ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 พบกันครั้งแรก และการสอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 474
      2
      27 ก.พ. 49


    “คาโล  วาเนบลี  เจ้าชายแห่งคาโนวาล”



               เสียงประกาศเรียกชื่อดังขึ้น พร้อมกับบุรุษคนหนึ่งเดินผ่านหน้าเฟลิโอน่าไปบุรุษคนนี้มีเส้นผมสีเงินทอประกายรับแสงอาทิตย์  ดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววเย็นชาได้อย่างชัดเจนและแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่น การย่างก้าวแฝงไว้ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ในอาภรณ์ของราชนิกูลแต่ทุกอริยาบท ก็แสดงและสะท้อนถึงสายเลือดสีน้ำเงินได้เป็นอย่างดี



    “ขี้เก็ก ชะมัด ตาคนนี้” เฟลิโอน่าพูดออกด้วยเสียงที่ออกจะห้าว ๆ เพราะอยู่ในร่างผู้ชายให้ได้ยินกันแค่สองคน



    “เอาน่า ๆ อย่าคิดมาก”มาดัสพูดเบา ๆ บ้าง



    “ว่าแต่ลุงใช่ชื่ออะไรสมัครให้ผมอ่ะ”เฟลิโอน่าถาม



    “เดียวก็รู้”มาดัสบอก และแล้วสิ่งที่ทำให้เฟลิโอน่าถึงกลับหน้าซีดนั้นก็คือเสียงประกาศเรียกชื่อที่มาดัสพยักเป็นเชิงว่านั้นแหละชื่อของเขา



    “เฟริน  เดอเบอโรว์ หัวขโมยแห่งบารามอส”



    “ทำไมถึงใช่ชื่อนั้นล่ะลุง”เฟลิโอน่าหันมาถาม



    “อ้าวก็ให้ข้าเป็นคนสมัครก็ต้องใช่นามสกุลของข้าสิ จะให้ใช้ของเจ้าเดียวก็ได้พากันไปตายนะสิ”มาดัสตอบ



    “แล้วก็นะ  ต่อไปนี้นายคือเฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟ บารามอส จำเอาไว้”มาดัสพูดต่อ



    “ไงเป็นงั้นไปอ่ะ”เฟลิโอน่าบ่น



    “ไปได้แล้ว”มาดัสพูดเฟลิโอน่าในร่างผู้ชายจึงเดินไปรายงานตัวและเดินไปยืนข้าง ๆ เจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาล



    “สวัสดี”เฟลิโอน่าทักคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว  สายตาสีฟ้าหันมามองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเหยียดที่มุมปากที่เฟลิโอน่าคิดว่าตนเองไม่ชอบเอาซะเลย ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเย็น ๆ ออกมา



    “หัวขโมยก็ยังคงเป็นหัวขโมยอยู่วันยังค่ำ ย่อมเป็นพระราชาไปไม่ได้” คำพูดนี้ทำเอาเฟลิโอน่าชะงัก

    ‘นี่มันดูถูกเรานี่วา’เฟลิโอน่าคิดพร้อมกับที่จะเอ่ยปากต่อคำ เสียงประกาศเรียกชื่อคนต่อมาก็ทำให้เฟลิโอน่ายิ้มออกมา



    “โร  เซวาเรส   ขอทานแห่งทริสทอร์”



    “ถ้าขอทานยังมาร่วมเรียนกับเจ้าชายได้ ขโมยก็อาจเป็นพระราชาได้เหมือนกัน”เฟลิโอน่าพูด นัยต์สีฟ้าคมกริบมองมาทางคนปากดี เฟลิโอน่าทำหน้าซื่อ ๆ



    “”อย่าเชื่อในสิ่งที่ตนเห็นแค่เพียงภายนอกให้มากนะจะดีกว่านะ”เฟรินเอ่ยให้ได้ยินกันแค่สองคนกับเจ้าชายก่อนที่จะยิ้มเหยาะและไม่หันมาใส่ใจ หรือสนใจกับสายตาเย็นชาที่ส่งมาให้ด้วย



    “เฟริน  เดอเบอโรว์ หัวขโมยแห่งบารามอสใช่ไหม”

            

