ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่6 ป้อมอัศวินและเพื่อนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 378
      1
      27 ก.พ. 49


    “หอพักของนักเรียนปีหนึ่งนั้นจะอยู่ที่ชั้นสองทั้งหมด ชั้นสามถึงชั้นแปดเป็นของรุ่นพี่ถ้าไม่มีธุระอะไรอย่าขึ้นไปจะดีกว่านะชั้นล่างเป็นสถานที่รวมของทุกคน ในแต่ล่ะปีจะมีการแข่งชิงตราพระราชา และที่งานสำคัญที่จะเพื่มธงคะแนนป้อมได้ดีและนี้คงเป็นงานที่ทุกคนรอคอย งานแข่งขันหมากกระดานเกียรติยศ”เสียงของรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังอธิบาย ไปเรื่อย ๆ อยู่



    “ไงเจอกันอีกแล้วนะ”เสียงทักเฟรินดังขึ้นมาจากข้างหลังและดังมาจากเจ้าของฝ่ามือที่อยู่ที่ไหล่ เฟรินจึงหันไปมอง



    “นายก็มาอยู่ป้อมนี้ด้วยหรือ”เฟรินพูดด้วยความแปลกใจเพราะที่ตนเห็นนั้นคือนาย โร เซวาเรสหรือนายขอทานนั้นเอง



    “อ้าวแล้วนายจะให้ฉันไปอยู่หอไหนล่ะ”โรพูดขึ้น



    “ฮ่าฮ่า ก็คิดว่าคงไปอยู่แผ่นดินประชาชนนะสิ”เฟรินพูดกลั้วหัวเราะ



    “งั้นเสียใจหรือที่ฉันมาอยู่ป้อมอัศวินเหมือนนายนะ”โรพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เศร้า ๆ จนเฟรินรู้สึกผิด



    “ขอโทษล่ะกัน ฉันไม่ได้เสียใจหรอกนะที่นายมาอยู่ที่นี่นะ”เฟรินพูดเสียงอ่อย ทำเอาโรยิ้มออกมาอย่าง  เจ้าเหล่ เฟรินจึงรู้ว่าถูกหลอก



    “นายนี่...”เฟรินทำท่าจะโวยแต่ก็ต้องโดนขัดขึ้นทันใด



    “ตรงนั้นนะ คุยอะไรกัน”เสียงตวาดดังขึ้นจากรุ่นพี่ที่มีผมสีทองอร่ามและดวงตาสีม่วงอเมทินต์ ถ้าดูดี ๆ จะถือว่าหล่อมาก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าที่บูดบึงนั้น



    “น่า น่า ลอรี่”เสียงนี้ดังมาจากบุรุษคนหนึ่งที่มีเส้นผมสีดำและดวงตาสีดำที่ฉายแววอบอุ่นปนทะเล้นอยู่ภายใต้กรอบแว่นกลม ๆ นั้น และเขาก็ต้องเอียวตัวหลบกริชสีเงินที่พุ่งมาและไปปักอยู่ที่กำแพงโรงเรียน



    “นายอย่าพูดชื่อนั้นให้ได้ยินอีกถ้ายังไม่อยากตาย”บุรุษผู้ขว้างกริชพูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มของบุรุษผมดำที่นั่งจิบชาต่อไป



    “อ่ะ เอาไป”เสียงนี้มาจากรุ่นพี่ที่เป็นคนมอบผ้าคลุมให้เมื่อกี้พร้อมกับที่เขายืนใบสีขาวมาข้างหน้าบุรุษผมทองคนนั้น



    “อะไร?”บุรุษผู้นั้นถามอย่างงง ๆ



    “ใบเก็บค่าเสียหาย”บุรุษผมน้ำเงินพูดขึ้น ทำเอาใบหน้าของชายหนุ่มผู้ถูกเรียกเก็บค่าเสียหายบูดยิ่งกว่าเดิมพร้อมกระชากใบเก็บมายัดใส่เสื้อคลุม แล้วรุ่นพี่คนเดิมก็บรรยายรายงานต่อไป



