ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Detective Agency 19Nights คดีที่ 1 ปริศนาฆาตกรรมของตุ๊กตา SD

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 แพะรับบาปผู้งดงาม

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 52


    อากาศร้อนอบอ้าวสุดๆ ขนาดลมซักวูบยังไม่พัดมาเลยแม้แต่นิด สภาพเหงื่อไหลท่วมตัวของเจสันดูแย่ยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อนที่แลบลิ้นหอบแฮกอยู่ด้านข้างเสียอีก

    เขาติดตามไนน์ทีนไนท์มาที่โรงเรียนกวงหมิงด้วยหน้าที่ที่ไม่ต่างจากคนรับใช้คอยวิ่งหาเวลาที่เจ้านายเรียกและวิ่งหนีเวลาที่เจ้านายโบกมือไล่ยังไงยังงั้นเลย

    ถ้าไนน์ทีนไนท์บอกว่าหนึ่ง เขาจะไม่กล้าพูดว่าสอง ถ้าไนน์ทีนไนท์บอกว่าพระจันทร์เป็นสี่เหลี่ยม เขาก็ได้แต่ยอมรับว่าพระจันทร์ไม่ใช่ทรงกลม

    พอกันที!

    ดีชั่วยังไงเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า แม้ว่าสำนักงานของเขาจะเป็นแค่สาขาย่อยของนายคนนี้ แต่ก็ไม่ควรสั่งนู่นสั่งนี่เหมือนเขาเป็นสุนัขรับใช้นี่นา แบบนี้มันไม่ค่อยถูกหลักเลย!

    “หวงฝู่”

    “อ๊ะ...อีกแล้ว!” แค่ได้ยินไนน์ทีนไนท์เรียก สองขาของเขาก็ต้องรีบก้าวตามให้ทัน ฮือๆ...นายนี่มันไม่ได้เรื่องเลยเจสัน

    “นายไม่รู้สึกว่าที่นี่...มีอะไรแปลกๆ เหรอ”

    ไนน์ทีนไนท์เดินมาถึงบันไดของอาคารเรียนร้างแห่งหนึ่ง เขาแตะผนังเย็นเยียบนั้นเบาๆ แล้วดวงตาสีม่วงเข้มลึกล้ำก็หม่นหมองกลายเป็นความหดหู่

    เขาสัมผัสได้ถึงเสียงร้องโหยหวนของเหล่าวิญญาณที่ตายไปอย่างไร้ความผิด บ้างก็เป็นเสียงคร่ำครวญถึงห่วงกังวลที่ยังตัดไม่ขาด

    “แปลกจริงๆ ด้วย ตั้งแต่มายังไม่เห็นห้องน้ำเลยซักห้อง” เจสันบ่นกระปอดกระแปด

    ถ้ารู้อย่างนี้เมื่อกี้ไม่น่าดื่มน้ำเข้าไปเยอะเลย ตึกบ้านี่ก็ไม่รู้จักสร้างห้องน้ำไว้ด้วย อูย...ปวดฉี่จะตายอยู่แล้ว!

    “สมองนายนอกจากขี้เลื่อยแล้ว ยังมีอะไรอีกไหม” ไนน์ทีนไนท์ชักเริ่มหงุดหงิด ใบหน้างดงามราวตุ๊กตาชักสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

    “นายนี่...ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย”

    ถึงแม้ไนน์ทีนไนท์จะพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหัวหน้าจงกู่เป็นรุ่นน้องตัวเอง แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ไนน์ทีนไนท์ก็ไม่น่าจะอายุเกินสิบแปดไปได้

    “อายุฉัน ถ้ามองจากภายนอกต้องคูณไปอีกสามสิบ เข้าใจหรือเปล่า” ไนน์ทีนไนท์เข้าใจหลักการข้อหนึ่งขึ้นมาทันที เวลาใกล้คนโง่มากๆ อาจจะติดเชื้อโง่มาได้ง่ายๆ

    เฮ้อ...ไม่น่าพาหมอนี่มาด้วยเลย มาสืบเรื่องคนเดียวท่าจะไวกว่าเยอะ

    “สิบเจ็ดคูณสามสิบเท่ากับ...ห้าร้อยสิบ...ห้าร้อยสิบ!? โกหกน่า นายมาหลอกผู้ใหญ่แบบนี้ได้ยังไง!

    เจสันกระทืบเท้ากระฟัดกระเฟียด ไนน์ทีนไนท์ขี้เกียจสนใจจึงก้าวขึ้นบันไดไปถึงระเบียงทางเดินบนชั้นสองที่ทอดลึกเข้าไปในความมืดมองไม่เห็นปลายทาง

    ลมเย็นยะเยือกสายหนึ่งพัดผ่านร่างไป เขาหนาวจนตัวสั่น ประตูไม้พัดเปิดเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าด แสงอาทิตย์ถูกเงาไม้หนาทึบบดบังมิด เป็นระเบียงทางเดินที่มืดสลัวให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน

    เขาค่อยๆ ก้าวเท้าเดินไป ตลอดแนวระเบียงนั้นได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและจังหวะก้าวที่มั่นคงของตัวเอง ลมหนาวเย็นโฉบเซาะเรือนร่างบอบบางของไนน์ทีนไนท์ เขายกมือขึ้นกอดอก ก้าวไปสู่ปลายทางเดินทีละก้าวๆ

    สายลมโชยผ่านผิวขาวผ่อง โบกพัดปอยผมดำขลับบนหน้าผากให้พลิ้วไหว ทันใดนั้น เงาดำสายหนึ่งก็เคลื่อนผ่านหน้า เด็กหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เขากลั้นหายใจรอคอยให้เงาดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    ในกระเป๋าของไนน์ทีนไนท์มียันต์โบราณให้ใช้อย่างเหลือเฟือ ทั้งหมดเป็นของประทานมาจากวิสุทธิเทพทั้งสามแห่งลัทธิเต๋า นั่นคือเทพผู้ชี้ธรรม เทพผู้สร้างโลก และเทพผู้ครองวิญญาณ

    เสียงขวับดังขึ้น เงาดำเคลื่อนผ่านหน้าเขาอีกครั้ง ไนน์ทีนไนท์ไม่ปล่อยให้มันผ่านไปเป็นครั้งที่สองแน่ เขาใช้ความเร็วปานสายฟ้าจับร่างนั้นเหวี่ยงคว่ำลงพื้นจากนั้นใช้ท่าครอสอาร์มล็อกที่ตัวเองถนัดกดร่างที่ร้องคร่ำครวญดิ้นรนไม่หยุดไว้แน่น

    เอ๋ ทำไมเสียงนี้ฟังคุ้นหูชอบกล

    “เจ็บๆๆ...นี่ฉันเอง หวงฝู่ไงเล่า โอ๊ย...” แขนของเจสันแทบจะถูกฉีกหลุด เจ้าหนูนี่รูปร่างผอมแห้งแรงน้อยแทบจะปลิวลม ทำไมถึงแรงเยอะกว่าวัวเสียอีก

    “หวงฝู่...ทำไมนายต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย” พอเห็นหน้าเซ่อซ่าของเจสันแล้ว ความรู้สึกอึดอัดแปลกประหลาดเมื่อครู่ก็พลันหายไปจนหมด ไนน์ทีนไนท์จึงปล่อยมือออกจากเจสันด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

    “ฉันไปทำลับๆ ล่อๆ ที่ไหน เรียกนายตั้งหลายหนแล้ว แต่นายไม่สนใจฉันเองต่างหาก”

    เจสันยกเหตุผลโพล่งบ่นออกมา ท่าทางน้อยใจและอาการเจ็บจากการถูกโจมตีเมื่อครู่ทำให้ไนน์ทีนไนท์เงียบไป

    อืม...

    นั่นสินะ ใครใช้ให้เวลาไนน์ทีนไนท์เพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างแล้วก็จะไม่สนใจเรื่องอื่นเลย แม้แต่แผ่นดินไหวระดับเก้าริกเตอร์ก็ไม่สามารถรบกวนสมาธิเขาได้

    “เออน่า นายก็อย่าเที่ยววิ่งเพ่นพ่านอีกละกัน เดินตามหลังฉันมาดีๆ เข้าใจไหม” ไนน์ทีนไนท์ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง จากนั้นก็เริ่มสืบหาร่องรอยต่อไป

    “เข้าใจแล้วคร้าบ...

    เจสันยิ้มตอบ เขาลุกพรวดขึ้นมาในทันใดแล้วจึงตามติดไนน์ทีนไนท์ตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

    ทว่าไนน์ทีนไนท์ที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในโลกของการไขคดีกลับไม่ได้สังเกตเลยว่าเจสันได้ซ่อนเลื่อยแหลมคมไว้ข้างหลัง เจสันยิ้มมีเลศนัยพลางแอบหัวเราะสะใจตัวเองอยู่ด้านหลังไนน์ทีนไนท์...

     

    “ฮัดเช้ย! โอย...เป็นหวัดแล้วเหรอเนี่ยฉัน ว่าแต่ว่า...นายไนน์ทีนไนท์หายไปทางไหนแล้วล่ะ”

    อีกด้านหนึ่ง เจสันผู้ถูกทิ้งไว้ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนกำลังตามหาไนน์ทีนไนท์ให้จ้าละหวั่น เขาไม่รู้เลยว่า ตัวเอง อีกคนหนึ่งกำลังจะดำเนินเกมสยองที่เรียกว่าการ สังหารหมู่

     

    ประตูหน้าต่างเก่าชำรุดของอาคารร้างถูกลมหนาวพัดโยกแกว่งไปมา ไนน์ทีนไนท์เดินลึกเข้ามาตามระเบียงทางเดินอย่างระมัดระวัง บนพื้นนั้น นอกจากขวานขึ้นสนิมกับเคียวหักๆ หลายอันแล้ว ยังมีเส้นผมสีดำหลายกระจุกร่วงกระจายไปทั่ว

    ไนน์ทีนไนท์ก้มลงเก็บเศษผมขึ้นมากำหนึ่ง เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง

    “ไนน์ทีน นายจะเก็บเส้นผมนั่นไปทำอะไร” เจสันถามขึ้นด้วยความสงสัย แต่น้ำเสียงที่ถามกลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เลย

    ไนน์ทีนไนท์ไม่ตอบแต่กลับเดินไปยังผนังสีขาวที่ดูๆ แล้วก็ไม่เห็นมีตรงไหนผิดปกติ เขาออกอาการลังเลเล็กน้อยแต่แล้วก็ยื่นมือไปผลักมัน

    ครืด...” ผนังสีขาวพลันเปลี่ยนเป็นประตูไม้บานหนึ่ง ภายในประตูนั้นมีบันไดวนขดเป็นก้นหอยปรากฏขึ้นตรงหน้าคนทั้งสอง มันทอดลงไปสู่ชั้นใต้ดินที่ไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุด

    “ที่แท้ที่นี่ก็มีกลไกซ่อนอยู่ด้วยแฮะ นายรู้ได้ยังไง” เจสันยกมือข้างหนึ่งลูบคางทำท่าคิดเดาว่าโลกด้านหลังประตูนั้นจะมืดมนและน่ากลัวแค่ไหน

    “หวงฝู่”

    “หืม”

    “นายลงไปก่อน”

    ไนน์ทีนไนท์หลีกทางให้พร้อมส่งสายตาเป็นเชิงสั่งว่าเจสันจะต้องรับหน้าที่ นำทาง ในครั้งนี้

    “หา!?”

