ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 สองพ่อลูกและคำสั่งที่มีข้อต่อรอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 680
      5
      27 ก.พ. 49

          ณ  ยามค่ำคืนที่ดวงจันทร์เพียงครึ่งเสียวประดับอยู่บนนภา เหล่าหมู่ดาวต่างห่างหายไปสิ้น

    พระราชวังเดมอสในห้องนั่งเล่นห้องหนึ่งมีสองพ่อลูกคู่หนึ่งอยู่ในนั้น ฝ่ายพ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกหน้า

    เตาผิง ลูบหัวของลูกสาวตัวน้อยวัย 5 ปีที่ใบหน้าซบอยู่บนฝ่ามือที่วางอยู่ที่ตักของฝ่ายพ่อ



    “เสด็จพ่อเพคะ  คิดว่าอนาคตของลูกจะเป็นเช่นไรเพคะ”เด็กสาวถามขึ้น สาวน้อยผู้นี้มีเส้นผมสีน้ำ

    ตาลไหม้ที่ยาวประบ่า และดวงตาสีเดียวกัน มีตำหนิเพียงเล็กน้อยคือแผลเป็นใต้ตาซ้าย



    “นั้นเป็นเรื่องที่ตัวของลูกเองจะต้องคิดและทำให้ได้อย่างนั้น”ฝ่ายพ่อตอบ บุรุษผู้นี้มีเส้นผมสีดำที่

    ถูกถักเป็นเปียผาดมาด้านหน้าคลองคอไว้ และดวงตาสีดำที่ในตอนนี้แววตาส่องประกายแห่งความ

    อ่อนโยน



    “แล้วลูกจะสามารถลืมความทรงจำหรืออดีตที่เจ็บปวดได้หรือไม่เพคะ”สาวน้อยคนนั้นถามต่อ



    “ลูกมีอดีตที่เจ็บปวดด้วยหรือ? เฟลิโอ่น่า”คนเป็นพ่อถามแทนที่จะตอบ



    “ไม่เพคะ ไม่มี แต่ในภายหน้าก็ไม่แน่เพคะ”เฟลิโอน่าตอบคนเป็นพ่อแต่สายจับจ้องอยู่ที่ฝืนในเตาผิง

    ที่กำลังหมอดไหม้ด้วยไฟ



    “ปัจจุบันคือสิ่งที่เราเป็น  อนาคตคือสิ่งที่เราต้องเป็น ส่วนอดีตนั้นคือสิ่งที่ผลักดันให้เราเป็นอย่างนั้น

    ในอนาคต  ไม่ว่าอดีตที่เราผ่านมานั้นจะทุกข์ จะสุข เพียงไหนก็ตาม”คนเป็นพ่ออธิบายให้ฟัง เด็ก

    สาวได้แต่ยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไรคำของพ่อดังก้องอยู่ในโสนประสาท และพลันความคิดหนึ่งก็เว็บมา



    “แล้วความรักคืออะไรหรือเพคะเสด็จพ่อ”เฟลิโอน่าเงยใบหน้าแสนหวานที่ได้รับมาจากแม่ขึ้นมามอง

    ก่อนที่จะถามพร้อมส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้



    “อืม.......ความรักคือสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ถูกต้องหรอกนะ เพราะบางครั้งความรักนี้ก็

    แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าจนหน้ากลัว  แต่บางครั้งความรักก็อ่อนแอ่จนเราต้องคอยถนุถนอมมัน ความรัก

    ให้ทั้งความสุขและความเจ็บในคราวเดียวกัน ความรักมันเหมือนดาบสองคม แต่เราก็ไม่อาจหนีความ

    รู้สึกที่เราหรือผู้คนเรียกมันว่า ความรักได้หรอกนะเฟลิโอน่า เจ้าเข้าใจใช่ไหม”ฝ่ายพ่ออธิบาย



    “ลูกไม่เข้าใจเพคะ  ในเมื่อมันแข่งแกร่งจนหน้ากลัวแต่ทำไม่มันถึงอ่อนโยนได้ล่ะเพคะ”เฟลิโอน่าถาม



