ฟิคบารามอสต้อนรับวันสงการณ์จ้า
เมื่อคาโลเฟรินและคิลต่างหลุดออกมาจากคอมและเล่นสงการณ์จะสนุกเพียงใดตามอ่านได้เลยค่า
ผู้เข้าชมรวม
952
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สำหรับฟิคนี้เชอรี่และพี่ชายขอร่วมด้วยนะคะ -^_^-
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยามราตรีของกรุงเทพฯในคืนนี้ทั้งที่ท้องฟ้าก็ดูมืดเหมือนกับคืนเดือนมืดเช่นทุกครั้งแต่ทว่า ในค่ำคืนนี้ท้องฟ้าให้ความรู้สึกที่แปลกไปเหมือนกับจะเกิดเรื่องอะไรสักอย่างขึ้นเป็นแน่ และบางทีคืนนี้อาจจะมีฝนตกก็ได้ เนื่องมาจากเสียงฟ้าร้องที่คำรามมาแต่ไกล รวมทั้งฟ้าแลบที่ทำให้ท้องฟ้าบางพื้นที่สว่างขึ้นมาแม้เพียงแว็บเดียว
สำหรับฟิคนี้เชอรี่และพี่ชายขอร่วมด้วยนะคะ -^_^-
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยามราตรีของกรุงเทพฯในคืนนี้ทั้งที่ท้องฟ้าก็ดูมืดเหมือนกับคืนเดือนมืดเช่นทุกครั้งแต่ทว่า ในค่ำคืนนี้ท้องฟ้าให้ความรู้สึกที่แปลกไปเหมือนกับจะเกิดเรื่องอะไรสักอย่างขึ้นเป็นแน่ และบางทีคืนนี้อาจจะมีฝนตกก็ได้ เนื่องมาจากเสียงฟ้าร้องที่คำรามมาแต่ไกล รวมทั้งฟ้าแลบที่ทำให้ท้องฟ้าบางพื้นที่สว่างขึ้นมาแม้เพียงแว็บเดียว
ณ บ้านหลังหนึ่งในกรุงเทพฯ
"หว่า ฝนจะตกไหมเนี่ย"เสียงเด็กสาวคนหนึ่งร้องทักขึ้นเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาสีดำเรียวเล็กแบบหมวย ๆ มองอย่างเป็นกังวล
"ก็คงจะตกล่ะมั่ง"พี่ชายของหล่อนพูดขึ้นจากโต๊ะคอมข้าง ๆ
"อ้าว ถ้าฝนตกก็ต้องหยุดเล่นคอมนะ ไม่งั้นโดนป๊ากะม๊าดุเชอรี่ไม่รู้ด้วยนะ"เด็กสาวพูดหลังจากที่ตวัดสายตามามองพี่ชายตนอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ไม่หยุดซะอย่าง ป๊ากะม๊าก็ไม่อยู่ทำอะไรก็ไม่ได้อยู่แล้วล่ะ”พี่ชายพูดก่อนที่จะไม่สนใจน้องสาวอีกต่อไป
“งั้นเชอรี่เล่นมั่ง”เชอรี่พูดก่อนลุกไปเปิดคอมอีกเครื่องที่วางอยู่ใกล้ ๆ คอมของพี่ชาย
“ชี่ เล่นโยวกังสิ หันเก็บเลเวลซะมั่ง อู้นานอย่างนี้จะเก็บเลเวลตามพี่ทันหรือ”พี่ชายหันมาพูด
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจเล่น แต่งฟิคบารามอสดีกว่า”เชอรี่พูดก่อนที่จะลงมือคลิ๊ดเลือกโปรแกรมที่ต้องการ
สองพี่น้องเล่นคอมเป็นเวลาสักพัก อากาศก็เริ่มหนาวขึ้น ซ้ำยังมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและฟ้าแลบเกิดขึ้นติด ๆ กัน ร่วมทั้งลมที่อยู่ ๆ ก็พัดแรงขึ้นทั้งที่เมล็ดฝนที่ควรจะหล่นจากฟากฟ้ายามนี้กลับไม่มีเลยสักหยด ท้องฟ้ายามนี้ช่างดูน่ากลัวเสียจริง ๆ
“พี่พงเก็บผ้าที่ตากข้างนอกหรือยัง”อยู่ ๆ เสียงเชอรี่ก็ดังขึ้นพอดีกลับที่เสียงฟ้าร้องดังแทรกขึ้นมา
“อะไรนะ”พี่ชายที่มองดูท้องฟ้าอยู่หันกลับมาถาม
“เชอรี่ถามว่าพี่เก็บเสื้อผ้าที่ตากตามที่ม๊าสั่งหรือยัง”
“เฮ้ย ! ลืมเลย”พี่ชายพูดก่อนที่จะรีบลุกไปเปิดประตูระเบียงเพื่อเก็บผ้า
“อ่ะพี่พงปิดหน้าต่างด้วยนะลมมันแรงอ่ะ”เชอรี่พูดขึ้นอีกครั้งเหมือนนึกขึ้นได้
“มาปิดเอง ไม่เห็นหรือกำลังเก็บผ้าอยู่นะ”เสียงพี่ชายตะโกนดังมาจากนอกห้อง เชอรี่จึงลุกขึ้นมาปิดหน้าต่าง โดยปล่อยหน้าจอคอมทั้งสองเครื่องให้เปิดใว้
เปรี๊ยง!!!!
