ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I
                                                                                I
   
    ครืน ครืน ครืน
เสียงคำรามร้องของฟ้ามาพร้อมกับก้อนเมฆดำทะมึน ที่ตอนนี้กำลังขยายตัวปกคลุมไปทั่วฟ้าจนทำให้ผืนดินเบื้องล่างแทบจะมืดราวกลางคืน เมื่อแสงตะวันถูกเมฆบดบัง และต้นไม้ที่ไหวเอนอย่างรุนแรงนั้นเหมือนจะเป็นการเตือนว่าพายุลูกใหญ่ที่แสนจะน่ากลัวกำลังใกล้เข้ามาทุกที ไม่น่าแปลกที่จะเห็นคนเป็นร้อยรีบวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ที่ซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะช่วยกันพวกเขาจากความคลุ้มคลั่งของธรรมชาติได้
    “เขาว่ากันว่า หลังพายุท้องฟ้าจะสดใส ”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังมาจากบนเนินที่อยู่ขึ้นไปเหนือหมู่บ้านที่กำลังประสบกับภัยธรรมชาติเล็กน้อย ตอนนี้หากใครสักคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหาที่ปลอดภัยเงยหน้าขึ้นมองมาบนเนินนี้สักนิด ก็จะเห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งในชุดที่น้ำเงินแก่จัดอย่างรางๆ
    “ ถ้าหากว่าพายุนั้นมันเกิดจากธรรมชาตินะครับหัวหน้า”
เสียงของบุรุษอีกคนพูดขึ้นเชิงค้าน ทำให้เจ้าของประโยคแรกหันหลังกลับมามอง
    “มากันพร้อมแล้วหรือ?”
คำถามสั้นๆพ้นจากริมฝีปากบางเฉียบของเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสีน้ำเงินเข้มที่มีรูปแบบคล้ายกับชุดของทหาร สายตาของเขาจับจ้องไปที่กลุ่มชายหนุ่มห้าคนที่แต่งกายคล้ายกับเขา
    “ขาดบิลล์กับโรซาลีนครับ ทั้งสองคนอยู่ห่างไปจากนี่ราว 100 ไมล์ กำลังจัดการกับไฟป่าโดยการสร้างพายุอยู่ครับ”
    “อืม ไฟป่านี่คงจัดการยากใช่เล่นนะ หึ น่าตลกซะจริง ในขณะที่สองคนนั่นกำลังวุ่นอยู่กับการสร้างพายุ ทางนี้ก็ต้องมาวุ่นเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ต้องมาจัดการพายุก็เท่านั้น เจ้าอิลล์นี่มันร้ายใช่เล่น สามารถทำให้วุ่นวายกันได้ถึงขนาดนี้สมแล้วที่เป็นถึงระดับหัวหน้าในพวกชั่วนั่น!”
น้ำเสียงท้ายประโยคของชายหนุ่มทำเอาเหล่ากลุ่มผู้ใต้บัญชารู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง ชายหนุ่มหันกลับไปมองข้างหน้าช้าๆก่อนจะสบถออกมาด้วยความตกใจ
    “มะ มีอะไรหรือครับหัวหน้า?”
หนึ่งในชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหลังเอ่ยถามด้วยความตกใจ
    “บ้าที่สุด มาดูนี่สิ”
ชายหนุ่มสบถอีกครั้งก่อนจะเรียกให้ผู้ใต้บัญชาทั้งห้าคนมาดูสิ่งที่ปรกฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา และมันก็ทำให้พวกเขาตะลึง ตรงหน้าของพวกเขาเป็นภาพของพายุหมุนขนาดใหญ่ถึงสามลูก กำลังมุ่งตรงมาทางเมืองแห่งนี้ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากเครื่องบินสักนิด
    “นะ นี่มัน ไม่ใช่พายุธรรมดานี่ครับ มัน ”
    “ใช่ นี่มันเฮอร์ริเคน แถมยังเป็น 3 ลูกซะด้วย ไอ้พวกบ้านั่นมันทำได้แสบกว่าที่เราคาดกันไว้อีก ขืนปล่อยไว้ล่ะก็ เมืองนี้ได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แน่นอน”
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล งานนี้มันยากกว่าที่พวกเขาคาดกันไว้มาก
    “แต่ผมว่า อิลล์คนเดียวคงไม่สามารถสร้างได้ถึงขนาดนี้หรอกครับ ไหนจะไฟป่าที่พวกบิลล์กำลังจัดการอยู่อีก นี่มันต้องใช้พลังเวทย์อย่างมหาศาลเลยทีเดียว”
คำพูดนี้ได้สร้างรอยยิ้มเครียดขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้า ในตอนนี้ดูเหมือนอะไรๆจะอยู่นอกเหนือการคาดหมายไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า เฮอร์ริเคนสามลูกซ้อน หรือแม้แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ พวกเขาคาดผิดไปจริงๆ
    “ไม่คิดว่ามันจะลงมือกันเร็วถึงขนาดนี้ เราไม่ทันคิดกันก่อนว่าพวกนั้นเริ่มเอาจริงกันแล้ว มาคัส!”
    “ครับ!”
    “ติดต่อไปที่ศูนย์ ขอกำลังเสริมด่วน อ่อ ส่งไปที่บิลล์กับโรซาลีนด้วย ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องมีอะไรที่ร้ายแรงกว่าไฟป่าธรรมดาแน่ๆ”
    “ครับ”
    “ส่วนพวกนายที่เหลือตามฉันมา เราต้องไปสกัดเฮอร์ริเคนถ่วงเวลาไว้ก่อน คิดว่าไหวไหม?”
    “ไหวครับ!”
    “ดี มาคัส อีกนานเท่าไหร่กว่ากำลังเสริมจะมาถึง?”
    “ซัก 2 นาทีครับ”
    “2 นาที คงพอไหว บอกพวกนั้นเอาเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารกับถุงดูดกลืนมาด้วย ฉันมีวิธีจัดการกับปัญหานี่แล้ว อ่อ นายรอไปพร้อมกับพวกนั้นล่ะ ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน”
    “ครับ”
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าหันเป็นพยักหน้าเป็นสัญญาณกับชายหนุ่มอีกสี่คน ก่อนที่จะทะยานออกไปในอากาศราวกับนก!
พริบตา พวกเขาก็มาลอยตัวเผชิญหน้ากับเฮอร์ริเคนทั้งสามลูก ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าทำสัญญาณมือโดยการยกมือซ้ายขึ้น
    “ฉันทิ้งมือลงเมื่อไหร่พวกนายปล่อยบาเรียกั้นทันทีตกลงนะ 1 2 3”
สิ้นเสียงและมือที่ตกลงของชายหนุ่มก็มีแสงสีขาวสว่างวาบคลุมไปทั่วเฮอร์ริเคนทั้งสามลูก และดูเหมือนว่าแสงสว่างนั้นจะทำให้การเคลื่อนที่ของพายุหมุนนั้นหยุดลงชั่วขณะ
    “2 นาที ยากกว่าที่คิดแฮะ”
เหงื่อเม็ดเล็กๆแต่จำนวนมากผุดขึ้นเต็มใบหน้าของชายทั้งห้าคน แรงปะทะระหว่างม่านบาเรียที่กระจายออกมาจากฝ่ามือของทั้งห้ากับเฮอร์ริเคน ส่งผลให้ถุงมือของทั้งหมดฉีกขาดและหนังมือกำลังเป็นส่วนที่จะตามมาในไม่ช้า
    “อีก 30 วิฯ อื้อ อีกนิดเดียวทนหน่อย!”