    “ลูกเคยได้ยินไหมล่ะที่เขาว่ากันว่า  สิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกนี้ และสิ่งที่บอบบางยิ่งกว่าแก้ว

    หรือกระจก สิ่งที่เบายิ่งกว่าปุยฝ่าย  ลึกยิ่งกว่าทะเลหรือมหาสมุทรใด ๆ และมันก็อยู่ใกล้ตัวนั้นเราคือความรัก  พ่อก็ไม่อาจที่จะอธิบายคำว่าความรักได้หรอกนะ แต่พ่อก็รู้ว่าพ่อรักแม่ของลูกมาก”พ่อตอบ



    “ลูกก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอ่ะเสด็จพ่อ”เด็กสาวถาม



    “555+ แล้วลูกจะเข้าใจเองเมื่อลูกต้องเผชิญกับมัน เผชิญกับความรู้สึกที่เรียกว่ารัก”คนเป็นพ่อว่า

    พลางลูบหัวลูกสาวของตนเองอย่างรักใคร่



    “เอ้า มัวแต่งงอยู่นั้นแหละ พ่อก็บอกแล้วไง ไว้ลูกเจอกับมันแล้วลูกจะรู้เอง เอาล่ะนี้ก็ดึกแล้วไปนอน

    ได้แล้วล่ะเฟลิโอน่า”พ่อพูดกับเด็กสาว



    “เพคะเสด็จพ่อ  ถ้าอย่างนั้นลูกขอทูลลาเพคะ”เฟลิโอน่าพูกก่อนที่จะถอนสายบัวทีหนึ่งแล้วจะเดินออกจากห้อง



    “เฟลิโอน่า..”คนเป็นพ่อเรียกลูกสาวของตนที่กำลังจะเปิดประตู



    “เพคะเสด็จพ่อ เอวิเดส”เฟลิโอน่าหันกลับมาแล้วจึงพูด



    “เฟลิโอน่า  จำไว้นะ ไม่ว่าในอนาคตข้างหน้านั้นเจ้าเป็นอะไร แต่ลูกจงรู้เอาไว้ว่า พ่อยังคงรักลูกไม่เสือมคลาย” ท่านจ้าวปีศาจเอวิเดสผู้ยิ่งใหญ่พูดพร้อมกับส่งสายตาที่ไม่ว่าดูยังไงนั้นก็ไม่ใช่สายตาที่ปีศาจจะสามารถทำได้ มาให้นางผู้เป็นลูกสาวที่รักยิ่ง



    “เพ..คะ..ลูก..จะ..จำไว้”เฟลิโอน่าพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอเพื่อกลั้นน้ำตาที่จะไหลลงมา แล้วเดินจากห้อง

    ไป   เอวิเดสมองประตูบานใหญ่ที่ลูกสาวของตนพึ่งออกไปแล้วคิด ‘อนาคตของเจ้าจะเป็นเช่นไรนั้น เจ้าคงต้องกำหนดมันด้วยตนเองนะเฟลิโอน่า อย่าให้ใครมากำหนดให้เด็ดขาด ’ แล้วเอวิเดสก็จัดการดับไปที่เตาผิงก่อนที่จะเดินจากห้องนั้นไปเช่นกัน





    10 ปีต่อมา



         ณ  พระราชวังเดมอส



    “เสด็จพ่อ....เสด็จพ่อเพคะ....เสด็จพ่อเอวิเดส” เสียงเรียกที่หวานชวนน่าฟังแต่บัดนี้กลับมาใช่ในการตะโกนเรียกพ่อของตนนี้ ดังมาจากหญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วโก่งศร เรียวปากได้รูปสี