เสียงฟ้าผ่าลงที่ต้นไม้ตรงข้ามบ้าน เชอรี่และพี่ชายต่างเห็นเหตุการณ์พอดี ตั้งแต่ตอนที่ฟ้าแลบเกิดสงและฟ้าที่ผ่าลงจนต้นไม้ล้มลงมาคว้างถนนจนรถหลบหลีกแทบไม่ทัน
“พี่ กลับเข้ามาเร็ว เดี๋ยวฟ้าผ่าอีกรอบหรอก”เชอรี่ตะโกนเสียงดังเรียก
“เด๋ว อีกนิดหนึ่ง ตัวสุดท้ายมันปลิวไปติดเสาไฟข้าง ๆ ระเบียงบ้านยายนะ”พี่ชายพูดพลางเอื้อมมือไปดึง
เปรี๊ยง!!!!!! เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ก็ผ่าลงที่เสาไฟต้นนั้นพอดี และนี้คงจะเป็นเหตุให้บ้านทุกหลังในบริเวณนั้นไฟดับหมด แต่ทว่าทั้งตัวเชอรี่เองและพี่ชายกลับไม่ได้สนใจในบ้านเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฮู.....รอดตัวไป ถ้าช้ากว่านี้พี่พงมีสิทธิดำยิ่งกว่าตอนนี้แน่ ๆ”เชอรี่บ่นขึ้นหลังจากถอนหายใจและรอดพ้นมาจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ถ้าตนไม่ดึงพี่ชายให้กลับมาตอนคว้าเสื้อนั้นได้นะ ปานี้..เฮอออ
“เอาน่า ๆ รู้นะบ่น ๆ อย่างนี้ที่จริงเป็นห่วงล่ะสิ”พี่ชายหยอกเล่นแล้วลุกขึ้นมาปิดหน้าต่างที่เชอรี่ลืมปิด
“อ่ะ เชอรี่ไฟบ้านเราดับไม่ใช่หรือแล้วทำไม......”พี่ชายพูดแล้วก็หยุดค้างใว้ทำให้หญิงสาวหันไปมอง ที่เห็นคือเครื่องคอมทั้งสองเครื่องยังคงทำงานอยู่
“เป็นไปได้ไง ถ้าเครื่องที่พี่เล่นนะติดอยู่ยังไม่ค่อยสงสัยแต่เครื่องเชอรี่ไม่ได้ติดไฟสำรองทำไมยังติดอยู่ล่ะ”เชอรี่ถามขึ้นมาอย่างงง ๆ สองพี่น้องมองหน้ากันไปมาสลับกับเครื่องคอมอย่างอึ้ง ๆ
สักพักเครื่องอคมสองเครื่องก็เหมือนมีเส้นใยอะไรสักอย่างลอยวนไปมารอบเครื่องทั้งสอง เส้นใยนั้นมีสีฟ้าและเมื่อจะจับต้องมันก็จะสลายกลายเป็นควันก่อนรวมตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“อะ..อะไรอ่ะพี่พง”เชอรี่ถามอย่างกลัว ๆ ใช่สิก็คนไม่ชอบอะไรที่ออกจะสยอง ๆ นี้นา
“พี่ก็ไม่รู้”พี่ชายพูดพลางพยายามจับเส้นใยสีฟ้านั้นให้ได้ อยู่ ๆ คอมทั้งสองเครื่องก็สว่างจ้าขึ้นเมื่อเส้นใยพันรอบคอม
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!
แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!
ตุบ!! เสียงคนกรีดร้องดังขึ้นก่อนที่เสียงอะไรบางอย่างล้นลงบนที่นอนข้าง ๆ คอม แต่ทว่าด้วยฝุ่นที่คลุงไปหมดทำให้มองอะไรไม่เห็นเลย
“อะไรเนี่ย....มันเกิดอะไรขึ้น”เชอรี่ร้องโวยขึ้น
“ไม่รู้เหมือนกัน”พี่ชายตะโกนตอบกลับมา ในตอนนี้เองที่อยู่ ๆ ก็มีลมแรงพัดเข้ามาในบ้านจนฝุ่นหายไปหมดทำให้เห็นคนสามคนที่อยู่ตรงหน้า
“โอ้ย...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”เสียงร้องบ่นของหญิงสาวที่ทับอยู่บนตัวชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น
เอ๊ะ ผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล แผลใต้ตาซ้าย ที่อยู่ที่คอนั้นจะใช้สร้อยไข่มุกแสง...ไม่มั่ง..แต่ว่าไม่แน่อาจจะใช่....เฟริน..ไม่สิ..เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกเดเวล เชอรี่คิดไปมองไปที่ตัวหญิงสาวผู้บ่นขึ้นเมื่อครู่
“จะเกิดอะไรก็ตามเถอะ..แกรีบ ๆ ลุกไปจากตัวฉันสักที”ชายที่ถูกทับโวยลั่น
ไม่จริงมั่ง ผมสีดำ ตาสีม่วง แต่ก็ไม่แน่นะในเมื่อเฟรินยังโพล่มาได้ คิลมัส ฟิลมัสก็ต้องโพล่มาได้และน่าโพล่มาสองถ้างั้นอีกคนก็ต้อง เชอรี่ที่กำลังคิดอยู่นั้นก็รีบตวัดสายตาไปมองชายหนุ่มอีกคนที่นั่งเงียบอย่างรวดเร็ว
“...............”ชายหนุ่มผมสีเงินเป็นประกายสะท้อนแสงไฟนีออนที่ติดเมื่อครู่ ดวงตาสีฟ้ามองไปรอบ ๆ อย่างแวดระวังก่อนที่จะหันมาสบตาเข้าอย่างจังกับสายตาของเชอรี่ที่ทำให้ถึงกับสะดุ้งรีบหลบตาในทันที
หล่อจัง..ตัวจริงหล่อจริง ๆ ทั้งที่ดวงตาสีฟ้าที่มองจะเย็นชาเพียงใดก็เถอะ..แต่ว่า...หล่อชะมัด..โอ้ย!!ใจจะละลายไปกับความหล่อนั้น เชอรี่คิดในใจพลางรีบหันไปมองพี่ชายของตนที่ตอนนี้ยืนอึ้งเป็นท่อนไม้ไปเสียแล้วก่อนที่ใจตนจะคิดเลยเถิด
“พี่พง...คิดว่าไง”เสียงเชอรี่ทักขึ้นทำให้พี่ชายสะดุ้งสุดตัวรีบหันมามองทันที
“คิด..คิดอะไร”
“ก็....”เชอรี่หันไปมองทั้งสามคนที่กำลังเดินไปมาทั่วห้อง
“พวกนายเป็นใคร...แล้วที่นี่ที่ไหน”ก่อนที่พี่ชายจะพูดอะไรเสียงเย็น ๆ ก็ดังขึ้น
“ก่อนที่จะถามชื่อผู้อื่นนะควรจะบอกชื่อตัวเองก่อนนะ”พี่ชายพูดเชอรี่ทำท่าจะห้ามไม่ให้ทะเลาะกันแต่นึกขึ้นได้อาจจะเป็นแผนหลอกถามชื่อคนตรงหน้าให้แน่ใจเสียก่อน
“ตกลง...ฉัน..เจ้าชายคาโล วาเนบลีแห่งคาโนวาล...ส่วนผู้หญิงผมน้ำตาลนั้นคือ เจ้หญิงเฟลิโอน่า เกเดเวล เจ้าหญิงสองดินแดน...”
