ชีวิตดีๆ ของเบตตี้กับ Traffy Fondue
"ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว" นี่มันสโลแกนกรุงเทพฯ หรือคำโปรยมินิเกมเซอร์ไววัลสำหรับน้องเบตตี้ ลูกสาวมหาเศรษฐีที่ต้องเดินกลับบ้านเองวันนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอก เธอมี Traffy Fondue อยู่นี่นา
ผู้เข้าชมรวม
507
ผู้เข้าชมเดือนนี้
57
ผู้เข้าชมรวม
มาลองจัดอันดับความน่าหงุดหงิดกันไหม
หนึ่ง อากาศร้อนประเทศไทย (โชคดีที่โรงเรียนนานาชาติสุดหรูที่เธอเรียนติดแอร์เลยรอดไป มีแค่เหงื่อออกเล็กน้อยตอนเดินเปลี่ยนห้องเรียน)
สอง คลาสเรียนเลิกช้า (ใช่ เธอเพิ่งออกจากวิชาสุดท้ายที่เลตนิดหน่อย)
สาม พ่อหลงแฟนจนไม่มารับลูก เอาเวลาไปจีบกันอยู่
“…”
ให้ตาย…
ทำไมลูกสาวมหาเศรษฐีอย่างเบตตี้… ต้องมาแพ้ยัยเลขาฯ แฟนใหม่พ่อ ยัยนั่นมีอะไรให้น่าหลงกัน ก็แค่หน้าเหมือนแฟนเก่าพ่อระดับ Copy + Paste อีกนิดจะนึกว่าโคลนนิงแค่นั้นเอง
เด็กสาวบ่นในใจแล้วก้มอ่านแชตในมือถืออีกรอบ เผื่อเธอจะตาฝาด
พ่อ: เบตตี้ลูกรัก วันนี้กลับบ้านเองนะ พ่อจะไปเดตกับแฟน
พ่อ: ระวังตัวด้วยนะ
พ่อ: [ส่งรูปเซลฟีกับแฟน ยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้]
“…”
หน็อยแน่ ! ทิ้งลูกไว้แล้วไปเดตเนี่ยนะ
พ่อและก็ยัยแฟนใหม่พ่อด้วย แค้นนี้ไว้ค่อยชำระ คนอย่างเบตตี้ไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว
เด็กสาวหมายเหตุไว้ในใจพลางพ่นลมหายใจฮึดฮัด เธอเดินตบเท้าออกจากโรงเรียนนานาชาติที่ดูคล้ายปราสาทเทพนิยาย มุ่งหน้าไปยังถนนเจริญกรุง เข้าสู่โลกแห่งความจริงของประเทศไทย แล้วได้แต่คิดว่า…
ร้อน…
ตอนที่เดินไปตามทางเท้าเบตตี้รู้สึกได้เลยว่าผมสีน้ำตาลหยักศกของเธอชื้นเหงื่อไปหมด พวกคุณหนูน่ะไม่ชินกับความลำบากหรอก และตั้งแต่ย้ายมากรุงเทพฯ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเดินกลับบ้านเอง เพราะปกติพ่อจะขับรถมารับทุกวัน แถมวันนี้คนขับรถก็ลาพักร้อนอีก
เอาเถอะ แค่เดินกลับตามเส้นทางที่นั่งรถผ่านทุกวันก็ถึงบ้านแล้ว บ้านก็ไม่ได้ไกลมาก
แค่เดินกลับบ้านเอง ไม่เห็นยาก…
ตุ้บ !
