ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่14 โกโดม โคมุส

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 49



            เมื่อการเวลาล่วงเลยผ่านไปเพราะไม่มีใครสามารถทำให้มันหยุดเดิน จาก 1 คืนเป็น 1 วันจากนั้นก็

    กลายเป็น 1 อาทิตย์ และเป็นทุกวันนี้   เฟรินออกจากห้องพยาบาลแล้วและผู้คนมากมายต่างเริ่มที่จะอ่าน

    หนังสือเนื่องจากอีกไม่กี่วันก็จะถึงการสอบแล้ว แต่ว่ายังไงซะคนอย่างเฟรินก็ไม่เคยจับหนังสือซะที



           จากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศทั่งภายนอกภายในต่างหนาวเย็น  สายลมพัดพาความเย็นมาสู่ผิว

    กายอย่างไม่ปราณี แม้ว่าจะมีการจุดเตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นภายในอาคารแล้วก็ตามมันไม่ได้ช่วยลด

    ความหนาวลงเลยซักนิด ต้นไม้ต้นหญ้าต่างพากันหายไปจากพื้นดินแม้จะมีเพียงบางต้นที่ทนได้ก็ตาม

    ท้องฟ้าในวันนี้ ตั้งแต่เช้ามืดเป็นสีเทา และเริ่มมีปุยฝ้ายสีขาว ๆ เย็น ๆ ตกลงมาตลอดวันจนทับทมกัน

    เต็มพื้นดิน



    “ไฮ  เพื่อน ๆ ทั้งหลายเราไปเล่นปาหิมะกันดีกว่านะ”เสียงของชายผมน้ำตาลและดวงตาสีเดียวกันเป็น

    ประกายรักสนุกพูดขึ้นขณะที่เปิดประตูเข้ามาในห้องนั่งเล่น



    โป็ก!! โอ้ย! เสียงโดนฟาดจากคทาของหญิงสาวและตามาด้วยเสียงร้องของเฟรินที่ลงไปนั่งกุมหัวของ

    ตนอย่างเจ็บปวด



    “มาลงมาเล่นหิมะอะไรกันล่ะ  จะสอบอยู่แล้วไม่คิดที่จะจับหนังสือเลยหรือไง”แอ้งจี้ว้ากขึ้นมา



    “โธ่ ก็อ่านไปมันก็ไม่เข้าสมองนี้นา”เฟรินบอกพลางลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้



    “นายนี้มัน โดนอีกซักทีไหม”แอ้งจี้พูดพร้อมชูคทาเตรียมจะฟาด



    “ว้าก  อย่านะ”เฟรินร้องพร้อมชูมือขึ้นมาเตรียมรับคทา



    “เงียบ ๆ กันซักทีได้ไหม”เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากหญิงสาวที่กำลังนั่งเคร่งอยู่กับหนังสือ



    “นั้นสิค่ะ  ช่วยเงียบทีเถอะ”เรนอนพูดขึ้นมาบ้าง



    “ใช่ ถ้าไม่พูดก็ไม่มีคนว่านายใบ้หรอกนะเฟริน”หนุ่มตาเดียวอย่างครี้ดก็บ่นขึ้นมาก่อนที่จะกลับไป

    หน้านิ่ว คิ้วขมวดต่อกับหนังสือประวัตติศาสตร์ตรงหน้า



    “แล้วพวกนายจะเอาแต่คร่ำเคร่งอยู่กับหนังสืออย่างนี้อ่ะนะ  เครียดมากเดียวก็แก่เร็วหรอก...”เฟรินยัง

    พูดไม่จบก็ต้องชูมือขึ้นมารับคทาไว้ก่อน



    “ฟังให้จบก่อนสิ”เฟรินพูด ทุกคนจึงเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมาฟัง



    “ฉันแค่อยากจะบอกว่า  เอาแต่อ่านหนังสือไม่คิดจะให้สมองได้รับการพักผ่อนบ้างหรือไง  เอาแต่อ่าน

    ไม่พักแล้วมันจะเข้าสมองไหม ความรู้นะ”เฟรินพูดแล้วเดินออกจากห้องไป



    “อืมก็จริงของมันเฮะ”มาทิวด้าพูดขึ้นมาพร้อมกับปิดหนังสือลง



    “นั้นสิ  รอด้วยเฟริน ฉันไปเล่นด้วยคน”กัสพูดพร้อมวิ่งออกจากห้องไป



    “เฮ้ย  กัส รอพวกเราด้วย”แล้วทั้งห้องต่างก็พากันปิดหนังสือวิ่งออกไปเล่นปาหิมะกันอย่างสนุกสนาน