    “ทำไม ไม่พอใจหรือไง”

    “เปล่า เฮ้อ... ฉันไม่ใช่ไกด์สักหน่อย”

    เจสันบ่นงึมงำโอดครวญ ติดตรงที่ความเด็ดขาดห้าวหาญและความเจ้าอำนาจของไนน์ทีนไนท์เนี่ยแหละ เขาเลยต้องจำทนมองหาท่อนไม้มาจุดไฟให้แสงสว่าง โชคดีที่ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังมาจากประตูไม้เก่าๆ พอดี...

    “เลิกพูดมากได้แล้ว จะลงหรือไม่ลง” ไนน์ทีนไนท์หรี่ตาเขม้นมอง ประกายตาสีม่วงพุ่งรังสีอำมหิต เขายืนกอดอกมองเจสันที่หยิบจับนู่นนี่ชักช้ายิ่งกว่าหอยทากอย่างไม่พอใจ

    “รู้แล้วน่า ลงก็ลงสิ” เจสันหยิบไฟแช็กมาจุดคบไฟ จากนั้นเดินนำลงบันไดไป

    ไนน์ทีนไนท์เม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่จ้องมองหลังของเจสันและครุ่นคิดอยู่ตลอด

    “ไนน์ทีน นายไม่ลงมาด้วยเหรอ” เจสันเดินนำลงไปได้สิบกว่าขั้นแต่ไม่เห็นไนน์ทีนไนท์ตามมาจึงหันกลับไปตะโกนถาม

    สายตาของไนน์ทีนไนท์จ้องมองใบหน้าของเจสันนิ่ง ขาทั้งสองก็หยุดอยู่กับที่ไม่ฟังคำเรียกของใครทั้งนั้น

    ลางสังหรณ์ของเขาบอกตัวเองว่า..อย่าไป!

    “เป็นอะไร หรือว่านายกลัว จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องธรรมดานะที่เจ้าหนูอายุสิบเจ็ดจะกลัวผี...

    “ใครบอกว่าฉันกลัวผี!” รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจยั่ว แต่ไนน์ทีนไนท์ก็กลับโมโหเป็นเด็กๆ

    จะว่าไปก็แปลก สองเท้าของเขาแข็งค้าง ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมขยับออกไปเลยสักก้าว มันยิ่งทำให้เขาสังหรณ์ใจขึ้นไปอีก

    บอกตรงๆ เลยว่าเขารู้สึกว่าตัวเจสันเหมือนมีกลิ่นอายที่ไม่ใช่มนุษย์แผ่ออกมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว เขายังคิดเลยว่าเจสันคนนี้เป็นปีศาจปลอมตัวมาหรือเปล่า

    แต่พอได้เห็นหน้าตาโง่เง่าและได้ยินคำถามปัญญาอ่อนของนายนั่นแล้ว ไนน์ทีนไนท์ก็รู้สึกว่าตัวเองคงคิดมากไปเอง

    “เชอะ...ลงไปก่อนค่อยว่ากันเถอะน่า” ไนน์ทีนไนท์สบถเบาๆ ก่อนจะวิ่งลงบันไดไปอย่างว่องไว ถึงขนาดวิ่งเลยเจสันที่ถือคบไฟในมือไปเสียอีก

    “นี่ ข้างล่างมันมืดมากนะ นายอย่าวิ่งเร็วนักสิ ไนน์ทีน...” เจสันชะโงกหน้าตะโกนลงไปแต่ไม่เห็นเงาของไนน์ทีนไนท์ซะแล้ว

    เจสันในตอนนี้ระบายยิ้มประหลาดอย่างที่สุด ใบหน้าหล่อเข้มของเขาพลันเปลี่ยนเป็นความร้ายกาจน่าสะพรึงกลัว เขายื่นมือไปขยี้เปลวไฟจากคบแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วลิ้นเยิ้มน้ำลายที่ร้อนผ่าวก็แลบออกมาเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง

    ดวงตาสีอำพันคู่นั้นเต็มไปด้วยความกระหายคาวเลือดจากการฆ่าฟัน เจสันค่อยๆ เดินลงบันไดไปอย่างเชื่องช้า พลางวาดภาพถึงกระต่ายน้อยสีขาวน่าสงสารตัวหนึ่งกำลังหนีตายอย่างน่าเวทนา เพียงแค่นี้ เขาก็รู้สึกคึกคะนองเต็มที่แล้ว...

     

    ที่นี่คือห้องใต้ดินที่ไร้อากาศหายใจ และถ้าคิดจะกำจัดใยแมงมุมที่แผ่คลุมขวางกั้นทางเดินนี้ให้หมดล่ะก็ คงกินเวลาของเขาครึ่งค่อนวันทีเดียว

    วัตถุสีขาวเป็นท่อนบ้างเป็นเศษเล็กเศษน้อยบ้างกับเส้นใยต่างสีสันของอะไรบางอย่างกระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง เพราะความสามารถในการปรับสายตาในที่มืดของไนน์ทีนไนท์มีจำกัด เขาจึงได้แต่แยกแยะสีสันและรูปโครงของสิ่งของในความมืด แต่บอกไม่ได้จริงๆ หรอกว่ามันคืออะไรแน่

    หวงฝู่ นายไม่รู้สึกเหรอว่าในนี้มันเย็นยะเยือกกว่าข้างบนอีก ไนน์ทีนไนท์พูดเสียงค่อย แต่รออยู่นานสองนานก็ไม่ได้ยินเสียงใครตอบกลับมา

    ไนน์ทีนไนท์รู้สึกตงิดๆ ใจขึ้นมาทันที ตั้งแต่เขาก้าวลงมาที่ห้องใต้ดินก็มีความรู้สึกอ่อนล้าไปทั้งตัว แม้แต่จะหายใจยังยากลำบาก

    กลิ่นเน่าเหม็นโชยคลุ้งรุนแรงจนไนน์ทีนไนท์ต้องขมวดคิ้วปิดจมูก เขาคิดจะเดินหน้าต่อแต่เท้าขวาของเขากลับย่ำลงไปในแอ่งน้ำ

    “...น้ำ?

    ไนน์ทีนไนท์คลำผนังจนเจอสวิตช์ปิดเปิดเข้าโดยบังเอิญ เสียง พรึบ ดังขึ้นแล้วห้องมืดก็สว่างขึ้นทันตา

    เขาไม่สามารถปรับสายตาได้ทันทีจึงต้องหรี่ตาลงก่อน แต่ภาพอันหน้าสยดสยองก็กลับทำให้เขาตกใจจนพูดไม่ออก

    ที่แท้วัตถุขาวๆ บนพื้นนั้นก็คือกระดูกมนุษย์...และเส้นใยสีต่างๆ ก็คือเส้นผม...ทั้งสีดำ สีน้ำตาล และสีกาแฟ

    เครื่องทรมานรูปแบบต่างๆ ปรากฏต่อสายตาเขา ซากศพชายหญิงกว่าสิบร่างเรียงรายอยู่ในห้องใต้ดินที่มืดมิดจนส่งกลิ่นเหม็นโชยคลุ้ง

    บางคนเหลือซากแค่เพียงตัว ร่างที่ไร้แขนขายังคืบกระตุกบนพื้นเหมือนหนอนแก้ว พวกเขาถูกตัดแขนขาทั้งยังถูกเย็บปาก ใบหน้าของแต่ละคนถูกเข็มต่างขนาดแทงทิ่มเป็นรอย ตับไตไส้พุง สมอง เศษเนื้อ ซากเล็บและเลือดไหลกองนองพื้น มันไม่เพียงทำให้ไนน์ทีนไนท์สะอิดสะเอียนแต่ยังทำให้เขารู้สึกทรมานแทนซากศพเหล่านั้นด้วย

    บนเก้าอี้ไฟฟ้าด้านหน้ามีร่างของชายหญิงคู่หนึ่งนั่งประจันหน้าประกบติดกัน ทำไมถึงเรียกว่าประกบติดน่ะเหรอ เพราะมองตั้งแต่ซีกหน้าไล่ลงมา ตัวของสองคนนี้ไม่มีช่องว่างที่แยกห่างกันเลย ยิ่งกว่านั้นคือ รอยตะเข็บ ที่เย็บร่างทั้งคู่ให้ติดกันแน่น มือติดมือ เท้าติดเท้า หัวติดหัว...

    ด้านซ้ายมือของไนน์ทีนไนท์มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกใส่กุญแจมือและเท้าตรึงไว้กับผนัง หัวของเธอเอียงตกเป็นมุม 90 องศาไปทางขวา เขาเพิ่งเห็นว่าตรงคอของเธอถูกขวานคมจามเข้าไปครึ่งลำ คมขวานยังค้างคาอยู่ตรงรอยแยกที่เกรอะกรังไปด้วยเลือด

    ลักษณะท่าของหญิงสาวคนนั้นเหมือนพระเยซูถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือการตายของเธอสยดสยองกว่ามาก

    ร่างเปลือยเปล่าของเธอมีรอยคมมีดบ้างคมกริชบ้างเต็มไปหมด ไนน์ทีนไนท์ยังพบด้วยว่าเธอถูกใช้เป็นเป้ายิงแถมบนตัวยังถูกคนขีดเขียนเป็นวงๆ ไล่จากด้านนอกวนเข้าด้านใน เขียนตัวเลขตั้งแต่ศูนย์ถึงร้อย เธอคงถูกทรมานอย่างนี้จนตาย

    ไนน์ทีนไนท์ปิดปากตัวเองเพราะรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วช่องท้อง นี่ถ้าหากเขาไม่เห็นก่อนแล้วว่าแอ่งน้ำที่เขาเหยียบย่ำคือเลือดสดๆ ที่เจิ่งนองล่ะก็...

    หนึ่งหยด สองหยด สามหยด...

    เลือดแดงๆ ไหลย้อยลงมาจากเพดาน เฉียดผ่านไนน์ทีนไนท์ไปแค่ห้าเซนติเมตร เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ภายในคอที่เหนียวหนืดทำให้เขาไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้

    ร่างของชายคนหนึ่งถูกแขวนห้อยหัวลงมาจากเพดาน ดวงตาเบิกกว้างกำลังถลึงจ้องมาทางไนน์ทีนไนท์

    หน้าซีกซ้ายของชายคนนี้ถูกทำลายไม่เหลือสภาพเดิม ดวงตาที่ทะลักถลนมีหนอนแมลงวันไชชอนยั้วเยี้ย ใบหน้าหวาดผวายังแฝงความอาฆาต

    ไนน์ทีนไนท์เซถอยไปหลายก้าว หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างที่สุด อากาศที่บางเบาทำให้เขาหายใจไม่เป็นส่ำ ขากางเกง เนื้อตัว และแม้แต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดของคนอื่น ความโหดร้ายทารุณเหล่านี้ทำให้เขาทรมาน

    ทำไม...ทำไมถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้...” ไนน์ทีนไนท์กุมอกเสื้อของตัวเอง ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด เขากัดริมฝีปากตัวเองแน่น แม้จะหลับตาแต่ก็ไม่สามารถสลัดภาพสยองขวัญนั้นให้หลุดออกไปได้ เพราะลองให้เขาได้เห็นสิ่งใดเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีวันที่จะ ลืม ได้เลย

    ไนน์ทีน นายเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ

    อ้อมแขนอ่อนโยนแต่ทรงพลังและคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยส่งมาจากด้านหลังเขา

    ไนน์ทีนไนท์ก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด ท่าทางของเขาไร้กำลังจะต้านทาน

    หวงฝู่ ฉันรู้สึก...ทรมาน เขาดึงแขนเสื้อของเจสันไว้เหมือนต้องการที่พึ่งราวกับแมวตัวน้อยที่ถูกทิ้งแล้วพลันดีใจที่ได้เจอเจ้าของของมันอีกครั้ง