“เฟริน เดอเบอโรว์ หัวขโมยแห่งบารามอส”พอคาโลแนะนำตัวหญิงสาวก็รีบแย้งชื่อทันที คาโลมองอย่างไม่ค่อยพอใจแต่เฟรินกลับทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“แล้วอีกคน”เชอรี่ถามขึ้น ดวงตาเป็นประกาย เมื่อรู้แน่ชัดแน่ใจแล้วว่าทั้งสามคนเป็นใคร
“คิลมัส ฟิลมัส เป็นนักฆ่า..”
“ของซาเรส”เชอรี่ต่อให้จบ ทั้งสามคนดูจะอึ้ง ๆ
“ระ...รู้ได้ไง.....พวกเธอเป็นใครกันแน่..แล้วต้องการอะไร”คาโลรีบพูดชิงทันที
“ฮิฮิ ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นหรอก ฉันชื่อเชอรี่นะ ส่วนนี้พี่ชายฉันชื่อพงนะ อ่ะว่าแต่พวกเธอคงจะอายุ15-16กันใช่ไหม ถ้างั้นพวกเธอก็ต้องเรียกพี่ฉันว่าพี่พงเช่นกันนะ”เชอรี่พูดจบก็ยิ้มออกมา
“อ่ะ..อืม”ทั้งสามตอบพร้อมพยักหน้าแบบรับรู้หลังจากพิจารณาจ้องพี่น้องอยู่นานก็คิดว่าคงวางใจได้
“ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร ในปีพุทธศักราช2549 ขณะนี้อยู่ในเดือนเมษายน ต้องการถามอะไรอีกไหม”เชอรี่พูดพลางเดินไปนั่งที่เตียงของตน ส่วนพี่ชายก็เดินไปตรวจดูคอม
“เราโพล่มาที่นี่ได้ไง..จำได้ว่ากำลังทะเลาะกับคาโลโดยมีคิลห้ามทัพอยู่นี่นา”พูดจบก็เหมือนแผลถูกสะกิด ทั้งสองทะเลาะกันอีกครั้งในทันที
“นี้เงียบ ๆ กันหน่อยได้ไหม”เชอรี่ตะโกนขึ้นทำให้ทั้งสองคนเงียบและหันมาจ้องหน้าเชอรี่ทันที
“เธอไม่มีสิทธิมาสั่งพวกฉันที่เป็นถึงเจ้าหญิงเจ้าชาย”คาโลพูดต่อก็หันไปทะเลาะกับเฟรินต่อทันที
“เงียบนะ!!! ที่นี่คือกรุงเทพฯ และนี้ก็บ้านของฉัน ไม่ใช่ประเทศเอเดนที่พวกนายอยู่ ที่นี่จะมีแต่คนธรรมดา ที่สามารถเป็นเพื่อนกันได้เท่านั้น”เชอรี่ตะโกนดังลั่น ทำให้ทั้งสองเงียบลงทันทีก่อนที่ทั้งสองจะสบัดหน้าหนีไปคนล่ะข้าง
“เชอรี่พี่ว่าพี่พอจะรู้แล้วล่ะว่าทั้งสามโพล่มาจากไหน”พี่พงพูดขึ้นหลังจากเช็คคอมอยู่นานพอดู
“จากคอมหรือ”เชอรี่ถามขึ้นเพราะพอจะคาดคะเนเรื่องได้บ้าง
“อืม”พี่พงตอบก่อนที่ตัวเองจะหันไปรับโทรศัทพ์บ้านที่ดังขึ้นมา
“สวัสดีครับ/.../ครับ/.../เข้าใจครับ/.../อ่ะแล้วม๊าจะกลับวันไหน/...../อ๋อครับ ครับ/.../สวัสดีครับ”พี่พงพูดกรอกลงไปในโทรฯก่อนที่จะวางสาย
“มีไรหรือพี่พง”เชอรี่ถามขึ้นขณะที่กำลังพยายามเล่าเรื่องราวให้คิลฟัง
“ม๊าบอกว่าวันนี้ไม่กลับบ้าน จะกลับมาพรุ่งนี้ตอนบ่าย ๆ นะ”พี่พงตอบกลับมา
“เด๋วนะเชอรี่...เธอบอกว่าพวกเราหลุดออกมาจากไอ้คอมสี่เหลี่ยมนั้นหรือ”คิลถามพลางชี้ไป
“อืมใช่ แต่พวกนายนอนค้างที่นี่ก็ได้นะ แต่คงเฉพาะคืนนี้ล่ะมั่ง”เชอรี่พูดพลางหันไปมองเฟรินกลับคาโลที่ยังคงนั่งหน้าไม่มองกัน
