คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความรู้สึกของโทยะ
เสียงแซงแซ่ภายในสถานีรถไฟ ภายในมีจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพนักร้องหญิง เสียงเพลงจังหวะเบาๆเสียงหวานที่เปล่งออกมาไม่หยุดนั้น
“นี่ๆดูอายากะสิ” เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังรอรถไฟพูดขึ้นพร้อมมองไปยังจอมอนิเตอร์
“ยัยนั้นอีกแล้ว..เกลียดจริงๆพวกเอาตัวเข้าแลก” หนึ่งในพูดขึ้น
“จริงด้วยถ้าไม่เอาตัวเข้าแลกจะดังเร็วขนาดนี้หรอ”
“จริงๆได้ยินว่าก่อนเข้าวงการก็คบผู้ชายไม่ซ้ำหน้าด้วยละ” ร่างหนึ่งในนั้นพูดจบรถไฟได้เทียบจอดชานชาลา ผู้คนต่างเดินเข้ารถไฟและบางส่วนที่เดินออกมา ไม่ไกลมีร่างเด็กหนุ่มม.ปลายยืนถือหนังสือคณิตศาสตร์ บนหัวมีหูฟังสีขาวใบหน้าที่สวมใส่แว่นตา ลักษณะธรรมดาที่ไม่โดดเด่นอะไรเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป สายตาที่มองไปยังจอมอนิเตอร์เล็กน้อยก่อนเดินเข้ารถไฟไป เสียงดังเตือนเพื่อบ่งบอกว่าจะปิดประตู สักพักรถไฟก็ออกจากชานชาลา ร่างเด็กหนุ่มนั่งลงตรงที่ว่างแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ มือที่เปิดหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าหนึ่งที่มีดอกทานตะวันเล็กๆทับไว้ ร่างเด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาทาบบนหน้าอก แล้วหลับตาลง เสียงเพลงหวานที่ดังอยู่ตลอดเวลา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นร่างเด็กหนุ่มหยิบขึ้นมารับ
“ครับแม่”
“โทยะ..วันนี้แม่ไม่อยู่นะมีประชุมแม่เตรียมอาหารเย็นไว้แล้วอยู่ในตู้เย็น อุ่นเอานะ”
“ครับแม่” ผมวางสายแล้วเก็บใส่กระเป๋า ผมปิดหนังสือเก็บไว้ คิดถึง ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างนะ เสียงพูดคุยนินทาของผู้คนวันนี้มันชั่งโหดร้ายสำหรับเธอมากนัก ไม่นานรถไฟก็เทียบชานชาลา ผมลุกขึ้นเดินออกจากรถไฟเพื่อกลับบ้านทางเดินที่ทอดยาวนี้มันช่างอ้างว้างจริงๆ ท้องฟ้ายามนี้มันอะไรกันนะ ไม่นานนักผมก็เดินมาถึงบ้าน ผมเดินขึ้นแล้วเปิดโทรทัศน์ภาพนักร้องสาวอายากะที่กำลังแสดงไลฟ์อยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มที่ส่งออกมา ผมมองใบหน้านั้น ผมเอื้อมมือไปแต่บนหน้าจอโทรทัศน์น้ำตาผมก็เริ่มไหลออกอีกครั้ง
“อยากตาย”ผมพูดออกมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่มี
ยามเช้าที่แสนสดใส ผมเดินอ่านหนังสือบนระเบียงทางเดินโรงเรียนสายหูฟังที่เสียบไว้ข้างหนึ่ง ผมอ่านไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ข้างหน้าหรือเดินผ่าน ตุบ! อยู่ๆหนังสือก็ร่วงลงอาจเป็นเพราะผมมั่วเดินอ่านโดยไม่ทันระวังทำให้ชนกับคนอื่น
“นี่ของนาย” ร่างเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ายืนหนังสือมาให้ เธอคนนี้เพื่อนร่วมห้องผมนี้เอง ใบหน้าที่น่ารักดวงตากลมโตจัดได้ว่าเป็นคนป๊อบมากๆในโรงเรียน