    ทรมาน? ทำไมต้องทรมาน

    ภาพเบื้องหน้าน่ากลัวเกินไป แต่เสียงที่ดังมาจากด้านหลังกลับอ่อนโยนเหลือเกิน ไนน์ทีนไนท์ค่อยๆ รวบรวมกำลังใจขึ้นมาก่อนจะเปิดใจให้คนอื่นรู้เป็นครั้งแรก

    หน้าที่ของฉันคือการตามล่าคนร้าย แต่ก่อนจะจับผู้กระทำผิดนั้นฉันกลับไม่สามารถหยุดยั้งไอ้ฆาตกรโรคจิตนั้นได้เลย ฉันรู้สึกเจ็บแทนคนที่ตาย จริงๆ นะ มันทรมานมากเลย...” ใบหน้างดงามเกินใครของไนน์ทีนไนท์แสดงถึงความชอกช้ำ

    ความรู้สึกของเขาเกินกว่าความเวทนาสงสาร เพราะหลังจากรับรู้ถึงแรงอาฆาตของคนตาย จิตใจของเขาก็ดิ่งสู่ก้นเหวในทันใด

    ใจมันเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกใครมาฉีกจนไม่มีชิ้นดี

    เจ็บใช่ไหม ใจของนาย...คงเจ็บมากสินะ เสียงอ่อนโยนของเจสันถามขึ้นที่ข้างหู แต่ไนน์ทีนไนท์กลับไม่สังเกตเห็นถึงรอยยิ้มร้ายกาจของผู้ถาม

    อืม คงเพราะเสียงของเจสันช่วยขจัดความรู้สึกแย่ออกไปจากใจของเขาได้ ไนน์ทีนไนท์หลับตาทั้งสองข้างลงเพื่อไม่มองซากศพของคนที่เขาไม่เคยรู้จักแม้แต่ชื่อนั้นอีก

    วิญญาณที่วนเวียนอยู่ในที่นี้ ขอให้พวกเธอไปสู่สุคติเถิด...

    ไนน์ทีน ฉันว่า...วิธีชดเชยที่ดีที่สุดมันมีอยู่ทางเดียวนะ

    วิธีชดเชย...ที่ดีที่สุด?

    ไนน์ทีนไนท์พลันรู้สึกว่าตัวเองขยับเขยื้อนไม่ได้เลย สัญญาณเตือนในใจของเขากำลังลั่น แต่เขาคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้หลุดพ้นจากสภาพที่น่าประหลาดนี้ได้

    ไนน์ทีนไนท์ นายก็ใช้ร่างกายที่ปราศจากมลทินของนายมาชดเชย ใช้วิญญาณของนายมาชำระความเจ็บปวดของคนตายพวกนี้ และใช้เลือดสีกุหลาบแดงของนายฉาบทาแผ่นดิน วอนขอให้พระเจ้าอภัยต่อความผิดบาปของนายสิ! หึ ฮ่าๆๆๆ

    เจสันชูเลื่อยไฟฟ้าขึ้นมาพลางหัวเราะคลุ้มคลั่งก่อนจะลงเลื่อยตัดแขนของไนน์ทีนไนท์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    อ๊ากกกกกก

    เสียงร้องโหยหวนแผดไปทั่วบริเวณ เลือดสดๆ ฉีดพุ่งรดตัวเจสันราวกับน้ำพุ

    แต่เจสันก็หัวเราะอย่างไร้สติไม่สนใจเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของอีกฝ่าย เขายังคงหั่นเฉือนร่างกายของไนน์ทีนไนท์ทีละชิ้นๆ จนกระทั่งร่างนั้นสิ้นกำลัง จนคอนั้นไม่อาจเอ่ยเสียงไพเราะออกมาได้อีก...

    เจสันคุกเข่าลงตรงพื้นที่นองเลือดของไนน์ทีนไนท์ เขาก้มลงเลียเลือดแดงๆ เข้าไป กุหลาบเลือดแสนงดงามดอกแล้วดอกเล่าค่อยๆ ผลิบานอยู่ในห้องใต้ดินที่แสนมืดมนและเหน็บหนาว...

     

    บนพื้นเหนือห้องใต้ดิน ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น มือปราบปีศาจอันดับหนึ่งในวงการ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าใต้เท้าที่ตัวเองยืนอยู่กำลัง สนุกสนานครื้นเครง แค่ไหน

    เขานั่งหาวรอคอยการกลับมาของไนน์ทีนไนท์อย่างเกียจคร้าน

    เฮ้อ...พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ร้าน Egg Nest ก็ปิดแล้ว ขนมไม่เหลือแล้ว รถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายก็กำลังจะออกแล้ว...” เจสันมองพระจันทร์ที่ค่อยๆ ลอยเลื่อนขึ้นมาอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับถอนหายใจเป็นรอบที่สี่สิบสี่ของวัน

    ไนน์ทีนไนท์หายหัวไปไหนของเขานะ

    อืม...เป็นคำถามที่ดีมาก!

    เพราะขนาดเขายังอยากจะรู้เลย ไนน์ทีนไนท์ไปหลบอยู่ตรงไหนกัน

    เขาไม่เคยคิดจะสนใจเพศเดียวกัน โดยเฉพาะกับ น้องแต๋ว ปากร้ายจอมหยิ่ง ดุเดือดเลือดพล่าน แถมยังชอบสั่งให้เขาไปนู่นมานี่อย่างเจ้านั่นด้วยแล้ว

    น่าขำชะมัด!

    นายเจสันคนนี้ไม่ใช่คนรับใช้ส่วนตัวนะ และถึงจะเป็น อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ค่าตัวมากกว่าหมื่นสามบวกประกันสุขภาพ แถมด้วยสวัสดิการเป็นข้าวสามมื้อทุกวันตรงเวลา

    หมื่นสาม...

    เฮ้อ...เขานี่มันมักน้อยเสียจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นดอลลาร์สหรัฐหรือเงินปอนด์ได้ เขาคงไม่ต้องมานั่งตากลมอยู่ตรงนี้หรอก!

    เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาแต่ไกลและมีท่าทีว่าจะตรงมาทางเขา หวังว่ามันจะเป็นของไนน์ทีนไนท์คนที่เขาวิ่งตามหามาตลอดบ่ายนะ

    เจสันรีบผุดลุกขึ้นและตะโกนไปทางเสียงฝีเท้านั้นด้วยความตื่นเต้น ไนน์ทีนไนท์...ฉันอยู่ทางนี้!” ว่าแล้วก็โบกมือหยอยๆ เป็นสัญญาณ ในใจเขาคิดอยากแต่จะออกไปจากสถานที่พิลึกกึกกือนี่ให้เร็วที่สุด บอกตามตรงนะว่าเขากังวลจริงๆ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ พอจะได้เจอตัวไนน์ทีนไนท์ก็เลยดีใจเป็นธรรมดา

    แต่เมื่อเงาร่างนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็ยิ่งเห็นรูปร่างของอีกฝ่ายชัดขึ้น หัวนั้นเล็กเกินไปหรือเปล่า ถึงไนน์ทีนไนท์จะสูงไม่ถึงไหล่เขา แต่ก็ไม่น่าจะอรชรอ้อนแอ้นแบบนั้นได้นี่นา

    และแล้วเขาก็เห็นผู้ที่มาอย่างชัดเจน เธอเป็นสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มผมยาวคลุมบ่า สวมชุดนักเรียนปกกะลาสีเรือดูบริสุทธิ์อ่อนโยน

    หือ?

    สาวน้อย...ชุดนักเรียนปกกะลาสี?

    สาวน้อยวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาเจสัน แต่เขาถอยหลบอย่างอัตโนมัติจนเกือบจะตกบันได เด็กสาวคนนั้นเป็นคนคว้ามือเขาไว้และดึงเข้าหาตัว เธอซุกหน้าซบกับอ้อมอกของเขาทันที

    เฮ้ นี่เธอ...”

    ถึงเขาจะชอบสาวสวย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เลือกนะ แบบนี้ยังเด็กเกินไป ยังไงเขาก็มีจริยธรรมไม่คิดหลอกเด็กหรอกน่า!

    พี่คะ ช่วยหนูด้วย...ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยหนูที!” เด็กสาวน้ำตาคลอเบ้าจะหยดมิหยดแหล่ ท่าทางน่าสงสารเสียเหลือเกิน และแล้วทำนบน้ำตาก็พังทลาย หยาดน้ำตาเป็นสายพร่างพรูลงมาเหมือนสร้อยไข่มุกที่ขาดร่วงจะเก็บคืนมาก็ไม่ทันแล้ว

    หนูอยากให้ฉัน...ช่วยหนู? เจสันถามด้วยความฉงน

    ถ้าดูจากหน้าตาที่สะสวยกับสัดส่วนกำลังดีของเธอแล้ว โอกาสที่จะเจอคนชั่วไล่ตามตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย

    เพียงแต่...มีใครที่ไหนจะออกมาวิ่งเล่นในอาคารร้างคนเดียวอย่างเธอบ้าง

    แถมที่นี่ยังมีข่าวว่าเป็นโรงเรียนที่เกิดคดีคนหายตัวไปอย่างลึกลับด้วย

    ...เธอจะใจกล้าไปหน่อยมั้ง

    เขาจะฆ่าหนู...หนูอาจจะถูกเขาฆ่าตายก็ได้นะคะ! ขอร้องล่ะ ช่วยหนูด้วย! ฮือๆๆ...” เด็กสาวกอดเจสันแน่น เธอตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดผวา

    เสียงร้องไห้พาให้คนใจอ่อนอย่างเจสันลำบากใจ เขาลูบหลังไหล่ของเด็กสาว พยายามใช้ ความอบอุ่นอ่อนโยน ที่เขาแสนภาคภูมิใจปลอบประโลมให้สาวน้อยได้คลายความหวาดกลัว

    ได้จ้ะได้ ฉันต้องปกป้องหนูอยู่แล้ว หนูหยุดร้องไห้ก่อนได้ไหม

    “...จริงนะคะ

    สาวน้อยเงยหน้าขึ้น แพขนตาที่ชุ่มฉ่ำยิ่งทำให้เจสันนึกอยากจะปกป้องเธอขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

    จริงสิ ฉันรับรอง!” เจสันฉีกยิ้มกว้างพร้อมขยิบตาให้เธอก่อนจะถาม ไหนหนูเล่าให้ฉันฟังหน่อยซิ หนูถูกใครไล่ฆ่ามา

    ผีค่ะ! หนูถูกผีไล่ตามมา! หนูกลัวมากเลย มันน่ากลัวจริงๆ นะ...”

    ผี? เจสันเหลียวไปมองรอบด้านแต่ไม่ยักมีอะไรที่พอจะเรียกว่า ผี ได้เลย

    เด็กสาวซุกหน้าซบลงลึกกว่าเก่าเพื่อเรียกหาไออุ่นจากอ้อมกอดของเจสันอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว

    ใช่ค่ะ หนูกลัวเหลือเกิน...ถ้าหากมีพี่คอยปกป้อง หนูก็สบายใจ

    ถ้าเป็นเจสันในเวลาปกติแล้วมีสาวสวยมากอดเขาแบบนี้ล่ะก็ เขาคงจะเปรมไปแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม เจสันรู้สึกใจไม่ดีเลยจริงๆ

    เป็นเพราะเจ้าไนน์ทีนไนท์ตัวยุ่งนั่นหายหัวไปแท้ๆ ไหนจะสาวสวยที่โผล่มาแบบแปลกๆ นี่อีก นี่เขาควรจะผลักเธอไปให้พ้นอกดีไหมนะ

    เอ่อ...หนูรู้ไหมว่า ผี ตัวนั้น...รูปร่างลักษณะมันเป็นยังไง จะจับผู้ร้ายยังต้องรู้ก่อนเลยว่ารูปพรรณสัณฐานเป็นแบบไหน ถ้าจะจับผี...ก็ย่อมต้องรู้ก่อนว่ามันเป็น ผีบ้า อะไรกันแน่!

