ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่16 มงกุฎมาร

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 49



    เอ่อ   คือว่า เชอรี่รู้สึกว่ามันยุ่งยากนะค่ะที่จะต้องมาคอยเปลี่ยนเป็นเฟรินหรือเฟลิโอน่า เพราะฉะนั้น

    ต่อไปนี้ไม่ว่าอยู่ในร่างหญิงชายเชอรี่จะใช้ชื่อว่า เฟรินหมดเลยนะค่ะ

    ********************************************************************************



                  ในเมื่อมีสว่างก็ย่อมต้องมีมืด  มีการตื่นก็ต้องมีการหลับ มีพระอาทิตย์ก็ต้องมีพระจันทร์  มีหมู่

    เมฆก็ต้องมีดวงดาว  มีความยาวก็ต้องมีความสั้น มีผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชาย มี..(เฮ้ย!พอแล้ว เลยเถิดแล้ว เริ่ม

    ใหม่)



             เมื่อพระอาทิตย์ที่คอยมอบความสว่างสไวหายไป ท้องฟ้าก็เข้าสู่ความมืดมิด แต่เพื่อเกิดสมดุล

    ในโลกในยามค่ำคืนเช่นจึงมีดวงจันทร์ที่คอยมอบแสงสว่างแทนแม้จะไม่ร้อนแรงและยิ่งใหญ่เท่าสุริยัน

    ก็ตามที  เหล่าสรรพสัตว์ต่างพากันกลับบ้านเพื่อเข้าสู่นิทรา แต่ก็มีสรรพสัต์บางจำพวกที่เริ่มออกมาหา

    กินตามสันชาติตญานของมัน

                  เสียงลมยามค่ำคืนดัง หวีดหวิวก้องกังวานไปทั่ว เหล่าดวงดาวพราวแสงเต็มท้องฟ้ารับการแสง

    นวลตาของดวงจันทร์  มีบุรุษผู้หนึ่งกำลังนอนแผ่ราบไปบนพื้นหญ้า ใช้แขนของตนต่างหมอน เส้นผม

    สีน้ำตาลปลิวสไวไปกับสายลมที่พัดมา และหล่นไปคลออยู่ที่แขนและพื้นหญ้า  ดวงตาที่ปิดสนิดเริ่ม

    ปรือขึ้นมาอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นดวงตาคู่โตสีน้ำตาล ‘นี่เราเผลอหลับไปหรือเนี่ย’เฟรินคิดขึ้นมา แล้ว

    ถอกแหวนออก กลายเป็นผู้หญิง พร้อมกับลุกขึ้นมานั่งเส้นผมสีน้ำตาลยาวปลิวไปกับสายลมก่อนก่อน

    ที่จะหล่นลงมาตามแรงโน้นถ่วงของโลก แม้จะลุกขึ้นมานั่งแล้วแต่เฟรินก็ยังคงเหม่อมองบนท้องฟ้า

    ‘ดาวสวยจัง อยากได้เป็นเจ้าของจังเลย’เฟรินคิดในใจพลางยืนมือไปบนฟ้าเหมือนจะคว้าดาวแต่ว่าก็

    คว้าได้เพียงลม



    “ฮ่า ฮ่าฮา แม้จะมีฐานะที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน  ต้องการอะไรก็หาได้ แต่แท้จริงสิ่งที่ต้องการบางอย่างเราก็ไม่

    สามารถเอามาใว้ครอบครองได้ แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ต้องมีฐานะใหญ่โตก็สามารถมีได้ นี่นะ”เฟรินพูด

    ออกมาพร้อมกับชักมือกลับมาวางไว้ที่อก ‘อย่างเช่นมิตรภาพ’เฟรินคิดต่อในใจแล้วยิ้มออกมาเป็นเชิง

    ว่า มิตรภาพมันทำให้เราไม่อยากจากที่นี้ไปเลย น่าแปลกนะ ทั้งที่ก่อนมาเรายังไม่อยากจะมาเลยแท้ ๆ



    “กลับห้องดีกว่า”เฟรินพูดขึ้นมาแล้วสวมแหวนกลับเข้าไปก่อนที่จะลุกเดินเข้าป้อมไป



    “เฟริน นายมาอยู่นี้เอง”เสียงคิลดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัววิ่งมาหาเฟริน



    “คาโล  ทุกคน เจอเฟรินแล้ว”คิลตะโกนลั่นป้อม แล้วผู้คนก็เริ่มทยอยกันมา และเริ่มว่ากล่าว



    “โทษทีนะ ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงคือว่าเราไปนอนรับลมหลังป้อมแล้วก้เผลอหลับไปนะ”เฟรินพูด

