ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่8 วันเวลา และการล่วงโรยผ่านไปของเวลา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 413
      2
      27 ก.พ. 49


    ในเช้าวันนี้คงจะไม่น่าเบื่อถ้าไม่ใช่ว่าต้องมาเรียนวิชาประวัติศาสตร์ของอาจารย์เจ้าชายชามัลที่มีวิธีการพูดให้เด็ก ๆ เข้าสู่ห้วงนิทราได้ เสียงเอือย ๆ ของอาจารย์มิได้เข้าสู่สมองที่เริ่มง่วงของเฟรินเลย เฟรินจึงคิดในใจพลางมองเพื่อนนักฆ่าที่นอนหลับสบายว่า ‘ทำไมคิลมันจึงไม่กลัวเกรงอาจารย์เจ้าชายบ้างเลยว่ะ งั้นฉันก็นอนบ้างดีกว่า บรรยากาศน่านอนชะมัด’คิดแล้วก็เอาหนังสือขึ้นมาตั้ง

    ก่อนที่หลับตาแล้วเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราดังเช่นคนอื่น ๆ ส่วนคนที่กำลังตั้งใจเรียนก็มีอยู่ใม่กี่คนและหนึ่งในนั้นก็มีเจ้าชายคาโลรวมอยู่แน่นนอน



    “ประเทศเอดินเบิร์กเป็นประเทศที่ได้รับการปกป้องเป็นพิเศษจากไฮคิงองค์ปัจจุบัน…”เสียงของอาจารย์เจ้าชายชามัลกำลังบรรยายประวัติของเอดินเบิร์กและคาโนวาลอยู่ ลมที่ไหนก็ไม่รู้ดันมาพัดให้หนังสือเกิดเอียงขึ้นมาจึงทำให้เฟรินหล่นลงมาหัวกระแทกกับโต็ะ เสียงดังไปทั้งห้อง ถือว่าเป็นคราวซวยของเฟริน อาจารย์เจ้าชายวางหนังสือที่กำลังสอนอยู่ลงบนโต็ะดัง ปัง!



    “มีอะไรจะถามหรือเปล่า เฟริน”อาจารย์เจ้าชายถาม พลางจ้องหน้าเฟรินที่ลุกขึ้นยืนแล้วหน้าซีดเล็กน้อย



    “เอ่อ...มะ...ไม่มี..คะ..ครับ”เฟรินพูดตะกุกตะกัก



    “ถ้าอย่างนั้น  ประเทศคาโนวาลมีการทำอะไรก่อนที่เจ้าชายแต่ล่ะคนจะสามารถขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไปได้” อาจารย์เจ้าชายชามัลถามขึ้น ยิ่งทำให้เฟรินหน้าซีด แต่ในใจเพียรหาคำตอบเพราะว่าเคยลองเข้าไปในห้องสมุดของเดมอสแต่นั้นมันก็ตอนเด็กแล้วอ่ะ แล้วเฟรินที่กำลังพยายามนึกก้มหน้าก้มตาอยู่นั้นก็เห็นว่าอยู่ ๆ หนังสือเล่มหนึ่งที่จดคำตอบไว้ถูกยื่นมาให้ ตอนแรกเฟรินนึกดีใจว่าคิลมันส่งมาให้แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองผู้ส่งก็กลับบึงตึงทันที



    “ว่าไง เฟรินคำตอบล่ะ”อาจารย์ยังคงรอคำตอบ



    “ต้องมีการแข่งขันประลองการต่อสู้ชิงตำแหน่งราชาครับ”เฟรินตอบ พร้อมกับที่หนังสือเล่มนั้นถูกดึงกลับจากคนที่ยื่นหนังสือมาให้‘แปลกคนแฮะ อีตาน้ำแข็งนี่นะ เดียวดีด้วย เดียวก็ร้าย’เฟรินคิดขณะจ้องหน้าคาโลพร้อมกับนั่งลง และหันไปนั่งฟังอาจารย์เจ้าชายสอนต่อและก็หลับไปอีกรอบ



    กิ่ง~~~ก็อง เสียงกริ่งบอกหมดเวลาคล้ายเสียงนาฬิกาปลุกให้ตื่นจากห้วงนิทราที่ยาวนาน นักเรียนทุกคนต่างพากันเคารพอาจารย์ผู้สอนก่อนพากันออกจากห้องเรียนไปเรียนวิชาต่อไป



    “เฮ้ คาโล”เสียงเรียกนี้ไม่ใช่ใครก็เฟรินนั้นเองแต่ที่น่าแปลกใจคงเป็นที่ว่าทำไมถึงเรียกคนที่พึงจะท้าสู้ไป และดูเหมือนคนถูกเรียกจะไม่รู้ตัวจึงไม่หยุดเดิน