เบตตี้เหยียบอิฐปูทางเท้าเต็มแรง อิฐที่ควรแข็งแรงและมั่นคงยวบลงก่อนโคลนเหม็น ๆ จะพุ่งปรี๊ดราวกับน้ำพุ เปื้อนหน้าเธอ เปื้อนกระเป๋าราคาแพง และเปื้อนรองเท้าแบรนด์เนมราคาสามหมื่นที่พ่อซื้อให้
“…”
ให้ตาย… อิฐปูทางเท้าไม่ควรอ่อนแอแบบนี้ไหม
เด็กสาวก้มหน้ามองเจ้าอิฐไม่ได้มาตรฐานนั่นอย่างไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาสรรเสริญถึงจะสมกับความไม่ได้เรื่องของมันดี พอเงยหน้าเธอก็เห็นป้าแม่ค้าร่างท้วมสวมผ้ากันเปื้อนเดินตัดหน้า สีหน้าป้าดูลุกลี้ลุกลนชอบกล
“ตรงนี้ไม่มีถังขยะสักทีนะ” พูดจบ ป้าก็สาดน้ำโครม น้ำสารพัดอย่างที่รวมกันเป็นสีดำราดใส่พื้นข้างกองถุงขยะสีดำ เบตตี้ได้เห็นพวกมันเต็มตาก็ตอนนี้เอง ถ้าอย่างนั้นกลิ่นเหม็นเมื่อกี้ก็ไม่ได้มาจากโคลนเน่า ๆ อย่างเดียวสินะ
‘อี๋’ ขณะที่เด็กสาวบีบจมูกกลั้นหายใจหนีกลิ่นเหม็น ป้าก็เดินกลับไปยืนหลังรถเข็นขายน้ำชงโดยไม่สะทกสะท้านกับกลิ่นเน่า ๆ สักนิด เหมือนชาชิน…
แต่มันไม่ควรชินกับเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือไงคะป้า !
ความหงุดหงิดก่อตัวในใจเด็กสาวอีกหน บัญชีแค้นเริ่มทบต้นทบดอก ก่อนต้องสูดหายใจลึกเมื่อเห็นสภาพทางที่เธอต้องฟันฝ่าไป ถุงขยะกองสุมที่เรียงรายสุดสายตานั่นไม่ใช่ภาพลวงตา เพราะกลิ่นเหม็นเริ่มโชยมาแล้ว
‘ทางเท้าฝั่งนี้มีแต่ขยะ เดินยากจัง เดินต่อไปต้องมีกับระเบิดอีกแน่ ๆ อันตรายต่อเท้าชะมัด’ เบตตี้ครุ่นคิดแล้วตัดสินใจมองข้ามทางม้าลาย ลังเลว่าจะข้ามไปเดินฝั่งตรงข้าม… ดีไหมนะ
แต่อีกฝั่งก็ดูจะอันตรายต่อชีวิต
สายตาเด็กสาวพลันปะทะกับสายพันรุงรังบนเสาไฟฟ้า แถมบางเส้นห้อยลงมาเหมือนพร้อมจะแตะตัวทักทายผู้คน แต่ทักทายทีคงจบที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แน่นอนว่าเธอไม่อยากเป็นผู้โชคดีคนนั้น
โอเค เธอต้องลืมเรื่องล้างแค้น (พ่อ) ไปก่อน ตอนนี้เด็กสาวรู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในมินิเกม ‘ช่วยเลือกทางกลับบ้านให้น้องเบตตี้กันเถอะ’
กด A ถ้าเลือกกับดักขยะ
กด B ถ้าเลือกกับดักสายบนเสาไฟฟ้า
ฮืออออ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว
‘หนูแค่อยากกลับบ้าน ชีวิตต้องยากขนาดนี้ไหม’ เบตตี้ท้อใจ
เด็กสาวนั่งลงบนทางเท้าข้างถุงขยะสุดเหม็น หมดสภาพคุณหนูลูกมหาเศรษฐี เธอซุกหน้าลงกับมือ รู้สึกอยากร้องไห้งอแงเป็นเด็ก ก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ขี่จักรยานเข้ามาใกล้พร้อมดีดกระดิ่งเสียงดัง เจ้าตัวเบรกจักรยานดังเอี๊ยดตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยทักอย่างแปลกใจ
“เบตตี้ ! แปลกจัง วันนี้เธอกลับบ้านเองเหรอ ?”