    “อะไรว่ะเนี่ย”เฟรินบ่นออกมาเบาๆ แต่ก็พอให้คนข้างตัวได้ยิน



    “ก็รุ่นพี่ของพวกเราไงล่ะ”โรพูดขึ้นมาเบา ๆ พอให้ได้ยินกันแค่ 2 คน



    “รุ่นพี่?”เฟรินถามงง ๆ



    “นายไม่รู้จักหรือ?”โรถามอย่างแปลกใจ



    “ไม่อ่ะ”เฟรินพูดแล้วก็คิดในใจ ‘ใครจะไปรู้ล่ะ ก็อยู่แต่ในเดมอสเอาแต่ฟังอย่างเดียวไม่เคยเจอ’



    “แล้วรู้จักเรื่องที่ว่าป้อมอัศวินมี หัวหน้าป้อม  เสธฯ ซ้ายและขวา สามขุนพล  สี่ผู้คุ้มกฏ กับสิบสองผู้พิทักษ์ป้อมหรือเปล่า”โรถาม



    “อืมก็พอรู้มาบ้างนะ”เฟรินพูดและคิดต่อในใจต่อ ‘ก็เคยได้ยินที่ไอ้โกโดมมันพูดให้ฟัง’



    “ก็ดีจะได้พูดง่ายขึ้น  คนนั้นนะที่เป็นคนหมอบผ้าคลุมให้เราเมื่อเช้านะ เป็นเสธฯซ้ายนะ ชื่อว่า เจ้าชาย โรเวน  ฮาเวิร์ด เดอะปรินซ์ออฟเจมิไน  คู่แข่งตัวฉกาจของเจ้าชายอาเธอร์ เลโอนาท บริสตั้นนะ”โรบรรยายพร้อมกับชี้ไปที่เจ้าชายคนนั้นที่กำลังนั่งฟังอยู่เฟรินคิดในใจต่อว่า ‘อืม...เจ้าชายโรเวน คนสำคัญของเจมิไน ผู้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เคยแต่ได้ยินมาว่าหล่อนัก ได้มาเจอตัวจริงก็คราวนี้ หน้าตาก็ดูดีใช่ได้นี่’



    “ส่วนคนนั้นนะ  ไธนอส  ทิลดอล ผู้มียศเป็นเสธฯขวาของที่นี่”โรพูดต่อพร้อมกับชี้ไปที่อีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โรเวน



    “ส่วนตรงกลุ่มนั้นคือสี่ผู้คุ้มกฎ”โรพูดต่อพลางชี้ไปที่กลุ่มที่นั่งจิบช้าอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ โรเวน



    “มีใครบ้างอ่ะ”เฟรินพูดขณที่มองตามโรและเมื่อโรเอานิ้วลงก็บรรยายต่อทันที



    “ผู้ชายที่ยืนนั้นนะ ชื่อชิวาส  เดเบส  ส่วนผู้หญิงคนนั้นนะที่ยืนข้าง ๆ ชื่อ โซมาเนีย มิสทรัล”โรที่พูดอยู่ถูกขัดโดยเฟริน



    “แล้วอีกสองคนนั้นอ่ะ”



    “อย่าขัดสิ”โรพูด เฟรินเลยยกมือขอโทษ



    “คนที่ขว้างมีดนั้นนะ ชื่อว่าลอเรนซ์  ดอร์น  และคนที่กำลังนั่งจิบชาอยู่นั้นนะ ลูคัส ซาโดเรีย”โรอธิบายต่อ



    “อืม....รุ่นพี่ลอเรนซ์กับรุ่นพี่ลูคัส น่าสนใจดีนะคู่นี้”เฟรินพูดเปย ๆ ขึ้นมา แต่ก็ทำให้โรยิ้มออกมา



    “รู้ไหมว่าทั้งคู่ฉายาว่าอะไร”โรพูดขึ้นมาแบบหัวเราะน้อย ๆ



    “อะไรล่ะ พูดมานะ อย่ามาทำอ้ำอึ้ง”เฟรินพูดอย่างเริ่มหงุดหงิดเล็ก ๆ



    “ก็รุ่นพี่ลอเรนซ์นะมีฉายาว่าบักบวชส่วนรุ่นพี่ลูคัสนะมีฉายาว่าซาตานนะสิ….”โรยังคงอธิบายไม่จบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัด



    “ตรงนั้นนะเมื่อไร่จะหยุดคุยกันซะที”เสียงนี้ดังมาจากรุ่นพี่ผู้มีผมสีทองตาสีม่วงใบหน้าบูดบึงเป็นเอกลักษณ์รุ่นพี่ลอเรนซ์นั้นเอง