“งั้นหรือ..อ่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกนั้นก็เป็นอย่างนี้ ทะเลาะกันอยู่เรื่อย ทั้งที่ยิ่งทะเลาะก็ยิ่งรักกันไม่เข้าใจเสียจริง”คิลพูดพลางส่ายหน้าไปมา
“อ่ะจริงสิ.......พรุ่งนี้เป็นวันสงการณ์ไปเล่นน้ำกันไหม”เชอรี่ถามขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้
“คือวันอะไรนะ”เฟรินหันมาถามอย่างสนใจ แต่ว่าก่อนที่เชอรี่จะตอบเสียงออดบ้านก็ดังขึ้น
“อ่ะเด๋วมานะ..อยากรู้เรื่องราวถามพี่พงเอาล่ะกัน”เชอรี่พูดขึ้นก่อนทั้งสามที่จะรีบไปนั่งใกล้ ๆ โต๊ะคอมในทันที
“อ่ะ อี๋ มีอะไรหรือค่ะ”เชอรี่พูดขึ้นเมื่อเปิดประตูบ้านออกมาพบกับญาติของตน
“ก็จะถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เห็นว่าเมื่อกี้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าข้าง ๆ บ้านหนูนะ”อี๋ถาม
“อืม...อี๋ค่ะถ้าหนูจะให้ช่วยอะไรสักอย่างจะได้ไหมค่ะ”เชอรี่พูดขึ้นหลังจากครุ่นคิด
“ว่ามาสิจ๋ะ”
“งั้น...”แล้วเชอรี่ก็เริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่
“แล้วหนูเชอรี่จะเอายังไงล่ะจ๋ะ”อี๋ถามขึ้นเมื่อเล่าจบ
“ก็คือเชอรี่จะฝากทั้งสามคนใว้กับอี๋ก่อนจนกว่าทั้งสามจะหาทางกลับเจอนะคะ”เชอรี่พูดขึ้น
“ได้สิ ท่าทางน่าสนุก ถ้าไม่ก่อเรื่องก็ได้นะ”อี๋พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทำให้เชอรี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“งั้นรอสักครู่นะคะ”เชอรี่พูดขึ้นก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน เมื่อเปิดประตูห้องก็พบว่าทั้งสามคนกำลังนั่งเล่นคอมโดยมีพี่พงสอนอยู่ข้าง ๆ
“พี่พงเชอรี่หาทางออกให้ได้แล้ว”เชอรี่พูดขึ้นทั้ง4รีบหันมามองทันที
“ไม่ต้องงง..เชอรี่หาที่นอนให้ทั้งสามคนได้แล้ว”ว่าแล้วเชอรี่ก็เล่าที่พูดเมื่อครู่ให้ทั้ง4ฟัง
“ก็ดี..แล้ววันพรุ่งนี้เราค่อยไปเล่นน้ำด้วยกันนะ”พี่พงพูด รู้สึกจะสนิทกันเร็วดีนะ ทั้งสามบอกลาพี่ชายก่อนที่จะเดินตามเชอรี่ลงไปข้างล่าง และจากลากัน
“เจอกันพรุ่งนี้นะ”เชอรี่พูดขึ้น
“ขอบใจนะเชอรี่”คิลกับเฟรินหันมาพูดพลางโบกมือลา แม้คาโลจะไม่พูดอะไรแต่ก็ยกมือขึ้นโบกไปมาสองทีก็พอเข้าใจแล้ว
13 เมษายน วันสงการณ์ ตอนบ่ายที่อากาศเริ่มคลายร้อน
“อ่ะ พี่จะฝากเด็กสามคนนี้ไปเล่นน้ำด้วยหรือ”ม๊าม๊าของเชอรี่ถามขึ้นเมื่อเห็นคาโล เฟรินและคิล
“ใช่ จะว่าอะไรหรือเปล่า”อี๋ถาม
“ก็เปล่า แต่ก็ดีเล่นหลาย ๆ คนก็สนุกดี เอาขึ้นหลังรถแล้วไปกันเลย”ม๊าพูด คิลกระโดดขึ้นไปเป็นคนแรกไปยืนข้าง ๆ พี่พง ส่วนคาโลกระโดดขึ้นไปยืนก่อนที่จะก้มตัวลงมาหวังช่วยพยุงเฟรินแต่ทว่า