    เธอ...ตาของเธอปลิ้นออกมาเหมือนศพ ลิ้นยาวเฟื้อยกว่าตัวพี่อีกค่ะ แล้วก็ปาก ปากน่ากลัวมากเลย เหมือนถูกเข็มเป็นร้อยเป็นพันเล่มเย็บปิดเอาไว้ ผมของเธอ...คมกริบยิ่งกว่าใบมีดเสียอีก

    สองแขนของเด็กสาวโอบกอดเอวของเจสัน ไม่รู้ว่าเพราะกลัวสุดขีดหรืออะไรเธอถึงจิกเล็บข่วนหลังเขาเป็นรอยแผล

    โอ๊ย...หนู หนูปล่อยฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะช่วยคิดหาวิธีดีไหม เจสันแกะมือของเด็กสาวอย่างนุ่มนวลทั้งกระซิบบอกข้างหูอย่างละมุนละไมเพื่อพาตัวเองให้หลุดพ้นจาก การจู่โจม ของเด็กสาว

    แม่เว้ย!

    ผู้หญิงคนนี้เป็นกาละแมหรือไงเนี่ย

    เธอไม่รู้หรือไงนะว่าผู้ชายไม่ชอบให้ผู้หญิงมานัวเนียไม่ปล่อยแบบนี้

    นี่ถ้าเป็นไอ้โหดไร้หัวใจอย่างไนน์ทีนไนท์ล่ะก็นะ คงได้เตะยัยหนูนี่กระเด็นแล้วตามด่าตะเพิดซ้ำไปนานแล้ว

    เหอะๆ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เลย

    เหอะๆๆ...” คิดแล้วเจสันก็หัวเราะขำ

    พี่คะ

    ถ้าหากเป็นไนน์ทีนไนท์ล่ะก็นะ...เอ้ย!”

    แย่แล้ว เขาต้องรีบไปตามหาไนน์ทีนไนท์นี่นา ไม่มีเวลามาเอ้อระเหยอยู่ตรงนี้แล้ว

    งั้น หนู...เฮ้อ หนูชื่ออะไรนะ เรียกแต่หนูๆๆ ดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ เจสันถามอย่างสุภาพ ใจก็ยังคิดหาวิธีที่จะแกะมือเหนียวหนึบของเด็กสาวออกจากตัว

    ทว่าเด็กสาวไม่รู้เอาแรงมากมายมหาศาลมาจากไหน แค่นิ้วนิ้วเดียว เขายังแกะไม่ได้เลย!

    โชคยังดีที่เขามีปากเป็นต่อ ถ้าหากไปได้สวยล่ะก็ ปากของเขาคงพาให้ตัวเขารอดพ้นออกมาจากการเกาะกุมได้

    หนูชื่อฟางเพ่ยเฉิน เป็นนักเรียนชั้น ม.3 ของโรงเรียนนี้ค่ะ สาวน้อยตอบเสียงเนิบช้า

    งั้น...เพ่ยเฉิน หนูปล่อยฉะ...”

    เสียงของเจสันหยุดชะงักเหมือนกับสายไวโอลินที่ขาดผึง

    เขานิ่งอึ้งมองเด็กสาว สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้านจากตัวเธอและได้ยินเสียงสะอื้นที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

    ไหล่เล็กๆ ที่บอบบาง ใบหน้าสวยใสน่ารักและเสียงหวานๆ ของเธอ ต่อให้เป็นผู้ชายคนไหนก็ต้องบังเกิดความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอมเธอทั้งนั้น

    เจสันก็เป็นหนึ่งในผู้ชายเหล่านั้น แต่ความอยากปกป้องนี้มันมลายหายไปทันทีที่ได้ยินชื่อของเธอ

    ฟางเพ่ยเฉิน...

    เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ

    เธอ...เธอ...”

    เด็กสาวคลายวงแขนปล่อยเขาเป็นอิสระแล้ว แต่เธอกลับก้มหน้างุด และแล้วตัวเธอก็โยกแกว่งไปมา...

    ฮิๆๆ...ฮิๆๆๆ...”

    เจสันจับเอวของตัวเองทันที แต่ก็ต้องตกใจเพราะปืนคู่กายของเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขารีบเงยหน้ามองดูฟางเพ่ยเฉินก็เห็นเธอชูปืนสีทองขึ้นและขว้างมันออกไปยังที่ที่เขาไม่สามารถจะคว้าได้

    ไม่...”

    มันแพงมากเลยนะ!

    ถ้าหากตัวกระบอกสีถลอกขึ้นมา เขาต้องเสียค่าซ่อมเกือบจะเท่าเงินเดือนเดือนหนึ่งเลยนะนั่น โฮๆ...จนจะตายอยู่แล้ว...

    ฮิๆๆ...หวงฝู่เจวี๋ยเซิง นายร้อนรนมากเลยสินะที่หาคนคนนั้นไม่เจอ นายต้องเสียขวัญมากแน่ๆ...”

    ใคร ใครเสียขวัญฮะ ผีอย่างเธออย่ามาทำเป็นอวดรู้ใจชาวบ้านหน่อยเลย เฮอะ! ถึงจะไม่มีอาวุธแต่ฉันก็อัดเธอน่วมได้เหมือนกัน จะอัดที่เธอบังอาจมาทำให้ฉันเสียตังค์ไปซ่อมปืนใหม่ให้หายแค้นเลย...

    ฮิๆๆ...น่าเสียดายนะที่คู่หูของนายตายไปตั้งนานแล้ว ฉันเย็บแผลเหวอะๆ ของเขาให้ติดกันแน่น แต่ก็แล่เอาหนังของเขาออกมา รวมทั้งลูกตาสีม่วงแวววาวนั่นด้วย...”

    โกหก! ไนน์ทีนไนท์ไม่ถูกเธอ...”

    เจสันต้องหยุดค้างคำพูดของตัวเองไว้แค่นั้นเมื่อฟางเพ่ยเฉินหยิบวัตถุกลมๆ คล้ายลูกแก้วออกมาจากกระเป๋าเสื้อ น้ำเหนียวหนืดคล้ายกับน้ำตาที่เกาะติดอยู่บนนั้นเปรอะเลอะมือเธอ

    ดวงตาสีม่วงที่ปราศจากพลังชีวิตไร้ซึ่งแววใส มันนอนนิ่งอยู่ในมือฟางเพ่ยเฉิน

    นั่นคือนัยน์ตาดวงสวยที่ซ่อนแฝงความลึกลับของไนน์ทีนไนท์ แต่ตอนนี้มันกลับไม่ต่างอะไรกับขยะเน่าๆ ชิ้นหนึ่งเลย

    ฟางเพ่ยเฉินหัวเราะคิกคักแล้วบีบลูกตานั้นแรงๆ

    ไม่! อย่า...”

    เจสันแผดเสียงห้ามแต่ก็ไม่เป็นผล ดวงตาข้างนั้นถูกบีบเละอย่างไม่ปรานีปราศรัย เลือดที่น่าจะเป็นของไนน์ทีนไนท์ไหลรินลงสู่พื้นดินสกปรกแห้งผาก

    ฟางเพ่ยเฉินแบมือออกปล่อยให้เศษก้อนเนื้อที่เหลืออยู่หล่นไปที่พื้นจากนั้นก็เหยียบขยี้ลูกตาไม่ให้เหลือซาก ของสวยๆ มีแค่อันเดียวก็พอแล้ว...”

    อารมณ์โมโหแสดงชัดบนหน้าของเจสัน เขาไม่เคยคิดอยากฆ่าคนเท่าตอนนี้มาก่อนเลย ไม่ใช่สิ...ฆ่าผีต่างหาก!

    ชิ้นส่วนของไนน์ทีนไนท์ถูกกระทำย่ำยีต่อหน้าต่อตาเขา สองหมัดที่กำแน่นเจ็บไปหมดแล้ว แต่ใจของเขาเจ็บยิ่งกว่า

    เจสันโมโหจนรู้สึกเหมือนตัวทั้งตัวจะลุกเป็นไฟได้เลยทีเดียว ปากที่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าที่เดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงดูแล้วน่าตกใจเหลือเกิน

    ฮิๆๆ นายอยากฆ่าฉันเหรอ น่าเสียดายนะที่นายฆ่าฉันไม่ได้...”

    หุบปาก...”  

    ฮิๆๆ...ดูนี่สิ...ฉันจะทำให้นายกลายเป็นตุ๊กตาล้ำค่าที่สุดของฉัน เป็นทาสรับใช้ผู้ภักดี ดวงตาสวยๆ ของ...”

    หุบปาก! หุบปากเดี๋ยวนี้!! แก...โอ๊ย...”

    ขาของเจสันอ่อนแรงขึ้นมาทันใด พลังโกรธที่รวบรวมขึ้นมาเมื่อกี้พลันดับสลายไปในพริบตา เขานึกแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ เรี่ยวแรงของตัวเองถึงหายไปหมด แม้แต่จะกำมือยังยากเย็นเลย

    เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึง...อ๊าก! เมื่อกี้แก...” เขานึกขึ้นได้แล้วว่าฟางเพ่ยเฉินอาศัยช่วงที่กอดเขาเมื่อกี้แอบข่วนหลังเขาจนเป็นแผล หรือว่า...

    บิงโก! ยาพิษชนิดนี้จะค่อยๆ แทรกซึมไปทั่วร่างกาย ทำให้ชีพจรหยุดเต้น ทำลายระบบอวัยวะข้างในจนหมด ทั้งยังฉีกเส้นเลือดในร่างกายของนายด้วย...ฮิๆๆๆ...”

    ไอ้...ไอ้บ้าเอ๊ย! มันจะเป็นไปได้ยังไง...”

    หน้าของเจสันซีดเผือด เขาเริ่มรู้สึกว่าลมในคืนนี้ช่างหนาวเหลือเกิน ยาพิษที่อยู่ในตัวเหมือนงูพิษที่ไหลเลื้อยแทรกไปตามส่วนต่างๆ รอคอยสิ่งเร้าบางอย่างและเวลาที่เหมาะสมปะทุระเบิดออกมา...

    ฟางเพ่ยเฉินหัวเราะไม่หยุดและเริ่มกลายร่างไป

    แขนทั้งสองของเธอฉีกแยกออกมาจากไหล่ เนื้อขาถูกลมซัดแซะหลุดร่วงออกมาทีละชิ้นๆ จนเหลือแต่กระดูกขาวๆ จนไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้ กระดูกที่ทานน้ำหนักไม่ไหวก็แตกหักไปในพริบตา

    ช่องท้องของเด็กสาวแหวกออกเป็นแนวตรง ตับไตไส้พุง เลือดและของเสียหล่นเผละลงมากองอยู่ที่พื้น ทันใดนั้นลำตัวของเธอไล่ไปจนถึงคอก็ฉีกออกจากกันจนเหลือเพียงส่วนหัว ทว่าฟางเพ่ยเฉินไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เธอกลับกรีดเสียงหัวเราะเสียด้วยซ้ำ ดวงตาดุร้ายของเธอจ้องมองเขม็งมายังเจสันราวกับโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน ใบหน้าที่เคยสวยใสกลายเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยมสยองขวัญในทันที

    เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดบนหน้าอาบเลอะไปทั่วหัวหูของเธอ ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นจ้องถมึงมองเจสันอย่างกับว่าเขาเป็นคนที่พรากเอาชีวิตของเธอไป ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเมื่อกี้ก็กลายเป็นอ่างเลือดเอ่อล้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ในปากของเธอนั้นมีมือเล็กๆ หลายต่อหลายคู่ตะเกียกตะกายพลางส่งเสียงยานคางก้องไปในอากาศว่า หิวจังเลย ฉันอยากกิน

    เจ้าตุ๊กตาแสนดี แม่จะเอาเนื้อคนสดๆ มาป้อนพวกเจ้ากินให้อิ่มเลยนะ จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ...ฮิๆๆๆ...”

