฟีย..ให้ข้ามาพาท่าน..ไปยังที่ปลอดภัย" ชายชราพูดอย่างตะกุกตะกัก "อ๊อก..." เขาไอออกมาเป็นเลือด เจ้าหญิงเซเลสเทียรีบฉีกส่วนหนึ่งของเสื้อของเธอซับแผลให้ "ออร์ก้า ท่านบาดเจ็บหนักมากเลย...ท่านควรจะพักที่นี่" ชายชรารีบปฏิเสธ

    "ไม่ๆ ฝ่าบาท ไม่ปลอดภัยจนกว่าจะถึงที่นั่น" หญิงสาวสงสัย "ที่ไหน.."

    "ตึง ตึง!" ไม่ทันได้ตอบ แผ่นดินก็สะเทือนจนทั้งสองคนรู้สึกได้ สายตาของชายชรามองหาที่มาของเสียงและก็ตาเบิกโพลงด้วยความตระหนก "กิกัส!! ไม่จริง!" ฝูงบักษ์ตัวใหญ่มหึมาดวงตาสีแดงเพลิงผลุดลุกมาจากป่า มันคล้ายจะมองหาใครสักคน..ลางสังหรณ์ของชายชรารู้ดีว่า มันกำลังมองหาทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์เทราบิเทีย .."เจ้าหญิงเซเลสเทีย"

    "ว้ายยย..นั่นมันอะไรกันนะออร์ก้า" ชายชรากัดฟันพูดพลางค่อยๆ จูงมือหญิงสาวถอยหลังออกมาให้ห่างจากจุดที่สังเกตุเห็นได้มากที่สุด "กิกัส ยักษ์ในตำนาน หนึ่งในกองทัพปีศาจ..มีใครปลุกพวกมันมา..หรือว่า..ฝ่าบาทอัลวิส.."

    "กรรรร!!" ยักษ์ตัวหนึ่งมองเห็นแสงสะท้อนจากชุดของเจ้าหญิงเซเลสเทียแล้ว และมันคำรามกึกก้องเพื่อเรียกตัวอื่นให้มอง "ไม่ได้การแล้ว เจิาหญิง ข้าจะให้แผนที่แก่ท่าน ท่านจงไปยังสถานที่นี้ วิ่งไปให้ไกลที่สุดและไม่ต้องมองกลับข้างหลัง ให้ท่านเป่าขลุ่ยที่ที่ฝ่าบาทให้ท่าน มันจะช่วยให้ท่านปลอดภัย...ไปเดี๋ยวนี้!!!" ชายชราเริ่มร่ายเวทย์มนต์ ชณะยักษ์ตัวหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหาชายชรา "ไป!!!"

    "ไม่..ออร์ก้า..ช้าจะไม่ไปคนเดียว ท่านบาดเจ็บอยู่.." เจ้าหญิงเซเลสเทียพยายามทัดทาน..."โฮกกกก" กิกัสตัวหนึ่งกระโดดจากเบื้องหลังมากระแทกพื้นดินดังสนั่น... เจ้าหญิงเซเลสเทียกระเด็นไปตามแรงกระแทก ขายชรารีบลุกขึ้นและกางบาเรียกันไว้ พลางหันมามองเจ้าหญิงสุดที่รักด้วยสายตาอาลัย

    "หลานอา เจ้าเป็นความหวังสุดท้ายของเทราบิเทีย จงไปยังวิหารอาเทน่าโพลิส...ส่วนแกไอ้ปีศาจ ข้าจะกักขังแกไวตลอดกาล จงจำชื่อออร์ก้า นักปราบญ์มืดแห่งเทราบิเทีย... อัลเทม่า!!!!"

    "บรึม!!!!" บาเรียกระจายออกและกลายเป็นแรงระเบิด ดังกึกก้อง ทุกสิ่งขาวโพลนเต็มไปด้วยแสง แต่กลับไม่ทำอะไรเจ้าหญิงเซเลสเทียเลย เธอเหมือนถูกคุ้มครองด้วยผลึกใสและลอยไปตามแรงระเบิดนั้น "ออร์ก้าาาาา!!!!" เธอตะโกนสุดเสียงทั้งน้ำตา..มองเห็นภาพมหานครบัลบารอสซ่า ตกอยู่ภายไต้ทะเลเพลิง ปราสาทราชวังและเสาไฟขนาดยักษ์ยังคงทำลายทุกสิ่ง..ท้องฟ้าแดงฉานไปด้วยสีเลือด..