“เชอรี่ช่วยดึงหน่อยสิ”เฟรินเรียกจากข้างรถฝั่งที่เชอรี่ยืนอยู่
“อืม”เชอรี่ตอบรับก่อนเอื้อมมือไปช่วยดึง
“เอาน่าคาโล สาวกำลังงอนต้องง้อนานหน่อย”คิลแซวขึ้นมา และเริ่มเล่าเรื่องเมื่อคืนในบ้านของอี๋ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ้าว..แล้วอย่างนี้คาโลก็ผิดนะสิ”เชอรี่พูดขึ้นก่อนที่จะโดนน้ำเย็น ๆ สาดจนสะดุ้ง ก่อนที่จะไปคว้าขันมาตักน้ำสาดคืนคนที่อยู่ข้างล่าง และการสาดน้ำก็เกิดขึ้นอย่างเมามัน
“เฮ้ย!! ยอมได้ไงเนี่ย อย่างนี้มันต้องเอาคืน”ว่าแล้วเฟรินก็สาดน้ำจนน้ำในถังหมอไปเกือบครึ่ง ถ้าไม่รีบขับออกมาจากจุดนั้นมีหวังน้ำหมดแน่ ๆ
“เฟริน เราต้องเก็บน้ำใว้สาดจุดอื่นด้วยนะ”เชอรี่พูดขึ้น
“ขอโทษนะ”เฟรินบอก แต่เชอรี่ส่ายหน้าเป็นเชิงช่างมันเถอะ
“ว่าแต่ เรื่องของเธอกับคาโลนะจะเอาไง”เชอรี่ถามกระซิบขึ้นให้ได้ยินกันสองคน
“บอกตามตรงนะ ที่จริงก็...ไม่ได้โกรธอะไรหรอก”เฟรินกระซิบตอบ
“ห๋า!!!! แล้วทำไม!!!”อยู่ ๆ เชอรี่ก็ตะโกนขึ้นมาทำเอาเฟรินตะครุบตัวปิดปากแทบไม่ทัน ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว อย่างหวังต้องการคำตอบว่ามีอะไร
“มะ..ไม่..ไม่มีอะไรหรอก”เฟรินพูดแล้วยิ้มเก้อ ๆ ทุกสายตาเลยหันมาจ้องเชอรี่ซึ้งก็พยักหน้าทีหนึ่ง ทุกคนจึงกลับสู้ภาวะเดิม ทั้งสองหันกลับไปคุยกันอีกครั้ง
“จะตะโกนทำไม”
“ก็...ทั้งที่ไม่ได้โกรธแล้วทำไมไม่ยอมคืนดีด้วยเล่า”
“ก็ดูไอ้คาโลมันดิ”
“ทำไม”เชอรี่หันไปมองหน้าคาโลแต่เมื่อรู้ว่าถูกมองกลับก็รีบหันกลับทันที ตอนแรกคาโลก็จ้องอยู่สักพักก่อนที่จะหันกลับไปคุยกับพี่พงต่อ
“อ้าว..ก็อยากละลายก้อนน้ำแข็งเล่นนิ..เพื่อว่าถังน้ำมันจะได้ไม่หายไปเยอะนะ”เฟรินพูดพลางขยิบตาไปที่ถังน้ำตรงกลางที่น้ำหายไปเกือบ1/4ของถัง เนืองจากเล่นสาดกันไปมาระหว่างรถ
“อ่านะ..แล้วเมื่อไรจะคืนดีกันล่ะ”
“ก็คิดว่าตอนนี้ล่ะ ค่อย ๆ ยั่วทีล่ะนิด ฮ่า ๆ”เฟรินพูดพลางพยายามสกัดเสียงหัวเราะ
“น่าสนุก...จะคอยดูล่ะกัน”เชอรี่พูดจบน้ำเย็นก็สาดเข้าให้ ทำให้เลิกสนใจเฟรินไปตักน้ำสาดทันที
รถแล่นไปตามท้องถนนต่าง ๆ แวะจอดตามจุดนั้นจุดนี้เพื่อให้พวกเชอรี่และพวกเฟรินสาดน้ำ ปะแป้งกันอย่างสนุกสนาน รถแล้วเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ แล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะสาน3 สะพาน2 สยาม สีลม พงพัฒน์ และอีกมากมาย ในระหว่างการเล่นเชอรี่กลับคิลก็ต้องคอยสกัดเสียงหัวเราะของตัวเองตลอดเวลาเมื่อน้ำแข็งเริ่มละลายและหลุดเก็กออกมาบ่อย ๆ
