ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ficหัวขโมยแห่งบารามอสภาคเจ้าหญิง

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่12 กระดานหมากเกียรติยศ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 362
      1
      27 ก.พ. 49


         สายลมที่พัดผ่านผิวกายเข้ามา บอกถึงเวลาแห่งกระดานเกียรติยศ นัดสำคัญที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น.....



             การแข่งขันกลางแสงแดดจ้า กับลมร้อนที่พัดมาและเศษใบไม้บางชนิดที่ร่วงโรย  พื้นสนามที่โบกด้วยหินแกร่งแผ่นหนาถูกปูลาดยาวตีเป็นตารางกหสิบสี่ช่องตามกระดานหมากรุกและกำลังถูกจับตามองโดยเหล่าผู้ชมที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์หินรูปโค้งครึ่งวงกลมที่รายล้อมสนามแข่งจุคนได้เป็นหลายพันมีทั้งนักเรียน ประชาชน และแขกผู้รับเชิญ  บัดนี้สิ่งที่รายล้อมรอบอัฒจันทร์คือธงสีม่วงแห่งเอดินเบิร์กที่กำลังโบกสะบัดไปตามแรงลมอย่างน่าชวนมอง  ส่วนที่รายล้อมรอบสนามแข่งคือ ธงสีแดงของป้อมอัศวินกับธงสีน้ำเงินของปราสาทขุนนาง  สองทีมที่ลงในนัดเปิดสนาม

            ภายในห้องพักนักกีฬาปีหนึ่งของป้อมอัศวิน ที่กำลังแต่งตัวเตรียมความพร้อมกับการแข่งที่จะมาถึงกับนัดเปิดสนาม

           เบี้ย  ผู้เป็นพลทหารราบ แต่งกายธรรมดา ถือดาบเล่มเดียว

           เรือ  เป็นแม่ทัพใหญ่จะมีเสื้อเกาะอ่อน รถศึกเทียมสัตว์ มีสิทธ์ใช่ได้ทั้งดาบและหอก

           ม้า   เป็นอัศวินสามารถเลือกสัตว์ประจำกายได้ มีสิทธ์ถือดาบ

           บิชอป  เป็นผู้ใช้เวทย์มนตร์แต่งกายนักบวช ถือคทาเป็นอาวุธ

           ควีน คิง  แต่งกายออกศึกของกษัตริย์ มีสัตว์ประจำกาย มีสิทธ์ใช้ทั้งดาบและคทา

    เครื่องแต่งกายของป้อมอัศวินเน้นสีแดงเป็นหลัก มีทับทิมเป็นเครื่องประกอบ



    “น่าเบื่อจริง ๆ ที่ต้องมาเป็นเบี้ยเนี่ย”เฟรินพูดขึ้นมาเบา ๆ คนเดียวขณะแต่งตัวอยู่



    “ถ้างั้นมาเป็นผู้เดินหมากไหมล่ะ เมื่อวานนายเล่นเก่งดีนี่”เจ้าเพื่อนซี้นักฆ่าอย่างคิลพูดขึ้นพร้อมเดินมานั่งข้าง ๆ



    “นั้นมันแค่ซ้อม ๆ เองนะ”เฟรินพูดขณะลูบทับทิมไปมา



    “นายนี้มันดูลึกลับแฮะ”คิลพูดพลางพยายามมองเฟรินไปทั่วตัว



    “งั้นหรือ แต่นายก็รู้แล้วนี้ว่าฉันเป็นใครนะ”เฟรินพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนคาดเข็มขัด



    “อย่าพูดถึงมันอีกได้ไหม”คิลพูดเสียงเย็น ๆ



    “นายจะเป็นคาโลอีกคนหรือไง”เฟรินพูด แล้วอยู่ ๆ คาโลก็เดินผ่านพวกเขาไปทั้งคู่หันมามองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน แต่ด้วยว่าเสียงที่ดังนั้นทำให้ทุกคนหันมามอง ทั่งคู่จึงต้องรีบหยุดหัวเราะทันใดนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการมาของรุ่นพี่โรเวน และหัวหน้าป้อม ตามมาด้วย เจ้าหญิงเรนอนคนสวยที่มาพร้อมกับแก้วน้ำที่อยู่บนถาดหลายใบปิดท้าย