    “เฮ้ย  ไอ้ก้อนน้ำแข็งเดินได้ บอกให้หยุดไงฟ่ะ”เฟรินเรียกด้วยเสียงดังผู้คนต่างหันมามองด้วยความตะลึงและทำให้คาโลหยุดเดินแล้วหันไปเอานิ้วชี้เป็นเชิงว่าเรียกฉันหรือ



    “ก็เออสิว่ะ หูหนวกหรือไงถึงต้องให้ตะโกนนะ”เฟรินพูดพลางเดินมาใกล้ ๆ



    “.........”คาโลไม่พูดอะไรเพียงแต่ส่งสายตาเย็น ๆ มาให้เท่านั้น



    “ฉันล่ะเกลียดไอ้สายตาแนวนั้นของนายจริง ๆ เลย”เฟรินพูด



    “นายมีเรื่องจะพูดแค่นี้ไช่ไหม”คาโลบอกแล้วหันหลังจะเดินต่อ



    “เดี๋ยว ฉันไม่ได้มาหาเรื่องนายนะ”เฟรินพูด คาโลจึงหันกลับมาจ้องหน้าคล้ายรอคำตอบ แต่เฟรินก็ไม่พูดอะไรออกมา รอบข้างมีเสียงผู้คนเดินไปมาพูดคุยกันมากมาย แต่ทว่าบริเวณทั้งสองคนกลับเงียบสงัด



    “มีอะไร”คาโลเอ่ยขัดความเงียบอย่างรำคาญเพราะมันจะทำให้เขาเข้าเรียนสาย



    “เอ่อ...คือ..ว่า”เฟรินพูดตะกุกตะกัก ‘โธ่เว้ย แค่พูดคำง่าย ๆ ทำไมถึงไม่พูดออกไปเล่า’เฟรินพูดอยู่ในใจ



    “..............”คาโลมองเฟรินอย่างเบื่อหน่าย แล้วทำท่าจะเดินหนี



    “อ่ะ   ฉันแค่จะบอกนายว่า ขอบใจที่ให้ดูหนังสือนะ”เฟรินพูดขึ้นมาแล้วเดินหนีไปทันที คาโลก็มองอย่างงง ๆ ก่อนที่จะยิ้มที่มุมปากเพียงนิดเดียวแล้วเดินตามไปเข้าห้องเรียน

          เฟรินที่เดินไปคิดไปอยู่ว่า ‘แปลกจริงเราเนี่ย  ทุกทีก็พูดคำว่าขอบใจง่าย ๆ แต่ทำไมคราวนี้ถึงพูดไม่ออกนะ คงจะเป็นเพราะเราไม่อยากแพ้เจ้านั้นล่ะมั่ง ช่างมันดีกว่า’แล้วเฟรินก็ก้มหน้ามองนาฬิกาที่มือถือของตน แล้วก็ต้องหน้าซีด ‘แย่ล่ะจะสายแล้ว’เฟรินคิดในใจก่อนที่จะออกแรงวิ่งเพื่อไปให้ทันเข้าเรียนต่อไป


       ตกเย็นในวันเดียวกัน ผู้คนต่างเริ่มทยอยกันปิดร้านส่วนร้านที่เปิดในเวลากลางคืนก็เริ่มเปิดทีล่ะร้าน จนเมื่อ ท้องฟ้าที่มีสีเหลืองอมแดงก็เปลี่ยนกลายเป็นท้องฟ้าที่ถูกทาด้วยสีดำและน้ำเงินเข้ม เฟรินนั่งมองทิวทันศ์ยามนี้อยู่ในห้องพลางถอนหายใจ และคิดว่า ‘วันนี้มีแต่เรื่องน่าเบื่อ เริ่มตั้งแต่ต้องมาพูดขอบใจให้ไอ้คนที่ไม่อยากจะพูดให้ฟัง ตามมาด้วยวิชาสัตว์พาหนะพระราชา ที่เจ้าโรซี่ดันไม่ยอมวิ่งซะได้ ต่อด้วยวิชาที่ควรจะสนุกเช่นฟันดาบก็ต้องทาเบื่อด้วยว่าเปลี่ยนอาจารย์เป็นลอร์ดลาเวน ชมัคเกอร์ เดอะเกรท วอริเออร์ ออฟบารามอส ที่คิดจะหลีหญิงอย่างเดียว ดีนะที่เราอยู่ในร่างผู้ชายเฮออ ทำไมวันถึงน่าเบื่อจริง ๆ ดาววันนี้ก็ไม่มีให้ดู แถมวันนี้ยังเป็นคืนเดือนมืดอีก น่าเบื่อ’ว่าแล้วเฟรินก็ลงไปนอนกลิ้งไปมาบนเตียงในห้องอยู่คนเดียว เนื่องจาดคาโลไปประชุม ส่วนคิลก็ดันไปไหนก็ไม่รู้ นอนไปนอนมาเฟรินก็เผลอหลับไป และในคืนนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินมาห่มผ้าให้เฟริน ชายคนนั้นไม่ใช่ใครก็คือคาโลนั้นเอง