ช่างเป็น 30 วินาทีที่ทรมานเหลือเกิน การนับถอยหลังจึงพอช่วยบรรเทาความทรมานนี้ลงได้
    9 8 7 6 5 4 3 2 1
    “หัวหน้าครับ!”
เสียงของมาคัสที่ดังมาจากข้างหลังส่งผลให้ใจของชายหนุ่มชื้นขึ้นมา
    “มาแล้วหรือ เอาเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารมานี่ ตั้งพิกัดส่งไปในถุงดูดกลืนซะ พวกนายกำลังเสริมช่วยกันส่งพลังเวทย์ไปที่เครื่องด้วย เฮอร์ริเคนสามลูกนี้แค่พลังเวทย์นิดๆหน่อยๆเอาไม่อยู่หรอก”
คำสั่งเด็ดขาดของเขาเด็ดขาดและยากที่ใครจะขัดได้
    “จะได้ผลหรือครับหัวหน้า?”
เสียงของมาคัสถามด้วยความกังวล
    “หึ ไม่ลองไม่รู้หรอก อย่ามัวพูดมากหันเครื่องเข้าหาพายุ พวกนาย 4 คนวางมือจากบาเรียแล้วถอยออกมาอยู่หลังเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารนี่ซะ เราจะเริ่มปฏิบัติการณ์การดูดกัน แกแพ้แล้ว อิลล์ หึหึ”
    “พายุโดนจัดการแล้ว อย่างนั้นหรืออิลล์?”
เสียงเนิบช้าของบุคคลผู้ซุกตัวอยู่บนเก้าอี้บุนวมหนานุ่มซึ่งตั้งอยู่ตรงกับเตาผิงที่แดงฉานไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังไหม้ลามเลียท่อนฟืน เสียงนั้นดังเพียงพอได้ยินกันสองคนนั้นถามคนอีกคนที่ยืนเยื้องไปข้างหลังของเขา
    “คะ ครับ โดนจัดการเรียบทั้งสามลูก”
เสียงตอบกลับของอิลล์บอกถึงความรู้สึกกลัวอย่างปิดไม่มิด แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความโกรธของท่านผู้นี้ แต่สิ่งที่เขาได้ยินจากการเล่าต่อๆกันมาของผู้ที่เคยประสบ มันก็ทำให้เขาไม่อยากเจอไปตลอดชีวิต
    “โฮ่! มีคนที่สามารถจัดการกับพายุของฉันได้ด้วยอย่างนั้นหรือ? คนๆนั้นเป็นใครกัน นายรู้จักไหม?”
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกทึ่งของอีกฝ่ายทำให้อิลล์รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าอาจต้องโดนลงโทษอย่างรุนแรงโทษฐานที่ทำงานผิดพลาดอย่างร้ายกาจ
    “ว่าไง อิลล์ นายจะช่วยบอกข้อมูลคร่าวๆของคนๆนั้นให้ฉันคนนี้รู้หน่อยไม่ได้เชียวหรือ?”
เหมือนว่าจะเป็นคำร้องขออันแสนสุภาพ แต่ทว่าหากใครได้มายืนอยู่ ณ จุดเดียวกับอิลล์แล้ว ประโยคนั้นมันเป็นประโยคที่สุดแสนจะน่ากลัว น่ากลัวอย่างอธิบายไม่ได้
    “ผมมิบังอาจครับ! หากแต่แค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่ท่านให้ความสนใจเกี่ยวกับเขาคนนั้น”
    “หยุดพูดมากเสียที รีบบอกมาได้แล้ว ว่า เขาเป็นใคร? แล้วสังกัดพวกไหน?”
โทสะที่แฝงอยู่ภายในประโยคเรียบๆนั้นอิลล์สัมผัสได้ดี และนั่นทำให้เขาก็รู้สึกกลัวบุคคลตรงหน้ายิ่งกว่าเดิมเป็นทวีคูณ
อิลล์กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ก่อนจะเริ่มทบทวนความทรงจำของเขาเกี่ยวกับ’คนๆนั้น’ สักพักข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเขาก็เริ่มไหลมาอย่างไม่หยุดเหมือนยามก๊อกน้ำถูกเปิดจนเต็มที่ ดวงตาของอิลล์ปิดสนิท
    “สังกัดฝ่ายโหรเวทย์ เป็นหัวหน้าหน่วยทหารลับของH.S. มีชื่อตามใบทะเบียนบุคลากรโหรเวทย์ว่า นายมาศ ลี ถือสัญชาติอังกฤษ แต่มีเชื้อชาติเอเชียอยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏว่าคือเชื้อชาติใด อายุปัจจุบัน 23 ปี ที่อยู่ไม่ปรากฏ สถานะภาพโสด ”
ดวงตาของอิลล์เบิกกว้างอย่างรวดเร็วภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตระหนก เพราะว่าเขา อิลล์คนนี้ไม่เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับใครน้อยขนาดนี้มาก่อน และที่น่าแปลกใจ อิลล์คิดว่าเขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับศัตรูคนนี้ แต่พอนึกดูเขากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
    “เงียบทำไม อย่าบอกนะว่านายมีข้อมูลแค่นี้?”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายเองก็ดูจะแปลกใจไม่แพ้กัน จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่ออิลล์นั้นได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความทรงจำเป็นเลิศ สมองของเขาสามารถเก็บความรู้ได้พอๆกับหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาจจะเก็บได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแค่อิลล์หลับตา ข้อมูลต่างๆที่เขาต้องการก็จะสามารถรู้ได้ในทันที ความสามารถนี้ของอิลล์เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายรวมไปถึงสมาพันธ์เวทมนต์สากล เขาเคยเข้าทำงานในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์เวทมนต์สากลช่วงหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆเพียง 3 เดือน เขาถูกเชิญให้ออก เหตุผลคือทัศนคติของเขาไม่ตรงกับทางสมาพันธ์ อิลล์คิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่เข้าท่าสักนิด เขาพยายามหาเหตุผลที่แท้จริงแต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับองค์กรๆหนึ่ง เขาใช้ความสามารถในการไต่เต้าและความแค้นเป็นแรงผลักดันจนในที่สุดเขาก็ได้เป็นหนึ่งใน เหล่า X Master ผู้น่าเกรงขาม
    “เป็นความผิดในความไร้ความสามารถของผมเองครับ ผมไม่คิดว่าจะ ”
    “ไม่ใช่ความผิดของนายหรอกอิลล์ แต่ดูเหมือนว่า คนๆนั้น ไม่สิ มาศ ลี จะลึกลับเกินไปต่างหาก ข้อมูลต่างๆของนายก็ได้มาจากหนังสือและสื่อต่างๆ มันอาจไม่ชัดเจนนักหรอก แต่ว่า ที่มันน่าเจ็บใจกว่านั้นก็คือ นาย อิลล์ ที่ร่วมมือกันกับฉันคนนี้ ยังแพ้ให้กับเด็กอายุเพียง 23 ปี แม้ว่าหมอนั่นจะเป็นถึงหัวหน้าหน่วยทหารลับอะไรนั่นก็เถอะ แต่ตอนนี้ ฉันชักจะอยากเห็นหน้าของหมอนั่นซะแล้วสิอิลล์ นายพอจะหารูปให้ฉันได้ไหม?”