    กะโหลกของเด็กสาวกลิ้งอยู่บนพื้น มันใกล้เข้ามาแล้ว มันใกล้เข้ามาทุกที ขณะเดียวกันดวงตาคู่นั้นก็เหลือกจ้องเจสันไม่ละสายตาไปไหนเลย

    และแล้วตุ๊กตาจำนวนมากที่ซ่อนเร้นแฝงกายอยู่ในอาคารร้างพิสดารแห่งนี้ก็ส่งเสียงงอแงแบบเด็กๆ ร้องระงม เจสันผู้ที่ร่างกายอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงรู้สึกสมเพชตัวเองเป็นครั้งแรกที่มาหมดสภาพแบบนี้ มันน่าขำชะมัดเลย...

    เพราะถูกพิษเล่นงานขณะไม่ทันตั้งตัว เจสันเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่ผิวหนัง เส้นเลือดดำเต้นตุบๆ รุนแรงเหมือนกับจะระเบิดเสียให้ได้สร้างความเจ็บปวดให้เขามากมาย ตัวเขาสั่นเทายืนไม่อยู่ต้องคุกเข่าลงกับพื้น สองมือค้ำยันไม่ให้หน้าคะมำพลางกำเศษทรายบนพื้นแน่น เหงื่อเม็ดโตหยดย้อยจากหน้าผากไหลเข้าตาจนแสบพร่า...เขาอยากฆ่าคนเหลือเกิน

    ฮิๆๆ อย่าดิ้นรนไปเลย เลือดเนื้อของนายทุกอณูเป็นของฉันหมดแล้ว...”

    หุบ...ปาก...นัง...ผี...ทุเรศ!” ยาพิษเหมือนระเบิดเวลาไหลไปไหลมาอยู่ในตัวเจสัน ถ้าบอกว่าพละกำลังของเขา ลดฮวบ ลงไป อาจจะฟังดูเบาเกินไปด้วยซ้ำ

    นายปากดีได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ พอฉันทำให้นายกลายเป็นตุ๊กตา SD แสนสวยแล้ว ปากของนายก็จะพูดไม่ได้อีก ฮิๆๆ...”

    เมื่อฟางเพ่ยเฉินพูดจบ พื้นดินที่เขานั่งอยู่ก็สั่นสะเทือนรุนแรงปานประหนึ่งแผ่นดินไหวระดับเจ็ดริกเตอร์

    เจสันที่ลำพังทรงตัวในภาวะปกติยังเอาตัวไม่รอด ถึงตอนนี้เขาก็โคลงไปคลอนมาจนเซถลาไปชนกำแพง ฝุ่นควันลอยฟุ้งโจมตีเจสันให้แย่หนักกว่าเก่า

    แค่กๆๆ เจสันรู้สึกแน่นๆ ในอกจึงไอออกมา แต่กลับมีเลือดออกมาด้วย

    เลือดแดงสดๆ กระเด็นออกมาและเปื้อนตรงมุมปากของเขา

    อ้า...สีสวยจัง สวยกว่าดอกกุหลาบสีแดงซะอีก มันยิ่งทำให้ฉันอยากดูดเลือดที่ออกมาจากตัวนายให้เกลี้ยงเลย...”

    ฟางเพ่ยเฉินยืดลิ้นที่ชุ่มเลือดสีเขียวคล้ำออกมาโลมไล้ที่หน้าเจสัน จากนั้นก็เลียเลือดข้นๆ ตรงริมฝีปากของเขาพร้อมกับฉีกยิ้มพอใจเต็มที่

    อย่ามาโดนตัวฉัน ยัยปีศาจน่าเกลียด! โอ๊ย...” ลิ้นอันนั้นพันรัดคอของเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

    ผู้ชายปากมาก ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะชำแหละปากของนาย จะตัดลิ้นนายออก ฮิๆๆ...ฮ่าๆๆๆ...”

    มือที่มีแต่กระดูกขาวโพลนจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาจากพื้น พวกมันรวมพลังกันจับยึดขาของเจสันพยายามลากเขาไปทีละนิ้วทีละคืบ

    อ๊ากกก...ไม่...” ตัวของเขาแทบจะแยกออกจากกัน แขนขาถูกดึงทึ้งจนเจ็บแสบไปหมด แผ่นหลังครูดไปกับพื้นยางมะตอยเรื่อยไปจนจ่อมลงดินโคลนเฉอะแฉะ หัวใจของเขาก็ปวดหนึบรุนแรงแม้แต่หายใจยังยากลำบาก

    ไม่...”

    เสียงหัวเราะแหลมเล็กก้องสะท้อนไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน มือผีสิงนับร้อยค่อยๆ เคลื่อนกลับสู่โลกใต้ดิน ส่วนเจสันนั้น...ก็หายไปจากพื้นดินที่ว่างเปล่านี้เช่นกัน

     

    ณ ที่แห่งหนึ่งซึ่งรอบด้านมีแต่ความมืดมิด ที่ซึ่งกางนิ้วของตัวเองออกดูก็ยังมองไม่เห็นอะไร เจสันคลำหาของบางอย่างจนเหงื่อชุ่มหลังไปหมด แต่ไม่ว่าจะหามันยังไงก็หาไม่เจอสักที เขาค่อนข้างกระวนกระวายร้อนใจมากเลยทีเดียว...

    เขากำลังหาอะไรอยู่

    เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

    อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาล่ะ

    ครอบครัว มิตรภาพ ความรัก?

    ไม่! ไม่ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ...

    เพราะเขาไม่เคยมีสิ่งพวกนั้นเลย และไม่มีทางจะมีด้วย

    เขาจำได้ว่าตอนหกขวบ พ่อแม่ทิ้งเขาไว้ในห้องใต้หลังคาที่ไม่อาจเห็นเดือนเห็นตะวัน และใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นเป็นสิบปี

    เขาไม่เคยนึกเคืองแค้น ขอเพียงแค่มีชีวิตรอด ถึงมันจะขมขื่นไปสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไร

    เขาคือลูกที่พ่อแม่เรียกว่า ปีศาจ เพราะเขาดันมองเห็น ภูตผี ในอีกโลกหนึ่งได้ แถมยัง เชิญชวนพวกมันให้มาหาได้อีกด้วย...

    ในโลกนี้มีของสิ่งหนึ่งที่เขาหวงแหนมากที่สุดอยู่บ้างเหมือนกัน นั่นก็คือรูปภาพเก่าๆ สีซีดเหลืองใบหนึ่ง เป็นภาพถ่ายครอบครัวใบแรกและใบสุดท้ายของเขา...

    รูปภาพ...ใช่แล้ว ฉันวางไว้ไหนนะ เจสันพยายามควานหาของหวงของตัวเองท่ามกลางความมืด ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ปรากฏพงหนามเขียวๆ มากมายมาขวางทางเขาไว้

    เขาแหวกป่าหนามนั้นเข้าไปโดยไม่ยั้งคิด เนื้อตัวจึงเกิดเป็นรอยขูดข่วนเลือดไหลซิบ ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าหล่อๆ ของเขา

    เลือดที่เขาคุ้นเคยไหลหยดติ๋งๆ ลงบนพื้น เจสันอดทนต่อความเจ็บแสบผิวหนังที่เพิ่มทวีขึ้นยืนหยัดเดินย่ำบนรอยเลือดของตัวเองต่อไป

    อยู่ที่ไหน...อยู่ไหน...”

    และแล้วเจสันก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างเจ็บปวดใจ ฝ่ามือของเขาถูกหนามเกี่ยวตำลึกเนื้อเปิดเปิงแต่เขาก็มองมันอย่างเฉยๆ เพราะความเจ็บข้างในใจมันมากมายจนสัมผัสแห่งความเจ็บปวดด้านชาไปหมดแล้ว...

    ‘...แกมันเป็นปีศาจที่ทำให้ตระกูลเจวี๋ยเซิงของเราเสื่อมเสีย ฉันคลอดกากเดนอย่างแกออกมาได้ยังไงนะ...ทำไมไม่ตายไปให้พ้นๆ...ทำไมแกไม่ตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไป!’

    เสียงของแม่เขาดังก้องในหัว

    เขาฟังประโยคนี้มาเป็นหมื่นเป็นแสนรอบจนชินชาและยิ่งไม่รู้สึกน้อยใจอะไรแล้ว...

    ‘...ไอ้รกโลก! ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก แกมันขยะที่ไม่ควรอยู่ในโลกใบนี้ ไสหัวขึ้นไปข้างบนเลยนะ ถ้าแกกล้าลงมาฉันจะหวดขาแกให้ลายเลย!’

    และนี่ก็เป็นเสียงตวาดของพ่อเขาเอง เขาฟังจนเบื่อและร้องไห้จนพอไปนานแล้ว!

    น้ำตา...

    กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น เพราะมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย

    เหอะๆ ชีวิตของฉัน...เหมือนจะมีแต่เรื่องเศร้าแฮะ...”

    เจสันยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง

    เขาคงจะเป็นหวัดเข้าแล้วล่ะ ทำไมถึงรู้สึกแสบๆ ในคอนะ น้ำลายขมไปหมด แม้แต่ตายังปวดจนน้ำตาไหลออกมาเลยเหรอ

    เฮอะ...เขาต้องไม่สบายแน่ๆ ต้องเสียเงินไปหาหมออีกแล้วสิเนี่ย...

    ‘...ไม่ได้เรื่องเลย!’

    เสียงคุ้นหูดังก้องในโสตประสาทของเจสัน เขาลืมตาขึ้นทันที ดอกลาเวนเดอร์สีม่วงบานสะพรั่งเต็มทุ่ง พวกมันกำลังเอนไหวไปตามสายลมอย่างสวยงาม

    “...ใคร เขาลุกพรวดขึ้น กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ปลอบประโลมใจที่เหนื่อยล้าของเขา

    ‘...ขนาดอาวุธสำคัญของตัวเองยังทำหายแล้วยังจะมีหน้ามาพูดว่าเป็นนักฆ่าชั้นหนึ่งอีก อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง

    นาย นายพูดอะไร!? นายมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้!” เจสันตะโกนขึ้นฟ้าอย่างเกรี้ยวกราด คนที่อบอุ่นอ่อนโยนมาตลอดอย่างเขาก็มีวันโกรธเป็นเหมือนกัน

    ‘...เห็นหน้าโง่ๆ ของนายแล้ว ฉันอยากจะตั๊นซักทีจริงๆ แต่เสียดาย ฉันทำไม่ได้อีกแล้ว...’

    เสียงที่ดังสะท้อนอยู่ในอากาศค่อยๆ แผ่วเบาลง ลาเวนเดอร์ดอกแล้วดอกเล่าปลิดปลิวฟุ้งกระจายไปกับสายลม

    เจสันยื่นมือคว้ากลีบดอกไม้ที่ยังคงได้กลิ่นอยู่เพียงกลีบเดียว จากนั้นความทรงจำของเขาก็ย้อนคืนมาทันที...