    “เฮ้ย  ระวังนะ”เสียงมาทิวด้าพูดขึ้นก่อนที่เฟรินจะโดนหิมะโป๊ะ เข้าให้ที่หน้า



    “55555555”เสียงหัวเราพดังลั่นมาจากครี้ดผู้เป็นคนปา



    “หนอย...เอาไปบ้างสิ”เฟรินพูดพร้อมกับปาก้อนหิมะไปโดนหน้าครี้ดบ้างแต่มันกลับพุ่งไปโดนหน้า

    ซีบิลแทน แล้วก็เปิดฉากวิ่งไล่ปาหิมะกันอีกรอบ



    “แฮ่ก  แฮะ แฮ่ก “เสียงหอบเล็กน้อยดังขึ้นมาจากทุกคนที่ลงมานอนแผ่ราดอยู่บนหิมะหลังวิ่งไล่กัน



    “สนุกดีว่ะ ใว้วันหลังมาเล่นกันใหม่ดีกว่าไหม”เสียงของเฟรินดังขึ้นมาอย่างเหนื่อยอ่อน



    “นั้นสิ”มาทิวด้าพูดบ้าง



    “แต่วันนี้คงต้องกลับไปอ่านหนังสือกันต่อนะค่ะ”เรนอนพูดพร้อมลุกขึ้นมายืน



    “จริงด้วย ลืมไปเลย”แอ้งจี้พูดพร้อมลุกขึ้นมาบ้าง



    “โธ่ จะรีบอ่านไปไหนกันล่ะ”เฟรินพูดพร้อมลุกขึ้นมาปัดหิมะลงไปจากตัว



    “ถ้าไม่อ่านตอนนี้แล้วจะไปอ่านตอนไหนห่ะ เฟริน”คิลพูดขึ้นมาบ้างและทุกต่างพากันลุกขึ้นมาปัด

    หิมะ



    ตุบ!!



    “เสียงอะไรอ่ะ”มาทิวด้าพูดขึ้นมา



    “นั้นสิ  เสียงเหมือนอะไรหล่นลงมาจากฟ้า”ครี้ดพูดขึ้นบ้างพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีเมฆจำนวน

    มาก และเป็นสีเทา



    “เสียงมันมาจากหลังต้นสนนั้น”คิลพูดพร้อมชี้ไปที่ต้นสน



    “งั้นเราไปดูกันคิล  พวกนายไปกันก่อนนะ”เฟรินพูดพร้อมลากคิลไป  ทุกคนจึงพากันกลับเข้าป้อม





    “อะไรมันหล่นลงมาว่ะ”คิลพูดขึ้นหลังจากที่เฟรินยืนมอง



    “นายมาช่วยกันหาสิถ้าอยากรู้”เฟรินพูดขึ้นมา แล้วมือก็ไปแตะโดนอะไรสักอย่าง



    “เจอแล้ว”เฟรินร้องออกมาด้วยรอยยิ้ม คิลรีบวิ่งมาดู แต่แล้วรอยยิ้มของเฟรินก็หายไปเปลี่ยนเป็นหน้า

    ซีดทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่ตนเองจับออกมา



    “มันตัวอะไรเนี่ย”คิลร้องออกมาอย่างสนใจ สิ่งที่เห็นในมือของเฟรินคือ คนหรือตัวก็ไม่รู้  เล็ก ๆ แต่มี

    กลับมีเขาเหมือนกวางใหญ่เกินตัว มีบาดแผลเต็มตัวและกำลังสลบอยู่



    “เฟรินแกเป็นอะไรไป”คิลพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วงเมื่อมองหน้าซีด ๆ ของเฟริน



    “โก...โดม”เฟรินพูดขึ้นมาอย่างติดขัด



    “นายรู้จักมันหรือ”คิลถามขึ้นมา



    “..........”เงียบ  เฟรินไม่พูดอะไรเอาแต่จ้องสิ่งที่อยู่ในมือของตน เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่



    “ฉันว่าเราพามันกลับเข้าไปในป้อมเพื่อรักษามันก่อนดีกว่านะ”คิลพูด ทำให้เฟรินหลุดออกมาจาก