    “ศึกนี้เป็นครั้งแรก พี่คิดว่าทุกคนภายในใจก็คงจะกลัวกันแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ขอให้ทุกคนรู้ว่า เพียงทุกคนทำสุดกำลังกำลังกายก็พอ เราเกิดมาเพียงหนเดียว และก็ตายหนเดียว อย่าทำอะไรที่ต้องมาเสียใจภายหลัง พี่ไม่ได้จะบอกให้ทุกคนสู้กันจนตายเพราะว่าทุกชีวิตนั้นมีค่า และสำคัญสำหรับใครสักคนที่รักเราอย่างแท้จริง ขอเพียงทุกคนสู้เท่าที่ตนเองจะทำได้ก็เพียงพอ ให้ทุกคนเชื่อใจและไว้ใจกัน มีความ
    สามัคคี ตราพระราชาต้องตกมาอยู่ในมือเราอย่างแน่นอน” ทันทีที่เซอร์เทวิส ผู้เป็นหัวหน้าป้อมกล่าวจบ บรรยากาศในห้องก็ดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ทุกคนมุ่งหวังที่จะชนะ ไม่เว้นแม้แต่เฟรินที่ไม่คิดที่จะจริงจังกับการแข่งก็ราวกับคนมาตีกลองอยู่ในใจให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น



    “แล้วนี้คือน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่จะเป็นตัวรวมแรงใจของพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน”โรเวนพูดต่อ แล้วแก้วน้ำที่มาพร้อมกับเรนอนก็ถูกแจกจ่าย



    “โฮ้ น้ำเปล่างั้นหรือ นึกว่าจะได้ทานน้ำแดงหรือว่าพวก...”เฟรินพูดขึ้นมาด้วยเสียงปนขี้เล่นเล็กน้อยแต่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนขัดซะก่อน



    “มีอะไรไม่พอใจหรือไงเฟริน เดอเบอโรว์ หรือว่าจะเอาเป็นกรีดเลือดดื่มดีไหม”โรเวนพูด สิ่งที่ทำให้คนอย่างเฟรินหน้าซีดเล็กน้อย



    “อย่าเลยฮะ เอาน้ำเปล่าก็ได้”เฟรินพูดเสียงอ่อย ๆ



    “ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเอาจริง ๆ มันจะเป็นการตัดกำลังตนเองเปล่า ๆ ครั้งหน้าจะเอาน้ำแดงมาให้ล่ะกันนะ”โรเวนพูดต่อ ทำให้คนอื่นต่างพากันส่งเสียงหัวเราะออกมา  บรรยากาศเคร่งเครียดค่อยผ่อนคลายขึ้น ส่วนเฟรินนั้นโล่งอกด้วยความดีใจที่ตนไม่ต้องกรีดเนื้อของตนเอาเลือดออกมา แล้วทุกอย่างก็กลับสงบลงอีกครั้ง  จากนั้นก็เป็นการมอบตราป้อมอัศวินให้แก่เรนอน ก็เป็นอันจบ ที่เหลือก็แค่รอการแข่งขันเท่านั้น

              และเมื่อลมร้อนพัดโชยมาอีกครั้ง ผู้ประกาศก็เรียกทั้งสองฝั่งให้ออกมา นักกีฬาจากป้อมอัศวินเดินออกมายืนประจำตำแหน่งของตนตรงข้ามกับฝ่ายปราสาทขุนนาง  เมื่อพิธีการประกาศรายชื่อนักกีฬาแล้ว การแข่งขันก็เริ่มขึ้น



    “เบี้ยหก  เอฟห้า”  เสียงประกาศเปิดกระดานของป้อมอัศวินดังขึ้นหลังจากที่ปราสาทขุนนางเดินตาแรกไปแล้ว เฟรินมองซีบิลเดินออกไปตามคำสั่ง



    “โร นายเสกเก้าอี้ให้ตัวหนึ่งดิ”เฟรินพูดหลังจากที่คนถูกเรียกหันมา



    “นายอย่าทำเป็นเล่นนักได้ไหมเฟริน”ครี้ดพูดขึ้นมาพร้อมบ่นพึมพำในลำคอ



    “หมากเปิดกระดานทางโน้นเค้าลุยแล้ว แถมบุกแบบนั้นได้พากันตายหมด ดูท่าจะแย่แฮะ”เฟรินพูดขึ้นพร้อมสายหัว แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อคำสั่งต่อมาของเรนอนดังขึ้น