    “...ไนน์ทีน...ไนท์?

    ไอร้อนจากมือเจสันทำให้กลีบดอกไม้สลายไป เขาได้แต่มองความเลื่อนลอยลอยว่างเปล่าตรงหน้าอย่างนิ่งอึ้ง ทุ่งดอกไม้สีม่วงค่อยๆ กลายเปลี่ยนเป็นดวงตาสีม่วงที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แล้วพวกมันก็ทยอยระเบิดตัวเองไปทีละดวงๆ...

    ไม่...อย่า! ไนน์ทีนไนท์...”

    เขานึกออกแล้ว!

    เขาออกมาปฏิบัติภารกิจแล้วก็ถูกปีศาจทำร้าย แต่เขา...ต้องหาไนน์ทีนไนท์ให้เจอ!

    อ๊ากกกก...”

    เจสันแหงนหน้าตะโกนก้อง เสียงแห่งความโกรธแค้นสะเทือนสะท้านผืนฟ้าที่มืดมิด...

    “...คุณ...ตื่นเร็วเข้า!”

    อะไร!? โอ๊ย เจ็บ...”

    เจสันตะกายลุกขึ้นพรวด แต่เพดานต่ำเกินไป หัวเขาเลยโขกโนเป็นลูกซาลาเปา ต้องกลับลงไปนั่งลูบแผลป้อยๆ

    ...หือ ทำไมมีกลิ่นฟางข้าวด้วย

    ที่นี่...คือที่ไหน เจสันสำรวจมองไปรอบตัว เขาถูกโซ่ตรวนล่ามมือเท้าเหมือนเป็นนักโทษ และเมื่อดูจากสภาพตอนนี้ เขาก็เหมือนถูกขังอยู่ในคุกที่ไหนซักที่หนึ่ง

    ถูกต้อง! มันเหมือนคุกในสมัยโบราณ

    ที่นี่เป็นคุกใต้ดิน พวกเราถูกจับมาขัง

    อ้อ! นาย นายเป็นใคร!? ทำไมมาอยู่ในนี้ได้ แล้วนายจะทำอะไรฉัน

    เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน เจสันเลยกอดอกตัวเองและถอยห่างมาในระยะปลอดภัย เอ้อ...ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนนี่นา...

    เด็กหนุ่มเหลือกตาเซ็งแล้วจึงถอนใจก่อนอธิบาย ผมชื่อหลินอี้ฉวน เป็นคนที่ถูก เธอ จับมาที่นี่เหมือนๆ กับคุณนั่นแหละ ผมน่ะไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว จะมีแรงไปทำอะไรคุณได้!”

    ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สนใจผู้ชายด้วยกันหรอกน่า แถมเป็นคนที่หน้าตาโง่ๆ เซ่อๆ ห่างจากคำว่าปัญญาอ่อนนิดเดียวอย่างคุณน้านี้ด้วยแล้ว...เฮ้อ...

    นาย...นายหมายความว่า...พวกเรา...”

    พอเห็นอีกฝ่ายตอบสนองเชื่องช้าเป็นเต่า หลินอี้ฉวนเลยอธิบายซ้ำอีกรอบชนิดชัดถ้อยชัดคำ เจ้าผู้ใหญ่ตัวโตท่าทาง บ้องตื้น จะได้เข้าใจสภาพของตัวเองซักที

    พวกเราถูกฮ่วนเอ๋อร์จับมา! ผมว่าคุณก็คงถูกยาพิษเข้าไปเหมือนกัน เราเหลือเวลาแค่หกชั่วโมงก็ต้องลาโลกแล้ว!” หลินอี้ฉวนทุบหมัดลงกับพื้นระบายความอัดอั้นหวาดกลัวของตัวเอง

    เอ่อ...แล้วทำไมเธอถึง...” มาอยู่ตรงนี้ได้... เจสันแค่คิดคำถามขึ้นในใจ

    แต่ดูเหมือนหลินอี้ฉวนจะเดาความคิดเขาออก ก็เลยคอตกก่อนจะพูดอย่างสิ้นหวัง ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจียงฮ่วนเอ๋อร์ แต่เผอิญไปเห็นเธอกำลังฆ่าคนเลยถูกจับมาไว้ที่นี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงยังไม่ฆ่าผมซักที แต่ผมบอกคุณได้เลยว่า รายต่อไปที่เธอจะฆ่าก็คือ...คุณ!”

     

    หลินอี้ฉวนเป็นนักเรียนชั้น ม. 3/1 ของโรงเรียนกวงหมิงเหมือนกัน

    ด้วยความที่เขาเป็นเด็กหนุ่มเรียบร้อยเรียนดี หน้าตาก็ดี แถมยังเป็นหัวหน้าทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนก็เลยเป็นหนุ่ม ป็อป ประจำโรงเรียนที่มีแฟนคลับสาวๆ ตามกรี๊ดมากมาย

    แต่ว่าหมอนี่ออกจะปอดแหก ปัดความรับผิดชอบและโรคจิตหน่อยๆ เพราะเคยมีประวัติแอบขโมยเครื่องเขียนตามร้านหนังสือ

    จู่ๆ เจสันก็นึกขึ้นได้ว่าเคยอ่านเจอข้อมูลของหลินอี้ฉวนในแฟ้มคดี

    เหอะๆๆ เขาภาคภูมิใจในความจำชั้นเลิศของตัวเองจริงๆ เลย!

    ขอโทษนะครับ...หน้าของผมมีอะไรเหรอ หลินอี้ฉวนกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อถูกสายตาเฉียบคมของเจสันจ้องเอาๆ

    เวลานาย...แอบขโมยของ นายรู้สึกยังไงเหรอ เจสันอยากรู้จริงๆ ว่า พวกหัวขโมย รู้สึกสนุกยังไงเวลาก่อเหตุ

    เขาไม่คิดเลยว่าคนที่ถูกถามจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบไหน ก็สมองของเขาคิดไม่ถึงขั้นนั้นนี่นะ

    คุณ... คุณรู้ได้ยังไง! ไม่ ผม...ผมเปล่า...” หลินอี้ฉวนละล่ำละลัก เขาเบิกตาโตเมื่อรู้ว่ามีคนรู้เรื่องความผิดที่เขาไม่อยากให้ใครขุดคุ้ย

    เธอขโมยอะไรนะ สมุดโน้ตหรือว่าหนัง...” เจสันยังพูดไม่ทันจบ หลินอี้ฉวนก็ตวาดเสียงเกรี้ยวกราดทำให้เขาตกใจถอยตัวไปชิดกำแพง ได้แต่มองเด็กหนุ่มตาปริบๆ

    อ๊ากกกก...” หลินอี้ฉวนเปลี่ยนท่าทางเป็นดุร้าย เขาจ้องเจสันอย่างโมโห สองมือกำหมัดแน่น

    เธอไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ ฉันก็แค่อยากรู้...เฮ้ย...”

    หลินอี้ฉวนไม่ฟังคำอธิบาย เขากระโจนใส่เจสันทันที ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดตรงขมับปูดโปนออกมา ฟันขบกันจนตึงเกร็งไปทั่วทั้งกรามและลำคอ หน้าตาท่าทางของเขาแสดงชัดถึงอารมณ์เดือดพล่าน ไอ้เลวเอ๊ย! แกจะบอกอาจารย์ใช่ไหม!? บอกพ่อแม่ บอกเพื่อน บอกคนทั้งโลกให้ฉันขายหน้าใช่หรือเปล่า ไม่มีวัน...ฉันไม่ให้แกบอกหรอก!”

    เฮ้...ปล่อยก่อน...แค่กๆ

    หลินอี้ฉวนแรงเยอะเหลือเกิน เจสันพยายามดันตัวเขาออกแต่ไม่เป็นผล

    ขณะที่เจสันกำลังจะขาดอากาศหายใจ สมองของเขาก็คิดขึ้นได้ว่า...

    เขาไม่อยากตาย และเขาตายไม่ได้ด้วย!

    เขาคิดจะดึงพลังของเถี่ยเยี่ยนออกมารับมือกับการจู่โจมนี้ แต่การเรียกพลังปีศาจขึ้นมาก็ต้องใช้พลังมากเหมือนกัน ดูท่าทั้งวันก็เรียกมาไม่ได้...

    แค่กๆ...โอ๊ย...แค่กๆๆ!”

    นี่ นี่มันอะไรกัน!?” หลินอี้ฉวนปล่อยมือจากคอเจสันทันใด ดวงตาผงะจ้องของเหนียวข้นที่ร่วงหล่นลงพื้น แล้วใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด

    เจสันรู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าในท้องของเขาปั่นป่วนแปลกๆ มันร้อนวูบวาบอยู่ในทางเดินอาหารและค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจนถึงคอ

    วัตถุบางอย่างคืบคลานขึ้นมาจุกอยู่ที่คอก่อน เมื่อเขาทนไม่ไหว และด้วยเพราะกลัวมันจะย้อนกลับไปในทางเดินหายใจ เขาจึงตัดสินใจคายมันออกมา เขาถึงได้เห็นว่าพวกมันคือหนอนไส้เดือนสีเขียวยั้วเยี้ยน่าขยะแขยงนั่นเอง

    หนอนตัวเขื่องตัวหนึ่งดิ้นพราดอยู่บนพื้นต่อหน้าสายตาของชายทั้งสอง นอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นแล้วตัวของมันยังชุ่มน้ำลายของเจสันด้วย

    ฮิๆๆ...มันคือหนอนยังไงล่ะ! ไข่หนอนน่ารักๆ เป็นแสนเป็นล้านฟองกำลังฟักอยู่ในตัวนาย เตรียมชอนไชไปทั่วร่างแล้วก็มุดออกมาจากผิวของนายทุกรูขุมขนเพื่อมาสูดอากาศภายนอก...”

    ไอ้ชั่ว...” เจสันทำท่าจะอ้วก เขาขยะแขยง สิ่ง ที่เพิ่งผ่านพ้นคอของตัวเองออกมาอย่างที่สุด ใบหน้าของเขาเริ่มเขียวคล้ำจ้องมองหนอนตัวใหญ่เท่าแขนกระดึ๊บอยู่บนพื้น

    อ๊ากกก...ไม่! อย่าเข้ามานะ...”

    จู่ๆ หลินอี้ฉวนก็ร้องตะโกนขึ้นมา เจสันหันไปมองทางเขา แต่ใครจะคิดว่าต้องมาเห็นภาพที่ชวนให้เจสันอยากจะหาโถส้วมเพื่ออ้วกออกมาให้หมดไส้หมดพุงกันไปเลย!

    ตามเนื้อตัวของหลินอี้ฉวนเกิดเป็นโพรงขนาดเท่าเหรียญห้าปอนด์เต็มไปหมด มันเป็นที่ที่หนอนตัวเขียวมีเมือกข้นจำนวนมากไต่คลานออกมาพลางส่งเสียงซี้ดๆ

    หนอนทุกตัวกำลังอ้าปากใช้เขี้ยวฟันกัดแทะผิวหนังของหลินอี้ฉวนเป็นร่องรู บ้างก็ไชเข้าไปในปากของเขา พวกมันวนเวียนยั้วเยี้ยไม่ยอมหยุด

    ไม่...ไม่เอา!! ค่อกๆ...”