“ขอโทษนะ”ผมกล่าวขอโทษและรับหนังสือคืนมา
“แฮะๆทางฉันเองก็รีบๆเหมือนกัน” รอยยิ้มนั้นปรากฏออกมา “โทษทีนะขอตัวก่อน” ร่างบางวิ่งผ่านผมไป ผมเปิดหนังสือขึ้นมามีกระดาษสีขาวเสียบไว้อยู่ เป็นโน้ตเพลงที่เพิ่งเขียนขึ้นมา น่าจะเป็นของเธอคนนั้น ผมเดินย้อนกลับไปยังห้องเรียน เผือเธอคนนั้นยังอยู่ในห้องเมื่อเปิดประตูก็มีเพียงห้องที่ว่างเปล่าเพราะเพื่อนต่างกลับบ้านกันหมดแล้ว ผมจึงเก็บกระดาษแผ่นนั้นเข้ากระเป๋าเพื่อที่จะคืนให้วันพรุ่งนี้ ผมต้องเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง ก็เห็นร่างบางยืนมองหาของอยู่
“นี่” ผมเรียก ร่างบางหันมา
“อ้าวโทยะคุงยังไม่กลับหรอ” ผมไม่ตอบอะไรแล้วยืนกระดาษสีขาวให้ “อ๊ะ..ขอบใจนะนึกว่าหายไปไหนแล้ว” ร่างบางรับแล้วยิ้มกว้าง
“เป็นเพลงที่ดีนะ”
“เอ๊ะ...โทยะคุงอ่านออกหรอ” ร่างบางถามขึ้น ผมพยักหน้าเล็กน้อย “ดีเลยช่วยอะไรเราหน่อยเรากำลังแต่งเพลงเพื่อออดิชั่นเพราะงั้นโทยะคุงช่วยฉันหน่อยนะ” ร่างบางที่ขอร้องอ้อนวอน คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่งเพื่อเพื่อนนี้นะ ผมตอบตกลงโดยที่ไม่รู้ว่านี้คือจุดเริ่มต้น......
“โทยะคุง” เสียงหวานดังขึ้นทันทีเมื่อเสียงออดพักเที่ยงดังขึ้น ทุกคนในห้องหันมามองผมทั้งหมด ร่างบางเดินมาเกาะแขนผมแล้วลากผมออดจากห้องไป ตอนนี้พวกเรามาอยู่สวนหลังโรงเรียงซึ่งเป็นที่พักผ่อนของบรรดานักเรียนทั้งหลาย พวกเรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ร่างบางหยิบกีต้าที่ผมจะเห็นพกติดตัวมาโรงเรียนบางครั้ง
“นี่ท่อนนี้เป็นไงบ้าง” ร่างบางพูดจบแล้วเริ่มดีด ผมตั้งใจฟัง ดวงตาที่จ้องมองไปยังร่างที่นั่งข้างๆ ร่างบางดีดไปเรื่อยๆ ในความคิดผมตอนนี้คือเธอเล่นกีต้าได้เก่งมาก เสียงเพลงจบลง
“เป็นไงบ้าง” ร่างบางถามขึ้น
“อืม...ท่อนนี้กับท่อนนี้โดดไปหน่อย”ผมชี้ไปยังตัวโน้ตบนกระดาษ “ตรงนี้ซอฟต์ลงอีกแบบนี้” ผมใช้ดินสอขีดเขียนลง ร่างบางหยิบกีต้าแล้วเล่นเมื่อเล่นเสร็จร่างบางยิ้มกว้าง
“ขอบใจนะโทยะคุง” ใบหน้าที่แสนน่ารักที่ส่งมาให้ผม อยู่ๆหัวใจก็เต้นผิดปกติทันที
“โทยะคุง” เสียงเรียกยามเช้าวันเสาร์ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเสื้อผ้าชุดเดิมของเมื่อวาน ผมลุกขึ้นอาบน้ำเสร็จแล้วเดินลงไปยังข้างล่าง
“โทยะคุง แม่ไปก่อนนะ”
“ครับ” ผมเดินไปกินข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมเปิดโทรทัศน์ขึ้นดู รายการเพลงชื่อดัง อายากะไอดอลที่เป็นที่กล่าวขวัญตอนนี้ปรากฏออกมา ร่างนั้นอยู่ในชุดหูแมว กระโปรงลูกไม้ กำลังให้สัมพากษ์กับพิธีกรรอยยิ้มนั้นที่ส่งออกมา ผมกินข้าวเสร็จจึงออกจากบ้าน เดินไปยังท้องถนน สองข้างทางที่เต็มไปด้วยรถและผู้คน ผมเดินเข้าร้านคาเฟ่ร้านหนึ่ง
“นี่ๆอายากะวันนี้เซ็กซี่มากเลยวะ” เสียงชายคนหนึ่งที่กำลังพูดกับเพื่อน