    “เบี้ยเจ็ด จีห้า” เฟรินพึมพำคำสั่งอีกครั้ง



    “คงมีแต่โชคที่จะช่วยนายได้ ซอร์โรเบี้ยปะทะบิชอป”เฟรินพูดขึ้นมาเบา ๆ



    “บิชอปซ้าย  จีห้าประทะเบี้ยเจ็ด”เสียงประกาศดังก้องแล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น ชั่วพริบตาที่เด็กหนุ่มจาก ปราสามขุนนางในชุดตัวบิชอปก็หายไปแล้วเถาวัลย์เข้ามาพันร่างของซอร์โรไม่ทันตั้งตัว



    “ไอ้บ้าเอ่ยเล่นขี้โกงนี้หว่า”ครี้ดร้องลั่นอย่างเดือดร้อนแทน



             การต่อสู้ที่ไม่เหมือนการต่อสู้  กระตุ้นเลือดในกายของนักบให้เดือดพล่าน  แต่เร่งเลือดในกายของเฟรินให้เย็นลง ด้วยความกลัวเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า



    “อ๊าก............”เสียงร้องลั่นอย่างทรมานจากเบี้ยผู้ลองดีกับบิชอป



    “พอแล้ว  พอได้แล้ว”เสียงตะโกนดังลั่นมาจากเฟริน ทำเอาผู้คนเริ่มเงียบลงด้วยความตะลึงแต่เฟรินไม่สนใจเมื่อหันไปมองเจ้าหญิงเรนอนก็พบว่าเจ้าหล่อนหน้าซีดอย่างหนัก



    ‘โธ่เว้ย เรนอนตกใจมาก แล้วก็จะก้าวผิด ฝีมือเดินหมากคนละขั้นกันเลย แถมจิตวิทยายังไม่ได้เรื่อง’เฟรินคิดกังวลอยู่ในใจ



    “สั่งยอมแพ้สิ ๆ”เฟรินพูดขึ้น ทำให้ทุกคนต่างพากันตะลึงอีกครั้ง แล้วเรนอนก็ค่อย ๆ ยกตรายอมแพ้ร่างของซอร์โรจึงหายไปเมื่อสิ้นเสียงแตรที่ยาวเป็นสัญญาณ



    “บิชอปนั้น ฉันอยากปะทะด้วย”เดท  ไฟเออร์ผู้รับตำแหน่งม้าพูดขึ้นด้วยความชอบใจ



    “แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากปะทะกับใครเลย แย่จริง”เฟรินระบายออกมา และก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งกับคำสั่งให้โรออกเดิน



               การปะทะกันรอบที่สองเริ่มขึ้น เมื่อโรถูกสั่งให้บุกเบี้ยฝั่งตรงข้าม  เสียงการปะทะกันระหว่างดาบดังขึ้นเพียงครั้งสองครั้ง  ผู้ถือป้ายฝั่งปราสาทขุนนางก็ยกยอมแพ้



    ‘หมอนั้นฉลาดเป็นกรด จุดสำคัญของผู้ออกคำสั่งต้องรู้จักใช้คน มันมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า ขอทานอย่างโร  เซวาเรส แท้จริงมีความสามารถเหนือกว่าตำแหน่งเบี้ย’เฟรินคิดอยู่ในใจพลางมองไปที่ผู้ถือป้ายฝั่งปราสาทขุนนาง

           คำสั่งให้บุกดังต่อเนื่องให้ โรปะทะกับเบี้ยตัวต่อไป เมื่อสิ้นคำสังบุก การประดาบก็เริ่มขึ้นอีกครั้งและเมื่อโรควงดาบในมือจนดาบของคู่ต่อสู้หลุดไปและจ่อที่คอหอยใว้ ฝ่ายนั้นก็ยอมแพ้โดยทันที

             แล้วอยู่ ๆ เฟรินก็ชาวูบขึ้นมาเมื่อมองดูกระดานเพราะว่าตำแหน่งหมากในครั้งนี้ มันเป็นการเปิดทางให้เขาเล็งเผชิญกับเรือของฝั่งตรงข้าม แม้คู่ต่อสู้จะห่างกันถึงหกช่อง แต่กระแสที่ส่งมามันบอกว่าอยากสู้มาก ๆ



    “ครี้ดนายช่วยหน่อยสิ แสดงท่าทางข่มขวัญเรือฝั่งตรงข้ามหน่อย”เฟรินหันไปกระซิบกับเพื่อนข้างหลังหวังพึ่งใบบุญ