    “ถ้ายังไม่หยุดคุยเดียวได้เจอดีแน่แน่”ลอเรนซ์พูดเสียงขู่อย่างน่ากลัวพร้อมกับโยนกริชไปมาเล่นอยู่ในมือ ‘แน่ใจนะว่านี้นักบวชของป้อมอัศวินนะ’เฟรินคิดในใจอย่างกลัว ๆ แม้ภายนอกจะยิ้มจนปากจะถึงหูอยู่แล้ว



    “พอได้แล้ว ลดกริชลงซะทีเถอะ น้องเขากลัวกันหมดแล้วนะ ลอรี่”ลูคัสพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะครั้งนี้ลอเรนซ์กลับไม่ยอมปากริชในมือเนื่องจากเลือบไปเห็นโรเวนเตรียมกระดาษและปากกาสำหรับจดค่าพังกำแพงที่กำลังจะเกิดขึ้น ลูคัสหัวเราะออกมาน้อย ๆ ดวงตาสีนิลภายใต้กรอบแว่นมีหยดน้ำเล็ก ๆ เกาะอยู่ดูเหมือนว่าจะกลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด ‘นี้หรือซาตานที่น่ากลัวไงเป็นงี้ซะล่ะ’เฟรินงงกับพฤติกรรมของรุ่นพี่ตรงหน้าเป็นอย่างมากจนมันแสดงออกมาถางใบหน้า



    “นายไม่ต้องงงไปหรอกเดียวก็ชินเองล่ะ เราต้องอยู่กับพวกเขาอีกต้องหลายปีนะ”โรพูด เฟรินจึงรีบปรับสีหน้ากลับมาเป็นแบบเดิมและนั่งฟังรุ่นพี่ที่เริ่มบรรยายต่อไปอีกครั้ง



    “อาจารย์ป้อมของเราคือ มิสแรมเซิล กิลเบิร์ต ประจำวิชายุทธศาสตร์การรบ และคงจะได้เจอกับน้อง ๆ ในวิชาการเดินหมากฯเบื้องต้นด้วย ประธานนักเรียนป้อมนี้คือ เซอร์เทวิส  ฟิลลิปปี้ เดอะวอริเออร์ ออฟ บารามอส แต่ตอนนี้ไม่อยู่จึงให้เจ้าชายโรเวนเป็นผู้รักษาการณ์และกฎของที่นี้แทน”พอรุ่นพี่พูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดให้โรเวนลุกขึ้นพูดกับทุกคน แต่ว่าโรเวนกลับพูดสั้น ๆ เพียงว่า



    “สนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรคใดใด และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด นี้คือป้อมอัศวิน”แล้วโรเวนก็กลับไปนั่งที่เดิมพร้อมกับรับชามาดื่มจากลูคัส



    “เอาล่ะนี้เป็นเรื่องสุดท้ายแล้ว เราจะจัดห้องแบ่งเป็นห้องหนึ่งนอนพักกัน 3 คน และจะมีห้องหัวหน้าชั้นปีด้วย ผู้ที่อยู่ห้องนี้จะต้องรับคำท้าจากผู้ท้าชิงทุกคนโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดใด ดังนั้นจึงไม่อาจแน่นอนว่าหัวหน้าชั้นปีทั้ง 3 คนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป เราจะเลือกหัวหน้าชั้นปีจากผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดสามคน”รุ่นพี่พูดถึงตรงนี้ก็หยุดแล้วหันไปคุยกับรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง ปล่อยให้ทุกคนตื้นเต้นกับที่ว่าใครจะได้รับเลือกให้อยู่ห้องหัวหน้าชั้นปี แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่สนใจเลยนั้นคือเฟรินนั้นเอง



    “นี่ ๆ เฟริน นายว่าฉันจะได้อยู่ห้องนี้เปล่าอ่ะ”โรพูด



    “ไม่รู้สิ ฉันรู้อย่างเดียวใครได้ห้องนั้นแย่แน่ ๆ ต้องมาคอยรับมือกับผู้ท้าชิงอยู่ทุกวัน แถมต้องรับสู้โดยไม่มีข้อโต้แย้งอีกต่างหาก”เฟรินบ่นออกมา