“ยอร์ช ?” เด็กสาวทักทายเพื่อนบ้านที่ทำหน้าเหมือนเห็นเรื่องแปลกระดับโลก ก่อนกระชับกระเป๋าเป้สะพายหลัง ลุกขึ้นยืนจ้องหน้าอีกฝ่าย “วันนี้พ่อบอกให้กลับเองน่ะ”
“เราปั่นจักรยานไปส่งไหม ไหน ๆ บ้านเราก็ใกล้ ๆ กัน ยังไงก็ต้องกลับทางเดียวกันอยู่แล้ว”
ข้อเสนอยอร์ชก็ดี แต่ทำไมพูดไปต้องเสหลบตา หน้าแดงด้วย เบตตี้ชักสงสัยก่อนจะหรี่ตาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจับผิด
ยอร์ชเริ่มเลิ่กลั่ก
‘แย่ละ จะดูแปลกไหมที่อยู่ ๆ ก็ชวนซ้อนจักรยานแบบนี้… เบตตี้จะมองว่าเราพยายามตีสนิทรึเปล่า’ เขาคิดพลางหาทางแก้ตัว แต่แล้วเสียงถอนใจเบา ๆ ก็ดังขึ้น ก่อนเบตตี้จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นปกติ
“เอาสิ จักรยานก็ดีเหมือนกัน”
“เอ๋ !? จริงนะ !?” เขาถาม ตกใจระคนโล่งอก เผลอทำหน้าแดงอีกหนอย่างห้ามไม่ได้
‘มีพิรุธอีกแล้วนะยอร์ช’ เบตตี้บอกตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเลิกสนใจท่าทางแปลก ๆ ของเขาแล้วเอ่ยว่า “จริงสิ”
“งั้นก็ขึ้นมาเลย” เขาชวนเสียงร่าเริงพลางถีบจักรยานไปข้างหน้า แต่จักรยานเจ้ากรรมดันชะงักกึกเมื่อล้อตกหลุม ก่อนจะรู้ตัว แรงถีบของยอร์ชก็ส่งตัวเองไปข้างหน้า
“อ๊ะ ว้ากกกก !” จักรยานเริ่มเสียการทรงตัวไปพร้อม ๆ กับตัวเขา มันเอนและพลิกคว่ำ ยอร์ชเริ่มร้องเสียงหลง ลงท้ายก็ลงไปนอนฟุบแบบหมดสภาพ อึดใจถึงเงยหน้าที่จูบพื้นถนนขึ้นมาได้ด้วยน้ำตาไหลพรากก่อนจะโวยวาย
“ทำไมถึงมีหลุมอยู่บนถนนได้ !!” เด็กหนุ่มกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจปนเปความอับอาย ‘บ้าชะมัด ! วันนี้มีโอกาสปั่นจักรยานให้เบตตี้ซ้อนแท้ ๆ… ทำไมกัน’
นี่มันโอกาสหนึ่งในร้อยเลยนะ !
“นี่ เป็นอะไรมั้ย”
เสียงถามทำให้ยอร์ชเงยหน้ามองเด็กสาวที่ยืนย้อนแสงค้ำตัวเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ปะปนอยู่ (หรือเขาตาฝาดหว่า) ทิศทางการยืนเช่นนี้ทำให้เธอเหมือนนางฟ้าที่มีแสงสว่างวิบวับซ้อนอยู่ด้านหลัง เป็นนางฟ้าที่มาโปรดเขาโดยเฉพาะเลยทีเดียว
เมื่อได้คิดเข้าข้างตัวเอง ยอร์ชก็เริ่มเขินนิด ๆ
“รีบ ๆ ลุกซะที ฉันอายชาวบ้านเขานะ” เบตตี้ชักหงุดหงิด เสียงแข็งขึ้นทันที
“อ่า โอเค” เด็กหนุ่มหงอยเหมือนดอกไม้เหี่ยว ๆ
จบกัน ความมโนของเขา
………………….