          เสียงเรียกชื่อของตนอีกครั้งทำให้เด็กหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ ‘ลืมไปเลยว่า ตอนนี่เป็นผู้ชาย’เฟลิโอน่าคิด คนที่เรียกชื่อเป็นชายแก่ เครายาวสีเงิน ทีริ้วรอยตามใบหน้าที่บ่งบอกอายุ แต่เรียวปากกลับแย้มรอยยิ้มเป็นกันเองออกมา รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น ‘คนนี้คงจะเป็นปราชญ์เลโมธี ที่เสด็จพ่อและเจ้าโกโดมมันพูดถึงบ่อย ๆ แน่เลย’เฟลิโอน่าคิดก่อนที่จะขานรับอย่างตะกุกตะกัก



    “คะ...ครับ....ครับ”



    “สวัสดีครับ”เฟลิโอน่าทักอีกครั้งแล้วมองไปรอบห้อง ๆ พบกับชายหญิงที่เฟลิโอน่าคิดว่าจะต้องเป็น

    กรรมการคุมสอบแน่ ๆ



    “มานั่งตรงนี้สิ”ชายหนุ่มผู้คุ้มสอบพูดขึ้น เฟลิโอน่าจึงเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าของวิเศษทั้ง 4 เพียงแค่นั่ง

    ลงไปเท่านั้น  ของวิเศษทั้ง 4 อย่างก็พากันส่องแสงเจิดจ้าแปร่งประกายขึ้นมาพร้อมกันสร้างความประ หลาดใจให้แก่ผู้คุ้มกฎ และเรียกความสนใจจากเลโมธีได้อย่างมาก ‘ตายล่ะเดียวพวกนี้ก็จับได้กันพอดี’ เฟลิโอน่าคิดก่อนที่จะหลับตาแล้วทำสมาธิ  ของวิเศษทั้งสีอย่างก็ค่อย ๆ พากันดับแสงไป จนกระทั่งเหลือเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือ ดาบแห่งกษัตริย์



    “พอแล้วล่ะ เฟรินลุกได้แล้ว”เลโมธีพูดขึ้นมาทำให้เฟลิโอน่าออกจากสมาธิแล้วลุกจากเก้าอี้ ดาบก็พลับดับวูบไป



    “เอาล่ะ มาทางนี้สิจ๋ะ เฟริน”หญิงสาวหนึ่งในผู้สอบเรียกแล้วพาเดินนำเข้าไปอีกห้องหนึ่ง



    “เอาล่ะ เราจะสอบสัมภาษณ์กันที่นี่ เรียกฉันว่า  มิสแรมเซิลนะ”หญิงสาวคนนั้นบอก



    “ฮะ”เฟลิโอน่ารับคำ ซึ่งมิสแรมเซิลมองด้วยความเอ็นดู



    “เอาล่ะจ๋ะ มีสิ่งของ 4 อย่าง ดาบ แหวน คทา มงกุฎ ข้อแรก ถ้าได้เป็นกษัตริย์ สิ่งของที่ต้องการถือหรือสวมใส่เป็นอย่างแรกคืออะไร”มิสแรมเซิลพูด



    “แหวน” เฟลิโอน่าตอบ “เวลาแต่งตัวก็ต้องสวมแหวน แล้วค่อยใส่มงกุฎ สะพายดาบแล้วถือคทา”มิสแรมเซิลยิ้มน้อย ๆ แล้วจดบันทึก



    “คำถามที่สอง สิ่งที่ต้องการเป็น สัญลักษณ์ของความเป็นกษัตริย์ของตัวเองคืออะไร”



    “ดาบ”เฟลิโอน่าตอบ พอเห็นคิ้วของมิสแรมเซิล เขาก็รีบอธิบาย “ความแข็งของดาบแสดงถึงความเข้มแข็งอดทน ข้อนี้เป็นสมบัติที่ขาดไม่ได้ของพระราชา ความคมของดาบแสดงถึงความเฉียบขาดของสติปัญญาอันชาญฉลาด ผู้ถือดาบแสดงถึงอำนาจ แสดงถึงพลัง และแสดงถึงความกล้าหาญ”



        รอยยิ้มของมิสแรมเซิลกว้างขึ้น เฟลิโอน่านั่งพิงไปกับเก้าอี้ทำหน้ายิ้มอย่างมั่นใจทั้งที่ในใจกลับ วุ่นวายจนทำอะไรไม่ถูก