    หลินอี้ฉวนคุกเข่าสำรอกออกมาอย่างทรมาน หนอนนับหมื่นโจมตีหลอดอาหารและหลอดลมของเขา

    เขาหายใจอย่างยากลำบาก โพรงแผลตามตัวก็สร้างความปวดแสบให้กับเขาไม่น้อย ทั้งยังดึงดูดหนอนแมลงจากภายนอกให้ตามมาไต่ตอมตัวเขาด้วย

    ไม่เอา! ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย!” หลินอี้ฉวนดึงโซ่ล่ามของตัวเองอย่างบ้าคลั่งพลางทุบตีแมงมุม กิ้งกือ ตะขาบ รวมไปถึงงูเงี้ยวเขี้ยวขออีกมากมายที่ไม่รู้จักชื่อ เขาเสียสติไปแล้ว

    และแล้วเขาก็คว้าท่อนไม้ท่อนหนึ่งข้างๆ ตัวขึ้นมาตีตัวเองโดยไม่สนเลยว่าที่ปลายนั้นจะมีตะปูแหลมๆ ติดอยู่และไม่สนใจด้วยว่าจะเป็นไม้ขนาดแค่ไหน ร่างกายของเขาจึงเกิดเป็นแผลเหวอะหวะโชกเลือดดูน่ากลัว

    ภาพตรงหน้าเจสันไม่ต่างจากขุมนรกเลย เด็กหนุ่มคนหนึ่งทำร้ายตัวเองด้วยความคลุ้มคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ ร่างกายยับเยิน ฟางที่ปูพื้นเปื้อนเลือดสีแดงสด ความสยดสยองของเด็กคนนี้ทำให้เจสันไม่อยากเชื่อว่านี่คือ คน จริงๆ

    พอได้แล้ว! อี้ฉวน เดี๋ยวก็ตายหรอก!” เจสันพุ่งเข้าไปกอดห้ามเด็กหนุ่มไว้โดยไม่สนใจตัวเองเลย

    ก็อย่างที่คิด หลินอี้ฉวนไม่เพียงแต่ไม่ยอมหยุด ซ้ำยังพุ่งเป้ามาทางเจสันเสียอีก

    เพราะเขา...

    ทุกอย่างเป็นเพราะผู้ชายคนนี้!

    ถ้าหากไม่มีเขา บางทีตัวเองอาจจะไม่ต้องตายก็ได้!!

    ว้ากกก...!” หลินอี้ฉวนคว้าหินก้อนหนึ่งขึ้นมาทุบหัวเจสันอย่างจัง

    เฮ้ย หยุด...นายบ้าไปแล้ว!”

    ผมยาวเรี่ยบ่าของเจสันเปื้อนเลือดเป็นวงกว้าง ของเหลวอุ่นๆ ไหลรินลงมาตามแก้มของเขา เขาลุกขึ้นด้วยอาการมึนหัว ภาพที่หมุนคว้างทำให้เขามึนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่

    เขาอยากสลบไปเลยจริงๆ บางทีเขาอาจจะไม่รู้สึกทรมานแบบนี้ก็ได้

    ฮิๆๆ หลินอี้ฉวน...นายใจร้อนเกินไปนะ นายฆ่าผู้ชายคนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก

    นังผีบ้านั่นมาอีกแล้ว!

    เจสันแข็งใจเกาะลูกกรงพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้ม ก่อนจะแผดเสียงแหบพร่าออกไป หุบปากไปเลย อย่ามากวนประสาทฉันอีก!”

    เอาอย่างนี้ดีกว่า เรามาเล่นเกมกันหน่อยละกัน พวกนายสองคน ถ้าใครสามารถหายาถอนพิษได้ก่อน ฉันก็จะปล่อยคนคนนั้นไป โดยไม่มีข้อแม้อีก ว่ายังไงล่ะ...”

    เฮอะ...เธอคิดว่าคำพูดของเธอมันน่าเชื่อถือหรือไง

    ทว่าคนที่ผ่านโลกมาน้อยกว่าเจสันอย่างหลินอี้ฉวนกลับยื่นมือออกไปนอกกรงและทำท่าไขว่คว้าอะไรบางอย่างที่ไร้ตัวตน ฉันตกลง! เกมอะไรฉันก็เอาทั้งนั้นแหละ ขอแค่เจอยาถอนพิษเถอะ...ฉันไม่อยากตาย! ฉันไม่อยากตาย...”

    อี้ฉวน อย่าไปหลงกลมันสิ!”

    ในเมื่อพวกนายตกลง เกมก็จะเริ่มเลยนะ...”

    ฉันไม่เล่นด้วยหรอก! ไม่ตกลง...” เจสันตะโกนออกไปข้างนอก สัญชาตญาณบอกเขาว่าเกมนี้จะยิ่งพาให้เขาตายเร็วขึ้น

    ในคุกนี้มียาถอนพิษอยู่สองขวด ขอแค่พวกนายหามันเจอก็มีทางรอด ฮิๆๆๆ

    เจสันเพ่งมองกริชสีเงินที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาตรงพื้น แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ของที่จะช่วยเขาได้แน่ๆ

    อยู่ที่ไหนล่ะ! ยาถอนพิษอยู่ที่ไหน!” หลินอี้ฉวนฉวยหยิบกริชขึ้นมาพลางร้องถามอย่างกระตือรือร้น สีหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มประหลาดขึ้นมาทันใด

    ในหัวใจของพวกนายมียาถอนพิษอยู่คนละขวด พวกนายก็แค่ฆ่ากัน ถ้าอีกฝ่ายตาย...คนที่ชนะก็จะได้รอดออกไปจากที่นี่...ฮิๆๆ...”

    ฆ่า...อีกฝ่าย?” ท่าทางของหลินอี้ฉวนเหมือนปีศาจร้ายกระหายเลือดจริงๆ เขามองคมกริชวาววับในมือพร้อมกับแสยะยิ้มเหี้ยม

    มันโกหกนาย! อย่าไปเชื่อมันนะ!”

    เธอไม่ได้หลอกฉันหรอก! ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่อยากตาย เพราะฉะนั้น...นายตายซะเถอะ...นายรีบตายๆ ไปซะ!!”

    เฮ้ย เดี๋ยว! อี้ฉวน ฉันไม่อยากเป็นคู่ต่อสู้นายนะ...”

    ‘...ฉันคลอดตัวประหลาดนี่ออกมาได้ยังไง...ทำไมไม่ตายไปให้พ้นๆ ทำไม...ทำให้มันตายไปซะที!’

    หลินอี้ฉวนตะโกนคำพูดของแม่เจสันออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจสันปิดหูตัวเองไม่ยอมให้ปมด้อยในใจมาทำลายสติของตัวเองในตอนนี้

    หลินอี้ฉวนกวัดแกว่งกริชเข้าใส่เจสันอย่างคลุ้มคลั่ง เจสันซึ่งเคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้วสามารถหลบหลีกเด็กหนุ่มได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว เขาเดาจังหวะโจมตีของอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำ

    ทว่าก่อนหน้านี้ ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยแถมถูกพิษเข้าไปอีก ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ ไม่ใช่เทวดาหรือภูตผีปีศาจเสียหน่อย แล้วยังอาการเสียเลือดมากที่ทำให้เขาอ่อนแรงอย่างรวดเร็วอีก

    เสียงขวับตวัดถูกเจสัน ทำให้แก้มก็เกิดเป็นแผลลึกยาวเกือบจะโดนตาขวาของเขา

    ฮ่าๆๆ ฉันจะชนะแล้ว! ฉันต้องฆ่านายให้ได้!” หลินอี้ฉวนเงยหน้าหัวเราะไร้สติ ใบหน้าดุดันเหี้ยมเกรียมไม่เหลือเค้าของเด็กเรียบร้อยเรียนดีเลย

    เสียงแกร็กๆ ดังขึ้น โซ่ตรวนที่ล่ามคนทั้งสองไว้ปลดล็อกออกได้เอง จากนั้นก็มีเสียงปีศาจสาวดังลอยมา

    วิ่งเลย...ฆ่าเลย...ฆ่าอีกฝ่ายได้ก็จะเป็นผู้ชนะ...ผู้ชนะถึงจะมีสิทธิ์ครอบครองยาถอนพิษ...ฮิๆๆ... ฮิๆๆ

    เสียงหัวเราะนับร้อยเสียงดังแหลมแทรกผ่านอากาศมาจากทั่วทิศ ตุ๊กตานับร้อยตัวพลันโผล่หัวออกมาจากผนังกำแพง พวกมันแสยะปากกรีดเสียงดูแล้วน่าขนลุกสิ้นดี

    หนอนตัวอวบอ้วนยังคงคืบคลานอยู่ตรงปลายเท้าเจสัน เขาจ้องมองกริชอีกเล่มบนพื้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มนุษยธรรมกับความอยู่รอดต่อสู้กันเองอยู่ภายในใจไม่รู้จบ...

     

    เจสันตัวปลอมยังคงเลียเลือดของไนน์ทีนไนท์บนพื้นด้วยความหิวกระหาย เลือดสดๆ เย็นฉ่ำชื่นใจจนทำให้มันไม่อยากละจากไปไหน

    นายสวยจริงๆ เลย...ฉันไม่ได้อยากกินเลือดใครจนหมดเกลี้ยงอย่างนี้มานานแล้ว...”

    มือของเจสันลูบไล้แก้มของไนน์ทีนไนท์ที่ยังคงสีชมพูระเรื่อแม้ว่าจะตายไปแล้วอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของมันระบายยิ้มร้ายกาจ

    ทันใดนั้น ใบหน้าของไนน์ทีนไนท์ก็เริ่มย่น ร่างที่ถูกเลื่อยชำแหละก็ค่อยๆ หดลงเช่นกัน เลือดที่ไหลนองเต็มพื้นไหลย้อนกลับมารวมที่จุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็วจนหายไปหมดภายในพริบตาเดียว

    นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?” เจสันตัวปลอมมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

    นาย...ฆ่าเทพผู้ชี้ธรรมไปล่ะมั้ง

    อะไรนะ!? โอ๊ย...”

    กระดูกสันหลังของเจสันตัวปลอมแทบจะขาดเป็นสองท่อน พลังมหาศาลทางด้านหลังล้มร่างของเขาแนบติดพื้น ของเหลวข้นสีเขียวไหลออกมาจากปาก ศพไนน์ทีนไนท์ตรงหน้ากลายเป็นเพียงกระดาษยันต์แผ่นหนึ่ง

    แก นี่แกหลอกฉัน!? อ๊ากกก...”

    ไนน์ทีนไนท์กระทืบลงไปที่หลังเจสัน พลังขาของเขาแข็งแกร่งมาก นี่ถ้าเขาคิดจะกระทืบวัวให้ตายก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย

    ทำไม พอถูกยันต์ปั่นหัวก็เลยไม่พอใจงั้นเหรอไนน์ทีนไนท์พูดเสียงเยือกเย็นพลางกระทืบซ้ำรอยฟันตรงกลางหลังของอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี เหมือนกำลังเพลินไปกับเสียงร้องโหยหวน

    แก... แกมันสมควรตาย แกไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้...โอ๊ยยย...”

    ไนน์ทีนไนท์บิดแขนของเจสันไปด้านหลัง ทำให้คนที่กองอยู่บนพื้นร้องครวญอย่างเจ็บปวด

    ฉันควรหรือไม่ควรมีชีวิตต้องให้แกเป็นคนบอกหรือไง ทำให้ฉันเปลืองยันต์ไปตั้งใบหนึ่ง ชีวิตอุบาทว์ของแกต่อให้มีเป็นล้านชีวิตก็ชดใช้ไม่พอด้วยซ้ำ!”

    ไนน์ทีนไนท์ตะคอกใส่ หน้าตาสวยหมดจดปานประหนึ่งเทพบุตรฉายความโกรธอย่างที่สุด

    หึๆๆ... ฮ่าๆๆ... ถึงแกจะไม่ตาย แต่คู่หูของแกก็ไม่รอดหรอก อีกเดี๋ยวแกก็เก็บศพมันไปด้วยละกัน ฮ่าๆๆๆ...”

