ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Frozen/Elsanna] Always You

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter II : Her Chamber

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 57


    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่อันนาเริ่มทิ้งตัวลงบนพื้นพรม มองหน้าคนที่หลับสนิทพร้อมรอยยิ้ม ลืมทุกอย่างที่จะทำ ที่จะพูด ที่จะคิด จ้องมองคนที่เฝ้าคิดถึงมานานอย่างไม่รู้จักพอ จนกระทั่งคนบนโต๊ะเริ่มขยับตัวน้อยๆ พร้อมพึมพำบางอย่างที่ทำให้คนที่นั่งตาเยิ้มหลุดจากภวังค์

     

    “...นา อันนา”

     

    เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ดีๆคนที่หลับมาตลอดก็เรียกชื่อตัวเอง สมองหาร้อยแปดพันเก้าเหตุผลที่คนเป็นน้องสาวจะมานั่งมองพี่สาวตัวเองหลับ

     

    มันปกติมั้ยที่พี่น้องเขามานั่งมองหน้ากัน จ้องหน้าอีกคนตอนหลับว่าสวยแค่ไหน อยากดึงเขามากอดขนาดไหน... หรือเพราะบ้านอื่นไม่มีพี่สาวที่สวยเท่าเอลซ่า น้องสาวคนอื่นก็เลยไม่มีอะไรทำ? แต่ก็อย่างว่าแหละ...จะมีบ้านไหนอีกที่พี่น้องไม่มีโอกาสเจอกันตลอดสิบสามปี เคสของเธอกับเอลซ่าคงหลุดจากคำว่าปกติไปโขแล้ว

     

    อันนาหัวเราะขมๆ

     

    หลังจากวุ่นวายกับความคิดตัวเองได้พักใหญ่แต่อีกฝ่ายยังไม่มีปฏิกิริยาเพิ่มเติมถึงได้สังเกตว่าเปลือกตาคนบนโต๊ะยังปิดสนิท ลมหายใจลึกๆสม่ำเสมอเหมือนตอนแรก คนที่มองเฉยๆมาตลอดจึงเริ่มมือซน  ยื่นมือไปเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าพี่สาวอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม

     

    “ไม่คิดว่าจะมีวันที่พี่ละเมอชื่อฉันด้วยน้า...”

     

    “อันนา”

     

    เสียงเรียกอีกครั้งที่ชัดถ้อยชัดคำทำเอาอันนาสะดุ้งรอบสอง น้ำเสียงจริงจังของคนเป็นพี่สาวที่ใช้เรียกชื่อตัวเองทำให้เธอเกาะขอบโต๊ะยื่นหน้าเข้าไปฟังเต็มที่

     

    “...”

     

    “...”

     

     “...ทรัฟเฟิลชิ้นนั้น...ของพี่นะ”

     

    ประโยคสุดท้ายทำเอาคนตั้งใจฟังหลุดขำอย่างอดไม่อยู่ ไม่คิดว่าราชินีผู้เพียบพร้อมอย่างเอลซ่าจะยังมีมุมหวงขนมแม้แต่ในความฝัน

     

    เสียงหัวเราะใสๆของอันนาดูจะไม่เบาเมื่อคนที่งัวเงียเริ่มได้สติ เปลือกตาขยับเปิดช้าๆให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินอ่อนคู่สวย ส่วนมือซ้ายก็เริ่มคลำเปะปะไปตามโต๊ะเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น

     

    “มา ฉันช่วย” หลังจากปาดน้ำตาจากการหัวเราะทิ้งแล้วคนตัวเล็กกว่าจึงเดินไปพยุงคนเพิ่งตื่นนอนให้ลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนเก้าอี้สำเร็จ เอลซ่ามองอันนาอย่างสงสัยเมื่ออีกฝ่ายยังคงหัวเราะคิกคัก

     

    “...มีอะไรเหรอ?”