    “คำถามข้อที่สาม  สิ่งที่ต้องการมอบให้แก่ประชาชนในแคว้นของตนคืออะไร” คำถามนี้เรียกความมั่นใจให้แก่เฟลิโอน่า นึกขันในใจก่อนที่จะตอบถำถาม



    “มงกุฎ”



      เป็นคำตอบที่ทำให้มิสแรมเซิลเลิกคิ้วสูงขึ้นด้วยความสนใจ  เฟลิโอน่าในคาบผู้ชายยิ้มกระหยิ่มใจและหัวเราะออกมาเบา ๆ



    “ใคร ๆ ก็อยากจะเป็นพระราชากันนี่ครับมิสแรมเซิล  ตั้งแต่เจ้าชายยันขอทานยังพากันแห่มาสมัคร เข้าเรียนที่นี่  ยกมงกุฎให้ไปเลยคงเข้าท่าที่สุด”มิสแรมเซิลหัวเราะกับคำตอบก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ออกมา



    “เอาล่ะจ๋ะ คำถามสุดท้ายแล้ว  ถ้าถึงเวลาที่เธอจะต้องสละทุกอย่าง  ของ 4 อย่างที่ว่ามานี้ ให้ลำดับของที่อยากจะทิ้งอย่างแรกจนถึงสุดท้าย”



    “ถ้าอยากให้ทิ้ง....อย่างแรกก็ต้องเริ่มจากมงกุฎ ต่อมา....คงเป็นแหวน อย่างน้อยดาบเอาไว้ป้อมกันตัว สุดท้ายค่อยทิ้งคทา”เฟลิโอน่าเริ่มร่าย



    “ทำไมถึงเลือกทิ้งคทาเป็นอย่างสุดท้ายล่ะ”มิสแรมเซิลถาม



    “คทาก็เหมือนไม้ที่เอาไว้ค้ำยันตัว  คนแก่ต้องถือไม้เท้า คนเจ็บก็ต้องใช้ไม้เท้า คนเดินไม่ไหวก็ยังต้องใช้ไม้เท้า แล้วจะเอาไม้ค้ำทิ้งไปก่อนได้อย่างไรกันครับ”



           มิสแรมเซิลยิ้มกว้างอย่างขบขันระคนพอใจในคำตอบของเฟลิโอน่าในร่างเฟริน ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบเอกสารมายื่นส่งให้



    “เอาล่ะ เอาเป็นว่าเธอสอบผ่านนะจ๋ะ ยินดีด้วย”



    “สอบผ่าน!”เฟลิโอน่าร้องออกมาอย่างดีใจ



    “เอาล่ะเธอเซ็นชื่อเข้าเป็นนักเรียนที่นี่แล้วออกไปหาพ่อเธอได้เลย”มิสแรมเซิลพูดพร้อมยื่นปากกามาให้



    “พ่อหรือฮะ”เฟลิโอน่าร้องออกมา ‘เสด็จพ่อมาทำอะไรที่นี่แล้วรู้ได้ไงว่าเรามาในคาบผู้ชาย’เฟลิโอน่าคิดพลางหน้าซีด



    “ใช่  พ่อของเธอไง นายมาดัส เดอเบอโรว์ ตกใจทำไม”มิสแรมเซิลถามด้วยความแปลกใจ



    “ปะ...เปล่าฮะ”เฟลิโอน่าพูดพลางถอยหายใจอย่างโล่งใจ พร้อมกับเซ็นชื่อเป็นชื่อ เฟริน เดอเบอโรว์

    มิสแรมเซิลหยิบเอกสารชุดหนึ่งจากแฟ้มมาชี้แจงให้ฟัง



    “นี้เป็นรายการซื้อของ เตรียมของให้พร้อมและมาเข้าเรียนภายในอาทิตย์หน้า”



       ***________________________________________________________________________________***



    ในตอนนี้จะเหมือนกับในหนังสือหน่อยนะคะ  หรือไม่ก็อาจจะเหมือนไปเลยก็ได้อ่ะนะ  ท่านผู้อ่านโปรดเข้าใจด้วยคะว่า

    อันนี้หนูลอกออกมาจากหนังสือเพียงแต่เปลี่ยนอะไรบ้างอย่างนะค่ะ แต่หนูคิดว่ามันก็ต้องมีไม่เหมือนบ้างแหละน้า ไม่งั้น

    หนูคงไม่เอามาลงให้อ่านกันหรอกเนอะ แล้วพบกันตอนหน้านะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×