          หลังผ่านความมืดที่แสนยาวนานก็มาเจอะกับความสว่างในยามเช้าของรุ่งอรุ่น  ทุกชีวิตเริ่มตื่นจากการหลับใหล ขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยผ่านมาจนจะครบหนึ่งปีแล้ว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะมีการสอบและการแข่งขันหมากกระดานเกียรติยศ ทำให้ทุกคนในป้อมอัศวินเริ่มคึกครื่นมากขึ้น พวกนักเรียนปีหนึ่งอย่างเฟรินก็เหมือนกัน เริ่มที่จะต้องฝึกฝนด้านการเรียนรู้และการต่อสู้มากขึ้น เฟรินได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มากมายและสั่งสมความเป็นเพื่อนซี้กับคิลมากขึ้นด้วย  แต่ก็ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เฟริน  เดอเบอโรว์หรือเจ้าหญิงเฟลิโอน่าหนักใจก็คือ ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเจ้าชายคาโลอย่างที่เธอไม่เข้าใจ และพฤติกรรมของชายหนุ่มที่แล้วมาที่เดี๋ยวก็ทำตัวดี แต่บางทีก็ทำเย็นชา แต่ในเวลาอย่างนี้ทำให้เธอต้องเลิกคิดเรื่องนี้ไปบ้าง



                ณ สวนหลังป้อมอัศวิน สถานที่ฝึกพิเศษสำหรับนักเรียนปี 1 เฟรินกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่หลังจากที่ต้องไปขนหินวิ่งไปวิ่งมาเกือบจะ50รอบได้แล้ว



    “ไง เฟรินไหวเปล่า”เสียงนี้มาพร้อมกับเจ้าของเสียงผมสีชานายขอทานโร เซวาเรส



    “ไอ้ไหวก็ไหว แต่ก็ต้องขอพักเหนื่อยหน่อยว่ะ”เฟรินพูกพลางหอบแฮ่ก แฮ่ก



    “นี้ตรงนั้นนะ อย่าอู้มาฝึกต่อได้แล้ว”เสียงสั่งนี้มาจากหญิงสาวผมทองตาสีฟ้า 1 ในสามนางฟ้าแห่งป้อมอัศวินที่ยืนคุ้มการฝึกแทนอาจารย์



    “นี้แอ้งจี้ ขอฉันพักเหนื่อยสิ”เฟรินท้วง



    “นายนะพักมาเป็นรอบที่100แล้วล่ะมั่ง”แอ้งจี้พูดประชด



    “โห มันไม่ถึงซะหน่อย ยายขี้โม้”เฟรินว่าและตามมาด้วยเสียง โป็ก!! และ โอ้ย!! เนื่องจากแอ้งจี้เอาคทามาตีหัวเฟรินจนเจ้าตัวร้องออกมาพลางเอามือกุมหัวบริเวณที่ถูกตีไว้



    “อย่ามาอู้นะเฟริน นายนะต้องฝึกอีหลายรอบเยอะกว่าเพื่อน เอ้า ไปขนหินต่ออีก50รอบ”แอ้งจี้สั่ง



    “โห มากไปมั่งแอ้งจี้..”แต่แล้วเฟรินก็ต้องหยุดพูดได้เพียงแค่นั้นเนื่องจากแอ้งจี้ชูคทาพร้อมตีแล้ว เฟรินจึงเดินไปขนหินต่อพร้อมกับโร



    “นางฟ้าตรงไหนกัน นางยักษ์หรือไม้ก็ปีศาจซะมากกว่ายัยแอ้งจี้เนี่ย”เฟรินบ่นกับโร แต่แล้วก็ต้องวิ่งเร็วขึ้นเมื่อบังเอิญหญิงสาวที่ตนพูดถึงมาได้ยินพอดีและวิ่งเอาคทาไล่ตีจนได้ซาลาเปาบนหัวไปหลายลูก