    “รูป? อย่างนั้นหรือครับ?”
    “ก็รูปน่ะสิ มีหรือเปล่าล่ะ?”
    “ถ้าเป็นรูปผมไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าจะให้อธิบายน่ะได้ครับ”
ชายบนเก้าอี้เงียบไปหลายอึดใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัว แสงจากเตาผิงที่ดูเหมือนจะโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่องให้เห็นร่างบอบบางที่มีผมสีทองเป็นประกายยาวสลวยจนถึงกลางสะเอว อิลล์จ้องมองด้านหลังของ’ท่านผู้นั้น’ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
    “นี่อิลล์ นายรู้ไหมว่าฉันเกลียดคำว่าอะไรมากที่สุด คำว่า ‘ไม่ได้’ ยังไงล่ะ แต่ว่า ในเมื่อฉันอยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้ นายเข้าใจใช่ไหม?”
ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกจากปากของชายที่ชื่ออิลล์ ความเงียบที่คืบคลานเข้ามาภายในห้องได้พ่วงเอาบรรยากาศที่อวลไปด้วยแรงกดดันชวนอึดอัด และความกลัวที่จู่โจมเข้าใส่อิลล์อย่างรวดเร็ว!
    “ฉัน อยากได้รูปของคนที่ชื่อมาศ แต่ในเมื่อนายหาให้ฉันไม่ได้ ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก”
เพียงแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว บรรยากาศภายในห้องก็ดีขึ้นทันตาเห็น อะไรๆที่ดูมืดมิดเมื่อครู่ก็ดูจะสว่างขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ สำหรับอิลล์
    “เอ่อ งั้นเอาเป็นว่าผมจะรีบหารูปมาให้เลยนะครับท่านเฟียส”
    “ไม่ มันชักช้าเกินไป ฉันไม่ชอบ อีกอย่าง ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”
    “วิธี วิธีอะไรหรือครับ? ถ้าหากผมสามารถช่วยได้ผมจะช่วยอย่างเต็มที่เลยครับ”
    “วิธีก็คือ ฉันจะสอบถามรูปร่างหน้าตาของมาศ ลี จากจิตใต้สำนึกของนาย เป็นไงอิลล์ ไม่ยากเลยใช่ไหม? เพียงแค่นายยืนเฉยๆ ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน แล้วฉันจะมอบความสุขที่นายไม่เคยสัมผัส ความฝันที่แสนหวาน ทุกสิ่งที่นายฝันจะเป็นของนาย ถ้านายร่วมมือกับฉันเป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่ นั่นนายกำลังจะไปไหนน่ะอิลล์!”
บุคคลในเงามืดพูดขึ้นราวกับมีตาหลัง เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าของอิลล์ชะงักแล้วเกิดก้าวขาไม่ออกขึ้นมา ไม่มีทางไหนที่เขาจะ ‘หนี’ ไปจากที่นี่ได้แล้ว ตอนนี้สมองของอิลล์ไม่สามารถที่จะคิดอะไรออกแม้แต่น้อย การหันกลับไปเผชิญกับ’ท่านผู้นั้น’ ดูจะเป็นทางออกเดียว
อิลล์ค่อยๆหันตัวกลับไป แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น เขาจึงได้แต่เพียงยืนตัวลีบหน้าก้มงุดมองมือของตัวเองที่ผสานไว้ตรงเป้ากางเกง ในตอนนี้อย่าว่าแต่เงยหน้าขึ้นสบตากับบุคคลตรงหน้าเลย แม้แต่หายใจแรงๆเขายังไม่กล้า บรรยากาศภายในห้องเริ่มจะแย่ลงเรื่อยๆ ความเงียบได้นำเอาความรู้สึกกดดันอันหนักหน่วงมาอีกครั้ง แต่ดูท่าจะแย่กว่าครั้งแรก เพราะในครั้งนี้อิลล์สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อิลล์รู้สึกว่าเวลานั้นช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า แค่ 1 นาที เขาก็รู้สึกว่าเหมือนนานเป็นปี
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้าเรื่อยไปจนถึงลำคอของอิลล์ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่อุ้งมือทั้งสองข้างของตนเอง เขารู้สึกอยากจะเดินหนีไปจากห้องนี้เป็นกำลัง แต่ก็เหมือนมีพลังบางอย่างพันธนาการขาและตัวของเขาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้
    “นาย คิดจะหนีฉันงั้นหรืออิลล์?”
เสียงของบุคคลหน้าเตาผิงเรียบสนิท ไม่บอกว่ารู้สึกอย่างไรกับการกระทำของอิลล์
    “ฉันถามทำไมไม่ตอบ?”
คราวนี้เสียงของเขากระชากและสูงขึ้น บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ แต่อิลล์ก็ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะพูดไม่ออกหรือว่าไม่รู้ว่ากลัวที่จะตอบกันแน่ เขาจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
อิลล์รู้สึกได้ดีว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ความกลัวทำให้เขาไม่กล้าที่จะเงยหน้า แต่จู่ๆอิลล์ก็สะท้านไปทั้งตัวเมื่อใบหน้าของเขาเงยขึ้นเอง เขาสาบานได้ว่าเขาไม่ได้เงยขึ้น!
เมื่อเงยหน้าขึ้นอิลล์ก็ได้รู้ว่าเขายืนห่างกับอีกฝ่ายไม่ถึงเมตร อิลล์พยายามที่จะมองใบหน้าของบุคคลตรงหน้า แต่เพราะเขายืนหันหน้าให้เตาผิง จึงทำให้แสงจากเตาส่องเข้าตาจนพร่า ถึงกระนั้นอิลล์ก็สามารถรู้ได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นชายหนุ่มร่างบอบบางเหมือนหญิงสาว และสูงแค่ไหล่ของตัวอิลล์เท่านั้น
    “ทำไมกันอิลล์ แค่ฉันขอความร่วมมือแค่นี้นายก็ให้ไม่ได้?”
เสียงของชายหนุ่มออกแนวตัดพ้อ จนอิลล์รู้สึกผิด แต่อิลล์ก็บอกกับตัวเองว่ามันช่วยไม่ได้ เพราะการตรวจจิตใต้สำนึกที่ชายหนุ่มต้องการจะทำกับเขานั้น มันเหมือนกับการฆ่าคนๆหนึ่งให้ตาย! ถึงจะไม่ใช่ตายจริงๆก็เหมือนตาย อิลล์เคยเห็นคนที่โดนตรวจจิตใต้สำนึก คนๆนั้นมีร่างกายเหมือนบุคคลทั่วไปแต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ!