ในที่สุดจาดตะวันที่เหลืองทองที่เคยขึ้นทางทิตตะวันออก ตอนนี้ก็ต้องเริ่มคล้อยลงสู่ทิศตะวันตกและเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองแดงออกส้ม ๆ น้ำในถังจากที่เต็ม ๆ ก็กลายเป็นไม่เหลือ เสื้อผ้าเปียก ๆ ถูกลมพัดผ่านจากรถที่แล่นเร็วก็เริ่มแห้ง เมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีดำ รถคันนี้ก็แล่นมาจอดหน้าบ้านเชอรี่จนได้
“เฮออ...เหนื่องจัง..แต่ไม่เคยนึกเลยนะว่าสงการณ์จะสนุกขนาดนี้”เฟรินพูดขึ้นขณะบิดตัวไปมาอยู่หน้าบ้าน
“น่าเสียดายนะที่เอเดนของพวกเธอไม่มีเทศกาลนี้”เชอรี่พูดอย่างยิ้ม ๆ
“เอ้าเด็ก ๆ ไปอาบน้ำกันให้เรียบร้อยนะ ส่วนพวกเธอ น้องสาวฉันเค้าบอกมาว่าจะฝากพวกเธอใว้ก่อน เพราะงั้นพวกเธอจะต้องนอนพื้นกันล่ะ นอนได้หรือเปล่า”ม๊า ๆ พูดขึ้นก่อนที่จะหันมาพูดกับเฟริน คาโลและคิล ซึ่งก็พยักหน้ารับรู้
หลังจากอาบน้ำกันเสร็จแล้ว เฟรินก็ใส่ชุดนอนสีฟ้ากางเกงขาสามส่วนของเชอรี่ได้อย่างลงตัว ส่วนคิลก็ใส่ชุดนอนสีน้ำตาลอ่อนแขนยาวขายาวของพี่พงได้ แต่ปัญหาอยู่ที่คาโลที่ดันเกิดมาหุ่นเท่ชมัด เลยทำให้ใส่ชุดของพี่พงไม่ได้จึงใส่กางเกงขาสั้นสีขาวของป๊าแทน ซึ่งก็ต้องใส่เสื้อแขนกุดสีเขียวของป๊าแทนอีกเพราะป๊าไม่มีชุดนอนที่ถูกใจคาโลเสียเลย
แต่ทว่า คอมที่พี่ชายเปิดเอาใว้ทั้งสองเครื่องก็เกิดแสงสว่างวูบอีกครั้ง และเช่นเดียวกันเส้นใยก็ออกมาอีกครั้งแต่ทว่าครั้งนี้มันออกมาเป็นสีชมพูแทน ทั้ง 5 รู้ทันทีว่าถึงเวลาต้องจากกันแล้ว
“เฟริน...อย่าลืมพวกเรานะ”เชอรี่พูดขึ้นน้ำตาเริ่มคลอ
“ขอให้โชคดี กลับไปถูกที่นะ”พี่พงพูด
“ไม่ลืมแน่ ๆ และฉันจะเอาเรื่องวันนี้ไปเล่าให้ถูกคนฟังด้วยว่าสนุกแค่ไหน”เฟรินพูดด้วยรอยยิ้มและหัวเราะนิด ๆ แล้วดึงเชอรี่เข้ามากอด น้ำตาจะไหลอาบแก้มทั้งสองสาว
“คิล ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”เชอรี่หันมาพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้หลังจากที่ผละออกจากอ้อมกอดของเฟริน
“รักษาตัวด้วย “พี่พงพูดยิ้ม ๆ พลางเข้าไปกอดกับคิลก่อนผละออกมา
“ขอบใจนะ เชอรี่กับพี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”คิลบอกก่อนที่จะเดินไปยืนตรงหน้าเส้นใยสีชมพูที่เริ่มจะพันครบรอบแล้ว
“คาโล นายอย่าทะเลาะกับเฟรินบ่อยนะ ดูแลตัวเองแล้วก็เฟรินด้วย รัก ๆ กันใว้นะ”เชอรี่พูดทำเอาทั้งสองคนหน้าแดง เชอรี่หัวเราะนิด ๆ อย่างเป็นสุข