    พร้อมยิ้ม ๆ



    “นายนี้มัน”แอ้งจี้ทำท่าจะเอาคทาฟาดหัว ทั้งที่มีน้ำใส ๆ คลออยู่เต็มดวงตา



    “พอเถอะแอ้งจี้ กลับมาก็ดีแล้ว”มาทิวด้าพูดขึ้นมา บ้างเอามือเช็ดน้ำที่หางตาออก



    “นั้นสิค่ะ”เรนอนพูดขึ้นบ้างหลังจากที่หยิบผ้ามาเช็ดตา



    “นี้พวกเธอร้องไห้ทำไมกันล่ะ”เฟรินถามอย่างงง ๆ



    “ก็พวกเรานึกว่า นายงอนอะไรสักอย่างแล้วหนีไปแล้วนะสิ”คิลพูดขึ้นมา



    “ที่จริงตอนแรกก็คิดอย่างนั้นอ่ะนะ แต่ก็เผลอหลับไปก่อน..... ”เฟรินพูดยิ้ม ๆ



    “นายดูถูกความเป็นเพื่อนของพวกเรารู้ไหมเฟริน”ครี้ดพูดขึ้นอย่างโมโหก่อนที่เฟรินจะพูดจบแล้วเดิน

    จากไป



    “ใช่ครับ ถ้ามีอะไรก็พูดกันสิครับ”ซีบิลพูดขึ้นมาบ้าง  แล้วเดินตามครี้ดไป



    “นายอยากจะไปไหนก็ไปเลย”มาทิวด้าพูดขึ้นมาแล้วสามสาวกับคนอื่นก็เดินตามไป



    “ฉันไม่นึกว่านายจะเป็นคนอย่างนี้นะ”คิลพูดขึ้นมาอย่างหัวเสียแล้วเดินจากไป



    “..........”คาโลไม่พูดอะไรแต่จากสายตาเย็น ๆ ที่ส่งมาก็ทำให้เฟรินใจหายได้ และทุกคำพูดก็แทงทะลุ

    ใจของเฟริน



    “เดี๋ยวสิพวกนายนะ  หัดฟังคนเค้าพูดให้จบก่อนได้ไหม”เฟรินตะโกนออกมาอย่างเหลืออด



    “นายมีอะไรจะพูดอีกล่ะ”ครี้ดหันกลับมาทุกคนต่างหยุดเดินแล้วหันกลับมามอง



    “ฉันจะบอกว่า  ฉันคิดได้ตอนที่ตื่นขึ้นมา  เพราะฉันฝันถึงพวกนายนะสิ ทำให้ไม่อยากกลับ แล้วฉันก็

    ไม่ได้งอนอะไรด้วย เพียงแต่ฉันเป็นโรค โฮมซิก เฟ้ย”เฟรินพูด



    “แล้วก็ไม่รีบบอกเล่า”ครี้พูด พร้อมกับที่ทุกคนพากันวิ่งไปกอดไปล็อกคอไปขยี้หัวเฟรินและหัวเราะ

    ออกมา อย่างสนุกสนาน  



               ทั้งหมดพากันแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง  จนเหลือเพียง 3 คนเพื่อนรักที่เดินกลับห้องของ

    หัวหน้าชั้นปีอย่างเงียบ ๆ



    “เฟริน  ฉันขอโทษนะ”ในที่สุดคาโลก็พูดขึ้นมาดับความเงียบ



    “นายขอโทษฉันเรื่องอะไร”เฟรินเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีฟ้าก่อนที่จะถาม



    “..........”เงียบเพราะคนบอกตอบไม่ได้



    “ถ้านายไม่รู้ ฉันก็ไม่รับคำนั้นของนาย”เฟรินพูดพร้อมเดินไปข้างหน้า



    “แล้วนายงอนฉันเรื่องอะไรล่ะ”คาโลพูดขึ้นมา



    “ฉันไม่ได้งอนอะไรนายเลยนะ ก็บอกแล้วว่าฉันเป็นโรค โฮมซิกเท่านั้นเอง”เฟรินพูด



    “แต่ว่า”คาโลจะพูดต่อ



    “นายไม่ได้ผิดอะไรเพราะงั้นไม่ต้องขอโทษ เข้าใจไหม”เฟรินพูดยิ้ม ๆ พร้อมกับตบไหล่เจ้าชายทีหนึ่ง



    “ว่าแต่  ถ้าฉันหายไปจริง ๆ พวกนายจะไปตามไหม”เฟรินพูดขึ้นมา



    “แน่นอนอยู่แล้ว”คิลพูดอย่างร่าเริง



    “............”ไม่ตอบแต่เฟรินก็พอรู้



    “แม้ไม่รู้ว่าอยู่ไหนหรือ”เฟรินถาม



    “อืม  และไม่ใช่แค่ฉันกับคาโลนะทุกคนจะออกไปตามหาแกแน่ ๆ เพราะฉะนั้นอย่าหนีไปไหนล่ะ”คิล

    พูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างให้



    “นั้นสินะ”เฟรินพูดพร้อมกับกอดคอเพื่อนรักสองคนเดินไปจนถึงหน้าห้อง แต่เมื่อเปิดประตูออกมาสิ่ง

    ที่เห็นก็ทำให้ทั้งสามคนอึ้ง



    ๐(o_o)๐  --  หน้าคิล

    ๐(O<>O)๐ -- หน้าเฟริน

    ๐(-_-)๐  -- หน้าคาโล



                  สิ่งที่ทั้งสามคนเห็นคือ ห้องที่เละอย่างกับอะไรดี โต๊ะอ่านหนังสือขาดเป็นสามท่อน หนังสือ

    มากมายฉีกขาดเป็นแผ่น ๆ ผนังห้องมีรอยร้าวหลายที่  ตู้เสื้อผ้าล้มระเนระนาน แถมบางตู้ก็พังจน

    เละเทะ ไม่รู้เสื้อผ้าจะเป็นยังไงบ้าง  ผ้าห่มหรือแม้แต่หมอนขาดกระจุยไม่มีชิ้นดี ขนนกมากมายที่ยัดอยู่

    ในหมอนหรือแม้แต่ฝ้ายหรือนุ่นก็เต็มเกลือนห้อง ที่จะดีและยังใช้การได้คงจะเป็นเตียง 3 เตียงที่ไม่เป็น

    อะไรเลย  นับว่าคนร้ายยังใจดีไม่ยอมให้พวกเขานอนพื้นกัน



    “คิล  นายไปเรียกรุ่นพี่มานะ  ใครก็ได้”คาโลพูดขึ้นมาหลังจากได้สติเป็นคนแรก



    “แล้วพวกนายล่ะ”คิลที่สติกลับมาแล้วถามขึ้น



    “ฉันกับเฟรินจะตรวจห้อง”คาโลพูด  เฟรินจึงหันหน้ามา สบตาก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในห้อง รื้อนู้น รื้อนี่



    “อืม  พวกนายระวังตัวด้วย”คิลพูดแล้ววิ่งออกไป  ส่วนคาโลรีบเดินเข้ามาสำรวจห้องตามเฟริน



    “โห ห้องเละสุดยอดเลยอ่ะ คาโล”เฟรินที่เดินไปสำรวจตู้พูดขึ้น คาโลเดินเข้าไปช่วยยกตู้ขึ้น



    “ใครกันนะ ที่ทำแบบนี้”คาโลพูดขึ้นมาแล้วออกแรงเพียงนิดเดียวตู้ก็ตั้งขึ้น



    “อ่ะ ยังดีนะเนี่ยที่เสื้อผ้าไม่เป็นอะไรเลย”เฟรินพูดต่อหลังเปิดตู้ทั้งสามใบ



    “จริงด้วย  ไม่งั้นหนู๋เฟรี่จะใส่อะไรล่ะเนอะ”เสียงของบุรุษผู้มาใหม่ภายใต้กรอบแว่นส่งยิ้มหวานมาให้



    “รุ่นพี่ลูคัสฮะ  จะทำยังไงดีอ่ะ ห้องเละขนาดนี้เลยนะฮะ” เฟรินหันกลับไปถาม



    “นั้นสิ  อืม  แต่ยังดีนะที่คนร้ายเลยเตียงไว้ให้พวกเธอนอนกันนะ”ลูคัสพูดยิ้ม ๆ ขณะที่เดินเข้ามาใน

    ห้อง



    “แล้วไงล่ะครับ”คาโลพูดขึ้นมา  ลูคัสหันกลับมามองหน้าแล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง



    “เอางี้ ล่ะกัน”ลูคัสพูดแล้วปัดมือไปมาสองสามครั้ง ห้องที่เคยเละเทะก็กลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม เว้น

    แต่ไม่มีโต๊ะ กับผ้าห่มและหมอน



    “แล้วพวกเธอตามมาเอาผ้าห่มกับหมอนล่ะกัน”ลูคัสพูดแล้วเดินจากไป คาโลจึงอาสาเดินไปเอามาให้

    เอง



    “ว่าแต่เฟริน  มีของหายหรือเปล่า”ลูคัสหยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม



    “ไม่มีครับ”คาโลตอบแทนเพราะดูเหมือนเฟรินจะไม่ได้ยินที่ถาม ลูคัสพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแล้วหัน