     

    ยิ่งเห็นสีหน้างุนงงผสมงัวเงียของของคนที่ได้ชื่อว่าราชินีน้ำแข็งอันนาก็ยิ่งขำเข้าไปใหญ่ อันนาพยายามเล่าโดยมีเสียงคิกคักแทรกเป็นระยะ พอจบเรื่องถึงได้เห็นว่าหน้าอีกฝ่ายกลายเป็นสีแดงเข้ม

     

    “ถ้าอยากกินขนมทำไมไม่บอกเกอร์ด้าล่ะ โถ เอลซ่า ถึงขนาดเอาไปฝัน ฮะๆๆๆ” อันนายังคงล้ออย่างต่อเนื่องเมื่ออีกฝ่ายเปิดช่อง จากหัวเราะคิกคักเริ่มกลายเป็นหัวเราะเต็มเสียงแบบไม่สมควรให้เจ้าชายเมืองไหนมาเห็นเด็ดขาด

     

    เอลซ่าหน้าร้อนยิ่งกว่าเดิม ปฏิเสธเสียงแข็ง “พี่ไม่ได้อยากกินขนม พี่แค่ฝัน”

     

    อันนากอดอก ยิ้มกริ่ม “โอ้ ฝันว่า?”

     

    “ฝันถึงตอนพวกเราเด็กๆ” เอลซ่าตอบเสียงเบาที่ทำให้รอยยิ้มยียวนสลดลงเล็กๆ ประโยคที่จะเอามาล้อเล่นถูกเก็บลืมลงคอจนไม่รู้จะพูดอะไรดี

     

    ผ่านไปซักพักเมื่อเอลซ่าสังเกตความเงียบของอันนาจึงพยายามพูดต่อ “ว่าแต่ น้องมีอะไรรึเปล่า ถึงมาหาถึงห้องเนี่ย?” พูดพลางมือก็เริ่มจับปากกาขนนก “พี่ขอโทษนะแต่ช่วงนี้คงออกไปเล่นไม่ได้จริงๆ ทุกๆอย่างยังวุ่นวายมาก ถ้าเป็นไปได้ขอพี่ผ่านช่วงอาทิตย์นี้ไปก่อน แต่น้องไปเอาหนังสือบนชั้น...” เจ้าของเสียงหยุดชะงักปากกาขนนกเมื่อถูกมือของอีกฝ่ายกุมไว้หลวมๆ และยิ่งชะงักเมื่อเห็นแววตาจริงจังที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆของอันนา

     

    ยังดีแค่อาทิตย์เดียว...ไม่ใช่สามเดือน อันนาลอบถอนใจขำๆปนโล่งอกเมื่อนึกถึงความคิดก่อนหน้าของตัวเองแต่ก็รีบทำเสียงเข้มใส่พี่สาวที่กำลังงง “หยุดทำงานเลย ไปนอนได้แล้ว”

     

    เอลซ่าเห็นหน้าน้องสาวที่พยายามทำหน้าจริงจังอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง สุดท้ายเลยปรับเสียงให้อ่อนลงกับส่งสายตาว้าวอนเล็กๆไปให้ “พี่นอนพอแล้วอย่างที่เห็น ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่งาน...”

     

    “อย่างพี่เมื่อกี๊เค้าเรียกน๊อก ไม่ใช่นอน” คนตัวเล็กกว่าแทรกนิ่งๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้

     

    “พี่นอนมาแล้วจริงๆ แค่เมื่อกี๊ฟังเพลงเพลินไปหน่อย...”

     

    “...ห้องพี่ไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียง”

     

    “มัน...มันละลายไปแล้ว” ประโยคสุดท้ายเอลซ่าแทบจะกัดลิ้นตัวเองหลังจากพูดไป ต่อให้โอลาฟ...เด็กสองขวบมาฟังก็ยังรู้เลยว่าเธอโกหก! มีอย่างที่ไหนเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะมาละลายในห้องนี้

     

    “แล้วพี่ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนอนด้วยซ้ำ...” อันนาจี้ประโยคสุดท้ายใส่อีกฝ่ายที่เหมือนพยายามจะเถียงแต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงลอดออกมาเลยทำได้แค่ปิดปากสนิท กอดอก แล้วส่งแววตาเคืองๆให้พื้นแทน

     