“ทะเลาะกันบ้างก็ดีนะ ชีวิตคู่จะได้มีรสชาติ”พี่ชายพูด ทั้งคู่ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่
“ครับ”คาโลตอบสั้น ๆ แต่ได้ใจความ
“อ่ะจริงสิ...เฟรินนี้เสื้อผ้าของพวกเธอ”เชอรี่ที่รีบวิ่งลงไปข้างล่างยัดเสื้อผ้าของทั้งสามใส่ถุงแล้วโยนให้คิลรับ
“อ่ะ ชุดพวกนี้ฉันขอล่ะกันนะ อย่างน้อยก็เป็นเครื่องเตือนความทรงจำระหว่างเรา”เฟรินพูดอีกครั้งก่อนที่ทั้งสามจะลับหายไปหลังจากสิ้นแสงสว่างจ้าแสบตา
แล้วชีวิตของเชอรี่และพี่ชายก็ดำเนินไปเป็นปกติ แต่ที่น่าแปลกใจป๊ากะม๊าต่างจำทั้งสามคนไม่ได้เลยและนึกไปว่าเสื้อผ้าที่หายไ ปได้เอาไปบริจาคแทน ที่จะจำได้เห็นที่จะมีแค่เชอรี่และพี่ชายเท่านั้น แต่ก็ดีเพราะทั้งหมดนั้นจะจำติดใจตลอดไป
จบ(ซะเมื่อไหร่)
แว้บ!!!! แสงสว่างจ้าดับลงอีกครั้ง เฟริน คาโล และคิลก็โพล่มาที่ไหนสักแห่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องลับ ทั้งสามเดินขึ้นบรรไดและเปิดประตูออกมาที่แท้ห้องที่พวกเขาอยู่เมื่อครู่น่าจะเป็นห้องลับป้อมอัศวินนะ เพราะพวกเขาโพล่มาที่ห้องนั่งเล่นแต่เมื่อกลับลงไปและเลือกเดินไปอีกทางก็มาโพล่มาห้องหัวหน้าชั้นปี
“โอ้โห พึ่งรู้นะเนี่ยว่ามีกลไกแบบนี้ด้วย”เฟรินร้องอย่างตื่นเต้น
“ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ อย่าทำตามที่คิดเด็ดขาดเลยนะ”คาโลเตือน
“นายจะรู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่”เฟรินแย้งทันที ทั้งสองทำท่าเหมือนจะเปิดศึก
“.......เพราะฉันรู้ใจนาย”คาโลเงียบไปนิดก่อนพูดขึ้น ทำเอาเฟรินหน้าแดงฉับพลัน ส่วยคิลที่กำลังเดินมากะจะห้ามทัพก็ลื้นลงไปนั่งที่พื้นแทน
“พวกนายนี้ บทจะหวานก็ไม่ทันตั้งตัวเลยนะ”คิลบ่นขึ้นอย่างระอาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู เจอะเข้ากับขอทานกำมะลอทันที
“อ้าว พวกนายอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ”โรถามขึ้นอย่างงง ๆ
“ก็...ใช่”เฟรินคิดก่อนแล้วจึงตอบออกมา โรมองอย่างไม่ค่อบเชื้อก่อนที่จะเรียกถูกคน
“เฟริน คาโล คิล พวกนายหายไปไหนมา”ทุกคนถามขึ้นเมื่อเข้ามานั่งในห้องหัวหน้าชั้นปี เฟริน คิล และคาโลจ้องหน้ากันสักพักก่อนที่จะยิ้มออกมาทั้งสามคน ทำเอาทุกคนแปลกใจเนื่องจากว่านับครั้งได้ที่คาโลมันจะยิ้ม แล้วเฟรินก็พูดแทรกเรียกความสนใจของทุกคนทันที
“ฉันเล่าล่ะกัน...เรื่องก็มีอยู่ขณะที่ฉันกำลังทะเลาะกับคาโลอยู่นั้นก็มีแสงสว่างวูบเกิดขึ้น....
จบแล้วค่า จบของแท้ ฮิฮิ
ผลงานอื่นๆ ของ Reena ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Reena
ความคิดเห็น