    “ผม ผมกลัวครับ ผมกลัวว่าผมอาจจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้ความร่วมมือนะครับ แต่ผมไม่ไหวจริงๆ”
    “อ้อ อย่างนั้นเองหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าใจ ”
ได้ยินว่าชายหนุ่มเข้าใจ อิลล์ก็ยิ้มออก แต่เพียงชั่วครู่เท่า เพราะประโยคถัดไปของชายหนุ่ม
    “เข้าใจว่านายไม่ไว้ใจฉัน! นายดูถูกฉันมากเลยนะอิลล์ นายคิดหรือว่าฉันจะปล่อยให้คลังความรู้อย่างนายต้องสูญเสียวิญญาณไป? นายดูถูกฉัน ได้ ฉันจะสนองให้ เอาให้แบบนายไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเลยก็แล้วกัน”
ขาดคำ ไม่ทันที่อิลล์จะได้ขยับตัวหนี ฝ่ามือของชายหนุ่มกับจับเข้าตรงกลางกระหม่อมของอิลล์ อิลล์พยายามสะบัดตัวหนี แต่ฝ่ามือนั้นก็แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ สักพัก อิลล์ก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาลอยละล่อง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านสิ่งใดๆ
    “ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไงล่ะอิลล์ ความรู้สึกก่อนตาย ทีนี้ฉันก็ขอเข้าไปดูหน้าของ มาศ ลีแล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชายหนุ่มผมทองหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะปิดตาสนิทและเริ่ม’สำรวจ’จิตใจของอิลล์
ชายหนุ่มยอมรับว่ารู้สึกทึ่ง ที่อิลล์สามารถเก็บข้อมูลของหลายสิ่งหลายอย่างไว้ได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เขาค่อนข้างลำบากเหมือนกันกว่าที่เขาจะสามารถถามได้
    “คนไหนคือ มาศ ลี?”
จบคำถาม ภาพของคนๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา จากจุดเล็กๆที่เหมือนมองจากที่ไกลๆ แล้วก็ดูจะเข้าใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ชายหนุ่มก็ยิ่งตื่นเต้น จนในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใกล้จนอยู่ในระยะเห็นด้านหลังอย่างชัดเจน คนที่เขาได้เห็นนั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ อยู่ในชุดเสื้อยืดกระชับตัว กับกางเกงวอร์มแบบทหาร ทรงผมของเขาที่เห็นจากด้านหลังตัดสั้นแบบทหาร ชายหนุ่มผมสีทองเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อชายในจิตใต้สำนึกของอิลล์เริ่มหันมามองข้างหลังทีละน้อยๆ
ตุบ!
เสียงร่างของอิลล์กระแทกลงบนพื้น ในขณะที่ชายหนุ่มผมทองยืนนิ่งไม่ไหวติง
    “มะ ไม่น่าเชื่อ!?”
เสียงของเขาแหบและดูเหมือนจะแปลกใจกับอะไรบางอย่างเป็นอย่างมาก
    “อะไรไม่น่าเชื่ออย่างงั้นหรือเฟียส?”
เสียงนุ่มของใครบางคนดังมาจากบานประตูของห้อง ชายหนุ่มผมทอง หรือว่า เฟียส หันขวับไปมองต้นเสียง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
    “นึกว่าใครที่ไหน นายนั่นเอง ทำไมไม่เคาะประตูก่อน?”
    “เคาะแล้ว แต่นายดูท่าจะไม่ได้ยิน แล้วนั่นใครกัน ไปนอนแผ่อยู่ตรงนั้น”
ชายตรงประตูชี้ไปที่ร่างไร้วิญญาณของอิลล์ซึ่งนอนแผ่อยู่อย่างที่เขาว่าตรงปลายเท้าของเฟียส
    “อิลล์น่ะ แต่ตายแล้วล่ะ”
เฟียสพูดหน้าตาเฉย พลางหลุบตาลงมองศพของอิลล์ที่นอนเหยียดอยู่บนพื้นห้อง ดวงตาของศพเหลือกจนเห็นแต่ตาขาว ผมที่เคยสีน้ำตาลกลับกลายเป็นสีขาวเช่นกันกับฟองฟูที่ไหลย้อยออกมาจาปาก
    “อิลล์? ที่ความจำดีๆน่ะเหรอ?”
    “อืม คนนั้นล่ะ”
เฟียสตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้บุนวมหน้าเตาผิงแล้วก้มลงหยิบเสื้อคลุมขนมิ้งสีขาวสะอาดขึ้นมาห่มกระชับตัว ปล่อยให้ชายผู้มาใหม่เข้าสำรวจศพของอิลล์
    “ตายทุ เรศชะมัดเลยว่ะ”
ชายผู้มาใหม่วิจารณ์
    “มันก็จริงอย่างที่นายว่า แต่ว่านะไอโอรอส นายเสียมารยาทมากเลยนะที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องนี้โดยที่ฉันยังไม่ได้อนุญาต”
    “ก็ นายไม่ชวนซักที อีกอย่างนะ มันแปลกมากที่นายฆ่าคนที่เป็นลูกน้อง แถมเป็นลูกน้องคนสนิทซะด้วยสิ อ้อ อีกอย่าง นายจงใจฆ่าเลยนี่เฟียส แค่ตรวจจิตใต้สำนึกไม่น่าจะถึงกับตายนี่นา”
ชายที่ชื่อไอโอรอสตั้งข้อสังเกต  ก่อนจะหันไปหาเฟียสที่ตอนนี้เข้ามายืนด้านข้างของเขา
    “ก็มันอยากกวนโมโหฉันก่อนนี่ ช่วยไม่ได้”
    “แต่ฉันได้ข่าวว่าหมอนี่มันเก่งมากไม่ใช่หรือ? นายไม่รู้สึกเสียดายหรือไง?”
คำถามของไอโอรอสทำให้เฟียสยิ้มออกมาอย่างมีเลสนัย
    “ไม่เลย เพราะฉันเจอคนที่น่าสนใจกว่าหมอนี่อยู่แล้ว น่าสนใจมากซะด้วย หึหึ”
    “ใครกัน ที่ทำให้นายเป็นไปได้ถึงขนาดนี้?”
เฟียสหันหลังให้ศพแล้วพึมพำอะไรสองสามคำ สักพักก็มีเปลวไฟสีฟ้าลุกขึ้นท่วมศพของอิลล์ และก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
    “มาศ ลี”
    “เมื่อกี๊นายเรียกใครรึเปล่าเฟียส?”
    “เปล่าเรียก แต่บอกชื่อของคนที่ฉันสนใจต่างหาก”
    “เอ๋ มาศ ลี งั้นเหรอ หึ ถ้าถึงขนาดทำให้นายสนใจได้ก็คงไม่ใช่ธรรมดาแล้วล่ะ ก็ดีนะ องค์กรของเราจะได้ยิ่งใหญ่กว่านี้ อ่อ พวกสมาพันธ์มันเรียกเราว่าอะไรแล้วนะ อ่า ‘แมดบลัด’ ฉันชอบชื่อนี้นะ นายล่ะเฟียส?”
    “หึ ก็เพราะดีนี่ ‘แมดบลัด’ พวกนี้ช่างตั้งชื่อนะ!”