    อันนามองพี่สาวที่เงียบอย่างที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับข้ออ้างที่เจ้าตัวพยายามยกมาให้ตัวเองทำงานต่อแบบไม่คิดหน้าคิดหลังจนช่องโหว่เพียบผิดวิสัยเจ้าหญิงเอลซ่าสุดๆ ยิ่งตอนมองสีหน้าพี่สาวที่ดูเคืองๆผสมรู้สึกผิดเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบกินขนมทำเอารู้สึกแปลกๆ เพราะปกตินั่นคงเป็นตำแหน่งของเธอมากกว่า...การต้องมาเป็นฝ่ายซักไซ้เอลซ่าเป็นอะไรที่เธอไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มาทำจริงๆ

     

    ราชินีแอบทำงาน... ทำหน้าเหมือนเด็กแอบกินขนม... จะน่ารักก็ให้มันน้อยๆหน่อยนะเอลซ่า...

     

    “ฟังนะเอลซ่า” อันนาทำเสียงจริงจัง มองหน้าพี่สาวอย่างแน่วแน่ “พี่อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้นะว่าตัวเองไม่ได้นอนมาแล้วกี่วัน ทุกคนมาฟ้องฉันทั้งนั้นแหละว่าพี่ไม่ยอมนอน! เข้ามาตอนเช้าเตียงก็ไม่ยับ อาหารก็ทานไม่หมด ไคบอกด้วยว่าหมึกนั่นขวดที่เจ็ดแล้วในรอบสามวัน ขนาดตอนฉันเรียนคัดลายมือหมึกขวดเดียวยังใช้ได้เป็นอาทิตย์ ...เอลซ่า ฉันไม่รู้นะว่าพี่เอาหมึกพวกนั้นไปเซ็นสนธิสัญญา ออกกฎหมาย หรือป้อนนกพิราบ แต่สีหน้าพี่มันก็ชัดพอแล้ว แม้แต่โอลาฟยังมาบอกเลยว่าพี่ขาวจนจะเท่าเขาแล้ว บางทีเขาอาจจะยกจมูกให้พี่กินเผื่อจะมีสีขึ้นมาบ้าง” อันนาพักสูดหายใจเฮือกใหญ่แต่ไม่ยอมละสายตาจากเอลซ่าที่ดูรู้สึกผิดขึ้นเรื่อยๆ “นอกจากนี้ พี่พลาดมื้อเช้ากับฉันไปหนึ่งครั้ง มื้อเย็นสอง ส่วนกลางวันพลาดไปทั้งสามครั้งเลย! พี่รู้มั้ยว่าฉันตั้งใจรอแต่ละมื้อขนาดไหนเพราะคิดว่าจะได้เจอกัน...แล้วสุดท้ายพี่ก็ไม่มา ปล่อยโต๊ะให้ว่าง...แค่ฉัน...เหมือนเดิม...” ภาพของห้องอาหารที่ว่างเปล่ามาห้าปีวนฉายเข้ามาอีกรอบโดยไม่ทันตั้งตัวจนน้ำเสียงของคนพูดที่ปลายประโยคเริ่มสั่นเล็กๆแบบคุมไม่อยู่

     

    “...อันนา” เอลซ่าเรียกเสียงแผ่ว แต่อันนาหยุดแค่หายใจเข้าอีกรอบแล้วพูดต่อเหมือนสุนทรพจน์

     

    “แต่นั่นไม่เป็นไร! เรายังมีเวลาอีกตลอดชีวิตที่จะกินข้าวด้วยกัน แต่อย่างน้อย...เอลซ่า พี่ต้องอยู่ให้ถึงตอนนั้นก่อน...” น้ำตาหยดเล็กๆไหลลงตามแก้ม ขัดกับใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม “ถ้าพี่ตายคากองงานพวกนี้ไปจะทำยังไง ฉันหาพี่สาวคนอื่นไม่ได้อีกแล้วนะ เอลซ่า ไปนอน คำสั่งเจ้าหญิง ห้ามขัด ห้ามไม่ทำตาม ไป-นอน-เดี๋ยว-นี้-เลย”

     