    “นายไม่อยากอยู่ห้องนี้หรือ”โรถาม



    “ไม่เอาอ่ะ อยู่ไปตายกันพอดี”เฟรินพูด ‘ใช่ตายพอดี ใช่ว่าเรากลัวหรอกนะเราก็มีฝีมือเพราะฝึกอยู่ที่เดมอสเป็นประจำ ทั้งร่ายเวทย์ และทางดาบ ไม่มีใครสู้ฉันได้ เพียงแต่ที่นี้ไม่ใช่เดมอสแต่มันคือเอเดน เราไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงได้หรอก’เฟรินอยู่ในใจพลางทำหน้ามุ่ย



    “เอาล่ะทุกคนเงียบหน่อยนะ ผู้ที่ได้อยู่ห้องหัวหน้าชั้นปีมี คาโล วาเนบลี เจ้าชายแห่งคาโนวาล , คิลมัส ฟีลมัส  นักฆ่าแห่งซาเรส และคนสุดท้าย เฟริน เดอเบอโรว์  หัวขโมยแห่งบารามอส”รุ่นพี่พูดขึ้นมาทำให้หลายต่อหลายคนตกใจรวมทั้งในนั้นก็มีเฟรินอยู่ด้วย



    “ผมขออยู่ห้องธรรมดาได้ไหม”เฟรินร้องออกมา



    “นายไม่ต้องฉันไปเอง”คาโลพูดออกมาอย่างเย็นชา แววตาส่อแววไม่พอใจเป็นอย่างมาก



    “นายเหมาะที่จะอยู่ในห้องนั้นแล้วล่ะ พ่อน้ำแข็งแห้ง”เฟรินพูดอย่างอารมณ์ที่ไม่พอใจเช่นกัน



    “นายนั้นแหละอยู่ไป”คาโลพูดอย่างหงุดหงิด



    “ก็ฉันบอกให้นายอยู่ไปแล้วหาคนใหม่เพื่มอีกคน ไม่ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”เฟรินก็พูดอย่างหงุดหงิด



    “นายนั้นแหละพูดไม่รู้เรื่อง”คาโลตวาดกลับมา



    “นายนั้นแหละๆฟังไม่ออกหรือไงห่ะ”เฟรินตวาดกลับทันที



    “ฉันฟังภาษาขโมยไม่ออก”คาโลพูดออกมาอย่างเย็นชามาก ๆ แววตาแข็งกร้าวขึ้นทันใด



    “อย่ามาดูถูกกันนะ ถึงฉันจะเป็นแค่ขโมยก็เถอะ”เฟรินตวาดออกมาเสียงดังเนื่องจากโกรธจนหน้าแดง



    “หยุด  หยุด พี่สั่งให้หยุดไง พอได้แล้ว”เสียงนี้ดังมาจากรุ่นพี่ที่นั่งชมการทะเลาะอยู่นานเอ่ยขึ้น



    “อย่าแค่พูดเลยโรเวน จัดการเลยดีกว่า”ลอเรนซ์พูดออกมาพร้อมที่จะปากริชด้วยความหงุดหงิด



    “เอาน่าลอเรนซ์ นายก็อย่าโหดนักเลย”โรเวนห้ามเอาไว้ก่อนที่จะมีคนตาย



    “เอาล่ะ เฟริน คาโล ฟังนะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนห้องได้ พวกเธอจะต้องอยู่ห้องเดียวกันเข้าใจไหม”โรเวนหันมาพูดกับทั้งสองที่หยุดทะเลาะหันมาแข่งจ้องตากันอย่างไม่มีใครลดละหรือยอมให้ใคร



    “เข้าใจไหม”โรเวนถามย้ำอีกครั้ง



    “ครับ/ฮะ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกันแต่ยังไม่เลิกจ้องตากัน



    “ก็ดี แล้วผมจะได้เข้าห้องยังครับ”เสียงนี้ดังมาจากบุรุษอีกคนผู้มีผมสีดำนัยต์ตาสีม่วงที่เดินฝ่าออกมาจากฝูงชน



    “อ๋อ อ่ะกุณแจเอาไปคิล”รุ้นพี่คนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมยื่นกุณแจไปให้ คิลรับมาแล้วลากกระเป๋าเดินเข้าห้องไป