“นั้นสิ...ขาขาวมาก” เสียงคำพูดลวงลามที่ไม่ที่สิ้นสุด ผมสั่งกาแฟมาดื่มมือที่ล่วงไปหยิบเอ็มพี3มาฟัง เสียงเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“โทยะคุง อ่านอะไรอยู่นะ” ร่างบางพูดขึ้น ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมา พร้อมกับกาแฟที่สั่งมาถึงและพาเฟ่ที่ร่างบางสั่ง
“นิยาย”
“ไม่น่าเชื่อว่าโทยะคุงจะอ่านแบนี้เป็น น่าทึ่งเนอะ” ร่างบางยิ้ม “จริงด้วยนี้ๆๆ” ร่างบางหยิบเอ็มพี3ขึ้นมาแล้วเสียบหูฟังข้างหนึ่งอีกข้างยืนให้ผม ผมรับมาฟัง
“เมื่อคืนแต่งทำนองเสร็จแล้วเหลือแค่เนื้อเพลงกำลังคิดว่าจะเอาแบบไหนดี” ร่างบางยิ้มพร้อมตักพาเฟ่เข้าปาก
“ลองแต่งจากสิ่งที่ชอบดูสิ” ผมพูดขึ้น ร่างบางทำหน้าครุ่นคิด
“ทานตะวันในยามค่ำคืน ฮืม....อะไรต่อนา” เสียงฮัมเพลงตามทวงทำนองที่ร่างบางแต่งขึ้นมา
“ทั้งหมด สองร้อยห้าสิบเบนค่ะ” พนักงานรับเงินจากผม ผมเดินออกมาไปร้านขายแผ่นซีดีที่มีหนังเพลงมากมายให้เลือกผมเดินไปยังแผงซีดีเพลงเลือกเพลงของอายากะนักร้องดังในตอนนี้ ผมเดินไปจ่ายเงินแล้วตรงกลับบ้าน เจ็บปวดในใจนานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน ยิ่งนานวันยิ่งทรมาณใจจริงๆ ตอนนี้ผมเดินมาถึงบ้านตัวเองเดนไปยังหน้าทีวีเปิดเพลงที่ผมเพิ่งซื้อมา เสียงเปียโนที่เริ่มบรรเลงเพลงเริ่มต้น
เสียงเปียโนยามเย็นร่างบางที่นั้งเล่นเปียโนอยู่โดยมีผมที่นั่งพิงหลังและอ่านหนังสือโดยมีสายหูฟังที่ฟังคนละข้างเสียงร้องที่ปนเสียงฮัมเพลง.....สักพักเสียงเปียโนก็หยุดลง
“หวาคิดไม่ออกเลย” เสียงหวานๆที่พูดขึ้นมาแล้วเอนหลังมาทางผม ผมรับน้ำหนักนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาแตะจมูก
“นี่..เอากระดาษมาดูหน่อย”ผมบอก ร่างบางเอื้อมไปหยิบแผ่นโน้ตที่อยู่ตรงหน้าแล้วยืนให้ ผมรับมาโดยไม่หันไปมองแล้วเขียนประโยคหนึ่งลงไปแล้วยืนให้เธอ ร่างบางรับมาแล้วอ่าน ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าร่างบางทำสีหน้าอย่างไงS
“เจ๋งเลย โทยะคุงนี้สุยอดเลยนะ” ร่างบางพูดขึ้นเสียงเปียโนที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องทำนองที่เปล่งออกมาร่วมทั้งเนื้อเพลงที่ผมเขียนลงไปถึงแม้จะสั้นๆก็ตาม
“ถ้าเพลงนี้เสร็จเมื่อไหร่...ฉันจะให้โทยะคุงฟังคนแรกเลยนะ”
“อืม”
“โทยะคุง ตื่นได้แล้วลูก” เสียงแม่ที่ปลุกผมให้ตื่นจากฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงนั้น ผมลืมตาตื่นลุกจากโซฟา
“แม่ครับ”
“นี่จ๋ะ จดหมายลูก” ผมรับมาเมื่อเห็นชื่อจึงเปิดอ่านทันที เนื้อเพลงนี้มัน ตอนนี้เธอเหงาบ้างหรือเปล่า เจ็บปวดไหมที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเหงาบ้างหรือเปล่า ฉันรู้ว่าเธอท้อกับคำกล่าวนินทามากมาย นั้นคือคำถามที่ผมอยากถามถึงเจ้าของจดหมายที่เขียนมา อยากเจอเหลือเกิน ยังไม่ได้ให้คำตอบเธอเลย ผมนั่งลงเก้าอี้