    “อันนา” สิ้นเสียงสุดท้ายที่แทบจะเป็นเสียงร้องอันนาก็ถูกกระสอบหิมะพุ่งเข้าชนจนล้มลงไปบนเตียง สองแขนบางของคนที่นั่งนิ่งมานานโอบตัวน้องสาวเข้าไปชิดอย่างที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสทำอีก “พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ...” เสียงพูดแผ่วเบาพูดซ้ำไปมาเมื่อราชินีหิมะเริ่มซบหน้ากับไหล่ของน้องสาว พยายามรวบรวมคำพูดที่กระจายอยู่ในใจ พยายามอธิบายความคิดออกมาให้คนตรงหน้า “...พี่คิดว่าถ้าพี่ทำมันให้เสร็จ เราจะได้มีเวลาว่างด้วยกันเต็มที่ ไปร้านขนมที่จัตุรัสในเมือง ไปเดินเล่นในสวน หาลูกเป็ดที่จอนนี่เลี้ยงไว้...” เอลซ่าหยุด เสียงสั่นขึ้นเรื่อยๆ “...ไปปิกนิกริมฟยอร์ด ไปปั้นตุ๊กตาหิมะ...แต่พี่ไม่คิดเลยว่าระหว่างนั้นน้องจะเป็นยังไง ตอนนี้พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคิดอะไร งานพวกนี้...มันไม่มีทางเสร็จในอาทิตย์เดียวอยู่แล้ว” เอลซ่ากอดแน่นขึ้น ปล่อยให้น้ำตาที่เย็นเหมือนน้ำค้างแข็งไหลจากดวงตา กระซิบเสียงสั่นเครือ “พี่ขอโทษจริงๆ”

     

    อันนากอดตอบพี่สาวที่ตัวสั่นเป็นลูกนกไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงความชื้นที่ไหล่ ความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นเล้กๆที่ไม่รู้เลยว่าเอลซ่าเองก็ขวนขวายหาเวลามาอยู่กับเธอขนาดไหน แค่อาจจะผิดวิธีจนน๊อกตัวเองไปบ้าง...

     

    ยกมือขึ้นลูบหลังพี่สาวช้าๆอย่างทำอะไรไม่ถูก ทั้งที่ทำอีกฝ่ายร้องไห้แล้วก็ที่โดนทับ...จริงๆ น้ำหนักของเอลซ่าก็เป็นไปตามรูปร่าง -- ไม่ทำให้เธอเดือดร้อนซักเท่าไหร่ เบาจนเหมือนแค่ผ้านวมผืนนึงเท่านั้น แต่น่าแปลกที่ทำเธอหายใจไม่สะดวกเอาซะเลย โดยเฉพาะเมื่อมีใบหน้าสวยๆมาคลอเคลียใกล้ๆ... อันนากระแอมไล่ความคิดแปลกๆของตัวเอง โฟกัสไปที่ปลอบใจคนที่กำลังร้องไห้แทน

     

    “เอลซ่า อย่าร้องไห้สิ...ฉัน...ขอโทษ ฉันแค่อยากให้พี่ไปพัก ทุกคนเป็นห่วงพี่นะ อย่ากดดันตัวเองเกินไปสิ เพิ่งเป็นควีนมาสี่วันก็เครียดขนาดนี้แล้ว” อันนาพยายามผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ในโพสิชั่นโดนทับ มือขวาลูบหลังอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม “งานก็ค่อยๆแก้ เครียดก็โยนให้ลุงเอลเลียตหนวดขาวทำบ้างก็ได้ ไม่ก็คอปเปอร์หนวดยาว...ให้ตายทำไมเรามีแต่ขุนนางไว้หนวด แต่นั่นแหละ วังทั้งวังไม่ได้มีแค่ราชินีซักหน่อย” อันนาหยุดเมื่อรู้สึกถึงรอยยิ้มของเอลซ่าที่หัวไหล่ รู้สึกมีกำลังใจที่จะพูดต่อ “แล้วอย่าลืมว่าตอนนี้ พี่มีฉัน”

     

    “อื้ม...” เสียงตอบสั้นๆที่สั่นน้อยลงทำให้อันนายิ้มกว้างกว่าเดิม

     

    “...แล้วก็มีคริสตอฟฟ์ มีสเฟน มีโอลาฟ มีมาร์ชเมลโลว์ มีทุกคนในปราสาท...ทุกคนในเมือง! ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ”

     

    “อืม...”