          เมื่อถึงเวลาที่สุริยันทอแสงต้องดับไป ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อผักผ่อน เฟรินก็เช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าตัวกลับมาถึงห้องหัวหน้าชั้นปี และเห็นว่าไม่มีใครอยู่เลยจึงได้แต่เปิดไฟเพื่อให้ห้องสว่างขึ้นในยามนี้ที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลง



    “เฮออ  เจ้าพวกนั้นยังไม่กลับมากันอีกหรือเนี่ย”เฟรินพูดเบา ๆ อย่างเหนื่อยล้า พร้อมกับเดินไปที่เตียงของตน พยายามข่มตาให้หลับ แต่แม้ว่าจะเหนื่อยเพียงใด ด้วยร่างกายที่เปียกเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวและยังไม่ได้อาบน้ำ บวกกับอากาศในตอนนี้ที่ร้อนอบอ้าวกว่าทุกวันทำให้นอนไม่หลับ



    “โธ่เว้ย ไปอาบน้ำดีกว่าว่ะ”เฟรินว่าพลางลุกจากเตียงตรงดิ่งเข้าห้องอาบน้ำไป เฟรินเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำก็เริ่มถอดเสื้อผ้าทีล่ะชิ้น จนเห็นเรือนร่างในแบบผู้ชายที่เนื้อหนังถูกทำให้แน่นขึ้นและมีกล้ามเป็นบ้างแห่ง แต่แล้วเมื่อมาอยู่ต่อหน้ากระจกก็มองดูตัวเองอยู่ได้ตั้งนาน



    “ต้องอยู่ในร่างผู้ชายตั้งหลายวันวันนี้ขอเป็นหญิงแค่อาบน้ำก็ยังดี”เฟรินว่าแล้วก็ถอดแหวนออกจากนิ้วจากร่างผู้ชายก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหญิง หน้าอกอวบขึ้น เอวกิ้วลงและสะโพกพายออก ผมที่สั้นประบ่าก็ยาวลงมาจนถึงสะโพก



    “อืม  แผลเป็นก็เริ่มมองไม่เห็นแล้วนะ ดีจัง”เฟลิโอน่าพูดพลางลูบแผลเป็นที่มีมาตั้งแต่เด็กก่อนที่จะเดินไปเปิดก็อกน้ำ สายน้ำไหลลงมาชโลมร่างกายและเส้นผมสีน้ำตาลของหญิงสาวให้เปียกชุ่ม



    “อืม...เย็นดีจังเลย”เฟลิโอน่าพูดพร้อมกับหยิบสบู่ขึ้นมาถูตามเรือนร่างของตนเองและล้างออกอีกครั้งด้วยสายน้ำจากฟักบัว ‘จะว่าไปไม่ได้แช่น้ำร้อนมาตั้งนานแล้วนะ ตั่งแต่วันที่ออกมาจากเดมอสนะ’เฟลิโอน่าคิด‘แต่ว่าวันนี้อากาศร้อนแช่น้ำร้อนคงไม่ดีแน่แน่’หญิงสาวคิดต่อพลางหมุนก๊อกน้ำและเอือมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตามร่างกาย และพันเอาไว้ ‘ว่าแต่ที่เดมอส ตอนนี้เป็นยังไงนะ คิดถึงเสด็จพ่อจังเลย ปานนี้ทำอะไรอยู่น้า’เฟลิโอน่าคิดแล้วมองไปรอบด้าน แล้วก็ต้องคิ้วขมวดก่อนที่จะคลายออกเพราะคิดขึ้นได้ว่า ‘ลืมหยิบเสื้อผ้าเข้ามา’หญิงสาวจึงเอาผ้าพันกายไว้แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เพราะรู้ว่าไม่มีใครอยู่เป็นแน่ และก็จริงไม่มีใครอยู่เลย



          เฟลิโอน่าเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับแหวนเปลี่ยนเพศ เจ้าหล่อนเดินมาเลือกเสื้อผ้าแล้วไปวางเอาไว้ที่เตียงของตนเอง และนั่งลงบนเตียงนั้นข้าง ๆ เสื้อผ้าที่จะใส่ และแล้วลมหนาวยามค่ำคืนก็ผัดมาผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องต้องเรือนร่างของหญิงสาว ทำให้เฟลิโอน่าสั่นเล็กน้อย



    “บรื่อ  หนาวจัง”เฟลิโอน่าร้องออกมา



    “เปลี่ยนเป็นผู้ชายแล้วใส่เสื้อผ้าดีกว่า”ว่าแล้วก็บรรจงสวมแหวนเข้าไปในนิ้วเรียวสวยแต่แล้ว



    โครม!!



    ***_____________________________________________________________________________________***


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×