   
    ครืน ครืน ครืน
เสียงคำรามร้องของฟ้ามาพร้อมกับก้อนเมฆดำทะมึน ที่ตอนนี้กำลังขยายตัวปกคลุมไปทั่วฟ้าจนทำให้ผืนดินเบื้องล่างแทบจะมืดราวกลางคืน เมื่อแสงตะวันถูกเมฆบดบัง และต้นไม้ที่ไหวเอนอย่างรุนแรงนั้นเหมือนจะเป็นการเตือนว่าพายุลูกใหญ่ที่แสนจะน่ากลัวกำลังใกล้เข้ามาทุกที ไม่น่าแปลกที่จะเห็นคนเป็นร้อยรีบวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ที่ซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะช่วยกันพวกเขาจากความคลุ้มคลั่งของธรรมชาติได้
    “เขาว่ากันว่า หลังพายุท้องฟ้าจะสดใส ”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังมาจากบนเนินที่อยู่ขึ้นไปเหนือหมู่บ้านที่กำลังประสบกับภัยธรรมชาติเล็กน้อย ตอนนี้หากใครสักคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการหาที่ปลอดภัยเงยหน้าขึ้นมองมาบนเนินนี้สักนิด ก็จะเห็นร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งในชุดที่น้ำเงินแก่จัดอย่างรางๆ
    “ ถ้าหากว่าพายุนั้นมันเกิดจากธรรมชาตินะครับหัวหน้า”
เสียงของบุรุษอีกคนพูดขึ้นเชิงค้าน ทำให้เจ้าของประโยคแรกหันหลังกลับมามอง
    “มากันพร้อมแล้วหรือ?”
คำถามสั้นๆพ้นจากริมฝีปากบางเฉียบของเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสีน้ำเงินเข้มที่มีรูปแบบคล้ายกับชุดของทหาร สายตาของเขาจับจ้องไปที่กลุ่มชายหนุ่มห้าคนที่แต่งกายคล้ายกับเขา
    “ขาดบิลล์กับโรซาลีนครับ ทั้งสองคนอยู่ห่างไปจากนี่ราว 100 ไมล์ กำลังจัดการกับไฟป่าโดยการสร้างพายุอยู่ครับ”
    “อืม ไฟป่านี่คงจัดการยากใช่เล่นนะ หึ น่าตลกซะจริง ในขณะที่สองคนนั่นกำลังวุ่นอยู่กับการสร้างพายุ ทางนี้ก็ต้องมาวุ่นเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ต้องมาจัดการพายุก็เท่านั้น เจ้าอิลล์นี่มันร้ายใช่เล่น สามารถทำให้วุ่นวายกันได้ถึงขนาดนี้สมแล้วที่เป็นถึงระดับหัวหน้าในพวกชั่วนั่น!”
น้ำเสียงท้ายประโยคของชายหนุ่มทำเอาเหล่ากลุ่มผู้ใต้บัญชารู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง ชายหนุ่มหันกลับไปมองข้างหน้าช้าๆก่อนจะสบถออกมาด้วยความตกใจ
    “มะ มีอะไรหรือครับหัวหน้า?”
หนึ่งในชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหลังเอ่ยถามด้วยความตกใจ
    “บ้าที่สุด มาดูนี่สิ”
ชายหนุ่มสบถอีกครั้งก่อนจะเรียกให้ผู้ใต้บัญชาทั้งห้าคนมาดูสิ่งที่ปรกฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา และมันก็ทำให้พวกเขาตะลึง ตรงหน้าของพวกเขาเป็นภาพของพายุหมุนขนาดใหญ่ถึงสามลูก กำลังมุ่งตรงมาทางเมืองแห่งนี้ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากเครื่องบินสักนิด
    “นะ นี่มัน ไม่ใช่พายุธรรมดานี่ครับ มัน ”
    “ใช่ นี่มันเฮอร์ริเคน แถมยังเป็น 3 ลูกซะด้วย ไอ้พวกบ้านั่นมันทำได้แสบกว่าที่เราคาดกันไว้อีก ขืนปล่อยไว้ล่ะก็ เมืองนี้ได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แน่นอน”
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล งานนี้มันยากกว่าที่พวกเขาคาดกันไว้มาก
    “แต่ผมว่า อิลล์คนเดียวคงไม่สามารถสร้างได้ถึงขนาดนี้หรอกครับ ไหนจะไฟป่าที่พวกบิลล์กำลังจัดการอยู่อีก นี่มันต้องใช้พลังเวทย์อย่างมหาศาลเลยทีเดียว”
คำพูดนี้ได้สร้างรอยยิ้มเครียดขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้า ในตอนนี้ดูเหมือนอะไรๆจะอยู่นอกเหนือการคาดหมายไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า เฮอร์ริเคนสามลูกซ้อน หรือแม้แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ พวกเขาคาดผิดไปจริงๆ
    “ไม่คิดว่ามันจะลงมือกันเร็วถึงขนาดนี้ เราไม่ทันคิดกันก่อนว่าพวกนั้นเริ่มเอาจริงกันแล้ว มาคัส!”
    “ครับ!”
    “ติดต่อไปที่ศูนย์ ขอกำลังเสริมด่วน อ่อ ส่งไปที่บิลล์กับโรซาลีนด้วย ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องมีอะไรที่ร้ายแรงกว่าไฟป่าธรรมดาแน่ๆ”
    “ครับ”
    “ส่วนพวกนายที่เหลือตามฉันมา เราต้องไปสกัดเฮอร์ริเคนถ่วงเวลาไว้ก่อน คิดว่าไหวไหม?”
    “ไหวครับ!”
    “ดี มาคัส อีกนานเท่าไหร่กว่ากำลังเสริมจะมาถึง?”
    “ซัก 2 นาทีครับ”
    “2 นาที คงพอไหว บอกพวกนั้นเอาเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารกับถุงดูดกลืนมาด้วย ฉันมีวิธีจัดการกับปัญหานี่แล้ว อ่อ นายรอไปพร้อมกับพวกนั้นล่ะ ฉันจะล่วงหน้าไปก่อน”
    “ครับ”
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าหันเป็นพยักหน้าเป็นสัญญาณกับชายหนุ่มอีกสี่คน ก่อนที่จะทะยานออกไปในอากาศราวกับนก!
พริบตา พวกเขาก็มาลอยตัวเผชิญหน้ากับเฮอร์ริเคนทั้งสามลูก ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าทำสัญญาณมือโดยการยกมือซ้ายขึ้น
    “ฉันทิ้งมือลงเมื่อไหร่พวกนายปล่อยบาเรียกั้นทันทีตกลงนะ 1 2 3”
สิ้นเสียงและมือที่ตกลงของชายหนุ่มก็มีแสงสีขาวสว่างวาบคลุมไปทั่วเฮอร์ริเคนทั้งสามลูก และดูเหมือนว่าแสงสว่างนั้นจะทำให้การเคลื่อนที่ของพายุหมุนนั้นหยุดลงชั่วขณะ
    “2 นาที ยากกว่าที่คิดแฮะ”
เหงื่อเม็ดเล็กๆแต่จำนวนมากผุดขึ้นเต็มใบหน้าของชายทั้งห้าคน แรงปะทะระหว่างม่านบาเรียที่กระจายออกมาจากฝ่ามือของทั้งห้ากับเฮอร์ริเคน ส่งผลให้ถุงมือของทั้งหมดฉีกขาดและหนังมือกำลังเป็นส่วนที่จะตามมาในไม่ช้า
    “อีก 30 วิฯ อื้อ อีกนิดเดียวทนหน่อย!”