    “นายกลัวหรือ”ครี้ดพูดขึ้นมา สายตามองไปอย่างอยากที่จะสู้ด้วย



    “นายก็รู้ฉันมันพวกรักสงบ”เฟรินพูดขึ้นมา



    “ฉันรู้แต่ว่านายมันพวกเชื่อไม่ได้”ครี้ดพูดขึ้น



    “และรู้ว่านายมันขี้ขลาด”ครี้ดพูดต่อทันที



    “ขี้ขลาดแต่ไม่ตาย ดีกว่ากล้าหาญแต่ไม่มีชีวิตรอด”เฟรินพูด แล้วอยู่ ๆ แอ้งจี้ก็ต้องต่อกรกับบิชอปดำนั่งอยู่บนหลังกริฟฟิน การต่อสู้เริ่มอีกครั้ง และเมื่อจบลงร่างของแอ้งจี้ที่เป็นผู้แพ้ก็หายไป ฝ่ายปราสาทขุนนางสั่งบุกต่อทันที และป้อมอัศวินก็ต้องเสียม้าไปอีกตัว เรนอนสั่งให้เฟรินขยับไปอีกช่อง ด้วยเสียงสั่น ๆ ที่ยั่วให้อีกฝ่ายอยากพิฆาตยิ่งขึ้น



    “บิชอปขวา ดีเจ็ด กินเบี้ย”

              การปะทะดาบที่รุนแรงจบลงในเวลาอันรวดเร็ว  เมื่อดาบไม่สามารถชนะพ่อมดดำของปราสาทขุนนางได้แม้มันจะสูญเสียกริฟฟินไปแล้วก็ตาม  ในที่สุดก็ถึงเวลาควีนแห่งป้อมอัศวินออกโรง



    “ควีน ดีเจ็ด กำจัดบิชอป” เรนอนสั่งให้มาทิวด้าต่อสู้

              ทันทีที่บิชอปแห่งปราสาทขุนนางร่ายเวทย์ ราชินีแห่งป้อมอัศวินก็ร่ายมนต์ตาม พลันท้องฟ้าก็มืดลงและมีฝนตก เสียงเพลงหวานใสดังขึ้น ภาพของนางเงือกที่กำลังขับร้องลอบมาตามสายน้ำที่ปล่อยลงมาจากฟ้า แล้วทันทีที่สายฟ้าฟาด เทพสายฟ้าก็ปรากฏตัว แล้วฉับพลันทั้งเมฆทั้งลมก็หายไปสิ้น



    “ความแค้นของป้อมอัศวินฉันจะชำระให้เอง”มาทิวด้าพูดพร้อมเรียกดาบใหญ่มาอยู่ในมือ บิชอปรีบสร้างเกาะป้องกันทันที แต่ไร้ประโยชน์เพราะดาบโจมตีด้วยความเร็วเหนือแสง ดาบและคนพุ่งทะลุผ่านหน้าคนตรงหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องก่อนที่จะเงียบกริบ โดยเฉพาะกับคนที่น่าจะตายกับหัวเราะได้ และร่างของมาทิวด้าก็เริ่มมีเลือดไหลและล้มลงก่อนที่จะหายไป 

            ฝ่ายปราสาทขุนนาง ผู้ถือป้ายออกคำสั่งให้บิชอปสู้อีกครั้ง ด้วยคำสั่งรุกครั้งแรกจากผู้ถือป้าย คำสั่งที่ทำให้คนดูต้องตะลึงเมื่อ บิชอปผู้ไม่เคยแพ้ใครกับคิงแห่งป้อมอัศวิน ใครจะเป็นผู้ชนะ

               นัยน์ตาของทั้งคู่มองประสานกันไปมา อย่างไม่มีใครชิงลงมือก่อน ฝ่ายบิชอปที่มีรอยยิ้มพรายเสมอยังาเครียดขึ้นมาถนัด    ขณะที่คิงแห่งป้อมอัศวินผู้มีสีหน้าสงบนิ่งกลับขยับรอยยิ้ม



    “ไม่เคยคิดว่าจะต้องสู้กับนายบนพื้นที่แคบ ๆ อย่างนี้เลยคาโล”บิชอปผู้มาจากคาโนวาลเช่นกันกล่าวขึ้น



    “ถ้านายไม่ชอบก็เปลี่ยนให้มันใหญ่ขึ้นได้นี่”คำตอบเรียบ ๆ แต่ไม่ทันสิ้นเสียง พื้นที่ช่องสี่เหลี่ยมก็ขยายกว้างขึ้นจนไร้ขอบเขต



    “ใหญ่ก็จริง แต่ฉันไม่ชอบสู้ในเขตอาคมของนาย”บิชอปพูดอย่างโมโห ก่อนที่พื้นพี่ช่องสี่เหลี่ยมจะมาเท่าเดิม