“โทยะลูกว่าดอกทานตะวันวางตรงนี้สวยไหม” แม่ถามขึ้น ผมหันมองดอกทานตะวัน “แม่ได้มาจากที่ทำงาน ดอกเล็กๆน่ารักดี”
“ครับ” ภาพดอกทานตะวันยามค่ำคืนที่แสนมืดมิด เปรียบได้กับจิตใจของฉันที่อยู่โดดเดียวทามกลางกลุ่มคนที่ไม่รู้จัก ฉันท้อที่จะเดินต่อไปแต่เมื่อได้เจอเธอฉันรู้สึกว่าฉันควรมีชีวิตต่อไป ผมร้องบทเพลงตอนหนึ่งที่ผมฟังอยู่
“เพียงแค่เธอมองมาที่ฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปล่งประกาย ลัลลาลัลลา” เสียงหวานของร่างบางที่ร้องขึ้นอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าผม ตอนนี้เราทั้งสองอยู่ในห้องเรียนยามเช้า ร่างบางนั้งตรงหน้าผมแล้วหยิบหูฟังครอบหูผมไว้แล้วเปิด เอ็มพี3 เสียงเพลงท่วงทำนองและเสียงร้อง เพลงที่แสนไพเราะนี้ดังไปเรื่อยๆไม่รู้นานแค่ไหนแสเยงเพลงก็หยุดลงแล้วผมก็ถอดหูฟังออก
“เป็นไงบ้าง”
“ดี”
“นี่ๆๆๆชมมากกว่านี้ก็ได้นะ” ร่างบางทำหน้างอลๆ ผมยิ้มเล็กน้อยกับความน่ารักนี้ แต่คนตรงหน้ากลับทำสีหน้าตกใจ
“มีอะไร” ผมถามขึ้น
“ไม่เคยเห็นโทยะคุงยิ้มเลย”
“ยังงั้นหรอ”
“อืม”ร่างบางยิ้ม “วันเสาร์นี้ไปเที่ยวสวนทานตะวันที่อยู่ใกล้ๆนี้ด้วยกันได้ไหม”
“ได้สิ”
“เย้ เจอกันสองโมงที่สถานีรถไฟนะ โทยะคุง”
เช้าวันเสาร์ที่แสนวุ่นวาย ผมมารอหน้าสถานีได้สามสิบนาทีก่อนเวลานัด ไม่นานร่างบางก็มาถึง
“โทยะคุง โทษทีนะที่มาสาย”
“ฉันพึ่งมาถึงเมื่อกี๊” นี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมโกหก แล้วเราทั้งคู่ก็ขึ้นรถไฟไป รถไฟที่เริ่มออกตัว ร่างบางยืนหูฟังให้ข้างหนึ่งเราทั่งคู่ฟังเพลงที่ร่างบางแต่งไปตลอดทางจนมาถึง สวนทานตะวัน ทุ่งดอกทานตะวันที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
“ในที่สุดก็มาถึงเย้ๆ ถ่ายรูปกัน” ร่างบางลากผมไปถ่ายรูป พวกเราเดินไปตามทางแล้วหยุดตรงเนินต้นไม้เราทั้งคู่นั่งเล่นอยู่ตรงนั้น
“จะผ่านออดิชั่นไหมนะ” ร่างบางพึมพำออก
“ได้สิ...ฉันว่าเธอทำได้นะ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ” ผมยิ้มกว้าง ร่างบางเอนตัวมาพิงผม
“ขอบใจโทยะคุงมากๆนะ ถ้าไม่มีโทยะคุง เพลงที่ฉันแต่งคงไม่เสร็จ” ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ “ฉันขอมอบเพลงนี้ให้โทยะคุงนะ”
ผมนั่งอยู่โต๊ะทำงานในห้องมีเพียงแสงจากโคมไฟที่ส่องมายังโต๊ะ ถ้าฉันตอบกลับความรู้สึกนี้จะทันไหมนะความรู้สึกที่ออกมาจากใจของผมคนนี้ ถึงแม้จะผ่านมานานเธอจะยังคงรู้สึกเหมือนเดิมไหมนะ เอาละตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วในเมื่อหัวใจดวงนี้มันร่ำร้อง ผมจึงลงมือเขียนทันทีสิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้ถึงแม้ว่าเธออาจจะไม่เหมือนเดิม
“โทยะคุง! ฉันได้จดหมายตอบกลับแล้วละ” ร่างบางชูกระดาษแผ่นสีขาวขึ้นมา ผมรับมาดูขอความของใน ร่างบางที่ยิ้มอย่างดีใจ