    ความคิดของตนแล้วรีบวิ่งเข้าป้อมไป



    “เฮ้ย! ไ อ้ เฟริน รอด้วย”คิลพูดพร้อมวิ่งตามไป



    “ที่นี่นายจะบอกเราได้ยังว่า ไอ้ตัวนี้มันตัวอะไร”คิลพูดขึ้นหลังจากที่กลับมาอยู่ในห้องหัวหน้าชั้นปี ที่

    ตอนนี้เฟรินกำลังนั่งอยู่บนเตียงที่มีคนแคระมีเขากวางนั่งอยู่ และคาโลกำลังนั่งอยู่ที่เตียงตัวเองหลังจาก

    รักษาเสร็จและกำลังรอฟัง



    “เจ้านี้มันชื่อโกโดม โคมุส”เฟรินพูดขึ้นมา



    “แล้วไ อ้ โกโดมนี้มันเกี่ยวอะไรกับแก”คิลถามพร้อมมองไปที่โกโดมที่นอนอยู่



    “มันเป็นองค์รักษ์ของฉันมั่ง”เฟรินพูดเหมือนไม่แน่ใจ



    “แล้วมันมาทำไม”คนที่เงียบอยู่นานถามขึ้นมาบ้าง



    “ ฉันจะรู้ได้ไงพึงเห็นพร้อมกับพวกนาย”เฟรินตอบกวน ๆ ให้คิลแยกเขียวเข้าใส่ แต่ก่อนที่จะเกิด

    การตะลุมบอลขึ้น เจ้าโกโดมก็ตื่นขึ้นมา



    “องค์...หญิง”โกโดมพูดขึ้นมาพร้อมลุกขึ้นมากุมหัวตัวเอง



    “ไงโกโดม  มาทำอะไรที่นี่”เฟรินถามขึ้นก่อนที่จะมองหน้าโกโดม



    “เอ่อ...องค์....ว้าก”โกโดมที่เงยหน้าขึ้นมามองเฟรินร้องออกมา



    “ใคร ใคร ทำให้ท่านเป็นแบบนี้ โอ้องค์หญิงผู้แสนสวยของโกโดม ใครสาปท่านให้กลายเป็นผู้ชายไป



    ได้ องค์หญิงบอกกระหม่อมมา หม่อมฉันจะไปจัดการมันเอง..”โกโดมพล่ามยาวเมื่อเห็นเฟริน



    “หรือว่า เจ้าสองคนเป็นคนสาปเจ้าหญิงแสนสวยของข้า”โกโดมพูดพร้อมชี้ไปที่คิลที่กำลังหัวเราะน้อย

    ๆ กับคาโลที่นั่งหน้านิ่ง



    “หยุดพล่ามซะทีได้ไหมไ อ้ โกโดม  ไม่มีใครทำอะไรฉันทั่งนั้นแหละ”เฟรินพูดขึ้นมาอย่างรำคาญ



    “แล้วใยองค์หญิงจึงแบบนี้”โกโดมหันกลับมาพูดด้วยความสงสัย



    “จะอะไรเล่า ก็แหวนของเสด็จพ่อไง”เฟรินพูดด้วยความหงุดหงิดพร้อมโชว์แหวนที่นิ้วกลางข้างขวา

    ให้ดู



    “ยังไม่เชื่อใช่ไหม” เฟรินพูดเมื่อเห็นหน้าโกโดม แล้วถอดแหวนออกกลายเป็นเฟลิโอน่าอีกครั้ง



    “องค์หญิงเฟลิโอน่าแสนสวยของโกโดมไม่ได้โดนคำสาปจริง ๆ ด้วย”โกโดมร้องออกมาอย่างดีใจ



    “ใช่สิ เพราะงั้นบอกมาซะทีว่ามาที่นี่ทำไม”เจ้าของเสียงหวายใสพูดอย่างหงุดหงิด เสื้อผ้าที่ใส่ดูหลวม

    โพลกขึ้นมาเผยให้เห็นไหล่มลสีขาวน่าสัมผัส เรียกสีแดงให้ใบหน้าของคาโลเล็กน้อยก่อนที่จะส่งเสื้อ

    คลุมให้เฟรินใส่ แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจ



    “ท่านจ้าวส่งสั่งให้หม่อมฉันมาคอยดูแลพระองค์”โกโดมพูดขึ้น



    “ใยต้องส่งเจ้ามาดูแลข้าด้วย ข้าดูแลตัวเองได้ เจ้ากลับไปบอกเสด็จพ่อซะเถอะ”เฟลิโอน่าพูดด้วย