    “นายยอมแพ้ซะเถอะ”คาโลพูดเมื่อเห็นบิชอปร่ายเวทย์



    “ไม่”บิชอปพูดแล้วสายฟ้าก็ฟาดลงมา แต่คิงน้ำแข็งกลับไม่สะทกสะท้าน ยืนร่ายเวทย์พึมพำเพียงอึดใจ ลมพายุก็กระหน่ำ กลิ่นหิมะเริ่มลอยคละคลุ้ง ฉับพลันฟ้าก็ผ่าลงมา แล้วทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบสงบ



              ฝุ่นเริ่มจางลงเรื่อย ๆ  แล้วทุกอย่างก็กระจ่าง   บิชอปยังคงยืนเผชิญหน้ากับคิง   แต่แล้ว...ร่างของบิชอปก็ทรุดลง



    “นายประกาศยอมแพ้ซะ”คาโลพูด พร้อมกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นดั่งเดิม  แล้วอยู่ ๆ ผู้ถูกสั่งก็พุ่งปลายคทาแหลมแทงเข้ากลางท้องของผู้เป็นคิง แล้วกระชากออก ทำให้แผลเปิดกว้างและเลือดไหลทะลักเสียงร้องดังกังวานไปทั่วสนาม นัยน์ตาสีฟ้าส่อประกายเคืองแค้นและเจ็บปวด ปากเริ่มบริกรรมร่ายคาถา ฉับพลันก็มีประกายไฟพุ่งตรงเข้าหาฝ่ายตรงข้าม



              ร่างบิชอปที่เบิกตากว้าง หายไปก่อนที่จะระเบิดซัดโดนตนเอง เพียงชั่วพริบตา เลือดทะลักออกจากปากแผลของผู้ชนะเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้ เลือดยังคงไม่หยุดไหลแม้เจ้าตัวจะพยายามใช้เวทหยุดมันไว้



               แม้คนเจ็บจะสงบลงแล้วแต่หัวใจของเฟรินกลับเดือดพล่าน วินาทีที่คทาแทงเข้าไปกลับเป็นหัวใจของเขาที่แทบจะหยุดเต้นและเต้นใหม่อีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ต่างไปจากเดิม นัยน์ตาเฟรินยามนี้แวววับเขาไม่รู้สึกถึงอะไรนอกจากอยากให้เกมนี้จบเร็ว ๆ และต้องจบแบบชนะปราสาทขุนนางด้วย  



                มีคำสั่งจากเรนอนให้โรออกสู้อีกครั้ง คราวนี้คู่ต่อสู้เป็นสตรีผิวแทน เจ้าหล่อนเริ่มด้วยการฟันดาบพร้อมกับร่ายเวทย์ โรยิ้มแสยะออกมาก่อนที่หญิงสาวจะเริ่มทุรนทุราย มือจับที่หน้าอกอย่างทรมานและในที่สุดก็ล้มลงและหายไป  ผู้คนต่างตกตะลึงเพราะว่าโร เซวาเรสมิได้ทำอะไรเลย เจ้าตัวยืนเฉย ๆและแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น



                 เมื่อเริ่มการแข่งอีกครั้ง เรนอนก็ต้องเดินพลาดไปและเมื่อฝ่ายปราสาทขุนนางสั่งรุกฆาตอีกครั้งต่างคนต่างพากันหน้าซีด เมื่อคิงเจ็บหนักเจอควีนมาดนางพญา แล้วอยู่ ๆ ก็เกิดเสียงทะเลาะกันขึ้นมาระหว่างนักฆ่ากับเจ้าหญิงคนงามผู้ถือป้าย แล้วอยู่ ๆ คิลก็แย่งป้ายมาโยนให้เฟรินเฉยเลย



    “อะ...อะไรเนี่ย”เฟรินพูดออกมาอย่างงง ๆ หลังจากที่รับป้ายมาแล้ว  ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขากันหมด



    “นายออกคำสั่งซะสิ  พวกเราให้นายถือป้าย”โรพูดขึ้นมา และยิ้มอย่างถูกใจนัก



    ‘ก่อกบฎชัด ๆ แต่เอาว่ะจะทำอะไรได้อีกนอกจากเดินตามน้ำ’เฟรินคิดในใจและออกคำสั่งแรก



    “เบี้ยหก จีสาม กินเบี้ย”