“โทษทีนะ ทำให้เธอวุ่นวายไปด้วยเลย” ยอร์ชบอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิด หลังจากเธอล้างแผลให้เขาด้วยน้ำเปล่าอยู่ตรงทางเท้า อย่าคาดหวังเรื่องหยูกยาเลย เธอเคยดูแลใครที่ไหน เคยแต่ดูแลตัวเองเพราะมีพ่อไม่ได้เรื่อง พ่อดี ๆ ที่ไหนจะทิ้งลูกไปเดตกับแฟนกัน
‘คิดแล้วก็… ฮึ่ม ! หงุดหงิด’ เบตตี้ได้แต่ข่มใจตอบยอร์ชด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ปกติที่สุด แต่ไม่รู้จะปกติได้แค่ไหน
“ไม่เป็นไร ไม่ได้คาดหวังว่านายจะพึ่งพาได้อยู่แล้ว”
“แล้วกัน” ยอร์ชทำหน้าเหลอหลาก่อนพูดเปลี่ยนเรื่อง “ถนนเป็นหลุมแบบนี้ต้องแจ้งให้เขามาซ่อม ขืนทิ้งไว้ต้องมีคนดวงซวยตกหลุมอีกแน่เลย”
“แจ้งใครเหรอ ?” เธอถามแล้วลงไปนั่งข้างเขา มองเด็กหนุ่มควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง
“ก็แจ้งในช่องทางของ กทม. นี่เดี๋ยวเปิดให้ดู” ยอร์ชว่า แต่เขาไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น เพราะตอนนี้หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาแตกยับแบบช่างไม่น่ารับซ่อม
“ไอ้ลูกหมาเอ๊ย !” เบตตี้ร้องออกมา
“ยืมมือถือหน่อยสิ” ยอร์ชทำหน้าน่าสงสาร
“ไม่ ฉันไม่อยากโหลดแอปเยอะแยะ” เบตตี้ปฏิเสธเสียงแข็ง
“มันไม่ต้องโหลดแอปนะ เธอแค่แอดไลน์ Traffy Fondue” เด็กหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็น
หือ แค่ไลน์เหรอ ชักน่าสนใจซะแล้วสิ ช่วยไม่ได้ ฟังสักหน่อยละกัน
เธอยอมให้ยอร์ชยืมโทรศัพท์ในที่สุด แล้วตั้งใจดูว่าเขาจะทำอะไร
เด็กหนุ่มกดเปิดหน้าจอมือถืออย่างคล่องแคล่ว แล้วจิ้ม ๆ แอดไลน์ของ Traffy Fondue
“ตอนแจ้งปัญหาเธอก็ปักหมุด Location แล้วถ่ายรูปส่ง พร้อมพิมพ์รายละเอียด แจ้งได้ทุกเรื่องเลยนะ ไม่ว่าจะทางเท้าพัง ขยะเต็มทางเดิน สายสื่อสารรกรุงรัง ต้นไม้หัก น้ำท่วม ไฟดับ รถจอดไม่เป็นระเบียบ และอีกสารพัดปัญหา” ยอร์ชร่ายยาวพลางจิ้มโทรศัพท์จึ้ก ๆ แป๊บเดียวก็ส่งมันคืนให้เธอ
“ง่ายมากเลยเห็นปะ เอ้า แจ้งเรื่องหลุมเรียบร้อย เธอลองแจ้งปัญหาที่เธอเจอก็ได้นะ” เขาว่าแล้วลุกไปจูงจักรยาน เดินจากไปอย่างท้อแท้ “แต่ฉันคงต้องกลับไปทำแผลก่อน จักรยานก็พังซะแล้ว…”
“…” เบตตี้ได้แต่มองตามเขา
เฮ้อ… สรุปว่าเธอยังต้องเผชิญความลำบากต่อไปสินะ เมื่อไรมินิเกมนี่จะจบเนี่ย เด็กสาวถามตัวเองแล้วมองโทรศัพท์ในมือ “ลองแจ้งดูก็ได้”
‘เพราะแถวนี้มีเรื่องให้แจ้งเยอะแยะเลย’ เบตตี้ยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ หนึ่ง ทางเท้าพัง สอง ขยะสกปรก สาม สายไฟสายสื่อสารรกรุงรัง แล้วส่งไปทางไลน์ ‘เอาละ แจ้งเรื่องเรียบร้อย ดูซิ ใครจะโผล่มา’
“ยัยหนู” ป้าขายน้ำส่งเสียงเรียกเธอพลางมองด้วยสายตาสงสัย “ป้าเห็นหนูยืนตรงนี้นานแล้วนะ มีอะไรรึเปล่า”
“หนูรอดูเจ้าหน้าที่มาจัดการปัญหาขยะ ทางเท้า และสายไฟที่หนูแจ้งไปอยู่ค่ะ” เบตตี้หันหน้าจอมือถือที่เปิดไลน์ Traffy Fondue ไปทางป้า ดูทรงแล้วป้าก็สนใจอยู่นะ
“แจ้งที่ไหนเหรอ ?”
“ผ่านไลน์ Traffy Fondue ค่ะ”
“ผ่านไลน์เนี่ยนะ จะได้ผลจริงเหรอ ?”