     

    ...นี่ฉันคิดไปเองรึเปล่าว่าเสียงเอลซ่าเหี่ยวๆลง?

     

    “เพราะงั้นตอนนี้ไปนอน นะ?”

     

    “อืม” คราวนี้เอลซ่าไม่แค่ตอบ แต่เงยหน้าขึ้นมาสบตาตรงๆพร้อมส่งยิ้มที่ สำหรับอันนาแล้ว เหมือนเปิดโลกทั้งใบให้สว่างไสว เมื่อรวมกับดวงตาสีน้ำเงินอ่อนคู่สวยใต้แพขนตายาวที่มีน้ำตาเกาะพราว กับตำแหน่งที่ทอดสายตาลงมา เอลซ่าตอนนี้ไม่ต่างกับนางฟ้าในเทพนิยายที่เธอเคยอ่านตอนเด็กๆซักนิด

     

    รู้สึกหน้าร้อนวาบกับความคิดตัวเอง ยิ่งรวมกับความใกล้จนสัมผัสลมหายใจเย็นๆของอีกฝ่ายได้ก็ยิ่งคุมไม่อยู่...ทั้งความคิดทั้งหัวใจที่เริ่มรัวเป็นกลอง แต่ภาพตรงหน้าก็เหมือนมีมนต์เสน่ห์ไม่ให้ละสายตาไปไหน และก่อนที่เหตุผลจะชนะ อันนาก็โน้มใบหน้าสวยหวานของพี่สาวลงมาจูบซับน้ำตา

     

    ฝั่งเอลซ่าเองก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันควันกับการกระทำกะทันหันของอันนา ยิ่งคิดถึงท่า...ที่ไม่รู้มาหยุดที่ท่านี้ได้ยังไง สัมผัสถึงจูบเล็กๆที่พรมตามรอยน้ำตาของคนที่ได้ชื่อว่าน้องสาวที่ทำให้ใจเต้นอย่างไม่กล้าจะหาสาเหตุ ร่างบางตัวแข็งทื่อ หลับตา ปล่อยให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอบอกไม่ได้ว่าเกลียดซึมซับเข้าไป ทิ้งเวลาและเหตุผลทุกอย่างไว้นอกห้องชั่วคราว

     

    เนิ่นนานกว่าจะมีใครในสองคนรู้สึกตัว เอลซ่าเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อนเพราะเริ่มรู้สึกชานิดๆกับหน้าที่ร้อนจนแทบระเบิด พยายามจัดชุดให้เข้าที่เข้าทางพลางหลบสายตาอีกคนที่ยังคงมองตามก่อนพูดอย่างไม่แน่ใจ “งั้น...ไปนอน?”

     

    “อะ อ้อ จริงด้วย” อันนาลุกขึ้นตามมาติดๆ “ไปนอน ราตรีสวัสดิ์”

     

    แต่ก่อนที่จะได้ทันเดินถึงประตู เสียงๆเดิมก็ค้านไว้ “ไม่ค้างเหรอ?”

     

    ประโยคเดียวที่ทำให้ดวงตาสีเขียวเปล่งประกาย รอยยิ้มฉีกกว้างแทบจะจรดเปียสองข้าง หันกลับมาทันควัน “ค้างได้เหรอ?!

     

    “รอมาสองคืนแล้วไม่ใช่เหรอ?” เอลซ่ายิ้ม ขำกับท่าทีของน้องสาว แต่ทำอันนาตาโต

     

    “พี่รู้?”

     

    เอลซ่ายิ้มขำอีกรอบ “รู้สิ”

     

    เหมือนเป็นสัมผัสที่หกไปแล้วมั้ง?

     

    จำได้ทุกอย่าง ทั้งเงา ทั้งเสียงฝีเท้า กระทั่งความรู้สึกที่ว่าเธออยู่หน้าห้อง ชัดเจนเหมือนมีไฟสัญญาณคอยบอกว่าอันนากำลังรอที่หน้าประตู เป็นความรู้สึกที่แปลกๆตลอดสิบสามปีที่ต้องหวังจะให้มาและหวังจะไม่ให้มาสู้กันตลอดเวลา...