    กุหลาบสวยอิมเอิมที่ขยับไปมาเพื่อใช่ในการตะโกน มีเพียงบาดแผลใต้ตาซายแต่บัดนี้ก็จางไปจนมองไม่ค่อยเห็นแล้วเป็นตำหนิเพียงน้อยนิด  หญิงสาวคนนี้มีเส้นผมสีน้ำตาลที่ปลิวสยายไปกับสายลมของการวิ่งถ้าอยู่นิ่ง ๆ จะรู้เลยว่าเส้นผมนี้มีความยาวเท่าสะโพกของหญิงสาวพอดี  ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมองไปทั่วพระราชวังของตนส่อแววหงุดหงิดอย่างชัดเจน  ขาเรียวงามได้รูปกำลังวิ่งไปทั่ววังเม็ดเหงื่อ ไหลตามไรผมและประดับตามใบหน้า   แม้ว่าเจ้าหล่อนจะอยู่ในชุดกระโปรงยาวในแบบฉบับของเจ้าหญิงแต่กลับวิ่งเร็วมาก



    “พ่ออยู่นี่  เฟลิโอน่าเจ้าจะตะโกนให้ลั่นไปทั่ววังทำไหมกัน”ท่านเจ้าที่โผล่หัวออกมาจากห้องทำงานพูดกับลูกสาววัย 15 ที่ยังคงรักสนุกเช่นวัยเด็กของตนเอง  เมื่อหญิงสาวเห็นพ่อของตนก็รีบวิ่งมายืนด้านหน้าทันที ถอนสายบัวทีหนึ่ง



    “เสด็จพ่อ ทรงมาอยู่ที่นี่เองหรือเพคะ ลูกตามหาแทบแย่”เฟลิโอน่าพูดด้วยเสียงที่หอบเล็กน้อย



    “แล้วลูกจะตามหาพ่อไปทำไม”เอวิเดสถาม



    “ก็เรื่องที่เสด็จพ่อจะส่งลูกไปเรียนที่...”เมื่อเข้าเรื่องปุบเฟลิโอน่าก็ทำการโวยทันที แต่แล้วก็ถูดขัดขึ้น

    มาจากพ่อของตนเอง



    “เข้ามาคุยกันข้างในดีกว่านะ”   เฟลิโอน่าจึง(วิ่ง)เดินเข้ามาในห้อง แล้วนั่งไปที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงาน

    ส่วนเอวิเดสเมื่อลงกรณ์ประตูแล้วจึงกลับมาที่เก้าอี้ของตนเอง



    “เจ้ามีอะไรก็ว่ามา”เอวิเดสพูดในมือเริ่มทำงานอีกครั้ง



    “ก็เสด็จพ่อเพคะ ที่จะให้ลูกไปเรียนที่เอดินเบิร์กนั้นลูกขอปฎิเสธเพคะ”เฟลิโอน่าโวยทันที เอวิเดสชายตา

    มองลูกสาวของตนแล้วหยุดทำงานสายตาจับจ้องมาที่เฟลิโอน่า



    “ทำไม?”ท่านจ้าวตรัสถาม



    “ก็...”เฟลิโอน่าตอบไม่ได้



    “เมื่อลูกไม่มีเหตุผลงั้นลูกก็ต้องไปเรียนซะ”เอวิเดสสั่ง



    “ลูก...ลูกไม่ชอบพวกเอเดนที่ชอบเอาเปรียบพวกเรานะสิเพคะ”เฟลิโอน่าตอบเสียงดัง



    “แล้วที่เจ้าแอบหนีไปเที่ยวที่เอเดนอยู่บ่อย ๆ นี้หมายความว่าไง”เอวิเดสถาม เฟลิโอน่าหน้าซีดลงทัน ใด



    “เสด็จพ่อรู้?”เฟลิโอน่าพูดเสียงอ่อย ๆ



    “มีอะไรที่พ่อไม่รู้บ้างเกี่ยวกับตัวลูก”เอวิเดสพูด



    “แต่ท่านพ่อ ข้าไปแค่ไม่กี่แห่งเอง”เฟลิโอน่ายังคงไม่ยอม



    “ไม่กี่แห่งของเจ้านี้ครบทุก24ประเทศในเอเดนแล้วละสิ”เอวิเดสพูดพร้อมสบตาของเฟลิโอน่า