    “แล้วเมื่อไหร่พวกเธอจะเลิกจ้องตากันอย่างคู่กัดล่ะ”โรเวนหันมาถามอีกคู่ที่ยังไม่เลิก คาโลจึงยอมลดสายตา แล้วลากกระเป๋าเดินเข้าห้องไป



    “ชินึกว่าจะ แน่  ใหญ่มากนักหรือไง ถึงคิดว่าใคร ๆ ก็ต้องยอมนะ”เฟรินพูดขึ้นมา



    “แต่เขาก็ใหญ่จริง ๆ นะเฟริน”โรพูดแทรกขึ้นมาและเดินมาหากระซิบข้างหูเฟรินว่า



    “รักษาตำแหน่งไว้ให้ดี  ๆ แล้วฉันจะไปแย่งมันมา” เฟรินเอามือกุมหูข้างนั้นไว้เมื่อโรพูดจบ แล้วก็เสยผมสีน้ำตาลพร้อมกับสถบออกมาก่อนที่จะลากกระเป๋าเข้าห้องไป


        ภายในห้องของหัวหน้าชั้นปี 1 นี้เมื่อเฟรินเดินเข้ามาก็พบว่าเป็นห้องที่กว้างดีเหมือนกันถึงจะเล็กไปหน่อย มีสามเตียงที่มีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ข้างบน มีตู้เสื้อผ้า 3 ตู้ และโต็ะอ่านหนังสือ 3 ตัว และที่โชคดีคงจะเป็นเพราะมีห้องน้ำในตัวล่ะมั่ง เตียงทางขวานั้นถูกนักฆ่าที่เข้ามาเป็นแรกเลือกไปแล้วกำลังจัดของอยู่ ส่วนเตียงทางซ้ายที่ใกล้กับตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำถูกเจ้าชายน้ำแข็งที่แสนน่าเกลียดเลือกไปแล้ว เฟรินที่กำลังมองรอบ ๆ ห้องอยู่นั้นก็เผลอไปสบตาเข้ากับคาโลพอดี แต่สายตาที่คาโลส่งมาให้นั้นมันเป็นสายที่ดูถูกเหยีดหยามและเย็นชามาก ๆ เฟรินไม่แม้แต่จะสนใจสะบัดหน้ากลับแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงตรงกลางที่เหลืออยู่เตียงเดียว และเริ่มจัดของ

                   ขณะที่จัดของเสร็จก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี เฟรินมองออกไปนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้าขณะนี้เริ่มมีสีม่วงสีแดงและสีดำปกคลุมเป็นบางส่วน เสียงนกน้อยหลากหลายชนิดต่างพาร้องและบินกรับรังของตน ดวงสุริยันที่เคยทำหน้าที่ก็เริ่มเปลี่ยนกับดวงจันทร์ที่ค่อย ๆ ขึ้นมาเมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน สายลมเย็นที่พัดผ่าน ใบไม้ที่ปลิบปลิวตามสายลม เสียงของผู้คนที่เริ่มปิดร้านขายของหรือว่าเริ่มที่จะเปิดและเสียงพูดคุยก็ดังไปทั่วจนได้ยินมาถึงโรงเรียนพระราชาแห่งนี้ เฟรินหันสายตากลับมามองภายในห้องที่บัดนี้เปิดไฟเอาไว้เพื่อให้แสงสว่างในห้อง บุรุษที่แสนจะน่าเบื้อ แถมยังขี้เก็กกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ‘เชอะ ทำมาเป็นขยัน รู้เรื่องไปทั่ว ทั้งที่อยู่แต่ในหอคอยงาช้าง’เฟรินคิดในใจแล้วหันไปมองอีกคนที่ตอนนี้กำลังนอนกลิ้งไปหา แล้วอยู่ ๆ เขาก็หันมามอง ทั้งคู่มองกันไปมาแล้วก็ยิ้มออกมาพร้อมกัน ‘นายนักฆ่าคนนี้ยังน่าคบกว่าไอ้เจ้าชายนั้นอีก’เฟรินคิดแล้วเดินไปนั่งที่เตียงของคิล



    “ไง นายชื่อ คิลมัส ฟีลมัสใช่ไหม”เสียงนี้เฟรินเป็นคนเริ่มบทพูด



    “เรียกฉันว่าคิลก็ได้นะ เฟริน”คิลพูดพร้อมรอยยิ้ม



    “โอเค คิล ว่าแต่นายเป็นนักฆ่าทำไมถึงมาเรียนที่นี่ล่ะ”เฟรินถามด้วยแววตาใสซื่ออยากรู้