นั่นละ เหตุผลที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ “หนูก็รอดูอยู่”
“อะไรเนี่ย ตรงนี้สกปรกอีกแล้ว ! ใครเป็นคนทำ” จู่ ๆ ลุงคนกวาดขยะของ กทม. ก็โผล่มาโวยวาย มือหนึ่งถือไม้กวาด ท่าทางเอาเรื่อง แน่นอน ใครจะปล่อยให้เขาเข้าใจผิดล่ะ เบตตี้รีบชี้ป้าขายน้ำทันที
ลุงตวัดสายตาไปมองป้าแล้วบ่น “ลื้ออีกแล้วนะ บอกกี่ทีแล้วว่าให้ทิ้งในจุดทิ้ง ทิ้งไม่เป็นที่แล้วยังเทรวมอีก ลำบากอั๊วต้องมาเก็บทุกวันเลยเนี่ย”
“ก็แถวนี้มันไม่มีที่ไหนให้ทิ้งเลยนี่นา จุดทิ้งขยะก็อยู่ซะไกล แถมมีน้อยอีกต่างหาก ถังให้แยกก็ไม่มี !” ป้าขมวดคิ้วพลางโวยใส่อย่างคนไม่ยอมเหมือนกัน
ฟังแล้วก็น่าเห็นใจป้าอยู่นะ ใครจะอยากเดินไปทิ้งขยะไกล ๆ ล่ะ จริงไหม
“ก็ได้ ! ถ้างั้นเดี๋ยวอั๊วจะไปบอกให้เขตทำจุดทิ้งขยะเพิ่ม !” ลุงกวาดถนนตัดบท
พอดีเลย เธอมีเรื่องอยากถาม
“คุณลุงคะ” เบตตี้ว่า
“ว่ายังไงหนู” ลุงหันมามองเธอ
“ลุงรู้ได้ไงคะว่าต้องมากวาดขยะตรงนี้”
“อ๋อ… พอดีว่ามีเรื่องแจ้งมาที่สำนักงานเขตที่ลุงสังกัดอยู่ ลุงรับผิดชอบโซนนี้ เขาเลยให้ลุงมาจัดการน่ะ”
“มาเพราะเรื่องที่แจ้งเหรอคะ” ฟังแล้วใจเด็กสาวก็เริ่มฟู
“อืม”
‘มาเพราะเราแจ้ง !! ภูมิใจในตัวเองจังเลย วันนี้ได้ทำเรื่องดี ๆ แฮะ’ เบตตี้ร่าเริงอยู่ในใจ จากนั้นตั้งใจฟังลุงอธิบายต่อ
“การทำงานของ Traffy Fondue จะเริ่มจากเราแจ้งเรื่อง จากนั้นคนรับเรื่องจะตรวจสอบว่าปัญหานั้นเป็นหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานใด เช่น สำนักงานเขต สำนักการโยธา สำนักการระบายน้ำ การไฟฟ้านครหลวง กสทช. หรือหน่วยงานอื่น ๆ ก่อนส่งเรื่องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการต่อ
“พูดง่าย ๆ Traffy Fondue เป็นเหมือนตัวกลางระหว่างประชาชนกับ กทม. เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราติดต่อแจ้งปัญหาได้ง่ายขึ้นมาก แต่ละปัญหาจะใช้เวลาแก้ไม่เท่ากัน อย่างเคสขยะสกปรก ลุงสามารถแก้ได้ทันทีที่ได้รับแจ้งมาที่สำนักงานเขต แต่ถ้าถนนเป็นหลุม หรือทางเท้าพังก็อาจต้องประสานไปยังสำนักการโยธาอีกที สายไฟรก เอ๊ย ! ไม่สิ” ลุงหันไปมองกับดักสายพันรุงรังอีกฝั่งถนนก่อนหันมาอธิบายต่ออย่างใจดี
“สายที่ห้อย ๆ นี่มันสายสื่อสาร แบบนี้ต้องประสานไปยัง กสทช. และอาจมีบางเรื่องที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหน่วยงานใน กทม. Traffy Fondue ก็จะช่วยประสานงานโดยแจ้งไปยังผู้รับผิดชอบให้เหมือนกัน”
เบตตี้เห็นภาพเลยว่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันยังไง
“แต่ยังไงก็เถอะ สิ่งสำคัญคือเราต้องช่วยกันดูแลรักษาเมืองนะ ถ้าเราทิ้งขยะเป็นที่เป็นทางแต่แรกก็ไม่เกิดปัญหาหรอก” ลุงบอกก่อนหันไปมองป้าอย่างตำหนิ “ใช่ไหม”
เบตตี้จึงหันมองตาม “ใช่ค่ะ”
“แล้วหันมามองฉันทำไม” ป้าโวยวายตามคาด
“หลังจากนี้ถ้ามีจุดทิ้งขยะใกล้ ๆ ลื้อต้องไปทิ้งให้เป็นที่นะ ต้องแยกขยะ ไม่เทรวมด้วย เข้าใจไหม !?”