    กลับไปเดินต่อ



    “เฟริน  พอจะรู้ไหมว่าใครเป็นคนร้ายนะ”   คิลพูดขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามานั่งบนเตียง



    “ไม่อ่ะ”เฟรินพูดพร้อมเดินมานั่งข้าง ๆ



    “แต่หม่อมฉันพอจะรู้นะกระหม่อม”เสียงอีกเสียงดังขึ้นมาจากทางหน้าต่าง ทั้งสองคนหันไปมอง



    “จริงเหรอ โกโดม”เฟรินร้องออกมาอย่างดีใจ



    “ขอรับกระหม่อม”โกโดมตอบ



    “ใคร”เฟรินถามขึ้น



    “มงกุฎมารกระหม่อม”   โกโดมตอบด้วยความเคารพ



    “แล้วไ อ้ มงกุฎมารนั้นมันคืออะไรล่ะ”คิลพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็ก ๆ



    “มงกุฎนั้นคือมงกุฎแห่งใจกระหม่อม  ตอนนี้มันหาคนสิงได้แล้ว และมันก็ปองร้ายองค์หญิงด้วย

    กระหม่อม” โกโดมพูดขึ้น



    “มงกุฎแห่งใจ มันมงกุฎที่ใช้ทดสอบพวกเราไม่ใช้หรือคิล”เฟรินหันกลับไปถาม



    “น่าสนุกล่ะ งานนี้”คิลพูดพร้อมรอยยิ้ม



    “มันน่าสนุกตรงไหนห่ะ คิล”บุรุษผมเงินพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิดอยู่ที่ประตู ทำให้ทั้งสองคนหนึ่งตัว

    หันไปมอง



    “อ้าวคาโลกลับมาแล้วหรือ  มาฉันช่วย”คิลพูดพร้อมลุกไปรับผ้าห่มกับหมอนมาวางบนตียง



    “นายยังไม่ตอบคำถามฉัน คิล”คาโลพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับเดินมานั่งที่เตียง



    “อ้าว ก็สนุกที่จะได้ต่อสู้ยังไงล่ะ”คิลพูดพร้อมยิ้มออกมา



    “โดนคนจะฆ่าเนี่ยนะ ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย”เฟรินพูดพร้อมแยกเขี้ยวออกมา



    “ใช่   เพราะฉะนั้นกลับเดมอสเหอะกระหม่อม”โกโดมพูดขึ้นมาให้ทั้งสามคนหันไปมองหน้า



    “ไม่ได้นะ”คิลพูดมา



    “ทำไมจะไม่ได้ละคุณคิล”โกโดมพูดชายตามอง



    “ก็...ทำไมไม่ถามไอ้คาโลมันบ้างล่ะ”คิลตอบไม่ได้แล้วยังโยนระเบิดไปให้อีกคน



    “ฉันแล้วแต่เฟริน”คาโลตอบแล้วลุกไปหยิบหนังสือมาอ่าน



    “แล้วแต่ฉันงั้นหรือ”เฟรินทวนคำพูด โกโดมหันมาขอคำตอบ ‘นี้มันจะไม่รั้งกันเลยหรือไงนะ’เฟริน

    คิดน้อยใจในใจ ‘เอ๊ะ  แล้วเราจะหวังให้รั้งเราทำไมล่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกับมันนอกจากเพื่อนนี้วา แล้ว

    เราเป็นอะไรไปเนี่ย  โอ้ย  ไม่รู้แล้ว เลิกคิด เลิกคิด’เฟรินโวยอยู่ในใจ



    “จะว่าไป พรุ่งนี้ก็แค่มีงานเลี้ยงแล้วก็ปิดแล้วนี้วา”เฟรินพูดขึ้นมาขจัดความเงียบ



    “จะบ้าหรือ  พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงแต่ที่ปิดนะอีก2-3วันนั้น”คิลพูดขึ้นมา



    “งั้นไว้ค่อยคิดล่ะกันนะโกโดม”เฟรินหันไปให้คำตอบแล้วหาวทีหนึ่ง



    “ก็แสดงว่านายยังไม่กลับใช่ไหม”คิลร้องขึ้นอย่างดีใจ



    “ก็คงงั้น”เฟรินตอบแล้วหาวอีกที



    “องค์หญิงต้องการเช่นนั้นหม่อมฉันจะยอมกระหม่อม พระองค์ทรงง่วงแล้วถ้างั้นทรงบรรทมเถอะ

    กระหม่อม”โกโดมพูดแล้วกลับไปที่เตียงของตน เฟรินจึงพยักทีหนึ่งแล้วล้มตัวลงนอน  คิลหันไปมอง

    หน้าคาโลก่อนที่จะปิดไฟแล้วนอนตาม



    ***____________________________________________________________________________________***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×