    “ก็แค่เบื่อ ๆ ที่บ้านนะก็เลยขอพ่อมาเรียนที่นี่ดูว่าแต่นายเถอะทำไมถึงมาเรียนที่นี่”คิลพูดถามกลับบ้าง



    “ก็โดนพ่อนะสิสั่งให้มาเรียน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน น่าเบื่อจะตาย”เฟรินบ่น



    “อ้าวนายไม่ได้อยากมาเรียนเองหรอกหรือ”คิลถามด้วยหน้าที่ใสซื่อ



    “ไม่ได้อยากมาแม้แต่นิดเดียว ฉันอยากที่จะเที่ยวไปเรื่อย ๆ นะ”เฟรินพูด



    “เอ้อ รอเดียวนะเฟริน  ฉันว่าเราคงจะได้ทำความเป็นเพื่อนกันอีกเยอะขอให้หาขนมมาทานก่อน”คิลพูดแล้ววิ่งออกจากห้องไม่ฟังคำคัดค้านของเฟรินเลย ทำให้เขาต้องมาอยู่กับเจ้าชายน่าเบื่อสองต่อสองเวลาผ่านไปสักพัก คิลก็ยังไม่กลับมา ท้องฟ้าในตอนนี้เป็นสีนิลที่มีประกายของดวงดาวมากมายแต่ก็ยังมิอาจเด่นเท่าดวงจันทร์เพียงดวงเดียวที่ลอยและแปร่งสีเหลืองนวลสวยออกมา สายลมเย็น ๆ พัดผ่านเข้ามาในห้อง ทำให้บุรุษที่นั่งอ่านหนังสือของจับผมสีเงินของตนเองไม่ให้มาบังสายตาเพราะกำลังอ่านหนังสือ แต่ภาพนั้นไม่รู้ทำไมกลับดูเท่ในสายตาของเฟริน เมื่อเจ้าหล่อนรู้ตัวว่าตัวเองนั่งมองคาโลมาตั้ง นานแล้วจึงหน้าแดงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

          ภายในห้องน้ำเฟรินถอดแหวนออกมาจากนิ้วแล้ววางลงบนขอบกระจก จากร่างของผู้ชายก็ผลันกลายเป็นเป็นหญิง ผมสีน้ำตาลที่สั้นประบ่าก็ยาวลงมาจนถึงสะโพก เฟรินกลับมาเป็นเฟลิโอน่าอีกครั้งหญิงสาวถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นพลางบ่นในใจไปเรื่อย ๆ ‘ไม่อยากต้องมาเป็นผู้ชายเลย ยุ่งยากจริง ๆ เลย’หญิงสาวเดินไปหมุนก๊อกแล้วน้ำก็เริ่มไหลจากฟักบัว มาจนถึงร่างกายของหญิงสาว สายน้ำค่อย ๆ ไหลไปตามเรือนร่างที่อรชนได้รูปและตามเส้นผมสีน้ำตาลของหญิงสาว ‘น้ำเย็นจัง ค่อยน่าอาบหน่อย เหนียวมาทั้งวัน  ปวดเมือยจังเลยคืนนี้จะนอนให้เต็มอิ่มเลย ว่าแต่น้ำเย็นแบบนี้คล้ายกับสายตาเย็น ๆ ของเจ้าชายคาโลเลยเฮะ’พลันใบหน้าของเฟลิโอน่าก็เริ่มแดงเมื่อนึกถึงใบหน้ารูปสลักนั้นและเหตุการณ์ที่เธอนั่งมองเขาอยู่ตั้งนาน ‘เราจะไปยุ่งอะไรกับตาบ้านั้นล่ะ  ไม่ได้คิดอะไรด้วยสักหน่อยจะหน้าแดงทำไมนะเรา บ้า ๆ ๆ ๆ บ้า’เฟลิโอน่าคิดไป