    พอพูดจบ ร่างของเจสันตัวปลอมก็สั่นกระตุก เพียงแค่แป๊บเดียวน้ำลายก็ผุดฟองฟอดออกมาจากปาก แล้วร่างนั้นก็กลายกลับเป็นตุ๊กตาที่หน้าตาเหมือนเจสันทุกอย่าง

    ฮึ ขยะ!” ดวงตาสีม่วงเปี่ยมพลังเวทมนตร์ของไนน์ทีนไนท์จดจ้องเจ้าตุ๊กตานิ่งนานแล้วไฟก็ลุกท่วมร่างตุ๊กตาตัวนั้นจนมอดไหม้ไปภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

    เถ้าถ่านของตุ๊กตายังคงพาให้เขานึกถึงเหตุการณ์น่าสะอิดสะเอียนเมื่อครู่ แต่ความโกรธเกรี้ยวในใจของเขากลับเป็นภูมิคุ้มกันให้เขาทนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

    ไนน์ทีนไนท์กำหมัดเดือดแค้น เลือดในตัวพลุ่งพล่านรวดเร็ว ดวงตาสีม่วงคู่นั้นฉายความเคืองขุ่นขึ้นทันที

    จู่ๆ สร้อยดวงตาสวรรค์ซึ่งทำจากไม้โบราณแบบเดียวกับหินทิเบตตรงข้อมือของเขาก็เรืองแสงสีทองอร่าม ไนน์ทีนไนท์ก้มลงมองและลูบมันเบาๆ พลางฝืนยิ้มละมุน ฉันรู้ ฉันจะไม่ใช้พร่ำเพรื่อหรอก...เชื่อฉันสิ...”

    ไนน์ทีนไนท์พูดแปลกๆ กับสร้อยดวงตาสวรรค์ และก็เหมือนมันจะเข้าใจคำพูดของเขาเสียด้วยจึงได้ลดประกายแสงสีทองลงจนหมดไป

    เด็กดี ไนน์ทีนไนท์เห็นแล้วก็ยิ้ม

    แต่แล้วเสียงสะอื้นก็ดังขึ้นมาเรียกความสนใจของเขาไป เขาเงี่ยหูฟังเพื่อหาต้นเสียงทันที

    ไนน์ทีนไนท์เดินห่างออกไปจากบริเวณที่เต็มไปด้วยซากศพเน่าเหม็นจนมาถึงมุมวังเวงด้านหนึ่งของห้องใต้ดิน เขาผลักประตูบานใหญ่ที่ซ่อนอยู่ออกช้าๆ

    เด็กสาวคนหนึ่งมีร่างกายเพียงแค่ครึ่งท่อนบนกำลังร้องไห้พลางตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น สองขาที่ชุ่มโชกเลือดของเธอเชื่อมติดกับตุ๊กตาตัวหนึ่งบนเตียงผ่าตัด ตัวของเธอเองเหลือเพียงแค่บั้นเอวกับแขนที่ไว้คอยหยิบจับ

    เด็กสาวหน้าเปื้อนน้ำตาพยายามไขว่คว้าขาของไนน์ทีนไนท์ เธอจับดึงกางเกงของเขาไว้พลางอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา ขอขาให้หนูได้ไหม หนูลองมาหลายครั้งแล้ว แต่ขาตัวเองขนาดไม่ตรงกับตุ๊กตาเลย ตุ๊กตาน่าสงสารเหลือเกิน ถ้าไม่มีขาก็เดินไม่ได้...”

    เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เนื้อตัวส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งรบกวนไนน์ทีนไนท์จนสุดจะทน เขากวาดตามองไปรอบห้อง ภายในนี้มีร่างมนุษย์ที่ถูกชำแหละหลายต่อหลายร่าง มีตุ๊กตา SD ไร้ชีวิตอีกหลายตัว และมีถุงขยะสีดำที่ใส่สิ่งของบางอย่างอยู่ข้างๆ อีกหลายห่อ ที่ด้านบนนั้นยังมีศพที่ถูกจับขดยัดไว้อีกหลายศพ

    บนพื้นมีเศษชิ้นส่วนกระจัดกระจาย กะโหลกมนุษย์เกลื่อนกลาด บนผนังแขวนห้อยพวกเครื่องในอวัยวะ รวมถึงนิ้วมือที่ถูกตัดออกมาร้อยเป็นเครื่องประดับให้ตุ๊กตา

    กระดาษใบหนึ่งถูกมีดปักไว้บนผนัง บนกระดาษนั้นเขียนรายชื่อเรียงเบียดกันแน่น ชื่อส่วนใหญ่ถูกขีดฆ่าไปแล้ว มีเพียงสามชื่อสุดท้ายในนั้นที่ยังเห็นรอยปากกาดำชัดเจน ชื่อเหล่านั้นก็คือ...หลินอี้ฉวน หวงฝู่เจวี๋ยเซิง และไนน์ทีนไนท์

    ทำไมเด็กคนนี้ถึงรู้จักชื่อเขากับเจสันล่ะ

    ที่จริงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ก็แปลกเกินไปอยู่แล้ว!

    เด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งสามารถก่อคดีอาชญากรรมที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ขึ้นมาได้ ถ้าหากไม่มีใครบงการอยู่เบื้องหลังเลยก็เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเกินไปแล้วล่ะ

    ตุ๊กตา...ตุ๊กตาของฉันต้องมีของแต่งตัว ถ้าคุณให้ดวงตาฉันได้ ฉันจะแต่งตุ๊กตาให้สวยเลย...จริงๆ นะ ฉันแต่งตัวตุ๊กตาเก่งมากๆ เลย!”

    ไนน์ทีนไนท์มองดูเธออย่างนิ่งสงบก่อนจะส่งยิ้มน่าหลงใหลให้กับเธอ เธอจะแล่ลูกตาฉันออกเป็นแผ่นบางๆ แล้วเอามาทำเป็นผมให้ตุ๊กตาเหรอ

    ไม่ใช่ คุณไม่เหมือนกับคนที่ชอบรังแกฉัน คุณงดงามสดใส เสียงไพเราะอ่อนโยน หัวใจของคุณก็เต้นหนักแน่นแข็งแรง เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะเอาตาของฉันแลกกับของคุณ ยุติธรรมดีนะ มา! ฉันควักให้เดี๋ยวนี้เลย!”

    เด็กสาวควักลูกตาทั้งสองข้างของตัวเองอย่างไม่ลังเล เสียงร้องโหยหวนของเธอช่างเหมือนกับบทเพลงของปีศาจ ความน่ากลัวสยดสยองนั้นทำให้ไนน์ทีนไนท์เจ็บแปลบข้างใน

    คุณดูสิ ฉันควักออกมาแล้ว! หึๆๆ คุณก็รีบควักออกมาแลกกันสิเด็กสาวประคองลูกตาของตัวเองยื่นส่งให้ไนน์ทีนไนท์ เธอยังหัวเราะออกมาได้ ไม่มีความเจ็บปวดหรือความหวาดกลัวตายเลยแม้แต่น้อย

    ฮ่วนเอ๋อร์ ไนน์ทีนไนท์ย่อตัวลงลูบหัวเด็กสาวอย่างแผ่วเบา ตุ๊กตาของเธอออกไปทำร้ายคนที่เขาไม่เกี่ยวข้องไปทั่วแล้ว มันผิดไปจากที่เธอคิดไว้มากเลยนะ

    อะไรนะ เป็นไปได้ยังไง ฉัน...ฉันแค่อยากฆ่าเจ้าพวกที่ชอบแกล้งฉันนะ ทำไมถึง...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ!?” เจียงฮ่วนเอ๋อร์โวยวายด้วยกำลังที่อ่อนล้า ปิดหน้าที่เกรอะเลือดของตัวเองพลางร้องไห้

    ฮ่วนเอ๋อร์ ฆ่าใครก็ไม่ถูกทั้งนั้นแหละ ต่อให้เธอตายไปก็ต้องตกนรก ต้องฝันร้ายไม่จบไม่สิ้น ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด...”

    ไม่...ไม่จริง! ผู้ชายคนนั้นบอกว่า ถ้าฉันซื้อตุ๊กตาของเขาแล้ว ความปรารถนาของฉันจะเป็นจริง...” จากที่เศร้าโศก เจียงฮ่วนเอ๋อร์ก็กลับเกรี้ยวกราดขึ้นมา

    ผู้ชายคนนั้น ใครเหรอ เขาขายตุ๊กตาอยู่ที่ไหน!?” ไนน์ทีนไนท์เขย่าตัวเจียงฮ่วนเอ๋อร์หวังจะคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอให้ได้

    ไม่...ฉันบอกไม่ได้! เขาจะฆ่าฉัน ถ้าบอกเขาจะฆ่าฉัน!” เจียงฮ่วนเอ๋อร์ปิดหน้าปิดตาท่าทางหวาดกลัวราวกับเห็นอะไรบางอย่างกำลังจู่โจมเข้ามา

    เธอต้องบอกนะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนเดือดร้อนเพราะเธอมากกว่าเดิม!”

    ฉัน...อ๊ายยย...”

    เจียงฮ่วนเอ๋อร์!?”

    เด็กสาวปล่อยลูกตาคู่นั้นลงทันที มันจ้องมองไนน์ทีนไนท์ด้วยแววโกรธแค้นชิงชัง ส่วนเจียงฮ่วนเอ๋อร์ชักกระตุกสองสามทีแล้วก็แข็งทื่อแน่นิ่งลงกับพื้นไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลย...

    โดนยาพิษนี่...บ้าเอ๊ย นี่มัน...”

    ฉับพลันนั้นในหัวของไนน์ทีนไนท์ก็แวบภาพหนีตายของเจสันขึ้นมาทันใด

    อีกคนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายที่เขาไม่รู้จัก แต่ก็มั่นใจว่าจะต้องชื่อหลินอี้ฉวนเหมือนที่เขียนไว้บนกระดาษลึกลับนั้น เด็กคนนั้นกำลังชูกริชวิ่งไล่เจสันอยู่

    ท่าทางโหดเหี้ยมบ้าคลั่งของหลินอี้ฉวนนั้น ไม่ใช่ภาพแปลกใหม่สำหรับไนน์ทีนไนท์ มันไม่ต่างจากซาตานที่เขาเคยเห็นเลยแม้แต่น้อย

    เลือดของเจสันไหลหยดลงพื้นขณะวิ่งหนีการไล่ล่าไม่หยุด สภาพของเจสันตอนนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกเสียแล้ว

    ทว่าไนน์ทีนไนท์ก็ไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนใดๆ เขาแตะร่างของเจียงฮ่วนเอ๋อร์และกล่าวถ้อยคำอย่างสงบ “...จงไปสู่สุคติเถิดเหล่าวิญญาณสัมภเวสีทั้งหลาย...ข้าในนามของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงขอส่งวิญญาณของผู้ตายไปสู่สุคติทุกดวงเทอญ...”

    ผืนดินที่เงียบสงัดค่อยๆ ปรากฏดวงจิตสีขาวจำนวนมากผุดลอยขึ้นมา พวกเขาโอบล้อมรอบตัวของไนน์ทีนไนท์แล้วๆ หายไปทีละดวงๆ จนหมด...

    มุมปากของไนน์ทีนไนท์ระบายยิ้มเศร้า ในใจยังต้องทนแบกรับความระทมทุกข์ แต่ถึงจะอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะถอยหลัง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×