     

    “รออีกนิดเดียวนะ ขอพี่อาบน้ำก่อน” ราชินีหิมะพูดประโยคสุดท้ายก่อนหันหลังไป

     

    ไม่ต้องสู้อีกแล้ว...

     

    ตอนนี้ต่อให้เอลซ่าอาบน้ำนานแค่ไหน มันก็คงจะเป็นนิดเดียวจริงๆ...

     

    เมื่อเทียบกับเวลาที่เธอสองคนรอมาตลอดสิบสามปี

     

    ...ก่อนอุบัติเหตุครั้งนั้น พวกเธอนอนห้องเดียวกัน แม้จะมีเตียงแยกแต่ก็ไม่มีผลอะไรเลย โดยเฉพาะกับอันนาที่ปีนไปเตียงพี่สาวเพื่อเล่นกันก่อนนอนทุกวัน บางทีก็ให้อ่านนิทานให้ฟังจนหลับทั้งคนอ่านคนฟัง บางทีก็ปลุกขึ้นมากลางดึก...ถ้าจะถามว่ามีอะไรดีบ้างในสิบสามปีแห่งการแยกห้องในความคิดของเจ้าหญิงองค์เล็ก ก็คงเป็นการที่พี่สาวได้นอนหลับอย่างเป็นสุขซะที แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่อะไรนอกความเหงาไม่สิ้นสุด นับแต่วันที่แยกห้องวันแรกตลอดจนถึงวันนี้ การที่เอลซ่าเป็นฝ่ายออกปากชวน มันทำให้รู้สึก...อบอุ่น อบอุ่นที่ว่าไม่ใช่แค่เธอคนเดียว ที่คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้น

     

    อันนาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่คุ้นเคย รู้สึกดีที่ตัดสินใจอาบน้ำก่อนมา สูดกลิ่นหอมอ่อนๆสดชื่นที่เป็นกลิ่นประจำตัวของเอลซ่าอย่างแสนคิดถึง รู้สึกเคลิ้มๆกับอากาศเย็นๆในห้องที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของพี่สาว

     

    นานเท่าไหร่ไม่รู้จนได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับเอลซ่าที่ปล่อยผมสีบลอนด์สยายในชุดคลุมนอนเดินมาหยุดที่ข้างเตียง ก้มลงมองเธออย่างเอ็นดู

     

    “กล้าดียังไงถึงมานอนไม่ห่มผ้าห่มในห้องของราชินีหิมะ หืม?” เอลซ่าพูดพร้อมยิ้มบางๆ มือบางที่ดูจะอุ่นกว่าปกติดึงน้องสาวในสภาพปวกเปียกลุกขึ้นก่อนจะฝังจมูกลงไปที่แก้มน่ารักเบาๆ “น้ำแข็งกัดหมดตัวพอดี”

     

    คนตัวเล็กกว่าสะบัดหัวอย่างงัวเงีย แต่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มไม่น้อยไปกว่ากัน อันนามองหน้าของพี่สาวที่ยังห่างแค่คืบก่อนเงยหน้าขึ้นไปหอมคืน

     

    “...ฝันดีนะเอลซ่า”

     

    “ฝันดีนะอันนา”

     

     


    A/N: ก่อนอื่นอยากบอกว่าขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน ละก็ขอบคุณมากๆทุกคนที่ทิ้งเม้นไว้ : )

    เรื่องนี้แพลนไว้ประมาณ 4-5 ตอน อาจมีตอนพิเศษตามวาระและเวลาว่าง555 แต่ว่าหลังจากนี้อาจจะไม่ได้เข้ามาอัพเดทยาวๆซักเดือน อย่างน้อยจนกว่าจะสอบ GAT-PAT1 เสร็จ หรือถ้าโชคดี(?)เรานอนไม่หลับระหว่างอ่านหนังสืออาจมีลุกขึ้นมาต่อตอนสามก็เป็นได้5555

    แต่เราปฏิญาณว่าไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน ยังไงๆก็ต้องเขียนให้จบ แค่ช้าหรือช้ามาก555 ไม่ว่าจะมีคนอ่านหรือไม่มี55555

    ปล ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเรา ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×