ช่างเป็น 30 วินาทีที่ทรมานเหลือเกิน การนับถอยหลังจึงพอช่วยบรรเทาความทรมานนี้ลงได้
    9 8 7 6 5 4 3 2 1
    “หัวหน้าครับ!”
เสียงของมาคัสที่ดังมาจากข้างหลังส่งผลให้ใจของชายหนุ่มชื้นขึ้นมา
    “มาแล้วหรือ เอาเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารมานี่ ตั้งพิกัดส่งไปในถุงดูดกลืนซะ พวกนายกำลังเสริมช่วยกันส่งพลังเวทย์ไปที่เครื่องด้วย เฮอร์ริเคนสามลูกนี้แค่พลังเวทย์นิดๆหน่อยๆเอาไม่อยู่หรอก”
คำสั่งเด็ดขาดของเขาเด็ดขาดและยากที่ใครจะขัดได้
    “จะได้ผลหรือครับหัวหน้า?”
เสียงของมาคัสถามด้วยความกังวล
    “หึ ไม่ลองไม่รู้หรอก อย่ามัวพูดมากหันเครื่องเข้าหาพายุ พวกนาย 4 คนวางมือจากบาเรียแล้วถอยออกมาอยู่หลังเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารนี่ซะ เราจะเริ่มปฏิบัติการณ์การดูดกัน แกแพ้แล้ว อิลล์ หึหึ”
    “พายุโดนจัดการแล้ว อย่างนั้นหรืออิลล์?”
เสียงเนิบช้าของบุคคลผู้ซุกตัวอยู่บนเก้าอี้บุนวมหนานุ่มซึ่งตั้งอยู่ตรงกับเตาผิงที่แดงฉานไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังไหม้ลามเลียท่อนฟืน เสียงนั้นดังเพียงพอได้ยินกันสองคนนั้นถามคนอีกคนที่ยืนเยื้องไปข้างหลังของเขา
    “คะ ครับ โดนจัดการเรียบทั้งสามลูก”
เสียงตอบกลับของอิลล์บอกถึงความรู้สึกกลัวอย่างปิดไม่มิด แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความโกรธของท่านผู้นี้ แต่สิ่งที่เขาได้ยินจากการเล่าต่อๆกันมาของผู้ที่เคยประสบ มันก็ทำให้เขาไม่อยากเจอไปตลอดชีวิต
    “โฮ่! มีคนที่สามารถจัดการกับพายุของฉันได้ด้วยอย่างนั้นหรือ? คนๆนั้นเป็นใครกัน นายรู้จักไหม?”
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกทึ่งของอีกฝ่ายทำให้อิลล์รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าอาจต้องโดนลงโทษอย่างรุนแรงโทษฐานที่ทำงานผิดพลาดอย่างร้ายกาจ
    “ว่าไง อิลล์ นายจะช่วยบอกข้อมูลคร่าวๆของคนๆนั้นให้ฉันคนนี้รู้หน่อยไม่ได้เชียวหรือ?”
เหมือนว่าจะเป็นคำร้องขออันแสนสุภาพ แต่ทว่าหากใครได้มายืนอยู่ ณ จุดเดียวกับอิลล์แล้ว ประโยคนั้นมันเป็นประโยคที่สุดแสนจะน่ากลัว น่ากลัวอย่างอธิบายไม่ได้
    “ผมมิบังอาจครับ! หากแต่แค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่ท่านให้ความสนใจเกี่ยวกับเขาคนนั้น”
    “หยุดพูดมากเสียที รีบบอกมาได้แล้ว ว่า เขาเป็นใคร? แล้วสังกัดพวกไหน?”
โทสะที่แฝงอยู่ภายในประโยคเรียบๆนั้นอิลล์สัมผัสได้ดี และนั่นทำให้เขาก็รู้สึกกลัวบุคคลตรงหน้ายิ่งกว่าเดิมเป็นทวีคูณ
อิลล์กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ก่อนจะเริ่มทบทวนความทรงจำของเขาเกี่ยวกับ’คนๆนั้น’ สักพักข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเขาก็เริ่มไหลมาอย่างไม่หยุดเหมือนยามก๊อกน้ำถูกเปิดจนเต็มที่ ดวงตาของอิลล์ปิดสนิท
    “สังกัดฝ่ายโหรเวทย์ เป็นหัวหน้าหน่วยทหารลับของH.S. มีชื่อตามใบทะเบียนบุคลากรโหรเวทย์ว่า นายมาศ ลี ถือสัญชาติอังกฤษ แต่มีเชื้อชาติเอเชียอยู่ครึ่งหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏว่าคือเชื้อชาติใด อายุปัจจุบัน 23 ปี ที่อยู่ไม่ปรากฏ สถานะภาพโสด ”
ดวงตาของอิลล์เบิกกว้างอย่างรวดเร็วภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตระหนก เพราะว่าเขา อิลล์คนนี้ไม่เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับใครน้อยขนาดนี้มาก่อน และที่น่าแปลกใจ อิลล์คิดว่าเขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับศัตรูคนนี้ แต่พอนึกดูเขากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
    “เงียบทำไม อย่าบอกนะว่านายมีข้อมูลแค่นี้?”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายเองก็ดูจะแปลกใจไม่แพ้กัน จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่ออิลล์นั้นได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความทรงจำเป็นเลิศ สมองของเขาสามารถเก็บความรู้ได้พอๆกับหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาจจะเก็บได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพียงแค่อิลล์หลับตา ข้อมูลต่างๆที่เขาต้องการก็จะสามารถรู้ได้ในทันที ความสามารถนี้ของอิลล์เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายรวมไปถึงสมาพันธ์เวทมนต์สากล เขาเคยเข้าทำงานในสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์เวทมนต์สากลช่วงหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆเพียง 3 เดือน เขาถูกเชิญให้ออก เหตุผลคือทัศนคติของเขาไม่ตรงกับทางสมาพันธ์ อิลล์คิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่เข้าท่าสักนิด เขาพยายามหาเหตุผลที่แท้จริงแต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับองค์กรๆหนึ่ง เขาใช้ความสามารถในการไต่เต้าและความแค้นเป็นแรงผลักดันจนในที่สุดเขาก็ได้เป็นหนึ่งใน เหล่า X Master ผู้น่าเกรงขาม
    “เป็นความผิดในความไร้ความสามารถของผมเองครับ ผมไม่คิดว่าจะ ”
    “ไม่ใช่ความผิดของนายหรอกอิลล์ แต่ดูเหมือนว่า คนๆนั้น ไม่สิ มาศ ลี จะลึกลับเกินไปต่างหาก ข้อมูลต่างๆของนายก็ได้มาจากหนังสือและสื่อต่างๆ มันอาจไม่ชัดเจนนักหรอก แต่ว่า ที่มันน่าเจ็บใจกว่านั้นก็คือ นาย อิลล์ ที่ร่วมมือกันกับฉันคนนี้ ยังแพ้ให้กับเด็กอายุเพียง 23 ปี แม้ว่าหมอนั่นจะเป็นถึงหัวหน้าหน่วยทหารลับอะไรนั่นก็เถอะ แต่ตอนนี้ ฉันชักจะอยากเห็นหน้าของหมอนั่นซะแล้วสิอิลล์ นายพอจะหารูปให้ฉันได้ไหม?”