    นี่คือนรกบนดินก็มิปาน..

    "ณ ที่แห่งหนึ่งสุดแสนไกล หัวใจผูกพันกันไว้ชั่วนิรันดร์"

    หญิงสาวทอดกายลงพิงกับลำต้นของต้นไม้ซึ่งตอนนี้เหลือแต่ซากแล้ว นี่เป็นยามเช้า..วันใหม่เข้ามาถึงและพระอาทิตย์กำลังส่องแสง แต่เธอกลับมองไม่เห็นฟ้าอันสดใส มองเห็นเพียงแต่ท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยควัน นกกาบินส่งเสียงร้องกรีดไปถึงหัวใจของเธอ..เมืองหลวงบัลบารอสซ่าที่เคยคึกคักและมีสีสันยามเช้า ณ เวลานี้เงียบสงัดราวกับเมืองร้างไร้ผู้คน..เจ้าหญิงเซเลสเทียเป่าขลุ่ยเป็นทำนองเบาๆ

    สำเนียงอันชวนเศร้าสร้อยนั้นทำให้เธอเองก็น้ำตาไหลไปด้วย..เธอนึกถึงในช่วงเวลาก่อนหน้านี้.. ในปราสาทเทราบิเทีย..

    5 ชั่วโมงก่อนหน้านี้..

    เรมิเอล หรือ เรมิล เป็นนักร้องมีชื่อเสียงของคณะโอลด์ฟาเธอร์.. ตณะละครสัตว์ที่เป็นที่นิยมที่สุด ที่มาเปิดการแสดงในเทราบิเทีย น้อยคนจะรู้ว่าเขาเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเพรสิเดียมรุ่นเดียวกับเจ้าหญิงเซเลสเทีย.. และไม่มีใครนอกจากเธอกับเขาที่รู้ว่า เธอเคยรู้จักเขามาแล้วตอนเด็ก และกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง.. เมื่อคราวเจ้าหญิงเซเลสเทียอายุ 20 ปี พระราชาอัลวิสกับพระราชินีโซเฟียได้เสด็จทอดพระเนตรการแสดง และนั่นทำให้เธอจำเขาได้ และรบเร้าพระบิดาให้ชวนเรมิเอลมาเป็นอาจารย์สอนดนตรีให้กับเธอในวัง.. ซึ่ง ณ เวลานี้ เธอก็เรียนครบหลักสูตรแล้ว และถึงเวลาที่เรมิเอลจะต้องตามคณะไปแสดงในประเทศอื่น..

    "เป็นอย่างไรลูกข้า..สอนยากง่ายเพียงใด" พระราชาอัลวิสตรัสถาม ชายหนุ่มโค้งคำนับถวายบังคม "ไม่เลยพระเจ้าข้า ทรงมีพระปรีชานัก" เรมิเอลทูลและหันไปมองเจ้าหญิงเซเลสเทีย "ไม่หรอก ข้ามิอาจเรียกว่าเก่ง เป่าได้ก้คงแต่เพลงอวยพรวันเกิดกระมังเสด็จพ่อ" พระราชาทรงพระสรวล .."งั้นเจ้าจะต้องมาสอนจนกว่าเจ้าหญิงจะเล่นเพลงในพิธีบูชาเทพเจ้าประจำปี ณ มหาวิหารอัลเทน่าได้"

    ชายหนุ่มโค้งคำนับอีกครั้ง "รับทราบพะย่ะค่ะฝ่าบาท ..เวลานี้ข้าพระองค์จำเป็นต้องไปกับคณะของข้าพระองค์ ประมาณสักเดือนหน้าข้าจะกลับมาสอนเจ้าหญิงอีกครั้งพระเจ้าข้า" พระราชินีโซเฟียหันไปดุพระธิดา "เจ้าเองก็ต้องตังใจมากกว่านี้ ..เสด็จพ่ออุตส่าห์ให้ขลุ่ยออร์เฟอุสที่สืบทอดประจำราชวงศ์มาแก่เจ้า.. อย่าให้เสียเวลาท่านเรมิเอลเค้าต้องลำบากจากแดนไกล"

    เรมิเอลอดยิ้มและขำไม่ได้ที่เจ้าหญิงโดนดุ "เพคะเสด็จแม่.." เจ้าหญิงพอเห็นเช่นน้นก็หันไปค้อนครูหนุ่มด้วยความเคืองขุ่นพระทัย .."เดี๋ยวเถอะ.."