“ในที่สุดความฝันฉันก็เป็นจริง” ร่างบางกระโดดกอดผม “ขอบใจนะโทยะคุง” มือของผมค่อยๆกอดเข้าแต่ร่างบางขยับตัวออกก่อนทำให้ผมต้องหยุดมือนั้นไว้
“ยินดีด้วยนะ” ผมยิ้มกลับด้วยความยินดี แต่หัวใจกลับรู้สึกเจ็บและว่างเปล่าเหมือนโดนอะไรบางอย่างเสียบแทงกลางใจ
“แต่ฉันไม่ไปหรอก” ร่างบางพูดขึ้น ผมเลิกคิ้วขึ้น “ถ้าต้องจากทุกคนไปมันเหงานะ โดยเฉพาะโทยะคุง ฉันไม่อยากจากโทยะคุงไป” ร่างบางก้มหน้าต่ำร่างกายที่สั่น เสียงสะอื้น “เพราะฉันชอบโทยะคุง ชอบมาตลอด” ผมโอบกอดร่างบางทันทีร่างบางยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม
“อย่าหยุดที่ฉันเถอะ จงไปตามความฝันของเธอเถอะนะ”
“แต่” ผมแตะที่ปากของเธอ
“เดี๋ยวฉันจะรีบตามไปหาเอง จงไปตามทางของเธอเถอะนะ”
บนสถานีรถไฟที่แน่นไปด้วยผู้คน บนจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่มีร่างนักร้องชื่อดังอายากะกำลังร้องกำลังเต้นรายการหนึ่ง ตอนนี้เสียงเพลงที่จบลง
“คอนเสริร์ตแรกของอายากะจัง อย่าลืมไปชมกันนะค่ะ”สิ้นประโยคก็เป็นโฆษณา ผมเดินไปยังโดมแสดงคอนเสริตผู้คนที่ต่างหลังไหลเข้ามา รูปอายากะขนาดเท่าตัวจริงที่ตั้งไว้ข้างหน้าเพื่อให้แฟนคลับได้ถ่ายรูป ผมเดินเข้าไปที่นั่งของผมที่อยู่ห่างไกลจากอายากะมากเธอไม่รู้หรอกว่าผมมา การแสดงคอนเสริตก็เริ่มขึ้นร่างหญิงสาวโผล่ออกเพลงแรกเป็นเร็วน่ารักๆ จะบอกว่าผมนั่งฟังเพลงทั้งหมดโดยไม่รู้ว่ามันคือเพลงอะไร มีเพียงเพลงเดียวที่ผมรู้ เพลงนั้น เป็นเพลงของเราสองคนเท่านั้น เธอคงไม่ร้องมันหรอก เธอคงลืมมันไปแล้วสินะ ทุกเวลาที่ผมจ้องมองเธอผ่านทีวี ผมมักจูบหน้าจอนั้น เธอคงไม่รู้หรอก ผมอาจจะรู้ตัวช้าในการให้คำตอบก็ได้
“เพลงสุดท้ายนี้ พิเศษหน่อยนะค่ะ ถึงเธอคนนั้น สักวันเราคงได้เจอกัน และฉันจะรออยู่ตรงนี้ที่เราสัญญากัน” อายากะพูดจบเสียงเพลงที่แสนคุ้นเคยเพราะผมฟังมันทุกวันเธอร้องทั้งๆที่ไม่มีเสียงเพลง ผมร้องเพลงตามทามกลางเสียงเงียบของทุกคนที่อยู่ในฮอลคอนเสริต ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหันมามองผม ไม่นานสปอร์ตไลฟ์ตัวหนึ่งที่ฉายมายังตัวผมทามกลางแฟนคลับนับร้อย
“โทยะคุง” เสียงเรียกของอายากะ ผมวิ่งไปหน้าเวที
“ได้รับคำตอบแล้วสินะ”
“อืม...” ผมยืนดอกทานตะวันให้อายากะ
“เธอเปรียบดั่งดอกทานตะวัน ที่ฉันได้มองแล้วยิ้มออกมา ขอบคุณนะขอบคุณ ฉันของตอบรับหัวใจอันอบอุ่นนั้น ถึงแม้มันอาจจะสายไปหน่อย ว่าฉันรักเธอ....” ผมร้องเพลงที่ผมแต่งให้เธอที่ส่งผ่านจดหมายไปอีกครั้ง
..................................................................................................................................................................................................................................
ขอกำลังใจทุกท่านได้คอมเม้นด้วยครับ...มีอะไรติเตียนได้เน้อ...ผู้เขียนอยู่ในช่วงฝึกหัดเน้อ โฮ๊ะๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น