    พลางโขกหัวตัวเองไปพลางก่อนที่จะปิดก๊อกน้ำ แล้วหยิบสบู่ขึ้นมาถูจนเกิดฟองไปทั่วร่างกาย แล้วเปิดให้น้ำไหลอีกครั้ง ก่อนที่จะปิดและเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดตัวและพันตัวเอาไว้ ‘แย่ล่ะ ตอนเข้ามาดันลืมหยิบเสื้อผ้ามาด้วยทำไงดี’เฟรินคิดพลางใบหน้าก็ซีดเล็กน้อยด้วยความหนาว ‘เอาว่ะลองออกไปเอาดู’เฟลิโอน่าคิดแล้วค่อยแงมประตูห้องน้ำจึงพบว่าเจ้าชายคาโลได้นอนหลับอยู่บนเตียง เจ้าหล่อนจึงรีบออกมาหยิบเสื้อผ้า แต่แล้วเจ้าคิลตัวดีก็ดันกลับมาตอนนี้ซะได้



    “ไง เฟรินรอนานไหม”คิลพูดได้แค่นั้นเพราะเสียงต่อมาคือเสียงปิดประตูห้องน้ำดัง ปัง! เพราะเฟลิโอน่า รีบเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าแล้วและเสียงปิดประตูก็ทำให้คาโลตื่นซะแล้ว ‘เกือบแย่แล้วไหมล่ะ ดันลืมเปลี่ยนเป็นผู้ชายก่อนออกไป’เฟลิโอน่าคิดแล้วจึงหยิบแหวนขึ้นมาสวมเปลี่ยนเป็นเฟรินคนเดิมแล้วรีบใส่เสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำ



    “เฮ้ย เฟริน เมื่อกี้สงสัยฉันจะตาฝาดว่ะ”คิลเมื่อเห็นเฟรินเดินออกมาก็พูดขึ้น



    “เรื่องอะไร”เฟรินถามหน้าซื่อ ๆ



    “ก็เห็นนายเป็นผู้หญิง”คาโลตอบแทนพร้อมเดินเข้าห้องน้ำไปเพราะไม่อยากทะเลาะด้วย



    “นายคิดได้ไงอ่ะ”เฟรินถามด้วยเสียงสูง และใบหน้าที่แสดงออกว่าตกใจ



    “นั้นสิ ฮ่า ฮ่าฮา”คิลพูดแล้วก็หัวเราะออกมา เฟรินจึงรวมผสมรองหัวเราะด้วย ‘เฮออ รอดไป’เฟรินคิดแล้วทั้งคู่ก็เริ่มบทสนทนาไปเรื่อย ๆ อย่างสนุก แล้วอยู่ไฟก็ดับลงทันที



    “เฮ้ย ใครปิดไฟ”เฟรินโวย



    “ฉันเอง”คาโลพูดตอบในความมืด



    “ปิดไฟทำไม”เฟรินถามด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจ



    “ก็ฉันจะนอนแล้ว”คาโลพูด



    “แล้วไม่เห็นพวกฉันกำลังคุยกันหรือไง”เฟรินพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด



    “เห็น แต่ว่าฉันจะนอนมันดึกแล้ว”คาโลพูดต่ออย่างเย็น ๆ



    “นายนี่มัน..”เฟรินจะตวาดกลับแต่โดนคิลห้ามไว้



    “น่า นี้ก็ดึกแล้วอย่างมันว่า ไปนอนเถอะ”คิลพูด เฟรินจึงจำใจกลับไปที่เตียงของตนเอง ‘ว่าแต่คิลมันสนิดกับคาโลจนเรียกเจ้าชายว่า มัน แล้วหรือเนี่ย’เฟรินคิดในใจพลางมองไปที่เพื่อนนักฆ่าที่กำลังนอนอยู่ ‘แล้วอีตาเจ้าชายนั้นนะ จะใหญ่มาจากไหนก็เหอะนะ  นายนะใหญ่สู้ฐานะจริง ๆ ของฉันได้เปล่าล่ะเชอะ ครั้งนี้ฉันจะยอมทำตามนายก็ได้’เฟรินคิดพร้อมกับหันไปมองทางคาโลแต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ถูกมองเช่นกัน ‘ช่างเถอะ นอนดีกว่า’เฟรินคิดต่อและเมื่อหัวถึงหมอนเจ้าตัวก็หลับไปในทันใด



    ***______________________________________________________________________________***



    อ๊ากกกกกกก    หนูแต่งโป๊ไปเปล่าเนี่ย แล้วพบกันตอนหน้านะค่ะ ไปล่ะ  ชะเเว็บ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×