    น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงสายเลือดราชวงศ์ สร้างความตะลึงให้แก่คิลที่เฟรินมันเปลี่ยนไป



    “คงทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกกระหม่อม”โกโดมพูด



    “ทำไม”เฟลิโอน่าถามเสียงสูง



    “เพราะมันเป็นคำสั่งของท่านจ้าวกระหม่อม”โกโดมพูดด้วยความเคารพ



    “แล้วคำสั่งของเราไม่ศักดิ์สิทธ์หรือ”เฟลิโอน่าถามเสียงสูงอีกครั้ง



    “มิเช่นนั้นพะย่ะค่ะ  เพียงแต่ถ้าหม่อมฉันกลับไปได้คอขาดเป็นแน่กระหม่อม”โกโดมพูด ทำเอาเฟลิโอ

    น่าถอนหายใจ



    “เอาเถอะน่า เฟริน จะเป็นไรไปให้มันอยู่ไปเถอะ”คิลพูดขึ้น แววตาส่อแววรักสนุก



    “แล้วคนอื่นล่ะ”เฟลิโอน่าหันกลับมาถาม



    “นายก็เป็นเจ้าหญิงเฟลิโอน่าไปซี้”คิลพูดพร้อมยิ้ม ๆ



    “ไม่ได้เด็ดขาด  จะให้ใครล่วงรู้ฐานะขององค์หญิงเด็ดขาด”โกโดมพูดขึ้นมา



    “แล้วทำไมพวกฉันรู้ได้”คนที่เงียบมานานถามขึ้นอย่างสงสัยแม้หน้าตาจะเรียบเฉย



    “โอ้ เจ้าชายคาโล วาเนบลี นักฆ่าคิลมัส ฟิลมัส เพราะพวกท่านเป็นเพื่อนขององค์หญิงนะสิ”โกโดมพูด



    “เจ้ารู้จักพวกข้าได้ไง”คาโลถามขึ้น



    “ก็เพราะช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาข้าคอยจับตาดูเจ้าหญิงของข้าอยู่นะสิ”โกโดมพูด



    “ว่าแต่ทำไมถึงไม่ให้คนอื่นรู้ล่ะ”คิลถามขึ้นมาใบหน้าคิ้วขมวดกันอย่างครุ่นคิด



    “อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะคิล  ที่ฉันแปลงเป็นชายเพราะรักสนุกนะ”เฟลิโอน่าพูดพร้อมเดินไปตบ

    ไหล่คิลกับหัวเราะออกมาเบา ๆ



    “เพราะพระองค์กำลังโดนปองร้ายยังไงล่ะ”โกโดมเอ่ยเสียงเครียด แล้วทั่งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ

    เป็นเวลานาน



    “555 ไม่มีทางเป็นไปได้ พวกนายก็อย่าเครียดไปเลยนา”เฟรินพูดหลังจากที่สวมแหวนคืนดังเดิม



    “เพราะฉันอยู่ในร่างผู้ชายที่ไม่มีใครรู้นอกจากพวกนาย”เฟรินพูดก่อนที่จะล้มตัวลงนอน แล้วหลับไป



    “นั้นสินะ”คิลพูดขึ้นมาเดินไปจัดเตียงเล็ก ๆ ตรงหน้าต่างให้โกโดม



    “มันก็ไม่แน่นะ”คาโลพูดขึ้นเสียงเครียด



    “ปัญหามันยังไม่มาถึง นายก็อย่าเครียดให้มากน่าคาโล”คิลพูดพร้อมยิ้ม ๆ ก่อนล้มตัวลงนอนแล้วหลับ

    ไปอีกคน



    “จริงของนาย”คาโลพูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนเดินไปปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอน



    “อ้าวแล้วข้าจะนอนตรงไหน”โกโดมร้องขึ้นมา



    “ก็ตรงที่คิลมันจัดให้ไง”คาโลพูดก่อนที่จะหลับตาลง แล้วหลับตามไป ส่วนโกโดมก็เดินไปที่เตียงของ

    ตนแล้วเหม่อมองพระจันทร์ครึ่งเสียว ก่อนที่จะเผลอหลับไปด้วยความเจ็บตามร่างกาย



      ***_______________________________________________________________________________________***



    มาต่อให้จบไปอีกหนึ่งบทแล้วนะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×