    “รูป? อย่างนั้นหรือครับ?”
    “ก็รูปน่ะสิ มีหรือเปล่าล่ะ?”
    “ถ้าเป็นรูปผมไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าจะให้อธิบายน่ะได้ครับ”
ชายบนเก้าอี้เงียบไปหลายอึดใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัว แสงจากเตาผิงที่ดูเหมือนจะโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่องให้เห็นร่างบอบบางที่มีผมสีทองเป็นประกายยาวสลวยจนถึงกลางสะเอว อิลล์จ้องมองด้านหลังของ’ท่านผู้นั้น’ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
    “นี่อิลล์ นายรู้ไหมว่าฉันเกลียดคำว่าอะไรมากที่สุด คำว่า ‘ไม่ได้’ ยังไงล่ะ แต่ว่า ในเมื่อฉันอยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้ นายเข้าใจใช่ไหม?”
ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกจากปากของชายที่ชื่ออิลล์ ความเงียบที่คืบคลานเข้ามาภายในห้องได้พ่วงเอาบรรยากาศที่อวลไปด้วยแรงกดดันชวนอึดอัด และความกลัวที่จู่โจมเข้าใส่อิลล์อย่างรวดเร็ว!
    “ฉัน อยากได้รูปของคนที่ชื่อมาศ แต่ในเมื่อนายหาให้ฉันไม่ได้ ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก”
เพียงแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว บรรยากาศภายในห้องก็ดีขึ้นทันตาเห็น อะไรๆที่ดูมืดมิดเมื่อครู่ก็ดูจะสว่างขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ สำหรับอิลล์
    “เอ่อ งั้นเอาเป็นว่าผมจะรีบหารูปมาให้เลยนะครับท่านเฟียส”
    “ไม่ มันชักช้าเกินไป ฉันไม่ชอบ อีกอย่าง ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”
    “วิธี วิธีอะไรหรือครับ? ถ้าหากผมสามารถช่วยได้ผมจะช่วยอย่างเต็มที่เลยครับ”
    “วิธีก็คือ ฉันจะสอบถามรูปร่างหน้าตาของมาศ ลี จากจิตใต้สำนึกของนาย เป็นไงอิลล์ ไม่ยากเลยใช่ไหม? เพียงแค่นายยืนเฉยๆ ไม่เจ็บ ไม่ทรมาน แล้วฉันจะมอบความสุขที่นายไม่เคยสัมผัส ความฝันที่แสนหวาน ทุกสิ่งที่นายฝันจะเป็นของนาย ถ้านายร่วมมือกับฉันเป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่ นั่นนายกำลังจะไปไหนน่ะอิลล์!”
บุคคลในเงามืดพูดขึ้นราวกับมีตาหลัง เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าของอิลล์ชะงักแล้วเกิดก้าวขาไม่ออกขึ้นมา ไม่มีทางไหนที่เขาจะ ‘หนี’ ไปจากที่นี่ได้แล้ว ตอนนี้สมองของอิลล์ไม่สามารถที่จะคิดอะไรออกแม้แต่น้อย การหันกลับไปเผชิญกับ’ท่านผู้นั้น’ ดูจะเป็นทางออกเดียว
อิลล์ค่อยๆหันตัวกลับไป แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น เขาจึงได้แต่เพียงยืนตัวลีบหน้าก้มงุดมองมือของตัวเองที่ผสานไว้ตรงเป้ากางเกง ในตอนนี้อย่าว่าแต่เงยหน้าขึ้นสบตากับบุคคลตรงหน้าเลย แม้แต่หายใจแรงๆเขายังไม่กล้า บรรยากาศภายในห้องเริ่มจะแย่ลงเรื่อยๆ ความเงียบได้นำเอาความรู้สึกกดดันอันหนักหน่วงมาอีกครั้ง แต่ดูท่าจะแย่กว่าครั้งแรก เพราะในครั้งนี้อิลล์สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อิลล์รู้สึกว่าเวลานั้นช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า แค่ 1 นาที เขาก็รู้สึกว่าเหมือนนานเป็นปี
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มใบหน้าเรื่อยไปจนถึงลำคอของอิลล์ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่อุ้งมือทั้งสองข้างของตนเอง เขารู้สึกอยากจะเดินหนีไปจากห้องนี้เป็นกำลัง แต่ก็เหมือนมีพลังบางอย่างพันธนาการขาและตัวของเขาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้
    “นาย คิดจะหนีฉันงั้นหรืออิลล์?”
เสียงของบุคคลหน้าเตาผิงเรียบสนิท ไม่บอกว่ารู้สึกอย่างไรกับการกระทำของอิลล์
    “ฉันถามทำไมไม่ตอบ?”
คราวนี้เสียงของเขากระชากและสูงขึ้น บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ แต่อิลล์ก็ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะพูดไม่ออกหรือว่าไม่รู้ว่ากลัวที่จะตอบกันแน่ เขาจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
อิลล์รู้สึกได้ดีว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ความกลัวทำให้เขาไม่กล้าที่จะเงยหน้า แต่จู่ๆอิลล์ก็สะท้านไปทั้งตัวเมื่อใบหน้าของเขาเงยขึ้นเอง เขาสาบานได้ว่าเขาไม่ได้เงยขึ้น!
เมื่อเงยหน้าขึ้นอิลล์ก็ได้รู้ว่าเขายืนห่างกับอีกฝ่ายไม่ถึงเมตร อิลล์พยายามที่จะมองใบหน้าของบุคคลตรงหน้า แต่เพราะเขายืนหันหน้าให้เตาผิง จึงทำให้แสงจากเตาส่องเข้าตาจนพร่า ถึงกระนั้นอิลล์ก็สามารถรู้ได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นชายหนุ่มร่างบอบบางเหมือนหญิงสาว และสูงแค่ไหล่ของตัวอิลล์เท่านั้น
    “ทำไมกันอิลล์ แค่ฉันขอความร่วมมือแค่นี้นายก็ให้ไม่ได้?”
เสียงของชายหนุ่มออกแนวตัดพ้อ จนอิลล์รู้สึกผิด แต่อิลล์ก็บอกกับตัวเองว่ามันช่วยไม่ได้ เพราะการตรวจจิตใต้สำนึกที่ชายหนุ่มต้องการจะทำกับเขานั้น มันเหมือนกับการฆ่าคนๆหนึ่งให้ตาย! ถึงจะไม่ใช่ตายจริงๆก็เหมือนตาย อิลล์เคยเห็นคนที่โดนตรวจจิตใต้สำนึก คนๆนั้นมีร่างกายเหมือนบุคคลทั่วไปแต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ!