“โอย ! ตาแก่ขี้บ่น แกต้องมากวาดทุกวันอยู่แล้วนี่ กวาดเพิ่มนิดเดียวจะไปยากอะไร”
“ลื้อกะจะให้อั๊วมาเก็บขยะที่นี่ทุกวันเลยเหรอ !?” ลุงถามเสียงดัง
คำถามนั้นทำให้หน้านิ่ง ๆ ของป้าเปล่งประกายก่อนโต้เสียงดังว่า “ก็เพราะฉันอยากเจอแกทุกวันไง ฉันถึงได้ทิ้งขยะตรงนี้ !”
“!?” เบตตี้ช็อกไปพร้อม ๆ กันกับลุง พลางมองป้าที่ทำสีหน้าเขินอายเหมือนสาวน้อยพร้อมจ้องลุงกวาดขยะไม่วางตา
“ฉันทำให้แกลำบากขนาดนั้นเลยสินะ” ป้าถามเสียงอ้อน “แค่ขยะน่ะ ฉันจะพยายามเอาไปทิ้งในจุดที่เขาจัดให้ก็ได้ ฉันแค่อยากเจอแก”
ขณะที่ป้าเริ่มสร้างบรรยากาศโรแมนติกหวานแหววมีกลีบดอกไม้โปรยขึ้นกลางย่านเจริญกรุง ลุงก็เสริมความหวานด้วยใบหน้าแดง ๆ ถึงตอนนี้ลุงคงหายช็อกแล้วละ ส่วนเบตตี้ได้แต่ถามตัวเองว่า
‘นี่ฉันยืนดูอะไรอยู่เนี่ย’
“ถ้าแค่อยากเจอ ลื้อบอกอั๊วดี ๆ ก็ได้นี่” ลุงว่าแล้วเดินไปจับมือป้า
“ขอโทษนะที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่ ทำให้แกต้องลำบาก” ป้าบอก
“ไม่เป็นไรนะยายแก่ อั๊วสัญญาว่าจะมาหาทุกวัน แล้วจะสอนลื้อแยกขยะด้วย”
“สัญญานะ ตาแก่”
“สัญญาจ้ะ ยายแก่”
“…” สรุปสองลุงป้าสวีตกันไม่สนสายตาใครเลย แต่เอาเถอะ อย่างน้อยขยะสกปรกก็มีคนจัดการแล้วเรียบร้อย
…………………………
ปัญหาทางเท้าพังได้รับการแก้ไขแล้ว
แชตของ Traffy Fondue แจ้งเตือนเบตตี้อย่างนั้น แต่ด้วยความไม่เคยเชื่อใครง่าย ๆ เด็กสาวจึงโผล่มายืนกอดอกตรงถนนเจริญกรุงแต่เช้าตรู่ในวันต่อมา
‘ไหนทดสอบดูสักทีซิ’ เธอกระทืบตรงแผ่นอิฐจุดเดิม หนนี้มันมั่นคง ปลอดภัย แถมน้ำไม่พุ่งจากพื้นแล้ว !
ดีใจที่สุดเลย !
เด็กสาวรีบก้มหน้ามองหน้าจอมือถือ ดูสถานะปัญหาสุดท้ายที่เธอแจ้งไป
Traffy Fondue: [สายสื่อสารรกรุงรัง]
Traffy Fondue: ส่งเรื่องต่อไปยัง กสทช.
ถึงจะยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่เมื่อหันไปมองอีกฟากถนนแล้วเห็นเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบสายสื่อสารเจ้าปัญหานั่น เด็กสาวก็อุ่นใจว่าอีกไม่นานปัญหานี้ก็จะจบลงเช่นกัน
“อ๊ะ หลุมเมื่อวานที่ทำเรารถล้มมันหายไปแล้วนี่ !” เสียงทักของยอร์ชดังขึ้นจากข้างหลัง เบตตี้จึงหันไปมองเขาและจักรยานแวบหนึ่งก่อนมองจุดที่เด็กหนุ่มมองอยู่
จริงด้วย หลุมบนถนนนั่นหายไปแล้ว
“เห็นไหม ! บอกแล้วว่าแจ้งเรื่องในนี้มันง่ายมาก หลังจากนี้ถ้าเราเจอปัญหาอะไรก็แจ้งไปได้เลยนะ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เมืองของเราจะได้ดีขึ้น”
“อืม แค่แจ้งเรื่องไม่ได้ยากอะไร แบบนี้ก็สะดวกดีด้วย” เด็กสาวมัวแต่มองมือถือ ไม่ทันสังเกตเห็นหน้าแดง ๆ ของอีกฝ่าย กระทั่งเจ้าตัวพูดขึ้น
“เอ่อ คือว่านะ… จักรยานฉันซ่อมเสร็จแล้วละ” ยอร์ชเกาท้ายทอย หน้าแดงอีกแล้ว แถมยังจ้องเธออย่างจริงจังด้วย “วันนี้เลยออกมาลองขี่ดูแล้วก็เจอเธอที่นี่พอดี… ไหน ๆ แล้ววันนี้เราไป…”
ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน !
เสียงบีบแตรรถดังสนั่นกลบประโยคสุดท้ายของยอร์ช
ปี๊นนนน !
“บีบแตรอะไรกันน่ะ” คนแถวนั้นถามขึ้น แล้วเสียงพูดคุยก็ดังเซ็งแซ่แข่งกับเสียงแตร
ปี๊นนนน !
“เห็นว่ามีคนจอดรถมั่วกลางถนน” ใครสักคนตอบ
“ใครน่ะ”
ปี๊นนนน !
“โธ่เอ๊ย ! คุณตำรวจ ผมแค่จอดลงไปซื้อกาแฟ 5 นาทีเอง ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ล่ะครับ เอาเป็นว่ารับเงินสดนี่ไปแล้วปล่อยผมไปเถอะนะ”
“เบตตี้ นั่นพ่อเธอปะ” ยอร์ชถามขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายนั้น
ใช่สิ จะมีสักกี่คนที่โปรยแบงก์ปลิวว่อนแบบนี้ แถมยังเสยผม ยิ้มระรื่นใส่ตำรวจจราจรอีก ไม่สำนึกผิดสักนิดว่าก่อเรื่องอะไรไว้ ยอร์ชมองตามพร้อมพยักหน้าหงึก ๆ เขาพอจะรู้ว่าพ่อเบตตี้เป็นมหาเศรษฐีอินดี้ ชอบทำตัวแปลกประหลาดและไม่อยู่ในระเบียบ ก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอยู่ตลอด แต่ปัญหาตรงหน้าก็ถูกช็อตฟีลด้วยนางฟ้า เบตตี้ของเขา เมื่อเจ้าตัวยกมือถือขึ้นถ่ายรูปพ่อและรถเปิดประทุนคันหรูพร้อมพึมพำ
“พ่อทำแบบนี้นิสัยไม่ดีเลย ถึงเวลาแจ้งเรื่องใหม่ใน Traffy Fondue แล้ว” เบตตี้กดส่งรูปแล้วรัวนิ้วพิมพ์ไลน์
เขาว่าแก้แค้นสิบปียังไม่สาย
ขอบคุณฟ้าที่ลัดคิวให้เธอแก้เผ็ดพ่อได้เร็วขนาดนี้ !
จบ
………………..
Writer's Talk
สวัสดีค่ะ นี่เป็นนิยาย (ขนาดสั้น) เรืื่องแรกที่ลงใน Dek-d ในรอบหลายปีเลยค่ (หัวเราะ) เป็นงานโคโพรเจกต์กับคุณ Siradasue เรืื่องนี้มีฉบับ Webtoon ด้วยนะ อยากอ่านมั้ยเอ่ย ถ้าอยากกดลิงก์ข้างล่างเลยค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในนิยายเรื่องหน้านะคะ <3
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Raina ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Raina
ความคิดเห็น