    ‘ไอ้หมอนี้ไม่ธรรมดา’ความรู้แรกของเจ้าชายอาเธอร์ที่ต้องหวั่นไหวเมื่อกระแสเกมเปลี่ยนไปหลังจากเปลี่ยนผู้ถือป้ายทองคำ เมื่อเกมเริ่มเร่งรุนแรงยิ่งขึ้น ในสไตล์ที่เด็กปีหนึ่งมักทำกันไม่ได้



    ‘คิงของเขาไม่เคยทำให้ผิดหวัง แม้มันแทบจะตายอยู่แล้วก็ตาม’เฟรินคิดเมื่อเห็นว่ายังคงต้านได้อยู่ และเมื่อหันกลับไปมองการต่อสู้อีกคู่ก็พบว่าได้รับชัยชนะจากซีบิล เฟรินหันกลับไปมองคู่ปรับของตน



    “นี่นายใช้เวลาคิดเมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย”เฟรินตะโกนขึ้นมา ‘เก่งเรื่องจิตวิทยานัก ก็ต้องลองกันสักหน่อย’เฟรินคิดพร้อมซ่อนรอยยิ้มในสีหน้า



    “หรือว่านายกลัวเบี้ยกระจอกอย่างฉัน”เฟรินพูดขึ้นมาอีกครั้ง และด้วยคำสั่งต่อมาจากปราสาทขุนนางก็ทำให้เฟรินยิ้มออก



    “เบี้ยหก  เอฟสอง  กำจัดเบี้ย  แล้วรุกคิง” ค่ำสั่งของเฟรินพาผู้ชมต่างฮือฮา มันเป็นคำสั่งต่อเนื่องที่ฝ่ายปราสาทขุนนางไม่ทันคิด  ซีบิลรับคำแล้วก้าวเผชิญหน้ากับศึกตรงหน้า และก็ได้ชัยชนะมา  ฝ่ายปราสาทขุนนาง เริ่มเกิดการลังเลและเอาแต่โยกคิงหลบ จนซีบิลหันมาขอคำสั่งใหม่เมื่อรุฆาตไม่ได้เฟรินยิ้มออกมาเพราะมันเข้าแผนพอดี



    “เบี้นหก  เอฟหนึ่ง  เปลี่ยนควีนสอง  แล้วขอเปลี่ยนตัว”เฟรินพูดขึ้นมาเรียกอารมณ์ความสนใจของเจ้าชายอาเธอร์ในทันที และไม่ได้เป็นเฉพาะเจ้าชายอาเธอร์แม้แต่ปริ๊นโรเวนยังให้การสนใจ เพราะมันพลิกจากการใกล้แพ้มาเป็นใกล้ชนะ     ฝ่ายปราสาทขุนนางมิอาจทำอะไรได้นอกจากโยกคิงหลบไปเรื่อย ๆ



    “เบี้ยสอง   ซีหนึ่ง   เปลี่ยน ควีนสาม”



    “คิงอีห้า”  



              และมันยังคงเป็นเช่นนี้จนกระทั่งฝ่ายปราสาทขุนนางเริ่มอารมณ์เสีย และระเบิดอารมณ์ออกมา คิงถูกต้อนจนหมดทาง  และยิ่งตัวสั้นสะเทิ้มกับคำยั่วสุดท้ายที่ส่งมา



    “คิดจะสู้กับท่านเฟริน ยังเร็วไปสิบปีไอ้หนู รีบ ๆ ยอมแพ้ซะ”



                มันคงจะสุดจะทนถ้าไม่แก้แค้นก็คงไม่ให้เจ็บ และคำสั่งสุดท้ายก็ทำเอาผู้เล่น ผู้ชม ทั้งสนามแข่งถึงกลับชะงัก เพราะมันเป็นคำสั่งให้เรือโจมตีผู้ถือป้ายทองคำ ที่ถึงกับทำให้เฟรินหน้าซีดขึ้นมาทันที



    “ควีนสามดีห้า   รุกฆาต  ด่วนที่สุด ได้ยินไหมด่วนที่สุด”เฟรินตะโกนออกมาเป็นคำสั่งสุดท้ายก่อนที่จะร้องลั่น เมื่อรถรบนรกพุ่งตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว


    ***_____________________________________________________________________________________***



    เฮะเฮะ  คือว่าเคยบอกไปแล้วนะคะว่าตอนที่12มันจะเหมือนในหนังสืออ่าค่ะ   แต่ว่าตอนหน้าไม่เหมือนแล้วค่า(เอ๊ะแต่ว่าเหมือนนิด

    หน่อยนะ )แล้วจะรีบมาต่อให้นะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×