    “ผม ผมกลัวครับ ผมกลัวว่าผมอาจจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้ความร่วมมือนะครับ แต่ผมไม่ไหวจริงๆ”
    “อ้อ อย่างนั้นเองหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าใจ ”
ได้ยินว่าชายหนุ่มเข้าใจ อิลล์ก็ยิ้มออก แต่เพียงชั่วครู่เท่า เพราะประโยคถัดไปของชายหนุ่ม
    “เข้าใจว่านายไม่ไว้ใจฉัน! นายดูถูกฉันมากเลยนะอิลล์ นายคิดหรือว่าฉันจะปล่อยให้คลังความรู้อย่างนายต้องสูญเสียวิญญาณไป? นายดูถูกฉัน ได้ ฉันจะสนองให้ เอาให้แบบนายไม่เหลือแม้แต่ชีวิตเลยก็แล้วกัน”
ขาดคำ ไม่ทันที่อิลล์จะได้ขยับตัวหนี ฝ่ามือของชายหนุ่มกับจับเข้าตรงกลางกระหม่อมของอิลล์ อิลล์พยายามสะบัดตัวหนี แต่ฝ่ามือนั้นก็แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ สักพัก อิลล์ก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาลอยละล่อง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านสิ่งใดๆ
    “ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นไงล่ะอิลล์ ความรู้สึกก่อนตาย ทีนี้ฉันก็ขอเข้าไปดูหน้าของ มาศ ลีแล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชายหนุ่มผมทองหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะปิดตาสนิทและเริ่ม’สำรวจ’จิตใจของอิลล์
ชายหนุ่มยอมรับว่ารู้สึกทึ่ง ที่อิลล์สามารถเก็บข้อมูลของหลายสิ่งหลายอย่างไว้ได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เขาค่อนข้างลำบากเหมือนกันกว่าที่เขาจะสามารถถามได้
    “คนไหนคือ มาศ ลี?”
จบคำถาม ภาพของคนๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา จากจุดเล็กๆที่เหมือนมองจากที่ไกลๆ แล้วก็ดูจะเข้าใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ชายหนุ่มก็ยิ่งตื่นเต้น จนในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใกล้จนอยู่ในระยะเห็นด้านหลังอย่างชัดเจน คนที่เขาได้เห็นนั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ อยู่ในชุดเสื้อยืดกระชับตัว กับกางเกงวอร์มแบบทหาร ทรงผมของเขาที่เห็นจากด้านหลังตัดสั้นแบบทหาร ชายหนุ่มผมสีทองเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อชายในจิตใต้สำนึกของอิลล์เริ่มหันมามองข้างหลังทีละน้อยๆ
ตุบ!
เสียงร่างของอิลล์กระแทกลงบนพื้น ในขณะที่ชายหนุ่มผมทองยืนนิ่งไม่ไหวติง
    “มะ ไม่น่าเชื่อ!?”
เสียงของเขาแหบและดูเหมือนจะแปลกใจกับอะไรบางอย่างเป็นอย่างมาก
    “อะไรไม่น่าเชื่ออย่างงั้นหรือเฟียส?”
เสียงนุ่มของใครบางคนดังมาจากบานประตูของห้อง ชายหนุ่มผมทอง หรือว่า เฟียส หันขวับไปมองต้นเสียง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
    “นึกว่าใครที่ไหน นายนั่นเอง ทำไมไม่เคาะประตูก่อน?”
    “เคาะแล้ว แต่นายดูท่าจะไม่ได้ยิน แล้วนั่นใครกัน ไปนอนแผ่อยู่ตรงนั้น”
ชายตรงประตูชี้ไปที่ร่างไร้วิญญาณของอิลล์ซึ่งนอนแผ่อยู่อย่างที่เขาว่าตรงปลายเท้าของเฟียส
    “อิลล์น่ะ แต่ตายแล้วล่ะ”
เฟียสพูดหน้าตาเฉย พลางหลุบตาลงมองศพของอิลล์ที่นอนเหยียดอยู่บนพื้นห้อง ดวงตาของศพเหลือกจนเห็นแต่ตาขาว ผมที่เคยสีน้ำตาลกลับกลายเป็นสีขาวเช่นกันกับฟองฟูที่ไหลย้อยออกมาจาปาก
    “อิลล์? ที่ความจำดีๆน่ะเหรอ?”
    “อืม คนนั้นล่ะ”
เฟียสตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปที่เก้าอี้บุนวมหน้าเตาผิงแล้วก้มลงหยิบเสื้อคลุมขนมิ้งสีขาวสะอาดขึ้นมาห่มกระชับตัว ปล่อยให้ชายผู้มาใหม่เข้าสำรวจศพของอิลล์
    “ตายทุ เรศชะมัดเลยว่ะ”
ชายผู้มาใหม่วิจารณ์
    “มันก็จริงอย่างที่นายว่า แต่ว่านะไอโอรอส นายเสียมารยาทมากเลยนะที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องนี้โดยที่ฉันยังไม่ได้อนุญาต”
    “ก็ นายไม่ชวนซักที อีกอย่างนะ มันแปลกมากที่นายฆ่าคนที่เป็นลูกน้อง แถมเป็นลูกน้องคนสนิทซะด้วยสิ อ้อ อีกอย่าง นายจงใจฆ่าเลยนี่เฟียส แค่ตรวจจิตใต้สำนึกไม่น่าจะถึงกับตายนี่นา”
ชายที่ชื่อไอโอรอสตั้งข้อสังเกต  ก่อนจะหันไปหาเฟียสที่ตอนนี้เข้ามายืนด้านข้างของเขา
    “ก็มันอยากกวนโมโหฉันก่อนนี่ ช่วยไม่ได้”
    “แต่ฉันได้ข่าวว่าหมอนี่มันเก่งมากไม่ใช่หรือ? นายไม่รู้สึกเสียดายหรือไง?”
คำถามของไอโอรอสทำให้เฟียสยิ้มออกมาอย่างมีเลสนัย
    “ไม่เลย เพราะฉันเจอคนที่น่าสนใจกว่าหมอนี่อยู่แล้ว น่าสนใจมากซะด้วย หึหึ”
    “ใครกัน ที่ทำให้นายเป็นไปได้ถึงขนาดนี้?”
เฟียสหันหลังให้ศพแล้วพึมพำอะไรสองสามคำ สักพักก็มีเปลวไฟสีฟ้าลุกขึ้นท่วมศพของอิลล์ และก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
    “มาศ ลี”
    “เมื่อกี๊นายเรียกใครรึเปล่าเฟียส?”
    “เปล่าเรียก แต่บอกชื่อของคนที่ฉันสนใจต่างหาก”
    “เอ๋ มาศ ลี งั้นเหรอ หึ ถ้าถึงขนาดทำให้นายสนใจได้ก็คงไม่ใช่ธรรมดาแล้วล่ะ ก็ดีนะ องค์กรของเราจะได้ยิ่งใหญ่กว่านี้ อ่อ พวกสมาพันธ์มันเรียกเราว่าอะไรแล้วนะ อ่า ‘แมดบลัด’ ฉันชอบชื่อนี้นะ นายล่ะเฟียส?”
    “หึ ก็เพราะดีนี่ ‘แมดบลัด’ พวกนี้ช่างตั้งชื่อนะ!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น