    “ลูก...”เฟลิน่าไม่มีอะไรจะพูดแถมยังหลบสายตาของเอวิเดสด้วย



    “เอาเถอะถ้าลูกไม่อยากไปพ่อก็ไม่ว่าอะไร......พ่อไม่มีสิทธิที่จะไปบังคับเจ้านิ”เอวิเดสว่าพลางทำหน้าเศร้า  ทำให้เฟลิโอน่ารู้สึกผิดขึ้นมา



    “ลูกจะไปเรียนที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กก็ได้เพคะ”เฟลิโอน่าตอบ ท่านจ้าวทรงรอบยิ้มทันที



    “แต่ว่าเสด็จพ่อต้องให้สัญญากับลูกก่อน”เฟลิโอน่าต่อรอง ทำให้เอวิเดสหุบยิ้มลงทันที



    “เจ้าจะเอาอะไร”เอวิเดสถาม  ตอนนี้ภายนอกสายฝนคงกำลังไหลรินลงมาจากฟากฟ้าเป็นแน่ เนื่องจาก

    ฟังเสียงที่รอดผ่านเข้ามาในห้องดัง ซ่า ซ่า และด้วยฝนที่ตกลงมาจึงทำให้อากาศภายในห้องเริ่มเย็นขึ้น



    “เสด็จพ่อต้องทรงสัญญากับลูกก่อนเพคะ”เฟลิโอน่ายังยืนยันคำเดิม



    “ตกลง พ่อสัญญาพูดมา”เอวิเดสบอก



    “ข้อแรกเสด็จพ่อจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของลูกขณะอยู่ที่เอดินเบิร์กถ้าลูกไม่ได้ขอ”เฟลิโอน่าบอก



    “ข้อสองล่ะ”ท่านเจ้าพูดขึ้นมาเมื่อพยักหน้าทีหนึ่งแล้วจัดการจุดเตาผิงในห้องเพื่อเพิ่มความอบอุ่น



    “ข้อสุดท้ายเพคะ   ถ้าลูกไม่มีความสุขลูกจะกลับมาที่นี่ในทันที และท่านพ่อจะต้องไม่คัดค้านด้วย”เฟลิโอน่าพูดต่อ

    “ได้ตามที่ลูกต้องการทุกประการ”เอวิเดสบอกพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความดีใจ



    “ท่านพ่อเพคะ  ทำไมถึงอยากให้ลูกไปเรียนที่นั้นนัก”หญิงสาวถาม



    “นั้นก็เพราะว่าพ่ออยากจะให้ลูกไปเรียนในสถานที่ที่แม่ของเจ้าอลิเซียเคยเรียนอยู่นะสิ และที่สำคัญ

    พ่ออยากให้เจ้าไปเรียนรู้ชีวิตที่นั้น  ลองเติบโตไปกลับพวกมีสายเลือดที่เหมือนเจ้าอีกครึ่งนึง สายเลือดของเอเดน”เอวิเดสอธิบาย



    “ลูกเข้าใจแล้วเพคะ  ถ้างั้นลูกทูลลา”เฟลิโอน่าพูดพร้อมถอนสายบัวก่อนออกจากห้องไป



    ‘พ่ออยากให้เจ้าไปเก็บเกี่ยวความทรงจำที่ดีนะสิ ไม่ว่านั้นจะทำให้เจ้าทุกข์หรือสุขก็ตาม  แต่ที่สำคัญ

    พ่ออยากให้เจ้าไปเรียนรู้กับคำว่ารักที่เจ้าถามพ่อเมื่อ 10 ปีก่อนด้วยตัวเองนะสิ’เอวิเดสคิด แล้วกลับไปนั่งทำงานต่อทันที



       ***____________________________________________________________________________***



      พอใจไหมค่ะ กับบทแรกที่เอามาลงให้ชมกัน นี้แค่เริ่มต้นเรื่องนะค่ะ   ถ้าผู้อ่านมีคำถาม หรือต้องการติหรือชมตรงไหน

    บอกเชอรี่ได้เลยนะค่ะ  รับฟังทุกประการ



    ป.ล. ไม่รับจดหมายลูกโซ่นะค่ะ มิฉะนั้นเชอรี่จะทำการลบทิ้งทันที และอย่ามาว่าเชอรี่ทีหลังล่ะกันนะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×