    ที่นอกท้องพระโรง.. ระหว่างเจ้าหญิงเดินมาส่งชายหนุ่ม.. ในอุทยานปราสาทเทราบิเทีย "ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะเป่าเพลงวันเกิดได้เพลงเดียว..ท่านนี่ข่างถ่อมตัวเหลือเกิน" เรมิเอลกล่าว หญิงสาวหัวเราะและหยิบขลุ่ยมาเป่าเล่นเพลง.."ณ ที่แห่งหนึ่งสุดแสนไกล หัวใจผูกพันกันไว้ชั่วนิรันดร์" "ท่านชอบเพลงนี้จริงๆนะ" ชายหนุ่มถาม หญิงสาวยิ้มๆ "ท่านคงจำไม่ได้หรอกว่าเพลงนี้เพลงอะไร"

    ชายหนุ่มหยุดคิด "ข้าจำได้ละ..เพลงวันจบการศึกษาที่เปรสิเดียม" หญิงสาวพยักหน้า "ใช่ และเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ขึ้นไปอ่านกลอนบทนั้น..และท่านเองก็บรรเลงเพลงข้างหลัง"

    "และท่านก็อ่านกลอนไม่มีจังหวะ ทำให้ข้าเล่นเพลงไม่เป็นเพลง..โอ๊ย" ชายหนุ่มหยอกหญิงสาว แต่เขาก็ถูกทุบทันที "ท่านน่ะแหละเป่าเพลงไม่ตรงจังหวะ ทำให้ข้าเสียสมาธิในการอ่าน.. ต้องทำโทษ" หญิงสาวจะหยิกแขนชายหนุ่มแต่เขาเอามือมาจับไว้ก่อน ความอบอุ่นที่มือของเรมิเอลทำให้เจ้าหญิงเซเลสเทียที่ไม่เคยถูกบุรุษแตะเนื้อต้องตัวมาก่อนชะงักและหน้าแดงซ่านด้วยความตกใจ..

    "ขออภัยเจ้าหญิง.." ชายหนุ่มรีบปล่อยมือออกและเดินต่อไป เจ้าหญิงเซเลสเทียยิ้มน้อยๆ และเดินตามไปกล่าวว่า "เพื่อเป็นการไถ่โทษ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ท่านจะเปิดการแสดงในเทราบิเทีย ท่านจะต้องเล่นเพลงนี้ให้ข้าฟังในการแสดงคืนนี้!!"

    ชายหนุ่มขมวดคิ้วบ่นอุบ "ได้ที..เอาเชียว" หญิงสาวหยิกแขนอย่างจัง "ว่างัยนะ" "เปล่าพระเจ้าข้า.." "งั้นท่านต้องพาข้าออกไปดูการแสดงของท่านในคืนนี้..เพื่อที่ข้าจะแน่ใจว่าท่านจะเล่นเพลงนี้ให้ข้าฟัง " เจ้าหญิงเดินมาอยู่ข้างหน้าและกอดอกว่าเขาจะต้องรับคำสั่งจากเธอ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ และคุกเข่าลงเอามือคำนับ "รับพระราชโองการด้วยเกล้า.." หญิงสาวตาโต

    "จริงๆนะเรมิเอล ท่านสัญญาแล้วนะ .." ชายหนุ่มพยักหน้า "แต่ท่านจะต้องไปช่วยข้าร้องเพลงนี้ด้วย..เพราะข้าไม่มีเนื้อเพลง" "ข้าจำได้ขึ้นใจเรมิเอล.. งั้นคืนนี้ท่านต้องมารับข้านะ" ทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูอุทยาน ที่นั้นมีรถม้าของเรมิเอลจอดอยู่ ชายหนุ่มหันมาพูดกับเจ้าหญิงว่า

    "ถ้าข้าเป่าขลุ่ยนี้.ท่านสัญญานะว่าจะฟังจนจบเพลง" หญิงสาวพยักหน้า "ด้วยเกียรติของราชวงศ์เทราบิเทีย ..ข้าสัญญา!!!"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×